นิราศเชียงใหม่

เดือนกุมภาพันธ์ ปีที่แล้ว (๒๕๕๘) ผมปั่นจักรยานอกจากคลองจั่น กทม. ขึ้นไปทางเหนือแบบไม่มีจุดหมายปลายทาง ระหว่างแวะพักเหนื่อยก็จะเขียนกลอนสักบทสองบทเพื่อเป็นการบันทึกเหตุการณ์ลวกๆ พอให้รู้ว่าได้ผ่านอะไร ที่ไหนมามั่ง ใช้เวลาหกวันค่ำไหนนอนนั่น ในที่สุดไปถึงเชียงใหม่ บันทึกการเดินทางนี้เลยกลายเป็นนิราศเชียงใหม่ ที่จริงนิราศฉบับนี้ก็ไม่มีอะไรน่าสนใจสักเท่าใด เพราะเขียนลวกๆ ในช่วงเวลาพักเหนื่อยช่วงสั้นๆ แต่เขียนแล้วก็อย่างว่าแหละ เก็บไว้เฉยๆ ก็กระไรอยู่ เลยเอามาโพสต์ให้อ่านกันเล่นๆ นะขอรับ

๏ นิราศร้าง ห่างเห เสน่หา
เสสัญจร ร่อนเร่ อกเอกา
เมื่อสิบสี่ กุมภาฯ ปีมะแม
เช้าออกจาก คลองจั่น อย่างหวั่นไหว
จะมุ่งหน้า ทางไหน ยังไม่แน่
ปั่นจักรยาน สองล้อ วิ่งวอแว
ค่อยค่อยแล ค่อยไป อย่างใจลอย ๚

๏ ข้ามแม่น้ำ เจ้าพระยา เพลาเช้า
หมอกหนาว เบาบาง น้ำค้างย้อย
คิดถึง ก็คิดถึง คนึงคอย
เคลิ้มคล้อย ปล่อยใจ ไปถึงเธอ ๚

๏ บางปะหัน หันหา ร้านอาหาร
แต่ก็ทาน ไม่อร่อย ใจลอยเหม่อ
คิดถึงคน ที่อยากพบ ประสบเจอ
ก็คงเก้อ เหมือนก่อน โอ้อ่อนใจ ๚

๏ มาถึง ลพบุรี พอดีเที่ยง
เที่ยวเลียบเคียง หาทาน สักจานใหญ่
วันอาทิตย์ เขาปิดร้าน รำคาญใจ
หาอะไร ยาไส้ แทบไม่มี ๚

๏ ใกล้จะทุ่ม กลุ้มใจ ห่างชัยนาท
หลอดไฟขาด สนิท มืดปิ๊ดปี๋
แล้วจะปั่น ต่อไป ยังไงดี
เมื่อไม่มี ไฟส่อง ให้มองทาง
ถึงชัยนาท ดึกดื่น แล้วคืนนี้
อารมณ์ ไม่ค่อยมี กลัวผีสาง
เข็ดเมื่อย เหนื่อยอ่อน นอนครวญคราง
อีกอ้างว้าง วิญญาณ์ จะบ้าตาย ๚

๏ โอ้ นครสวรรค์ พอพลันถึง
เสมือนหนึ่ง ถึงชั้น สวรรค์หมาย
ที่ตรากตรำ ลำบาก เหนื่อยยากกาย
ก็มาหาย สิ้นพลัน ในบันดล
อยากให้เธอ มานี่ นะที่รัก
มาดูให้ ประจักษ์ เสียสักหน
ช่างงดงาม นักหนา ได้มายล
งามเสียจน ไม่อยาก จะจากไป ๚

๏ ถึงชุมแสง แรงถอย ชักซอยช้า
โอ้อ่อนล้า ขาสั่น เกินปั่นไหว
จะปั่นต่อ ก็หวั่น จะบรรลัย
แวะกินไก่ ชุมแสง ฟื้นแรงซอย
พอเริ่มบ่าย ย้ายก้น ให้พ้นร้าน
ขึ้นบนอาน ปั่นต่อ ไม่ท้อถอย
หนทางไกล ไปพิจิตร ไม่คิดคอย
ต้องรีบซอย ถี่ถี่ ตอนมีแรง ๚

๏ ถึงชานเมือง พิจิตร อย่างคิดฝัน
ดวงตะวัน คล้อยหย่อน เริ่มอ่อนแสง
เอาหัวใจ ล้าโหย อ่อนโรยแรง
ออกอาบแสง สนธยา รักษาใจ
เช้าจำจาก พิจิตร คงคิดถึง
สักวันหนึ่ง ข้างหน้า จะมาใหม่
ระหว่างวัน สัญจร แรมรอนไป
ประทับใจ พิจิตร ไม่คิดจะลา ๚

๏ มาถึง พิษณุโลก ใช่โชคช่วย
แต่มาด้วย เรี่ยวแรง ของแข้งขา
เข็ดเมื่อย เหนื่อยยาก ลำบากมา
จึงต้องหา หมอนวด มาตรวจกาย
อัศจรรย์ ลั่นเลื่อน สะเทือนเที่ยง
โลกโอนเอียง เพลี่ยงคว่ำ คะมำหงาย
คลื่นคลั่งโครม โถมสาด ซัดหาดทราย
มัจฉาว่าย แหวกคลื่น เพราะตื่นกลัว
พอคลื่นลม พัดจบ สงบฝั่ง
ฝนก็หลั่ง ลงมา ดังฟ้ารั่ว
หมดชั่วโมง คุณหมอ เธอขอตัว
ถอนสายบัว บอกลา ยิ้มหน้าบาน ๚

๏ มาถึง สุโขทัย เมื่อใกล้ค่ำ
บอบช้ำ ร่างกาย หลายสถาน
ปวด แขน ขา เข่า ข้อ ทรมาน
ไม่มียา สมาน ประการใด
คิดว่า ถ้านอน สักตื่น
รุ่งเช้า คงจะฟื้น ขึ้นมาใหม่
หนทาง ก็ยัง อีกตั้งไกล
นี่แค่ได้ มาถึง เพียงครึ่งทาง ๚

๏ มีความงาม มากมาย ในสายหมอก
จึงต้องออก ค้นหา ยามฟ้าสาง
ในภาพที่ ดูเหมือน จะเลือนลาง
แต่ก็ช่าง สดชื่น เมื่อยืนมอง ๚

๏ ศรีสัชนาลัย โอ้ใจหาย
นึกเสียดาย เวียงเก่า แสนเศร้าหมอง
ให้สะอึก สะอื้น เมื่อยืนมอง
น้ำเอ่อนอง นัยตา ด้วยอาลัย ๚

๏ เมื่อคืนค้าง วังชิ้น ในถิ่นแพร่
ตื่นมาแต่ เช้าตรู่ ขึ้นสู้ใหม่
ออกจาก วังชิ้น ตัดสินใจ
จะปั่นไป ลำปาง เขลางค์นคร
ต้องมาปั่น ปีนเขา แล้วเราเอ๋ย
แม้นจะเคย มามั่ง หลายครั้งก่อน
แต่ทุกครา ขาแขน ก็แคลนคลอน
เห็นทางก่อน จะปั่น ก็หวั่นใจ ๚

๏ ถึงลำปาง อย่างล้า เข่า ขา ข้อ
ก่อนไปต่อ ให้ถึง ซึ่งเชียงใหม่
แวะอัพรูป เสียหน่อย แล้วค่อยไป
เอ้า กดไลค์ รัวรัว ซิตัวเธอ ๚

๏ ขึ้นขุนตาล ปานว่า จะขาเคล็ด
ขึ้นไม่เสร็จ สักที นะนี่เน้อ
โอ้ไม่อยาก จะพบ ประสบเจอ
อยากให้เธอ มารับ ฉันกลับจัง ๚

๏ ค้างลำพูน สักคืน พอตื่นเช้า
ค่อยปั่นเข้า เชียงใหม่ ก็ได้มั้ง
โอ้เหนื่อยอ่อน ร่อนเร่ จนเซซัง
นอนสักตั้ง สั่งสม เติมลมปราณ ๚

๏ มาถึงเมือง เชียงใหม่ สมใจแล้ว
ดั่งได้แก้ว ล้ำค่า มหาศาล
ตั้งแต่ต้น จนจบ ประสบการณ์
ที่พ้นผ่าน ทั้งหมด น่าจดจำ
นิราศเรื่อง เมืองเหนือ จบตรงนี้
หันไปเห็น พอดี บะหมี่น้ำ
ได้เวลา อาหาร ขอทานสักคำ
เห็นเขาทำ น่าทาน ละท่านเอย ๚ะ๛
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่