grabbike เค้าว่าเป็นแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม!!??

พอดีวันนี้ผมได้ดูข่าวเกี่ยวกับ grabbike โดนปิดกิจการ โดยขนส่ง.....
โดนปิดเนื่องจาก ฝ่าฝืนกฎหมายเอารถป้ายดำหรือรถส่วนบุคคลมาวิ่ง ซึ่งจริงๆต้องเป็นรถสาธารณะป้ายเหลือง
และให้เหตุผลว่า หากให้ดำเนินกิจการต่อ จะเป็นการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม......

พอดูเสร็จ  คำเดียวเลยครับ  งงมากกกกกกกกกกก
โดยส่วนตัวนะครับ ผมมานั่งคิดถึงข้อดีหลักๆ ของ grabbike ทีละข้อ

ด้านประชาชน
1.เรื่องความสะดวกต่อผู้โดยสาร เพราะเรียกให้มารับถึงที่ได้เลย
2.เรื่องราคา เรารู้ราคาแน่นอนว่าเท่าไร
3.เรื่องเวลา เพราะเราจะกำหนดเวลาในการเรียกรถสาธรณะได้อย่างแม่นยำ
4.เรื่องความปลอดภัย  จากที่รู้ทางบริษัทจะมีการเช็คประวัติคนขับทุกคน รวมถึงผู้โดยสารจะเห็นทั้งเลขทะเบียน ชื่อนามสกุล หน้าตาคนขับ ก่อนที่จะใช้บริการ

ด้านคนขับ   จากที่รู้ grabbike เปิดให้คนเข้าสมัครได้เลยโดยเปิดให้อบรมกฎระเบียบต่างๆ
1.เพิ่มรายได้ให้คนหาเช้ากินค่ำ  เพราะโดยส่วนมากจะเป็นพนักงานประจำ ซึ่งนอกเหนือเวลาทำงาน
อยากหารายได้เพิ่มเพื่อสู้กับค่าครองชีพที่สูงขึ้น ก็จะมาขับ grabbike เพื่อรายได้เสริม
2.เพิ่มช่องทางเลือกให้ผู้โดยสารมากยิ่งขึ้น
3.ยกระบบขนส่งสาธารณะให้มีการพัฒนาที่ดีมากยิ่งขึ้น

ส่วนเหตุผลที่ปิดของขนส่งนั้นผมเข้าใจครับว่ามันผิดกฏหมายขนส่งสาธรณะ  แต่แทนที่เราจะปิดบริษัท ทำไมเราไม่หาทางออกที่มันดีกว่านี้
เพราะการที่มี grabbike  ทำให้ประชาชนมีตัวเลือกมากยิ่งขึ้น  ทำให้ขนส่งเก่าๆที่มีอยู่เดิมอยากจะพัฒนาให้ดียิ่งขึ้นเพื่อแข่งขันกันได้
แต่ขนส่งเลือกที่จะปิดเค้าดื้อๆเลย  
ทำให้ประชาชนที่ต้องใช้บริการรถสาธารณะ กลับเข้าสู่วังวนเดิมๆ  คือรอพี่วิน!!!  

บางคนเช้าๆจะไปทำงาน ต้องต่อรถหลายต่อ ไม่พอ ต้องไปต่อคิวรอวินมอไซอีก แล้วพอมาถึง พี่แกวิ่งซะไม่กลัวเป็นผี เพราะต้องทำรอบ  ให้ทำไงละ ก็ไม่มีทางเลือกนี่นา จะเดิน ก็เกรงว่าจะละลายไปกับพื้นเพราะอากาศ

บางคนเช้าๆจะเรียกพี่วินไปเลย ก็หายาก ที่มีก็ไม่ไป (เพราะช่วงเวลาเร่งด่วน วินมอไซจะรับวิ่งใกล้ๆ ทำรอบเอามากกว่ารับวิ่งไกลๆ) จึงต้องไปต่อรถหลายๆต่อหรือไม่ก็taxi  ซึ่งก็รู้ๆกันอยู่ taxiไทย รักการส่งรถกับปั๊มแก๊ซขนาดไหน แต่จะทำไงได้ละ เราต้องง้อtaxi อยู่แล้ว ไม่ว่าเค้าจะปฎิเสธเรามากี่ครั้งก็ตาม ก็เราไม่มีทางเลือกนี่นา

บางคนกลางวันร้อนๆ ใช้บริการพี่วิน ขับรถโอเค ราคาโอเค  แต่ปัญหาคือสภาพหมวกกับกลิ่นตัวพี่แรงได้ใจ  หนักๆหน่อยมีแถมสักยันต์ทั้งตัว เขียวทมิฬมาเลย

บางคนเย็นๆรถติดๆ จะต่อรถก็ไม่ทัน จะtaxi ก็ไม่ไป เลยต้องพึ่งพี่วิน   เอ้า เวรกำ วินไม่มีรถเพราะออกวิ่งหมด เลยต้องโบกเรียกข้างถนน  จอดปัปโดนโก่งราคาหัวโตทันที แต่ไม่มีทางเลือก ไปก็ไปว่ะ

บางคนค่ำๆหน่อย จะไปธุระใกล้ๆ เรียกวินใกล้ๆเจ้าประจำ  โอ้โห พี่แก ตั้งวงคนละกระป๋อง  โอเคครับ ไม่เมา ไม่เกินกฏหมายกำหนด แต่ทำไมเราต้องไปฝากชีวิตไว้ด้วย  อ้อ เพราะไม่มีทางเลือกนี่เอง

นี้เป็นเพียงปัญหาเพียงส่วนนึงที่ผู้โดยสารพบเจอ แต่ไม่เคยใส่ใจ  เพราะจะใส่ใจไปทำไมล่ะ ในเมื่อมีตัวเลือกอยู่อย่างเดียว

ซึ่งจุดนี้ผมมองว่าถ้าเรามีอะไรก็ได้ ที่มาบริการเหมือนกันแต่คุณภาพดีกว่า  สิ่งที่ได้แน่ๆคือ ประชาชน  
หนึ่งเลยเรื่องคุณภาพ  เราเลือกเองได้เลย อยากนั่งแบบไหน  
สองก็เรื่องพัฒนาขนส่ง ทำให้พี่ๆวินทั้งหลายมีการพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น ไม่ใช่เรียกแต่จะขึ้นราคาตามน้ำมัน แต่คุณภาพไม่ขึ้นตามราคา

แล้วคำว่าการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม  คุณมองด้านไหนครับ???
ผมว่าถ้าในโลกธุรกิจ ไม่มีการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม ปลาใหญ่กินปลาเล็ก ปลาที่แข็งแรงกว่าว่ายน้ำได้ไกลกว่า มันเป็นสัจธรรม
ถ้าไม่เป็นธรรมเพียงเพราะ มีแอพให้ลูกค้า มีราคาที่ถูกกว่า มีนู้นนี่นั้น  ก็ทำไมไม่พัฒนาขนส่งที่มีอยู่ให้ขึ้นมาสู้ได้ละครับ
คุณเล่นปิดไปยังงี้ อีก 5 ปีขนส่งที่มีอยู่ก็จะเป็นอย่างนี้เหมือนเดิม จะพัฒนาทำไม ในเมื่อไม่มีคู่แข่ง

สุดท้ายคนที่รับเคราะห์ก็คือประชาชนที่ไม่มีสิทธิไม่มีเสียง ก้มหน้าทำงานหาเงินงกๆ เพื่อสู้กับค่าครองชีพที่สูงเอาๆ จะหาทางประหยัด จะหาทางมีรายได้เพิ่ม ก็ไม่ได้

ประเทศไทย ที่คันก็ไม่เกา ที่เกาก็ไม่คัน

*กระทู้นี้เป็นมุมองความคิดเห็นส่วนตัวของผม ซึ่งไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรกับทุกฝ่ายที่กล่าวถึง

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่