เล่าเรื่องก่อนนะคะ
เมื่อวันที่ 28 เมษายน ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของนโยบายรัฐที่ลดค่าโอน-จดจำนองเหลือ 0.01 %
ทางเรามีนัดโอนบ้านกันที่กรมที่ดิน ซึ่งนัดกันไว้หมดแล้ว 9 โมง ทุกคนมาหมดยกเว้นธนาคาร(Sale)ที่เราทำเรื่องขอสินเชื่อไว้
พอโทรตาม ธนาคารกลับบอกว่า หาเอกสารของเราไม่พบ น่าจะอยู่ในระบบ ซึ่งยังไม่ถูกพิมพ์ออกมา ขอเลื่อนเวลาเป็นบ่ายสอง
ก็โอเคค่ะ บ่ายสองค่อยมาเจอกันใหม่ เราก็รอๆอยู่แถวนั้น หาร้านกาแฟนั่งกินขนมรอ แล้วธนาคารก็โทรมาคุยอีกบอกว่า..น่าจะไม่ทัน
และยังไม่รู้เวลาที่แน่นอน เลยไม่ขอคอนเฟิร์มเวลาดีกว่า อาจจะเย็นๆหน่อย ให้พี่นั่งกินข้าว เดินเล่น ใจเย็นๆก่อน ( หือ ใจเย็นไหวไหมเนี่ย )
ก็รอต่อไปค่ะ ทางนายหน้าก็ช่วยตามอีกแรงนึง (คือเจ้าของบ้านนี้ขายบ้านผ่านนายหน้านะคะ)
เวลาผ่านไปจะ หกโมงเย็นแล้วค่ะ เลยโทรไปตามอีกที ก็บอกว่ายังไม่เห็นเอกสารของเราในระบบเลย ( อ่าวยังไงเนี่ย )
ขอให้เรารออีกแปปนึง เนื่องจากเป็นวันสุดท้าย เอกสารของธนาคารจึงเยอะมาก ทำให้ทำไม่ทัน และ เอกสารชุดนึงจะใช้เวลาทำ ประมาณ 20 นาที ถึง ครึ่งชั่วโมง น่าจะยังไม่ถึงคิวของเรา
เราก็งงสิคะ ไหนตอนแรกบอกเอกสารเรียบร้อยแล้ว นัดโอนกันเป็นอย่างดี แล้วนี่คืออะไร ??
(คือก่อนหน้านี้ เราคุยกับธนาคาร ธนาคารบอกว่า ยอดกู้ของเราอนุมัติแล้ว ถามเราว่า เราจะทำประกันบ้านด้วยไหม ซึ่งเราก็ไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร่
ก็เลยปรึกษากันกับแฟน เนื่องจากธนาคารบอกว่า ตอนแรก เรากู้ ดอกเบี้ย 4.5 % สองปีแรก แต่ถ้าทำประกันด้วย ดอกเบี้ยจะเหลือ 4 %
พอคำนวณดูแล้ว ยอดที่ต้องจ่ายแต่ละเดือนมันก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่
เราเลยตัดสินใจทำประกัน ทางธนาคารก็ถามว่า 30 ปีเลยไหม แต่เราบอก เอาแค่ 15 ปีพอ ยอดก็ประมาณสองแสนกว่าบาท
วันรุ่งขึ้นเราเลยไปปรึกษากับพี่ที่ออฟฟิศเราดู พี่เค้าก็บอกว่า จริงๆไม่จำเป็นต้องทำก็ได้ เรามาทำเองทีหลัง หรือทำปีต่อปีเอา
เราก็ อ่าวหรอ เลยโทรไปบอกธนาคารว่าจะขอยกเลิกประกันได้ไหม ธนาคารก้ตอบมาว่า เค้าส่งเรื่องไปแล้ว ทำเรื่อง ทำเอกสารอะไรเรียบร้อยแล้ว
ถ้าแก้ก็คงไม่ทัน เพราะต้องใช้เวลายื่นเรื่องใหม่ ก็อืม ทำก็ทำวะ ทำไงได้ ก็คิดซะว่า เผื่ออนาคตเป็นอะไรไปก็แล้วกัน...)
เราก็เลยงงๆว่า ไหนบอกเอกสารเสร็จหมดแล้ว แต่พอวันที่นัดโอน จึงบอกว่า เอกสารยังไม่เรียบร้อย
รอแล้วรอเล่า ตั้งแต่เช้า ยันมืด ตอนแรกกะจะรออยู่แถวนั้น(กรมที่ดิน) แต่ธนาคารก้ยังเลื่อนเวลาไปเรื่อยๆ
เราเลยกลับออฟฟิศไปเคลียร์งานที่เหลือก่อน เนื่องจากวันนี้ลางานมาทั้งวันและไม่ได้อะไรเลย
นั่งทำงานไปสักพัก จนเกือบสี่ทุ่มธนาคารโทรมาบอกว่า เจอเอกสารเราแล้วอยู่ในคิวที่ 5
เราก็ใจชื้นขึ้นมาหน่อย เพราะลุ้นอยู่ว่าจะทันไหม เพราะถ้าไม่ทัน เราต้องเสียค่าโอนเพิ่มอีกเยอะมากสำหรับเรา
นายหน้าก็บอกว่า ถ้างั้นก็นัดเจอกัน 5 ทุ่มน่าจะโอนได้ ซึ่งทางนายหน้า ได้ยื่นเรื่องที่กรมที่ดินไว้แล้วตั้งแต่เช้า
รอแต่ทุกคนมาเซ็นเอกสารอย่างเดียว (รอแต่ธนาคาร คนเดียวนี่แหละ)
เราก็เก็บของออกจากออฟฟิศ มุ่งหน้าไปกรมที่ดิน แล้วก็รอต่อไป จนประมาณห้าทุ่มครึ่ง ทางธนาคารบอกว่า เหลือ อีก 3 คิว
เราก็ ห๊ะ เหลืออีกตั้ง 3 คิว แล้วจะทันหรอ เค้าก็บอกว่า แต่ละคิวมันใช้เวลาค่อนข้างนาน ก็เอิ่ม เริ่มหมดหวังละ
เรากับแฟนก็นั่งเครียด นั่งเซงเลยว่า ทำไมธนาคารเป็นแบบนี้ หงุดหงิด และโมโหมากๆ เพราะตั้งแต่เช้าจนมืด เราแทบไม่ได้อะไรเลย
และนายหน้าก็บอกว่า ทางกรมที่ดิน จริงๆปิดถึงเที่ยงคืน แต่เค้าจะทำเอกสารให้หมดทุกคนที่ยื่นเอกสารในวันนี้ ที่รับบัตรคิวไป
คือตอนนั้น คนก็ยังเยอะอยู่ เราก็ยังวางใจว่า เอกสารเราจะมาทันเวลา แต่ผ่านไปสักพัก กรมที่ดินคนเริ่มหมดแล้ว จนเหลือเราคนสุดท้าย
ซึ่ง ถ้าเอกสารเรายังไม่เสร็จ เค้าจะไม่รอเราแล้ว ทางนายหน้าก็ไปขอทางกรมที่ดินว่ารออีกหน่อยนะ
จนเที่ยงคืนครึ่งธนาคารโทมาบอกว่า
ถึงคิวเราแล้ว กำลังจะมาส่งเอกสารให้เราแล้ว ก็โอเค ทางกรมที่ดินก็รอ
แต่ไปๆมาๆ คุยกับธนาคารอีกที ถามให้แน่ชัดว่า จริงๆแล้วคุณออกมารึยัง ธนาคารกลับบอกว่าขอเวลาอีก 10 นาที
ทีนี้เลยให้ธนาคารคุยกับกรมที่ดิน จึงได้ความว่า ธนาคารบอกว่ากำลังพิมพ์เช็คอยู่ ทางกรมที่ดินเลยบอกว่า งั้นไม่รอแล้วล่ะ
เพราะถ้าพิมพ์เช็คอยู่ คงใช้เวลาอีกนานพอสมควร เพราะกว่าจะมาส่งให้ที่กรมที่ดินอีก
ก็เลยต้องแยกย้าย โทรบอกเจ้าของบ้านว่าไม่ต้องมาแล้ว ไม่ทัน
ผ่านไปสักพัก ธนาคารโทรมาอีกว่า จะมาส่งแล้ว ทางนายหน้าก็เลยต่อว่าไป ว่า ไม่ทันแล้ว
คุณผลัดเวลาไปเรื่อย ไม่รักษาคำพูดเลย
เวลานั้น เรากับแฟนรู้สึกเซงมาก แต่ทำไรไม่ได้ ทางนายหน้าก็ต่อว่า ธนาคารไปเยอะพอสมควร
ตอนนั้นก็เลยต้องดึงเอกสารคืนกลับมาจากกรมที่ดิน
ก็ยืนคุยกับนายหน้าว่าจะเอายังไงต่อไปดี ถ้าทำเรื่องใหม่ เปลี่ยนธนาคาร ก็จะเสียค่าประเมินใหม่อีก
และอาจจะไม่ได้ราคาประเมินเท่านี้ ซึ่งเยอะพอสมควร
แต่ใจเราก็ไม่อยากเอาธนาคารนี้แล้ว เพราะเสียความรู้สึกไปเยอะแล้วด้วย กับความไม่มีความรับผิดชอบของธนาคาร
ก็เลยตัดสินใจกะจะหาธนาคารใหม่ แล้วก็พรุ่งนี้ค่อยนัดคุยกันอีกที กับนายหน้าและเจ้าของบ้าน เพราะตอนนี้เป็นเวลาจะตีสองกว่าแล้ว
ก็เลยแยกย้ายขับรถกลับบ้าน
ทางธนาคาร ก็โทรมาขอโทษ แล้วบอกว่าจะลดดอกเบี้ยให้ ตอนนี้กำลังต่อรองเรื่องดอกเบี้ยกันอยู่
เนื่องจากพอคิดๆดูแล้ว ก็ไม่ค่อยคุ้ม กับค่าโอนที่เราต้องเสียเพิ่มไป
วันรุ่งขึ้น ธนาคารขอต่อรองว่า ลดดอกเบี้ย เหลือ 3.3 % ได้มั้ย แต่แค่ 2 ปีแรกนะ
เราเลยบอกว่าขอ 3% ละกัน แล้วก็ตัดค่าประกันบ้านออกไปใหเด้วย เพราะไม่ทำประกันแล้ว
ธนาคารก็เลยบอกว่าจะลองขอยื่นเรื่องเสนอไปก่อน แล้วจะแจ้งผลอีกที
เราก็ยังไม่หายโมโห เลยโทรไปคอมเพลนที่สำนักงานใหญ่ ก็รับเรื่องไปแล้วจะติดต่อกลับมาวันนี้ เนื่องจากติดวันหยุด 3 วัน
อยากรู้ว่า เราควรจะทำยังไงดี เพราะเรารู้สึกว่า เราเสียเวลา เสียความรู้สึก แล้วยังต้องมาเสียเงินเพิ่มอีกหรอ
แล้วธนาคาร ไม่คิดจะรับผิดชอบอะไรเราเลยหรอ เหมือนไม่สนใจอะไรเลย
ซึ่งวันนี้ 3 พฤษภา ก็ยังไม่มีใครติดต่อมา เดี๋ยวโทรไปถาม ได้เรื่องยังไงจะมาเล่าอีกทีนะคะ
ขอบคุณที่อ่านนะคะ ยาวมากเลย แต่อยากระบาย และอยากรู้ว่า มีใครโดนแบบนี้บ้างไหม
แล้วเราควรจะทำยังไงดี
ถ้าใครมีข้อสงสัยหรืออยากทราบอะไรเพิ่มเติม ยังไง สอบถามได้นะคะ
ขอบคุณค่ะ
ทำยังไงดี นัดโอนบ้าน แต่ธนาคารไม่มาตามนัด เลื่อนเวลา จนทำให้โอนไม่ทัน ต้องเสียค่าโอน เนื่องจากหมดนโยบายรัฐ
เมื่อวันที่ 28 เมษายน ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของนโยบายรัฐที่ลดค่าโอน-จดจำนองเหลือ 0.01 %
ทางเรามีนัดโอนบ้านกันที่กรมที่ดิน ซึ่งนัดกันไว้หมดแล้ว 9 โมง ทุกคนมาหมดยกเว้นธนาคาร(Sale)ที่เราทำเรื่องขอสินเชื่อไว้
พอโทรตาม ธนาคารกลับบอกว่า หาเอกสารของเราไม่พบ น่าจะอยู่ในระบบ ซึ่งยังไม่ถูกพิมพ์ออกมา ขอเลื่อนเวลาเป็นบ่ายสอง
ก็โอเคค่ะ บ่ายสองค่อยมาเจอกันใหม่ เราก็รอๆอยู่แถวนั้น หาร้านกาแฟนั่งกินขนมรอ แล้วธนาคารก็โทรมาคุยอีกบอกว่า..น่าจะไม่ทัน
และยังไม่รู้เวลาที่แน่นอน เลยไม่ขอคอนเฟิร์มเวลาดีกว่า อาจจะเย็นๆหน่อย ให้พี่นั่งกินข้าว เดินเล่น ใจเย็นๆก่อน ( หือ ใจเย็นไหวไหมเนี่ย )
ก็รอต่อไปค่ะ ทางนายหน้าก็ช่วยตามอีกแรงนึง (คือเจ้าของบ้านนี้ขายบ้านผ่านนายหน้านะคะ)
เวลาผ่านไปจะ หกโมงเย็นแล้วค่ะ เลยโทรไปตามอีกที ก็บอกว่ายังไม่เห็นเอกสารของเราในระบบเลย ( อ่าวยังไงเนี่ย )
ขอให้เรารออีกแปปนึง เนื่องจากเป็นวันสุดท้าย เอกสารของธนาคารจึงเยอะมาก ทำให้ทำไม่ทัน และ เอกสารชุดนึงจะใช้เวลาทำ ประมาณ 20 นาที ถึง ครึ่งชั่วโมง น่าจะยังไม่ถึงคิวของเรา
เราก็งงสิคะ ไหนตอนแรกบอกเอกสารเรียบร้อยแล้ว นัดโอนกันเป็นอย่างดี แล้วนี่คืออะไร ??
(คือก่อนหน้านี้ เราคุยกับธนาคาร ธนาคารบอกว่า ยอดกู้ของเราอนุมัติแล้ว ถามเราว่า เราจะทำประกันบ้านด้วยไหม ซึ่งเราก็ไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร่
ก็เลยปรึกษากันกับแฟน เนื่องจากธนาคารบอกว่า ตอนแรก เรากู้ ดอกเบี้ย 4.5 % สองปีแรก แต่ถ้าทำประกันด้วย ดอกเบี้ยจะเหลือ 4 %
พอคำนวณดูแล้ว ยอดที่ต้องจ่ายแต่ละเดือนมันก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่
เราเลยตัดสินใจทำประกัน ทางธนาคารก็ถามว่า 30 ปีเลยไหม แต่เราบอก เอาแค่ 15 ปีพอ ยอดก็ประมาณสองแสนกว่าบาท
วันรุ่งขึ้นเราเลยไปปรึกษากับพี่ที่ออฟฟิศเราดู พี่เค้าก็บอกว่า จริงๆไม่จำเป็นต้องทำก็ได้ เรามาทำเองทีหลัง หรือทำปีต่อปีเอา
เราก็ อ่าวหรอ เลยโทรไปบอกธนาคารว่าจะขอยกเลิกประกันได้ไหม ธนาคารก้ตอบมาว่า เค้าส่งเรื่องไปแล้ว ทำเรื่อง ทำเอกสารอะไรเรียบร้อยแล้ว
ถ้าแก้ก็คงไม่ทัน เพราะต้องใช้เวลายื่นเรื่องใหม่ ก็อืม ทำก็ทำวะ ทำไงได้ ก็คิดซะว่า เผื่ออนาคตเป็นอะไรไปก็แล้วกัน...)
เราก็เลยงงๆว่า ไหนบอกเอกสารเสร็จหมดแล้ว แต่พอวันที่นัดโอน จึงบอกว่า เอกสารยังไม่เรียบร้อย
รอแล้วรอเล่า ตั้งแต่เช้า ยันมืด ตอนแรกกะจะรออยู่แถวนั้น(กรมที่ดิน) แต่ธนาคารก้ยังเลื่อนเวลาไปเรื่อยๆ
เราเลยกลับออฟฟิศไปเคลียร์งานที่เหลือก่อน เนื่องจากวันนี้ลางานมาทั้งวันและไม่ได้อะไรเลย
นั่งทำงานไปสักพัก จนเกือบสี่ทุ่มธนาคารโทรมาบอกว่า เจอเอกสารเราแล้วอยู่ในคิวที่ 5
เราก็ใจชื้นขึ้นมาหน่อย เพราะลุ้นอยู่ว่าจะทันไหม เพราะถ้าไม่ทัน เราต้องเสียค่าโอนเพิ่มอีกเยอะมากสำหรับเรา
นายหน้าก็บอกว่า ถ้างั้นก็นัดเจอกัน 5 ทุ่มน่าจะโอนได้ ซึ่งทางนายหน้า ได้ยื่นเรื่องที่กรมที่ดินไว้แล้วตั้งแต่เช้า
รอแต่ทุกคนมาเซ็นเอกสารอย่างเดียว (รอแต่ธนาคาร คนเดียวนี่แหละ)
เราก็เก็บของออกจากออฟฟิศ มุ่งหน้าไปกรมที่ดิน แล้วก็รอต่อไป จนประมาณห้าทุ่มครึ่ง ทางธนาคารบอกว่า เหลือ อีก 3 คิว
เราก็ ห๊ะ เหลืออีกตั้ง 3 คิว แล้วจะทันหรอ เค้าก็บอกว่า แต่ละคิวมันใช้เวลาค่อนข้างนาน ก็เอิ่ม เริ่มหมดหวังละ
เรากับแฟนก็นั่งเครียด นั่งเซงเลยว่า ทำไมธนาคารเป็นแบบนี้ หงุดหงิด และโมโหมากๆ เพราะตั้งแต่เช้าจนมืด เราแทบไม่ได้อะไรเลย
และนายหน้าก็บอกว่า ทางกรมที่ดิน จริงๆปิดถึงเที่ยงคืน แต่เค้าจะทำเอกสารให้หมดทุกคนที่ยื่นเอกสารในวันนี้ ที่รับบัตรคิวไป
คือตอนนั้น คนก็ยังเยอะอยู่ เราก็ยังวางใจว่า เอกสารเราจะมาทันเวลา แต่ผ่านไปสักพัก กรมที่ดินคนเริ่มหมดแล้ว จนเหลือเราคนสุดท้าย
ซึ่ง ถ้าเอกสารเรายังไม่เสร็จ เค้าจะไม่รอเราแล้ว ทางนายหน้าก็ไปขอทางกรมที่ดินว่ารออีกหน่อยนะ
จนเที่ยงคืนครึ่งธนาคารโทมาบอกว่า
ถึงคิวเราแล้ว กำลังจะมาส่งเอกสารให้เราแล้ว ก็โอเค ทางกรมที่ดินก็รอ
แต่ไปๆมาๆ คุยกับธนาคารอีกที ถามให้แน่ชัดว่า จริงๆแล้วคุณออกมารึยัง ธนาคารกลับบอกว่าขอเวลาอีก 10 นาที
ทีนี้เลยให้ธนาคารคุยกับกรมที่ดิน จึงได้ความว่า ธนาคารบอกว่ากำลังพิมพ์เช็คอยู่ ทางกรมที่ดินเลยบอกว่า งั้นไม่รอแล้วล่ะ
เพราะถ้าพิมพ์เช็คอยู่ คงใช้เวลาอีกนานพอสมควร เพราะกว่าจะมาส่งให้ที่กรมที่ดินอีก
ก็เลยต้องแยกย้าย โทรบอกเจ้าของบ้านว่าไม่ต้องมาแล้ว ไม่ทัน
ผ่านไปสักพัก ธนาคารโทรมาอีกว่า จะมาส่งแล้ว ทางนายหน้าก็เลยต่อว่าไป ว่า ไม่ทันแล้ว
คุณผลัดเวลาไปเรื่อย ไม่รักษาคำพูดเลย
เวลานั้น เรากับแฟนรู้สึกเซงมาก แต่ทำไรไม่ได้ ทางนายหน้าก็ต่อว่า ธนาคารไปเยอะพอสมควร
ตอนนั้นก็เลยต้องดึงเอกสารคืนกลับมาจากกรมที่ดิน
ก็ยืนคุยกับนายหน้าว่าจะเอายังไงต่อไปดี ถ้าทำเรื่องใหม่ เปลี่ยนธนาคาร ก็จะเสียค่าประเมินใหม่อีก
และอาจจะไม่ได้ราคาประเมินเท่านี้ ซึ่งเยอะพอสมควร
แต่ใจเราก็ไม่อยากเอาธนาคารนี้แล้ว เพราะเสียความรู้สึกไปเยอะแล้วด้วย กับความไม่มีความรับผิดชอบของธนาคาร
ก็เลยตัดสินใจกะจะหาธนาคารใหม่ แล้วก็พรุ่งนี้ค่อยนัดคุยกันอีกที กับนายหน้าและเจ้าของบ้าน เพราะตอนนี้เป็นเวลาจะตีสองกว่าแล้ว
ก็เลยแยกย้ายขับรถกลับบ้าน
ทางธนาคาร ก็โทรมาขอโทษ แล้วบอกว่าจะลดดอกเบี้ยให้ ตอนนี้กำลังต่อรองเรื่องดอกเบี้ยกันอยู่
เนื่องจากพอคิดๆดูแล้ว ก็ไม่ค่อยคุ้ม กับค่าโอนที่เราต้องเสียเพิ่มไป
วันรุ่งขึ้น ธนาคารขอต่อรองว่า ลดดอกเบี้ย เหลือ 3.3 % ได้มั้ย แต่แค่ 2 ปีแรกนะ
เราเลยบอกว่าขอ 3% ละกัน แล้วก็ตัดค่าประกันบ้านออกไปใหเด้วย เพราะไม่ทำประกันแล้ว
ธนาคารก็เลยบอกว่าจะลองขอยื่นเรื่องเสนอไปก่อน แล้วจะแจ้งผลอีกที
เราก็ยังไม่หายโมโห เลยโทรไปคอมเพลนที่สำนักงานใหญ่ ก็รับเรื่องไปแล้วจะติดต่อกลับมาวันนี้ เนื่องจากติดวันหยุด 3 วัน
อยากรู้ว่า เราควรจะทำยังไงดี เพราะเรารู้สึกว่า เราเสียเวลา เสียความรู้สึก แล้วยังต้องมาเสียเงินเพิ่มอีกหรอ
แล้วธนาคาร ไม่คิดจะรับผิดชอบอะไรเราเลยหรอ เหมือนไม่สนใจอะไรเลย
ซึ่งวันนี้ 3 พฤษภา ก็ยังไม่มีใครติดต่อมา เดี๋ยวโทรไปถาม ได้เรื่องยังไงจะมาเล่าอีกทีนะคะ
ขอบคุณที่อ่านนะคะ ยาวมากเลย แต่อยากระบาย และอยากรู้ว่า มีใครโดนแบบนี้บ้างไหม
แล้วเราควรจะทำยังไงดี
ถ้าใครมีข้อสงสัยหรืออยากทราบอะไรเพิ่มเติม ยังไง สอบถามได้นะคะ
ขอบคุณค่ะ