พ.รบ.แม่วัยรุ่น2559‘สิทธิเด็กท้อง’

รัฐบาลคสช.สั่งเร่งสปีดให้ออกกฎหมายเพื่อช่วยหยุดตัวเลขไม่ให้พุ่งมากไปกว่านี้ ในที่สุด วัยรุ่นไทยก็ได้กฎหมายเป็นของตัวเองเพิ่มอีก 1 ฉบับ ได้แก่  “พ.ร.บ.การป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น พ.ศ.2559" โดยประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 31 มีนาคม ที่ผ่านมา และจะมีผลบังคับใช้อย่างจริงจังหลังจากนี้ไป 120 วัน หรือประมาณเดือนกรกฎาคม
           เนื้อหาสาระสำคัญของกฎหมายฉบับนี้ที่เรียกกันสั้นๆ ว่า “พ.ร.บ.แม่วัยรุ่น” กำหนดให้ วัยรุ่นหมายถึงบุคคลอายุ 10-20 ปี นอกจากนี้ยังให้ตั้ง “คณะกรรมการป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น” เพื่อทำหน้าที่กำกับและควบคุมทิศทางการทำงานในภาครวมทั่วประเทศ
           “นายกรัฐมนตรี” เป็นประธานกรรมการ และกรรมการจาก 3 ส่วน ได้แก่ 1.กรรมการโดยตำแหน่ง 8 คน มาจาก รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ รมว.ศึกษาธิการ รมว.สาธารณสุข ปลัดกระทรวงมหาดไทย ปลัดกระทรวงยุติธรรม ปลัดกระทรวงแรงงาน ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม และปลัดกทม. 2.กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ 5 คน จากผู้มีความรู้ มีความเชี่ยวชาญมีผลงานด้านสาธารณสุขและการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพวัยรุ่น  3.ผู้แทนเด็กและเยาวชน 2 คน ชาย 1 หญิง 1 จากผู้แทนสภาเด็กฯ

           นอกจากนี้ ยังให้ “สถานศึกษา” ต้องจัดให้มีการเรียนการสอนเรื่องเพศวิถีศึกษาให้เหมาะสมกับช่วงวัยของนักเรียน และจัดหาผู้สอนให้เหมาะสมด้วย ไม่ใช่ครูวิชาไหนมาสอนก็ได้ แต่ควรเป็นครูที่ผ่านการอบรมหรือมีประสบการณ์ในการสอนเพศวิถีโดยตรง พร้อมสร้างระบบการดูแล ช่วยเหลือ และคุ้มครองเด็กที่ตั้งครรภ์ ให้ได้รับการศึกษาด้วยรูปแบบที่เหมาะสม
           ส่วนสถานที่ทำงานนั้น หากพบแม่วัยรุ่นที่เป็นลูกจ้างตั้งครรภ์ ต้องสนับสนุนให้เข้าถึงคำปรึกษาและบริการอนามัยการเจริญพันธุ์ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนด
           สำหรับหน่วยงานรัฐ ต้องส่งเสริมสนับสนุนสภาเด็กและเยาวชนระดับจังหวัดและระดับอำเภอ สร้างเครือข่ายเด็กและเยาวชนในพื้นที่เพื่อเป็นแกนนำป้องกัน แก้ไขและเฝ้าระวังปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น จัดฝึกอาชีพตามความสนใจและความถนัดแก่วัยรุ่นที่ตั้งครรภ์ก่อนและหลังคลอด และประสานงานเพื่อจัดหางานให้ได้ประกอบอาชีพตามความเหมาะสมของเด็กแต่ละคน

              “นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์” ประธานกรรมาธิการการสาธารณสุข สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) อธิบายเพิ่มเติมว่า หลังจากนี้ 120 วัน ทุกโรงเรียนต้องพยายามจัดหาครูที่มีความรู้เรื่องนี้ และชั่วโมงสอนเพศวิถีที่เหมาะสมกับเด็กอย่างแท้จริง กฎหมายฉบับนี้ไม่ได้กำหนดให้มีกรรมการระดับจังหวัด รอดูว่าคณะกรรมการระดับชาติจะกำหนดหลักการให้โรงเรียนหรือสถานศึกษาทำอย่างไรต่อไป
              “เป็นเรื่องน่าดีใจที่ประเทศไทยมีกฎหมายนี้ ช่วงแรกคือต้องเริ่มจากโรงเรียน จากนั้นก็เป็นสถานที่ทำงาน จะทำอย่างไรให้เด็กเหล่านี้มีโอกาสได้ศึกษาต่อและมีงานทำ สามารถสร้างครอบครัวที่มั่นคงได้ในอนาคต” นพ.เจตน์แสดงความเห็น
              ทั้งนี้ ข้อมูลตัวเลขปี 2543 สถิติวัยรุ่นไปโรงพยาบาลคลอดลูกวันละ 4 คน ปี 2556 พุ่งขึ้นมาเป็นวันละ 9 คน หรือคิดเป็น 4 นาทีต่อ 1 คน ยอดรวมประมาณปีละ 1.3 แสนคน ล่าสุด 11 กุมภาพันธ์ 2559 โรงพยาบาลรามาธิบดีเปิดเผยผลการสำรวจว่า วัยรุ่นไทยอายุระหว่าง 15-19 ปีตั้งท้องแบบไม่ตั้งใจถึงร้อยละ 80 และร้อยละ 30 เลือกทำแท้ง โดยร้อยละ 10 ทิ้งลูกไว้ในโรงพยาบาลที่คลอด
              ยิ่งไปกว่านั้น ยังพบว่า แม่วัยรุ่นเสี่ยงซึมเศร้าและฆ่าตัวตาย แม้แต่งงานกันแล้วสุดท้ายก็หย่าร้าง

              1.ฮอตไลน์วัยรุ่นสายด่วน 24 ชั่วโมง เพื่อให้คำปรึกษาทุกเรื่อง เพราะเด็กส่วนใหญ่เวลาที่ทุกข์ใจไม่อยากพูดคุยกับพ่อแม่ ผู้ปกครอง หรือครู เพราะรู้สึกว่า “พูดกันไม่รู้เรื่อง” ควรมีใครสักคนที่พูดกับพวกเขารู้เรื่องแล้วให้คำปรึกษาที่ถูกต้อง
              2.ครอบครัวชั่วคราว เป็นสวัสดิการครบวงจรสำหรับแม่วัยรุ่นระหว่างตั้งครรภ์และหลังจากคลอดลูกออกมาแล้ว เป็นเหมือนบ้านพัก หรือ ครอบครัวที่พร้อมเยียวยาช่วยเหลือให้ผ่านพ้นช่วงนั้นของชีวิตไปได้ เป็นครอบครัวทั้งสำหรับแม่และเด็ก เพราะแม่วัยรุ่นหลายคนเรียนหนังสือจบ มีงานทำ เขาก็ไปรับลูกมาเลี้ยงอย่างมีความสุขได้ หรืออาจเป็นสถานที่รับเลี้ยงเด็ก 24 ชั่วโมง
              3.การรับบุตรบุญธรรม หากแม่วัยรุ่นไม่พร้อมมีลูก ควรหาทางออกยั่งยืนให้ทารกที่เกิดมา ไม่ควรบังคับให้แม่ที่ตัวเขาก็ยังเป็นเด็กให้มีภาระเลี้ยงดูเด็กอีกคน เป็นเหมือนซ้ำเติมปัญหาในชีวิต เพราะส่วนใหญ่แม่วัยรุ่นนั้น ร้อยละ 50 เป็นกลุ่มเด็กด้อยโอกาสอยู่แล้ว

              “วัยรุ่นมีสิทธิตัดสินใจด้วยตนเอง และมีสิทธิได้รับข้อมูลข่าวสารและความรู้ ได้รับการบริการอนามัยการเจริญพันธุ์ ได้รับการรักษาความลับและความเป็นส่วนตัว ได้รับการจัดสวัสดิการสังคม อย่างเสมอภาคและไม่ถูกเลือกปฏิบัติ และได้รับสิทธิอื่นใดที่เป็นไปเพื่อประโยชน์ ตามพระราชบัญญัตินี้อย่างถูกต้อง ครบถ้วน และเพียงพอ”

               เราก็ลุ้นๆว่า จะแก้ปัญหาได้จริงๆไหม

               http://www.komchadluek.net/detail/20160416/225944.html
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่