เรามีบ้านเช่ามาแล้ว 5 หลัง ขายออกไปหลังนึง ประสบการณ์มีทั้งดีและไม่ดี อยากเล่าให้ฟังเผื่อเป็นประโยชน์กับคนอื่นบ้างนะคะ
มันเริ่มจากเราซื้อบ้านต่อจากอาแถวพระราม 2 เมื่อ 19 ปีที่แล้วได้ เพราะอาเราจะย้ายไปอยู่ที่อื่นเค้าจึงขายต่อเรา ราคามันก็ตามท้องตลาดแหละ แถวพระราม 2 เมื่อ 19 ปีที่แล้วมันก็ยังเป็นป่ากกอยู่เลยค่ะ หน้าปากซอยจำได้เป็นที่ว่างๆ แม่เราไม่ชอบเลย แต่พ่อเราชอบเพราะเค้าอยากย้ายไปอยู่ใกล้พวกอาๆ ซึ่งถ้าเราซื้อไว้ พ่อเราคิดว่าซักวันนึงเราคงย้ายไป (อาเราย้ายไปก็อยู่แถวๆนั้นแหละ)
เราก็ซื้อต่ออาเรา 2 หลังติด แบบมีรั้วกั้น แยกโฉนดนะคะ ซื้อมาหลังละ 300,000 แล้วให้เช่าในราคาหลังละ 2,000 ก็คนเช่าก็คนแถวนั้นอีกแหละค่ะ เป็นญาติกัน (หมายถึงคนเช่านะคะ) เค้าก็ดีกับเรามากค่ะ เค้ารู้ว่าเราอยู่ไกล ไม่เคยเรียกเราเลย สิ้นเดือนก็โอนเงินให้ ประตูพัง หลังคาพัง เค้าก็ซ่อมกันเอง เค้าเช่าเรามาจนลูกเค้าเรียนจบแล้วย้ายออกไปมีครอบครัว แต่เค้าก็ยังเช่าเราอยู่เพราะ อยากใกล้ญาติ และ มีเพื่อนบ้าน ติดที่อยู่ว่างั้น จนตอนนี้เราให้เค้าเช่าอยู่ที่ 5,000 ไม่ขึ้นมาซัก7-8 ปีแล้วค่ะ พอจะขึ้นก็เกรงใจอีก เค้าดีกับเรามาก ประกอบกับเค้าก็อยู่กัน แค่สามีกับตัวเค้าทั้งสองหลัง ลูกๆก็ไปๆมาๆกันบ้าง เราก็เลยเหมือนมีญาติเพิ่ม งานศพแม่กับพ่อเราเค้าก็มาช่วย งานแต่งงานลูกเค้าเราก็ไป
ต่อมาเราก็มาซื้อบ้านที่สุขาภิบาล 3 กับ แจ้งวัฒนะค่ะ เป็นทาวเฮ้าส์ทั้งคู่ เพราะมาตรการรัฐ ปี 2552 เรื่องภาษีการจดจำนอง ประกอบกับ เงินกู้ประกันสังคมดอก 2.5 ด้วยเป็นแรงจูงใจ ก็เลยเอามัน 2 หลังเลย ทันค่าจดจำนองแต่ได้ สปส.แค่หลังเดียวคือแจ้งวัฒนะ แต่อีกหลังเราได้ที่ TMB
แล้วประสบการณ์อีกแง่มุมนึงก็เกิดกับเราค่ะ คือหลังสุขาภิบาล 3 หลังจากเราซื้อแล้วเจ้าของเก่าก็ขอเช่าต่อ แต่เช่าได้แค่ 6 เดือนได้เค้าก็ไปซื้อบ้านของเค้าค่ะ อ้อ หลังนี้เราซื้อมา 9.5 แสน เราให้เค้าเช่าที่ 4,500 ค่ะ หลังจากเจ้าของเก่าย้ายไปแล้ว เค้าก็แนะนำข้างบ้านให้มาเช่าบ้านเราต่อ เป็นครอบครัวใหญ่ ประกอบด้วย พี่สะใภ้ ลูกพี่สะใภ้ น้องเขยเค้า แล้วก็เมียและลูก มียายช่วยเลี้ยงหลานด้วย
2 ปีแรกผ่านไปดีมากๆๆ ค่ะ จ่ายตรง จ่ายก่อนด้วย แต่พอ ตัวน้องเขยเค้าไปมีภรรยาน้อย แล้วหนีตามภรรยาน้อยไป น้องสะใภ้เค้าก็เลยหอบลูกไปอยู่กับแม่เค้า ตอนนี้บ้านนี้ก็เลยเหลือแต่ พี่สะใภ้เค้ากับลูกชาย ตอนแรกเราถามเค้าว่าไหวไหม เพราะแต่ก่อนเค้าช่วยๆกัน พี่เค้าก็บอกว่าไหว เราก็เลยให้เค้าอยู่ต่อค่ะ ปีแรกก็ผ่านไปไม่มีอะไร จนมาพ่อเค้าป่วย เค้าก็เริ่มติดเงินเรา ต่อมาพ่อเค้าก็เสีย จนต่อมา แม่เค้าป่วย จนต่อมาแม่เค้าก็เสียอีก เค้าติดเงินเรามาตลอด จนเกือบจะ 30,000 แล้ว จนตอนนี้เค้าเป็นมะเร็งค่ะ เรื่องที่ผ่านๆมาเราไม่รู้ว่าเค้าพูดจริงหรือเท็จกับเรา แต่เรื่องเป็นมะเร็งเค้าเป็นจริงๆ
เราเลยจัดการขายบ้านค่ะ เราก็ไม่ไหวเหมือนกัน เราก็รอจนน้องลูกเค้าเรียนจบ จนเค้ามาต่อ ม.ราม เราประกาศขายบ้านโดยผ่านนายหน้า ไม่ถึงเดือนเราก็ขายได้ เราได้กำไรประมาณ 2 แสนได้ น้องเค้าก็ยอมย้ายออก เพราะแม่เค้าก็กลับไปต่างจังหวัด น้องเรียนรามก็ไปอยู่หอ จนตอนนี้น้องเค้าก็ยังผ่อนใช้เรานะคะ เป็นเด็กดีมากๆ คือเค้าบอกว่าถ้าเค้ามีเค้าก็จะใช้เราให้หมด เราไม่ต้องกลัว
บ้านที่แจ้งวัฒนะ เป็นอะไรที่ดีมากค่ะ ผู้เช่าดี ค่าเช่าดี ผู้เช่าเราคนแรกถึงกับอยากซื้อเพราะทำเลดีมาก อยู่หลังเซ็นทรัล ในหมู่บ้านก็มีทั้งเซเว่น และ แฟมิลี่ เราก็ยังไม่ขาย จนตอนนี้มีคนมาขอซื้อที่ 1.8 ล้าน (เราก็ใจหวั่นไหวนะ แต่เอาไว้ก่อนรอเสารถไฟฟ้าละกัน) แต่เรายังไม่ขายเพราะผู้เช่าก็ยังดี
จนตอนปีนี้เรามาซื้อบ้านที่ดอนเมืองอีก ไม่ได้ชอบบ้านเลย ชอบอีกหลังนึง แต่คนขายเล่นตัวมาก ขึ้นค่าบ้านทุกครั้งที่จะทำสัญญา แล้วนัดเราจะทำสัญญาแล้วนะ กลับ ไปยกให้นายหน้าขาย เราเลยมาได้บ้านที่ วิภาวดี 84 แบบไม่ค่อยอยากได้ซักเท่าไหร่
ก็ที่ไม่อยากได้ เพราะมัน ไม่มีคนอยู่มาซัก 4 ปีแล้วค่ะ แต่บ้านก็มีการปรับปรุงหลังน้ำท่วมนะคะ เจ้าของบ้านขอบอกรวยมากๆ เค้าปิดไว้เฉยๆ บ้านแถบที่เราซื้อเป็นของเค้าทั้งแถบ เราซื้อมาได้ในราคา 1.2 ล้าน (บ้านอื่นในสภาพเดียวกันขายที่ 1.5 ล้าน) ธนาคารมาประเมินก็ได้ 1.5 นะคะ แต่เราขอแค่ 1 ล้าน
ไอ้ขอแค่ 1 ล้านเพราะไม่อยากเป็นหนี้มากนี่แหละค่ะ ปวดหัวเลย เพราะซ่อม(ตามใจเรา) เยอะมาก เราเปลี่ยนจากปาร์เก้เป็นกระเบื้องชั้น 2 ทั้งชั้น เปลี่ยนสุขภัณฑ์ใหม่ ทาสี ทาฝ้า ทำรางน้ำห้องครัวพร้อมเปลี่ยนหลังคาใหม่ ติดเบรกเกอร์ ถมหน้าบ้าน(เพราะเค้าถมบ้านกับโรงรถสูงมาก เราก็เลยต้องเทปูนออกไปอีกไกลเหมือนกัน เพราะรถขึ้นยาก) ตอนแรกคิดว่าค่าใช้จ่ายแค่ 50,000 แต่ตอนนี้มันมาที่ 60,000 แล้วค่ะ
อ้อที่จะบอกอีกอย่างคือราคาบ้านปัจจุบัน โดนบวกค่าทำเลไปเยอะมากค่ะ แถวคลองเดี๋ยวนี้มือสองยังเกิน 1 ล้าน ดังนั้นใครจะทำบ้านเช่าแล้วคิดว่าได้ค่าเช่าราคาดี คิดผิดมากๆค่ะ เพราะตอนนี้ได้แค่ 5-6 เปอร์เซ็นก็หรูแล้ว อย่างบ้านที่ดอนเมือง เราซื้อมา 1.2 ล้าน ตกแต่งอีก 60,000 เราได้ค่าเช่า 6,000 เท่านั้น แต่ก็ยังดีกว่าปล่อยบ้านว่าง แล้วเราได้คนเช่าค่อนข้างดี เป็นสาวโสด อยู่คนเดียว
บางบ้านไปดูมาอย่างเช่นสายสีเขียว แถวพหลโยธิน สะพานใหม่ นี่ราคาบ้านอยู่ที่ 1.4-1.5 ล้าน แต่แถวนั้นค่าเช่ายากมากค่ะ อยู่ที่ 4-5 พันเท่านั้น เพราะมีอพาร์ทเม้นท์ราคาถูกเยอะ มีอยู่หลังนึง ขาย 1.45 ล้าน สวยมากค่ะ แต่ที่เราไม่เอาเพราะเค้าแถมคนเช่าให้เราด้วย ในราคาเดือนละ 4,500 บาท
นี่แหละค่ะ ประสบการณ์คร่าวๆของเรา มีทั้งดีและไม่ดี แต่ก็สนุกดีนะคะ เอาไว้ให้คิดให้เครียด เพราะตอนนี้เราอยู่ตัวคนเดียวแล้ว เบื่อๆ ถ้าแม่เราอยู่แม่เราคงร้องไห้ เพราะไม่ชอบเลย เราทำแบบนี้ แต่เราก็ดื้อ
เราว่ามันก็ไม่ไช่เงินจมนะคะ ตอนนี้เราก็เอาเงินคนอื่นผ่อน เพราะตอนนี้เราผ่อนแค่หลังดอนเมืองที่เดียว เงินที่เหลือเราว่าเราจะเอาไปลงอย่างอื่นบ้าง ถึงตอนนี้ผลตอบแทนทาวเฮ้าส์เราจะไม่ได้มากอะไร แต่เรามองถึงราคาขายในอนาคตค่ะ ซึ่งเรามองว่าที่เราลงทุนไปทุกวันนี้เราก็ไม่ได้งี่เง่าเท่าไหร่นัก ถ้าขายก็ได้เงินอยู่ ซึ่งอาเราก็บอกว่าให้เราไปทำอย่างอื่นดีกว่า แต่เราก็ยังทำแบบนี้อยู่
ประสบการณ์เรื่องบ้านเช่า
มันเริ่มจากเราซื้อบ้านต่อจากอาแถวพระราม 2 เมื่อ 19 ปีที่แล้วได้ เพราะอาเราจะย้ายไปอยู่ที่อื่นเค้าจึงขายต่อเรา ราคามันก็ตามท้องตลาดแหละ แถวพระราม 2 เมื่อ 19 ปีที่แล้วมันก็ยังเป็นป่ากกอยู่เลยค่ะ หน้าปากซอยจำได้เป็นที่ว่างๆ แม่เราไม่ชอบเลย แต่พ่อเราชอบเพราะเค้าอยากย้ายไปอยู่ใกล้พวกอาๆ ซึ่งถ้าเราซื้อไว้ พ่อเราคิดว่าซักวันนึงเราคงย้ายไป (อาเราย้ายไปก็อยู่แถวๆนั้นแหละ)
เราก็ซื้อต่ออาเรา 2 หลังติด แบบมีรั้วกั้น แยกโฉนดนะคะ ซื้อมาหลังละ 300,000 แล้วให้เช่าในราคาหลังละ 2,000 ก็คนเช่าก็คนแถวนั้นอีกแหละค่ะ เป็นญาติกัน (หมายถึงคนเช่านะคะ) เค้าก็ดีกับเรามากค่ะ เค้ารู้ว่าเราอยู่ไกล ไม่เคยเรียกเราเลย สิ้นเดือนก็โอนเงินให้ ประตูพัง หลังคาพัง เค้าก็ซ่อมกันเอง เค้าเช่าเรามาจนลูกเค้าเรียนจบแล้วย้ายออกไปมีครอบครัว แต่เค้าก็ยังเช่าเราอยู่เพราะ อยากใกล้ญาติ และ มีเพื่อนบ้าน ติดที่อยู่ว่างั้น จนตอนนี้เราให้เค้าเช่าอยู่ที่ 5,000 ไม่ขึ้นมาซัก7-8 ปีแล้วค่ะ พอจะขึ้นก็เกรงใจอีก เค้าดีกับเรามาก ประกอบกับเค้าก็อยู่กัน แค่สามีกับตัวเค้าทั้งสองหลัง ลูกๆก็ไปๆมาๆกันบ้าง เราก็เลยเหมือนมีญาติเพิ่ม งานศพแม่กับพ่อเราเค้าก็มาช่วย งานแต่งงานลูกเค้าเราก็ไป
ต่อมาเราก็มาซื้อบ้านที่สุขาภิบาล 3 กับ แจ้งวัฒนะค่ะ เป็นทาวเฮ้าส์ทั้งคู่ เพราะมาตรการรัฐ ปี 2552 เรื่องภาษีการจดจำนอง ประกอบกับ เงินกู้ประกันสังคมดอก 2.5 ด้วยเป็นแรงจูงใจ ก็เลยเอามัน 2 หลังเลย ทันค่าจดจำนองแต่ได้ สปส.แค่หลังเดียวคือแจ้งวัฒนะ แต่อีกหลังเราได้ที่ TMB
แล้วประสบการณ์อีกแง่มุมนึงก็เกิดกับเราค่ะ คือหลังสุขาภิบาล 3 หลังจากเราซื้อแล้วเจ้าของเก่าก็ขอเช่าต่อ แต่เช่าได้แค่ 6 เดือนได้เค้าก็ไปซื้อบ้านของเค้าค่ะ อ้อ หลังนี้เราซื้อมา 9.5 แสน เราให้เค้าเช่าที่ 4,500 ค่ะ หลังจากเจ้าของเก่าย้ายไปแล้ว เค้าก็แนะนำข้างบ้านให้มาเช่าบ้านเราต่อ เป็นครอบครัวใหญ่ ประกอบด้วย พี่สะใภ้ ลูกพี่สะใภ้ น้องเขยเค้า แล้วก็เมียและลูก มียายช่วยเลี้ยงหลานด้วย
2 ปีแรกผ่านไปดีมากๆๆ ค่ะ จ่ายตรง จ่ายก่อนด้วย แต่พอ ตัวน้องเขยเค้าไปมีภรรยาน้อย แล้วหนีตามภรรยาน้อยไป น้องสะใภ้เค้าก็เลยหอบลูกไปอยู่กับแม่เค้า ตอนนี้บ้านนี้ก็เลยเหลือแต่ พี่สะใภ้เค้ากับลูกชาย ตอนแรกเราถามเค้าว่าไหวไหม เพราะแต่ก่อนเค้าช่วยๆกัน พี่เค้าก็บอกว่าไหว เราก็เลยให้เค้าอยู่ต่อค่ะ ปีแรกก็ผ่านไปไม่มีอะไร จนมาพ่อเค้าป่วย เค้าก็เริ่มติดเงินเรา ต่อมาพ่อเค้าก็เสีย จนต่อมา แม่เค้าป่วย จนต่อมาแม่เค้าก็เสียอีก เค้าติดเงินเรามาตลอด จนเกือบจะ 30,000 แล้ว จนตอนนี้เค้าเป็นมะเร็งค่ะ เรื่องที่ผ่านๆมาเราไม่รู้ว่าเค้าพูดจริงหรือเท็จกับเรา แต่เรื่องเป็นมะเร็งเค้าเป็นจริงๆ
เราเลยจัดการขายบ้านค่ะ เราก็ไม่ไหวเหมือนกัน เราก็รอจนน้องลูกเค้าเรียนจบ จนเค้ามาต่อ ม.ราม เราประกาศขายบ้านโดยผ่านนายหน้า ไม่ถึงเดือนเราก็ขายได้ เราได้กำไรประมาณ 2 แสนได้ น้องเค้าก็ยอมย้ายออก เพราะแม่เค้าก็กลับไปต่างจังหวัด น้องเรียนรามก็ไปอยู่หอ จนตอนนี้น้องเค้าก็ยังผ่อนใช้เรานะคะ เป็นเด็กดีมากๆ คือเค้าบอกว่าถ้าเค้ามีเค้าก็จะใช้เราให้หมด เราไม่ต้องกลัว
บ้านที่แจ้งวัฒนะ เป็นอะไรที่ดีมากค่ะ ผู้เช่าดี ค่าเช่าดี ผู้เช่าเราคนแรกถึงกับอยากซื้อเพราะทำเลดีมาก อยู่หลังเซ็นทรัล ในหมู่บ้านก็มีทั้งเซเว่น และ แฟมิลี่ เราก็ยังไม่ขาย จนตอนนี้มีคนมาขอซื้อที่ 1.8 ล้าน (เราก็ใจหวั่นไหวนะ แต่เอาไว้ก่อนรอเสารถไฟฟ้าละกัน) แต่เรายังไม่ขายเพราะผู้เช่าก็ยังดี
จนตอนปีนี้เรามาซื้อบ้านที่ดอนเมืองอีก ไม่ได้ชอบบ้านเลย ชอบอีกหลังนึง แต่คนขายเล่นตัวมาก ขึ้นค่าบ้านทุกครั้งที่จะทำสัญญา แล้วนัดเราจะทำสัญญาแล้วนะ กลับ ไปยกให้นายหน้าขาย เราเลยมาได้บ้านที่ วิภาวดี 84 แบบไม่ค่อยอยากได้ซักเท่าไหร่
ก็ที่ไม่อยากได้ เพราะมัน ไม่มีคนอยู่มาซัก 4 ปีแล้วค่ะ แต่บ้านก็มีการปรับปรุงหลังน้ำท่วมนะคะ เจ้าของบ้านขอบอกรวยมากๆ เค้าปิดไว้เฉยๆ บ้านแถบที่เราซื้อเป็นของเค้าทั้งแถบ เราซื้อมาได้ในราคา 1.2 ล้าน (บ้านอื่นในสภาพเดียวกันขายที่ 1.5 ล้าน) ธนาคารมาประเมินก็ได้ 1.5 นะคะ แต่เราขอแค่ 1 ล้าน
ไอ้ขอแค่ 1 ล้านเพราะไม่อยากเป็นหนี้มากนี่แหละค่ะ ปวดหัวเลย เพราะซ่อม(ตามใจเรา) เยอะมาก เราเปลี่ยนจากปาร์เก้เป็นกระเบื้องชั้น 2 ทั้งชั้น เปลี่ยนสุขภัณฑ์ใหม่ ทาสี ทาฝ้า ทำรางน้ำห้องครัวพร้อมเปลี่ยนหลังคาใหม่ ติดเบรกเกอร์ ถมหน้าบ้าน(เพราะเค้าถมบ้านกับโรงรถสูงมาก เราก็เลยต้องเทปูนออกไปอีกไกลเหมือนกัน เพราะรถขึ้นยาก) ตอนแรกคิดว่าค่าใช้จ่ายแค่ 50,000 แต่ตอนนี้มันมาที่ 60,000 แล้วค่ะ
อ้อที่จะบอกอีกอย่างคือราคาบ้านปัจจุบัน โดนบวกค่าทำเลไปเยอะมากค่ะ แถวคลองเดี๋ยวนี้มือสองยังเกิน 1 ล้าน ดังนั้นใครจะทำบ้านเช่าแล้วคิดว่าได้ค่าเช่าราคาดี คิดผิดมากๆค่ะ เพราะตอนนี้ได้แค่ 5-6 เปอร์เซ็นก็หรูแล้ว อย่างบ้านที่ดอนเมือง เราซื้อมา 1.2 ล้าน ตกแต่งอีก 60,000 เราได้ค่าเช่า 6,000 เท่านั้น แต่ก็ยังดีกว่าปล่อยบ้านว่าง แล้วเราได้คนเช่าค่อนข้างดี เป็นสาวโสด อยู่คนเดียว
บางบ้านไปดูมาอย่างเช่นสายสีเขียว แถวพหลโยธิน สะพานใหม่ นี่ราคาบ้านอยู่ที่ 1.4-1.5 ล้าน แต่แถวนั้นค่าเช่ายากมากค่ะ อยู่ที่ 4-5 พันเท่านั้น เพราะมีอพาร์ทเม้นท์ราคาถูกเยอะ มีอยู่หลังนึง ขาย 1.45 ล้าน สวยมากค่ะ แต่ที่เราไม่เอาเพราะเค้าแถมคนเช่าให้เราด้วย ในราคาเดือนละ 4,500 บาท
นี่แหละค่ะ ประสบการณ์คร่าวๆของเรา มีทั้งดีและไม่ดี แต่ก็สนุกดีนะคะ เอาไว้ให้คิดให้เครียด เพราะตอนนี้เราอยู่ตัวคนเดียวแล้ว เบื่อๆ ถ้าแม่เราอยู่แม่เราคงร้องไห้ เพราะไม่ชอบเลย เราทำแบบนี้ แต่เราก็ดื้อ
เราว่ามันก็ไม่ไช่เงินจมนะคะ ตอนนี้เราก็เอาเงินคนอื่นผ่อน เพราะตอนนี้เราผ่อนแค่หลังดอนเมืองที่เดียว เงินที่เหลือเราว่าเราจะเอาไปลงอย่างอื่นบ้าง ถึงตอนนี้ผลตอบแทนทาวเฮ้าส์เราจะไม่ได้มากอะไร แต่เรามองถึงราคาขายในอนาคตค่ะ ซึ่งเรามองว่าที่เราลงทุนไปทุกวันนี้เราก็ไม่ได้งี่เง่าเท่าไหร่นัก ถ้าขายก็ได้เงินอยู่ ซึ่งอาเราก็บอกว่าให้เราไปทำอย่างอื่นดีกว่า แต่เราก็ยังทำแบบนี้อยู่