มือถือหายที่ เซ็นทรัลภูเก็ต ทำอย่างไรจะได้คืน ?

มือถือ Samsung Galaxy Note 4 หายที่ เซ็นทรัลภูเก็ต
ร้องไห้ร้องไห้ร้องไห้ร้องไห้ร้องไห้ร้องไห้ร้องไห้ร้องไห้ร้องไห้ร้องไห้ร้องไห้ร้องไห้ร้องไห้ร้องไห้ร้องไห้ร้องไห้ร้องไห้ร้องไห้ร้องไห้ร้องไห้ร้องไห้ร้องไห้ร้องไห้
เรื่องยาวหน่อยนะครับ



เมื่อวันศุกร์ที่ 22 เมษายน ที่ผ่านมาผมได้พาเพื่อน และหลาน 2 คน ไปชมภาพยนตร์เรื่อง Huntsman เซ็นทรัล ภูเก็ต เพราะเพื่อนผมเขาประสบอุบัติแขนหักทั้งสองข้าง เหตุรถจักรยานยนต์ของเขา โดยรถกระบะเปิดประตูใส่ และที่เขาต้องใช้รถจักรยานยนต์ในวันนั้นก็เนื่องจากผมยืมรถยนต์เขามาทำธุระ เพราะเอารถของตัวเองไปทำสี
เราไปถึงที่โรงหนัง Fs ที่ชั้น 3 ประมาณ 18.00 น. ก็รีบไปซื้อตั๋วหนัง เพราะไม่อยากดูรอบดึก เนื่องจากหลานคนหนึ่งต้องกลับสงขลาเช้าวันรุ่งขึ้น และอีกคนหนึ่งต้องไปเรียนวันรุ่งขึ้นช่วงเช้าเช่นกัน ปรากฏว่าเมื่อไปซื้อตั๋วผมก็ดูโปรแกรมที่มันขึ้น Display ที่หน้าโรงบอกว่ามีรอบประมาณ 19.00 น. ผมก็แจ้งพนักงาน แต่เธอบอกผมว่ารอบนั้นเป็นชั้น VIP ซึ่งผมก็งงๆ แต่เธอบอกว่ารอบที่เร็วที่สุดคือ 20.00 น. มันออกจะดึกไปซักหน่อย แต่ก็จำเป็น ผมเลยซื้อตั๋วรอบดังกล่าว และก็พาเด็กๆ ไปทานอาหาร พอถึงเวลาก็มาเข้าโรงหนังตามปกติ ต่อมาเมื่อตัวอย่างภาพยนตร์ฉายเสร็จ หนังจริงฉายปรากฏว่ากลายเป็นเรื่อง Hardcore ซึ่งเป็นหนัง 18+ ผมจึงออกจากโรงหนัง และมาโวยที่เคาน์เตอร์ แต่พนักงานที่เคาน์เตอร์ที่ขายตั๋วให้ผมกลับไปแล้ว ทั้งทีมที่อยู่ช่วยกันชี้แจงบอกว่าเรื่อง Huntsman มีฉายตอน 19.15 น. ….. อีกหลายอย่าง ทำนองเป็นความผิดของผมเองที่ดูไม่ดีเอง และผมก็ถามว่าหนังเรื่อง Hradcore ซึ่งเป็นหนัง 18+ ทำไมขายตั๋วให้เด็กๆ ดูได้ด้วย พนักงานเขาตอบว่าถ้าผู้ปกครองมาด้วยก็ให้ดูได้ อันนี้ผมไม่รู้ว่าจริงหรือเปล่า แต่ตอนซื้อตั๋ว เด็กๆ ก็อยู่ด้วย และผมกับเด็ก ก็ได้ยินพนักงานขายพูดว่าเรื่องที่เราจะดูคือ Huntsman  แต่ผมก็ยอมรับว่าผมไม่ได้ดูรายละเอียดตั๋วที่ซื้อเพราะไม่ได้เอาแว่นสายตาไปด้วย สุดท้ายหัวหน้าพนักงานก็แสดงความรับผิดชอบโดยการให้ผมเลือกที่จะรับเงินคืน หรือ ดูรอบต่อไปซึ่งเป็นรอบ 21.50 โดยเธอให้ผมใช้ตั๋วใบเก่า และจะสั่งกับพนักงานหน้าประตูให้ ผมไม่มีทางเลือก เพราะหลานคนหนึ่งจะต้องกลับสงขลาวันรุ่งขึ้น เลยต้องรอหนังฉายรอบต่อไปเวลานั้นเป็นเวลาประมาณ 20.30 นาที รวมแล้วถ้าดูหนังจบวันนั้นผมต้องใช้เวลารวม 6 ชั่วโมง



เมื่อออกมาจากจุดนั้น สิ่งที่ผมต้องแก้ไขต่อไปก็คือเวลาจอดรถ ซึ่งถ้าดูหนังผมจะได้เวลาเพิ่มจากปกติอีก 1 ชั่วโมงเป็น 3 ชั่วโมง ถ้าเกินกว่านั้นก็จะโดนปรับชั่วโมงละ 30 บาท ดังนั้นผมเลยพาเด็กๆไปนั่งกินไอศกรีมที่ swensen's ที่ชั้น 1 เพื่อฆ่าเวลา เมื่อทานไอศกรีมเสร็จ ผมก็เอาใบเสร็จรับเงินค่าไอศกรีมไปต่อเวลา และปรึกษากับพนักงาน ซึ่งก็ได้รับคนแนะนำว่าให้เอารถไปวนออก และเข้ามาใหม่
ขณะนั้นเวลา ประมาณ 21.20 น. ตอนที่ผมลงบันไดเลื่อนจากชั้น 1 ไปยังชั้น P2 ที่จอดรถไว้ ที่หน้าบันไดเลื่อนผมบอกให้เด็กๆ ไปดูหนังสือที่ B2S ชั้น 3 รอ ส่วนผมจะไปวนรถ และให้เด็กหยิบมือถือผมที่ฝากไว้ในกระเป๋าเพื่อนผม(มือถือฝากไว้ตั้งแต่ตอนเข้าดูหนังผิดเรื่องแหละครับ) เด็กเปิดกระเป๋าจะหยิบแล้ว แต่เพื่อนผมเสนอว่าจะไปเป็นเพื่อน ผมตกลง เด็กก็เลยเอามือถือใส่กระเป๋าเหมือนเดิม และเพื่อผมก็ถือกระเป๋าเดินตามผมลงมา
เมื่อวนรถเสร็จผมนำรถมาจอดที่ชั้น P1 ใกล้ๆ กับลิฟต์ เมื่อเดินเข้ามาในโถงหน้าลิฟต์ แต่วันนี้มืดมากเพราะไฟที่โถงดับ มี รปภ ของเซ็นทรัลอยู่ 2 คน คนหนึ่งนั่งอยู่ และอีกคนยืน คนยืนขอตรวจกระเป๋า ผมงงเล็กน้อยเพราะเข้าๆ ออกเซ็นทรัลมาหลายรอบไม่เคยโดนตรวจ แต่ก็ต้องให้ความร่วมมือ เพื่อนผมเนื่องจากแขนหักสองข้างแม้อีกข้างหนึ่งดีขึ้น ก็ยังใช้งานไม่สะดวก อีกข้างหนึ่งเข้าเฝือกอยู่ ก็เลยบอกให้เจ้าหน้าที่เปิดซิปดูเอง ผมสังเกตว่าเจ้าหน้าที่ไม่มีไฟฉายส่อง ทั้งๆที่โถงมืดมาก อันนี้ที่ผมเห็นนะ “ผมเห็นเขาล้วงมือเข้าไปเพื่อควานในกระเป๋าว่ามีอะไรผิดสังเกต” ขณะเดียวกันเขาก็ทักว่าสายคล้องแขนเพื่อนผมหลุด ผมจึงละสายตา และมาช่วยเพื่อผมจัดการสายคล้องแขนให้เรียบร้อย จากนั้นเขาก็ให้เพื่อนผมเอากระเป๋าไปได้ โดยเขาไม่ยอมรูดซิปคืนให้ เธอจึงต้องรูดปิดเอง  (ผมกับเพื่อตอนอยู่ในลิฟต์ยังนินทาว่าตอนเปิดรูดได้ แต่ตอนปิดไม่ยอมช่วย) ขณะนั้นมีคนอื่นมาขึ้นลิฟต์ แต่ก็ไม่เห็นเจ้าหน้าที่สนใจเรียกตรวจประการใด เมื่อผมกับเพื่อนขึ้นลิฟต์ไปถึงชั้น 3 ขณะนั้นเวลาประมาณ 21.40 น. ผมจึงให้เพื่อนผมไปตามเด็กๆ และผมไปเข้าห้องน้ำ เมื่อผมเดินออกจากห้องน้ำผมเห็นเด็กๆ นั่งรออยู่พร้อมกับกระเป๋า ส่วนเพื่อนผมพึ่งเข้าห้องน้ำไป รออยู่ครู่เดียวเราทั้งหมดก็เดินไปเข้าโรงหนัง ดูหนังตามปกติ และเมื่อดูเสร็จก็กลับบ้านตามปกติ ถึงบ้านผมขอให้มือถือคืน ปรากฏว่าเมื่อเปิดกระเป๋ามามือถือผมก็หายไปแล้ว

คืนนั้นผมก็เปิด Find My Mobile และ Google Setting ดู ปรากฏว่ามือถือผมถูกปิดไปตอน 22.30 น. เรียบร้อยแล้ว แสดงว่ามีคนได้ไปและมีเจตนาแน่นอน

เช้าวันรุ่งขึ้นผมจึงไปแจ้งความที่ โรงพักวิชิต อันนี้ขอนอกเรื่องนิดนะครับ ผมขอชมเจ้าหน้าที่ตำรวจโรงพักอำเภอเมือง และโรงพักวิชิต ว่าให้บริการดีมากครับ เพราะก่อนหน้านี้ผมช่วยดูแลเพื่อนผมที่ต้องเข้าออกโรงพักอำเภอเมืองท่านสารวัตรนุชจรีก็ดูแลอย่างดี มาที่โรงพักวิชิตหมวดฐาปนี ก็ดูแลอย่างดีเช่นกัน แต่น่าเสียดายโรงพักวิชิตไปอยู่ในซอย และถนนซอยที่ว่า มีปากซอยแคบไปนิด ถ้าวันหลังประชาชนเข้าออกอาจไม่ค่อยสะดวกนัก หวังว่ารัฐบาลจะจัดสรรงบให้เยอะๆหน่อย ยิ้ม

จากโรงพักผมก็ไปที่เซ็นทรัล เพื่อขอให้ช่วยติดตามมือถือให้ โดยไปพบกับหัวหน้าฝ่ายรักษาความปลอดภัยของเซ็นทรัลต้องขออภัยผมจำชื่อไม่ได้ พอดีไม่ได้นามบัตรมาครับ เขาก็เรียกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย และผู้จัดการของ PCS มาสอบถามต่อหน้าผม ซึ่งคำตอบก็คงไม่ต้องเล่าละเอียดก็ได้
ข้อสรุปคือเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยบอกว่าทำตามหน้าที่ ไม่ได้เอามือล้วง หัวหน้าฝ่ายบอกทำตามหน้าที่ และเจ้าหน้าที่ทำงานกับเขามา 10 ปีไม่มีนิสัยอย่างนี้แน่นอน และเขาก็ให้คำแนะนำผมว่าไปแจ้งความ ให้บริษัทฯมือถือตามหาให้ และถ้ามีอะไรคืบหน้าเขาจะแจ้งให้ทราบ
    ผมไม่ได้ปรักปรำ รปภ.ท่านนั้นนะครับ เพราะดูหน้าตาเขาก็ไม่น่าเป็นผู้ร้าย แต่ที่สงสัยความบังเอิญมันมากไปหรือเปล่า
* บังเอิญโถงหน้าลิฟ P1 ไม่มีกล้องวงจรปิด ทั้งๆ ที่มีกล้องเกือบทั้งตึก
* บังเอิญวันนั้นไฟดับ
* บังเอิญไฟฉายแบตเตอรี่หมด(เจ้าหน้าที่ รปภ คนนั้นบอก)
* บังเอิญเขาตรวจกระเป๋าเพื่อนผมตามหน้าที่ ทั้งๆ ที่วันนั้น(ก่อนหน้า) และวันรุ่งขึ้น ผมกับเพื่อนๆ เดินๆ เข้าๆ ออกลิฟต์ ทั้ง P2 P1 ไม่มีใครขอตรวจ
* บังเอิญเขามองเห็นสิ่งที่อยู่ในกระเป๋าในที่มืดได้
* บังเอิญผมตาฝาดที่เห็นเขาล้วงมือในกระเป๋า แต่เขาบอกว่าไม่ได้ล้วง

********* ผมคงต้องทำใจ แต่ก็หวังเล็กๆ ว่าทางเซ็นทรัลจะอนุเคราะห์ติดตามเรื่องนี้ให้อย่างจริงจัง เพราะมีกล้องอื่นๆ ที่บันทึกเทปไว้สามารถแกะรอยได้

อ๋อ: มีความเป็นไปได้อย่างหนึ่งคือช่วงเวลาไม่เกิน 1 นาที ที่หลานผมถือกระเป๋า นั่งรออยู่หน้าห้องน้ำเขามีโอกาสที่จะหยิบมือถืออกมาเล่น แล้ววางทิ้งไว้ แต่เขาไม่รู้รหัสมือถือผม ก็คงเปิดเครื่องไม่ได้

สุดท้าย
ผมคงต้องเชื่อว่า ปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติมีจริง คงมีมือที่มองไม่เห็นมาล้วงเอามือถือผมไป ถ้าคิดในแง่ดีเจ้ากรรมนายเวรเขามาเอาแค่มือถือไป เขาไม่ทวงเอาชีวิตไปด้วยก็นับว่ากรุณาแล้ว

แต่อย่างไงก็ยังอยากได้คืน เพราะว่าเป็นของที่ผมซื้อมาใช้งานจริงๆ และที่สำคัญมันแพงครับ
อมยิ้ม17อมยิ้ม17อมยิ้ม17อมยิ้ม17อมยิ้ม17อมยิ้ม17อมยิ้ม17อมยิ้ม17อมยิ้ม17อมยิ้ม17
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่