แมวปิฬาร์....กับคุณยายแม่มด

กระทู้สนทนา
เรื่องแมวๆ   เขียนโดยคนรักแมว  
==========================
แมวปิฬาร์......กับคุณยายแม่มด
==========================


             เมืองเล็ก ๆ แห่งนี้มีแม่มด

            จะจริงหรือไม่จริง อย่างน้อยแมวปิฬาร์ก็ได้ยินคนพูดกันอย่างนั้น พร้อมข่าวลือต่างๆ นานา ส่วนใหญ่จะออกไปทางน่ากลัว

             หญิงชราวัยเกือบแปดสิบปีคนดังกล่าวอาศัยอยู่ในบ้านชั้นเดียวหลังเก่า ๆ ตามลำพัง บ้านหลังเล็กของคุณยายห่างไกลออกมาจากแหล่งชุมชนพอสมควร ตั้งแต่ช่วงบ่ายจนถึงตอนเย็น หญิงชราท่าทางน่ากลัวผู้นี้ จะมานั่งเก้าอี้โยกหน้าบ้านเป็นประจำ นั่งโยกไปมาเสียงดังเอี๊ยดอ๊าด..สายตาจ้องมองไปทางประตูรั้วเหมือนรอคอยใครสักคนและเงียบงันอยู่อย่างนั้น จนกระทั่งดวงตะวันเริ่มแตะขอบฟ้า แกจึงจะลุกขึ้น เดินออกจากบ้านไปทำภาระหน้าที่บางอย่าง    แมวปิฬาร์รู้จักหญิงชราคนนี้ครั้งแรกเมื่อสัปดาห์ก่อน ในฐานะของแมวหลงทาง โดดเดี่ยว หิวโหยและเดียวดาย ต้องหากินตามถังขยะ เปลี่ยนจากตอนยังไม่หลงทางการตื่นขึ้นมามีอาหารการกินเหลือเฟือที่หนูแจ๋วหามาให้  แต่ตอนนี้การได้อาหารมาสักชิ้นเป็นเรื่องยากและมีคุณค่าเหลือเกิน สิ่งของที่ได้มาอย่างลำบากยากเย็นมีคุณค่าเช่นนี้เอง

             เย็นวันนั้น ขณะแมวสาวอยู่ในถังขยะใบใหญ่ กำลังจะคาบหัวปลาทูค้างคืนอยู่พอดี หญิงชราก็ชะโงกหน้ามาดูด้วยสีหน้าท่าทางน่ากลัว กระตุกประสาทเต็มที่จนทำเอาแมวปิฬาร์เกือบไข้ขึ้นด้วยความตกใจ ตะกายออกมาจากถังขยะอย่างไม่คิดชีวิต ส่วนหญิงชราควานมือไปมาพักใหญ่จนได้กระดูกติดเศษเนื้อชิ้นหนึ่งออกไปจากถังขยะแล้วจึงเดินจากไปอย่างเงียบงัน และยังหันมามองด้วยสายตาน่ากลัว

            คนอะไรมาแย่งแมวกิน   หรือคิดจะจับเราเป็นอาหาร..

            หรือบางทีแกอาจจะคอยจับหมาแมวกินเป็นอาหารเย็นก็เป็นไปได้

            เตร็ดเตร่อยู่ย่านนั้นหลายวัน เคยได้ยินเสียงผู้คนพูดถึงหญิงชราคนดังกล่าวในทางน่ากลัวเหลือเกิน บางคนบอกว่าแกเป็นแม่มด ในห้องครัวของแกมีหม้อต้มขนาดใหญ่ติดไฟอุ่นตลอดเวลา หลายคนยืนยันว่าเคยเห็นแกแบกศพหมาแมวที่ถูกทุบจนตาย เลือดเรี่ยราดเป็นทางอย่างน่าสยดสยองเข้าไปในบ้าน และจากการเก็บตัวเงียบคนเดียว การอยู่อย่างสันโดษทำให้ภาพพจน์ออกมาดูใกล้พวกแม่มดหมอผีเข้าไปทุกที

             บางทียังมีคนบอกว่าได้ยินเสียงร้องโหยหวนออกมาจากบ้านหลังนั้น  รวมทั้งการเห็นแกถือมีดเปื้อนเลือด เดินไปมาอยู่ในบริเวณหลังบ้าน   แต่ที่ทำให้น่ากลัวเป็นพิเศษคือกองไม้เก่า ๆ เป็นแหล่งพักพิงพักอาศัยของแมวปิฬาร์ อยู่ห่างจากบ้านคุณยายคนนั้นไม่มากนัก หมาเมืองนี้ส่วนใหญ่เป็นพันธุ์กินแมว ต่างจับจองอาณาเขตพื้นที่ในย่านชุมชนคนเจริญจนหมด เหลือเพียงบริเวณชานเมืองเท่านั้นที่ดูปลอดภัย เด็กๆ ก็ไม่กล้ามาเพราะกลัวคุณยายจะจับไปกินตับ

              สายตาคุณยายสยองเวลาจ้องมองแมวปิฬาร์ครั้งใดดูน่ากลัวพิลึก ท่าทางเหมือนจะจับไปโยนลงในหม้อตุ๋นเนื้ออย่างนั้นล่ะ มีหลายครั้งรู้สึกว่าหญิงชราพยายามจะจับตัว แต่แมวปิฬาร์อาศัยความว่องไวเผ่นหนีไปได้ทุกครั้ง

              ฝนตกหนัก ความมืดมาเยือนไม่นาน ฝนกระหน่ำลงมาแบบต่อเนื่องไม่ยอมหยุด กองไม้ที่แมวหลงทางอาศัยอยู่สามารถบังลมบังแสงแดดได้ แต่น้ำฝนเป็นสิ่งเหลือบ่ากว่าแรงจะรับมือไหว น้ำฝนซึมผ่านมาตามร่องไม้และรอยแยกจนเปียกโชกไปหมด แม้ว่าจะขดตัวถอยลึกเข้าไปในกองไม้ แต่ดูเหมือนฝนและความหนาวเย็นยังตามมาราวีไม่หยุดยั้ง หนาวจนสั่นและกำลังจะหยุดสั่นเพราะสั่นไม่ไหว รู้สึกเหมือนร่างกายผนึกแข็งชาค้าง หรือเราจะตายอยู่โดดเดี่ยวกลายเป็นวิญญาณแมวสิ่งสู่อยู่แถวนี้นะ แมวสาวหลงทางคิดในใจอย่างอ่อนล้า

              พลันมีเสียงโครมครามปนมากับเสียงฝนกระหน่ำ กองไม้ถูกรื้อออก สิ่งปรากฏอยู่เบื้องบนคือเงาดำทะมึนใต้ร่มกันฝนคร่ำคร่า    จากประกายสายฟ้าแลบ และเสียงคำรนคำรามของพายุ แสงสว่างวาบกระชั้นสั้น ทำให้เห็นว่าเป็นหญิงชราคนนั้นนั่นเอง เศษไม้ดูใหญ่โตกับความรู้สึกของแมวปิฬาร์ แต่กับหญิงชรามันเป็นเพียงเศษไม้ไม่เหลือกำลังในการใช้มือเพียงข้างเดียวรื้อออก และมือข้างเดียวกันนั่นก็คว้าคอแมวสาวขึ้นมาเพราะไม่รู้จะหนีไปทางไหน

              ตายแน่….เมี๊ยว....!

              ดิ้นกระแด่วๆอย่างไร้พิษสง ก็หนาวจนจะตัวแข็งตายอยู่แล้ว หิวก็หิวจนหมดแรง เพราะทั้งวันหาอาหารไม่ได้เลย สายตาของหญิงชราฉายแววแห่งความพอใจและชัยชนะขณะลากแมวหลงทางเข้าไปในบ้านแบบไร้ทางหนี

              ตายจริงแท้แน่นอน... แมวปิฬาร์คิดในใจ  เหนื่อยเกินกว่าจะดิ้นรนต่อสู้เพื่อความอยู่รอด เอาล่ะ... อย่างน้อยก็ยังดี เป็นการตายไม่สูญเปล่า เนื้อหนังของเรายังสามารถทำประโยชน์เป็นอาหารให้กับหญิงชราคนนี้ได้ วินาทีแห่งความเป็นตาย ทำให้คิดอย่างนั้นจริงๆ ไม่ใช่การเสียสละ ไม่ใช่การเป็นนักบุญ เพียงแต่เป็นสำนึกของแมวที่ปลงตกแล้ว และแน่นอนว่าเป็นสำนึกที่หลุดออกมาจากความรู้สึกแท้จริง

              ในบ้านหญิงชราไม่มีอะไรมากไปกว่าตู้ ชั้นวางของเก่าแก่ เบาะรองนั่งเก่าพอกับตัวบ้านและเจ้าของ ตะเกียงโบราณดวงหนึ่งกำลังส่องแสงวับแวมื  หญิงชราวางแมวหลงทางลงบนผ้าห่ม หาผ้ามาเช็ดตัวให้จนขนแห้งหมาดแล้วห่อตัวไว้เป็นอย่างดีและเรียบร้อย  ราวเป็นทารกน้อยในผ้าอ้อม แมวปิฬาร์ทำตาปริบอย่างไม่แน่ใจ ไม่คิดว่าหญิงชราจะกลายเป็นคนใจดีได้

              แสงตะเกียงสะบัดเปลววูบวาบ แสงเงากระทบใบหน้าดูน่าเกลียดน่ากลัวและเหี่ยวย่นไปตามวัย แต่เวลานี้รู้สึกใบหน้าคุณยายไม่น่ากลัวอย่างที่รู้สึกในตอนแรก เบื้องหลังของความน่าเกลียดน่ากลัวคือความอ่อนโยนและเต็มไปด้วยความเมตตา

              “หิวแย่ล่ะสิ...”   หญิงชราพูดขึ้นหลังจากนั่งดูผลงานตัวเองอย่างพอใจ พลางใช้ผ้าอีกผืนหนึ่งเช็ดศีรษะและเนื้อตัวของแกเองที่เปียกจนชุ่มโชก เพราะร่มคันเล็กไม่สามารถกั้นลมฝนอันรุนแรง ตอนเข้าไปช่วยแมวหลงทางออกมาจากกองไม้ได้ จะมีคนสักกี่คนเป็นห่วงหมาแมวจนเดินในคืนพายุฝนกระหน่ำเพื่อช่วยหมาแมวอย่างคุณยาย

              “เมี๊ยว...”   แมวปิฬาร์ร้องขานรับ ก็หิวจริงๆ นี่นา ไม่ได้โกหก แมวโกหกไม่เป็น

              หญิงชราลูบหัวแมวหลงทางเหมือนจะปลอบใจอยู่ครู่หนึ่ง จึงเดินเข้าไปในห้องครัวอยู่ด้านหลัง สักพักใหญ่ก็ถือชามเนื้อตุ๋นออกมา กลิ่นของมันหอมหวนชวนกินเหลือเกินแม้ว่าจะเป็นเพียงเนื้อตุ๋นที่ทำมาจากเศษเนื้อเศษกระดูกเก็บมาจากถังขยะก็ตาม    หญิงชราอุ้มแมวสาวลงมาบนพื้น ประคองให้กินเนื้อตุ๋นอย่างหิวกระหาย อาหารยามยากในอร่อยมากกว่าอาหารจากภัตตาคารแสนหรูที่คุณนายใจดีพาไปกินบ่อย ๆ เสียอีก

              “เจ้าน่ะเหมือนแมวของยายที่ตายไปแล้วเมื่อหลายปี”   หญิงชราพูดไปเรื่อย ๆ ไม่สนใจว่าแมวสาวหลงทางจะฟังรู้เรื่องหรือไม่

              “ตายไปในเวลาใกล้ ๆ กับคุณตาของยายจากไปนั่นล่ะ คนที่ยายรักจากยายไปหมดแล้ว เหลือยายตัวคนเดียวนี่ล่ะ...เงินทองก็ร่อยหรอลงจนเกือบหมด สุดท้ายเลยต้องหากินกับกองขยะแข่งกับหมาแมว แต่อย่างน้อยยายก็มีบ้านอยู่ล่ะนะ ยายกับคุณตาช่วยกันสร้างมันขึ้นมานานแล้ว”

              น้ำเสียงตอนท้ายมีแววภูมิใจเมื่อนึกถึงความทรงจำงดงาม แมวสาวฟังแล้วเพิ่งเข้าใจ ชีวิตพวกมนุษย์บางทีก็แปลกดีเหมือนกัน เพราะความที่ไม่ไปยุ่งกับใคร หรือบางทีคุณยายอาจไม่อยากไปขอใครกิน เลยเลือกดำรงชีวิตอยู่แบบนี้

              และคืนนั้นเป็นคืนแรกที่แมวหลงทางนอนหลับอย่างมีความสุขตั้งแต่มาอยู่เมืองนี้  ในห้องนอนเก่า ๆ แต่สามารถกางกั้นลมฝนและความหนาวเย็น อบอุ่นหลับสบายไร้กังวล

             แมวสาวคิดว่าตัวเองเป็นแมวตื่นเช้าที่สุดแล้ว แต่ก็พบว่าคุณยายตื่นเช้ากว่า เสียงกุกกักอยู่ในห้องครัว ปิฬาร์ลุกขึ้นหาวสามครั้ง บิดตัวไปมาให้หายเมื่อยขบแล้วเดินไปดู    คุณยายกำลังง่วนอยู่กับหม้อต้มซุป ส่งกลิ่นหอมหวนชวนกิน แกใช้มีดทำครัวเฉือนเศษเนื้อออกจากเศษกระดูกที่เก็บมาจากถังขยะใส่ลงไปในหม้อ เศษกระดูกพวกนั้นดูเหมือนเหลือมาจากภายในครัวของร้านอาหารที่ไหนสักแห่ง แม้ว่าจะมีเนื้อติดอยู่น้อยแต่ถ้าค่อย ๆ แล่หั่นอย่างบรรจงระมัดระวัง ก็จะสามารถเฉือนเศษเนื้อ เส้นเอ็นหลงเหลือออกมาได้มากพอสมควร

             “อรุณสวัสดิ์จ้า “  หญิงชรายิ้มทักทาย ใบหน้าดูไม่น่ากลัวอย่างครั้งแรกที่ได้เห็นได้ยินได้ฟังอีกต่อไป

             “เช้าวานนี้มีอาหารจานพิเศษ ยายทำให้เธอโดยเฉพาะเลยนะ ข้าวร้อน ๆ นุ่มๆ เพิ่งหุงกับต้มเนื้อ รับรองอร่อยแน่เลยเช้านี้ อืมม์... ชื่ออะไรนะ แต่ก็ช่างเถอะ เรียกเจ้าเหมียวไปก่อนก็แล้วกัน ก็ร้องเหมียว ๆ นี่.อ้อ เดี๋ยวจะย่างเนื้อให้สักชิ้น บังเอิญยายไปได้เนื้อชิ้นใหญ่มาด้วย”

             เนื้อจวนเน่าถูกเมินมองจากคนทั่วไป ถูกนำมาล้างอย่างสะอาด โรยเกลือเล็กน้อย ปิ้งย่างบนเตาถ่าน ส่งกลิ่นหอมเหลือเกิน    คุณยายตั้งโต๊ะ จัดอาหารสองที่ อุ้มแมวปิฬาร์ขึ้นไปนั่งกินบนโต๊ะอย่างแขกผู้มีเกียรติ และแมวปิฬาร์เองรักษามรรยาทในการกินของแมวเอาไว้อย่างดี ไม่กินมูมมาม เพราะเป็นแมวได้รับการอบรมสั่งสอนมาดี นั่งกินอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยน่ารัก หญิงชรามองอย่างพอใจ

             “กินเสร็จแล้ว เราต้องอยู่คนเดียวนะ ยายจะไปหาอะไรต่อมิอะไรที่ชาวบ้านเขาทิ้ง ๆ กันรวบรวมของพอจะขายได้ไปขายร้านรับซื้อของเก่า”

             คุณยายบอก ฟังดูแล้วลำเค็ญเข็ญใจจริงๆ แต่สีหน้าท่าทางคุณยายกลับไม่วิตกทุกข์ร้อนอะไรเลย กับรถซาเล้งเก่าๆ คันหนึ่งก็พอจะหารายได้เล็กๆน้อยๆมาประทังชีวิต   แมวปิฬาร์พยายามร้องขอตามออกไปด้วย แต่หญิงชราไม่ยอม บอกว่าข้างนอกเต็มไปด้วยหมาตัวโตและแสนดุ บางทีอาจจะกินแมวเป็นอาหารว่างได้ แมวสาวร้องเสียงระห้อย แต่สุดท้ายก็เป็นแมวไม่ดื้อ กลับไปในบ้านตามเดิม

             เวลาส่วนใหญ่ของชีวิตแมวคือการนอน ปิฬาร์เองก็ไม่ต่างไปจากนั้น สามารถประยุกต์พื้นที่บริเวณในตัวบ้านเป็นที่นอนได้แทบทุกแห่ง นั่ง ๆ นอน ๆ อยู่ในบ้าน หิวก็กินอาหารยามยาก คุณยายเตรียมไว้ให้แล้วอย่างเหลือเฟือ ว่างก็เดินสำรวจไปทั่วบ้าน ซึ่งก็ไม่มีอะไรน่าสนใจและเป็นของที่มีค่า ดังนั้นประตูหน้าต่างจึงเปิดทิ้งไว้อย่างสบายใจ ไม่ต้องกลัวโจรขโมยที่ไหนมาขโมย เพราะไม่รู้จะขโมยอะไรนอกจากจะขโมยความยากไร้

             ในห้องนอนแคบ ๆ ของหญิงชรา กับเตียงเก่าๆ สิ่งมีค่าที่สุดดูเหมือนจะเป็นภาพถ่ายขนาดโปสการ์ดซึ่งมีรูปของหนุ่มสาวคู่หนึ่ง แม้ว่าจะผ่านกาลเวลามาเนิ่นนานจนซีด แต่ก็ถูกเก็บไว้ในกรอบกระจกอย่างดี   แมวปิฬาร์พอจะเดาได้ว่าหญิงสาวในภาพ น่าจะเป็นหญิงชราในปัจจุบันนี่เอง ตอนยังสาว คุณยายดูสวย แทบไม่น่าเชื่อว่าความสวยจะถูกกระชากพรากไปด้วยความโหดร้ายของกาลเวลา ชายหนุ่มสุดหล่อคนยืนข้างๆ คงเป็นคุณตา คนรักของยายผู้จากไปอย่างไม่มีวันกลับ

             อย่างไรก็ตาม กาลเวลาเพียงแค่สามารถขโมยรูปลักษณ์รูปธรรมภายนอกไปได้เท่านั้นไม่สามารถขโมยและแก่งแย่งความรักความคำนึงความคิดถึง ของคนผู้มีจิตใจแน่วแน่ต่อความรัก และความประทับใจได้นอกจากความตายจะมาเยือน

              ลูกสาวลูกชายหายไปไหนนะ นอกจากภาพนี้ไม่มีอะไรอีกจะสามารถบ่งบอกถึงความเป็นมาของคุณยายแม่มดผู้ใจดี

             ช่วงบ่ายมาถึง เมฆฝนลมบนพัดมาจากท้องฟ้าทางทิศตะวันตก ทำให้อากาศมืดมิดลงเกินกว่าปกติ แมวสาวชะเง้อมองหน้าบ้านอย่างเป็นห่วง ทำไมคุณยายยังไม่กลับมา จะเป็นอะไรไปหรือเปล่า ถึงจะยังดูแข็งแรงแต่ด้วยวัยขนาดนั้น ก็พร้อมจะโค่นล้มเป็นไม้ใกล้ฝั่งลงสู่สายน้ำแห่งความตายอย่างรวดเร็วเช่นกัน

              ฟ้ามืดครึ้ม ฝนลงเม็ดหนักหน่วงเมื่อคุณยายกลับมาถึงบ้านพอดีกับรถซาเล้ง มาพร้อมกับสิ่งละอันพันละน้อยบนรถ ส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดของล้อซึ่งปราศจากน้ำมันหล่อลื่นมาเนิ่นนาน รถเก่าคันนี้ได้เก็บหมาแมวที่ถูกชนชนตายตามถนนอย่างไม่มีใครแยแส นำร่างสัตว์น่าสงสารเหล่านั้นไปกลบฝังไม่ได้เอามาต้มยำทำแกงอย่างข่าวลือ

             แมวปิฬาร์วิ่งออกไปต้อนรับถึงหน้าบ้านอย่างดีใจโดยไม่สนใจสายฝนกระหน่ำ คุณยายกลับมาแล้ว   ใบหน้าของคุณยายฉายแววเหน็ดเหนื่อย ตัวก็เปียกโชก



แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่