ตอนที่ 1 ตามล่าฝูงกวาง เคว้งคว้าง ณ ทุ่งกะมัง ฉบับเว่อร์วัง UNSEEN !!
http://pantip.com/topic/35052280
วันที่สองของทริป
เราเตรียมตัวไปเชียงคาน โดยขึ้นรถจาก บขส.ชุมแพ 8.50 น. ถึงเชียงคานตอนเที่ยงพอดี
คืนนี้เราพักกันที่ “เถ้าแก่ลาว” เชียงคาน ซอย 5 ที่พักสะอาด บรรยากาศดี
บรรยากาศดีสุดๆ มองจากระเบียงห้องพักก็เห็นวิวแม่น้ำโขงแบบพาโนรามา
พี่เจ้าของที่พักน่ารักและใจดีมาก พูดจาสบายๆ เป็นกันเองสุดๆ ให้ความรู้สึกเหมือนมานอนบ้านเพื่อนสนิท พวกเราประทับใจพี่เค้ามาก แนะนำทุกอย่างตั้งแต่สถานที่เที่ยวไปจนถึงอาหารการกิน
ถ้าใครมาเที่ยวเชียงคานเราขอแนะนำให้พักที่ เถ้าแก่ลาว เพราะทุกคนจะประทับใจกลับไปแน่นอน
การเดินทางในเชียงคานแนะนำให้เช่ารถมอไซค์จะสะดวกสุด เราไปเช่ารถกันที่ ซอย9 ค่าเช่ารถวันละ 250 บาท ไม่รวมน้ำมัน แต่ตอนนั้นเราใช้รถไม่ถึง 24 ชม. เค้าเลยลดให้เหลือคันละ 200 บาท ถ้าใครไม่สะดวกก็สามารถใช้บริการสกายแลปได้ แต่ราคาก็จะสูงนิดหน่อย
จุดหมายปลายทางสำหรับวันนี้คือ หมู่บ้านวัฒนธรรมไทดำ อยู่ห่างจากที่พักประมาณ 10 กิโล รถพร้อม คนพร้อม ก็ออกแว้นกันเลยจ้า
มาถึงหมู่บ้านวัฒนธรรมไทดำ ชาวบ้านก็มาต้อนรับเป็นอย่างดี พาชมพิพิธภัณฑ์ซึ่งทางขึ้นพิพิธภัณฑ์มีสองฝั่งแยกชายหญิง
หลังจากชมพิพิธภัณฑ์เสร็จ เราก็ลงมาบริเวณสนามหญ้ากลางหมู่บ้าน ซึ่งมีเสาสูงๆ มีห่วง 3 ห่วงตั้งอยู่ เป็นการละเล่นประจำหมูบ้านไทดำ เรียกว่า “มังกรลอดห่วง” วิธีการเล่นต้องโยนหมอนผ้าที่มีสายยาวๆ ผูกอยู่ ให้ลอดห่วง ที่พีคคือเค้าเชื่อกันว่า ถ้าโยนเข้าห่วงจะได้แฟน! พวกเราก็รีบโยนสิคะ จะรออะไร 555555
บริเวณสนามหญ้ายังมีของเล่นพื้นบ้านอื่นๆ อีก เช่น เดินไม้ไผ่ เดินกะลา เด็กในหมู่บ้านก็มาเล่นกับพวกเราด้วย เด็กๆ น่ารักมาก ชวนพวกเราแข่งเดินไม้ไผ่ แต่เราพยายามแค่ไหนก็ยืนได้ไม่เกิน 10 วิ น้องคะ อย่าพูดถึงเรื่องเดินเลยค่ะ 555555
เดินเข้าไปอีกก็จะมีเครื่องทอผ้าเเบบโบราณที่ทำด้วยไม้ทั้งหมด เราก็ขอพี่เค้าลองทอผ้าดู แรกๆ ก็สนุกนะ รู้สึกมีความเป็นกุลสตรี จีบได้ ทอผ้าเป็น แต่สุดท้ายก็ทำล่มค่ะ มันไม่ใช่แนวพวกเราเลย 55555
ตอนที่กำลังทอผ้าอยู่ ผู้ใหญ่บ้านก็เรียกให้นักท่องเที่ยวมารวมกันตรงลานกว้างๆ เพื่อชมโชว์การแสดงรำพื้นบ้านของชาวไทดำ นักท่องเที่ยวก็ต้องร่วมวงรำด้วย บรรยากาศอบอุ่นน่ารักมากๆ
วันที่เราไปมีขบวนแห่ของชาวบ้านพอดี เราเลยได้ชมขบวนแห่ประจำปีของชาวบ้านไทดำ
หลังจากแวะชมจนทั่วหมู่บ้านแล้ว เราจึงแว้นกลับที่พัก แต่แวะดูพระอาทิตย์ตกที่ภูช้างน้อยกันก่อนกลับ
ถึงที่พักแล้วก็เริ่มหิว เลยเดินเล่นที่ถนนคนเดินชิลๆ ซึมซับบรรยากาศเชียงคานกันหน่อย
เรามาทานข้าวกันที่ร้าน “เฮือนหลวงพระบาง” เป็นร้านแนะนำประจำเชียงคานเลย อาหารพื้นเมืองอร่อย ทานข้าวไปชมบรรยากาศแม่น้ำโขงไป ชิลสุดๆ
ปิดท้ายวันด้วยบรรยากาศถนนคนเดินเชียงคาน วันธรรมดา ผู้คนบางตา พวกเราก็เดินกันชิวๆ ก่อนกลับที่พักไปนอน
เช้าวันถัดมาเราตื่นแต่เช้าตรู่ เพื่อไปตักบาตรข้าวเหนียวตามวัฒนธรรมของชาวบ้านเชียงคาน
จากนั้นเราก็แว้นกันแต่เช้า เพื่อไปจุดชมวิวเมืองเชียงคานที่ภูทอกกัน
แวะไปวัดพระบาทภูควายเงิน เพื่อสักการะรอยพระพุทธบาท ที่นี่มีกระต่ายเยอะมาก เราสามารถเข้าไปให้อาหารกระต่ายได้เลย พอเดินเข้าไปกระต่ายทั้งกรงก็วิ่งมาหาพวกเราจนไม่กล้าขยับเท้าเดินไปไหน เพราะกลัวจะเหยียบหัวน้องกระต่าย
สถานที่สุดท้ายที่เราไปคือ แก่งคุดคู้ บรรยากาศยามเช้ารอบแก่งก็ดูสบายๆ คนยังไม่เยอะ
เรากลับที่พักมาเก็บของ ก่อนกลับพี่เจ้าของร้านก็แนะนำให้ไปทาน “จุ่มนัว” ที่พี่เค้าบอกว่าเป็นอาหารที่ทำให้เค้ากลับมาเชียงคานอีกครั้ง พวกเราก็ไม่รอช้า รีบไปจัดกันก่อนเดินทาง
รสชาติจุ่มนัวคล้ายๆ สุกี้ผสมเย็นตาโฟ อร่อยและนัวสมชื่อจริงๆ
ตรงกันข้ามเป็นร้านขนมสังขยาคุณเเม่ เราก็อดไม่ได้ที่จะเเวะเข้าไปชิม
และแล้วก็ได้เวลาบอกลา บ๊ายบายยย เชียงคานนนนนน
สรุปค่าใช้จ่ายในการเดินทาง
เที่ยวขวาสุดของเลยเเล้ว ไปต่อกันที่ซ้ายสุดของเลยกันดีกว่า “ไปกัน เลย!”
[SR] [CUCT][กลมกลิ้ง หลงรักเลย] ตอนที่ 2 ตะลุยเชียงคาน เรียนรู้วันวาน ณ หมู่บ้านฯไทดำ
http://pantip.com/topic/35052280
วันที่สองของทริป
เราเตรียมตัวไปเชียงคาน โดยขึ้นรถจาก บขส.ชุมแพ 8.50 น. ถึงเชียงคานตอนเที่ยงพอดี
คืนนี้เราพักกันที่ “เถ้าแก่ลาว” เชียงคาน ซอย 5 ที่พักสะอาด บรรยากาศดี
บรรยากาศดีสุดๆ มองจากระเบียงห้องพักก็เห็นวิวแม่น้ำโขงแบบพาโนรามา
พี่เจ้าของที่พักน่ารักและใจดีมาก พูดจาสบายๆ เป็นกันเองสุดๆ ให้ความรู้สึกเหมือนมานอนบ้านเพื่อนสนิท พวกเราประทับใจพี่เค้ามาก แนะนำทุกอย่างตั้งแต่สถานที่เที่ยวไปจนถึงอาหารการกิน
ถ้าใครมาเที่ยวเชียงคานเราขอแนะนำให้พักที่ เถ้าแก่ลาว เพราะทุกคนจะประทับใจกลับไปแน่นอน
การเดินทางในเชียงคานแนะนำให้เช่ารถมอไซค์จะสะดวกสุด เราไปเช่ารถกันที่ ซอย9 ค่าเช่ารถวันละ 250 บาท ไม่รวมน้ำมัน แต่ตอนนั้นเราใช้รถไม่ถึง 24 ชม. เค้าเลยลดให้เหลือคันละ 200 บาท ถ้าใครไม่สะดวกก็สามารถใช้บริการสกายแลปได้ แต่ราคาก็จะสูงนิดหน่อย
จุดหมายปลายทางสำหรับวันนี้คือ หมู่บ้านวัฒนธรรมไทดำ อยู่ห่างจากที่พักประมาณ 10 กิโล รถพร้อม คนพร้อม ก็ออกแว้นกันเลยจ้า
มาถึงหมู่บ้านวัฒนธรรมไทดำ ชาวบ้านก็มาต้อนรับเป็นอย่างดี พาชมพิพิธภัณฑ์ซึ่งทางขึ้นพิพิธภัณฑ์มีสองฝั่งแยกชายหญิง
หลังจากชมพิพิธภัณฑ์เสร็จ เราก็ลงมาบริเวณสนามหญ้ากลางหมู่บ้าน ซึ่งมีเสาสูงๆ มีห่วง 3 ห่วงตั้งอยู่ เป็นการละเล่นประจำหมูบ้านไทดำ เรียกว่า “มังกรลอดห่วง” วิธีการเล่นต้องโยนหมอนผ้าที่มีสายยาวๆ ผูกอยู่ ให้ลอดห่วง ที่พีคคือเค้าเชื่อกันว่า ถ้าโยนเข้าห่วงจะได้แฟน! พวกเราก็รีบโยนสิคะ จะรออะไร 555555
บริเวณสนามหญ้ายังมีของเล่นพื้นบ้านอื่นๆ อีก เช่น เดินไม้ไผ่ เดินกะลา เด็กในหมู่บ้านก็มาเล่นกับพวกเราด้วย เด็กๆ น่ารักมาก ชวนพวกเราแข่งเดินไม้ไผ่ แต่เราพยายามแค่ไหนก็ยืนได้ไม่เกิน 10 วิ น้องคะ อย่าพูดถึงเรื่องเดินเลยค่ะ 555555
เดินเข้าไปอีกก็จะมีเครื่องทอผ้าเเบบโบราณที่ทำด้วยไม้ทั้งหมด เราก็ขอพี่เค้าลองทอผ้าดู แรกๆ ก็สนุกนะ รู้สึกมีความเป็นกุลสตรี จีบได้ ทอผ้าเป็น แต่สุดท้ายก็ทำล่มค่ะ มันไม่ใช่แนวพวกเราเลย 55555
ตอนที่กำลังทอผ้าอยู่ ผู้ใหญ่บ้านก็เรียกให้นักท่องเที่ยวมารวมกันตรงลานกว้างๆ เพื่อชมโชว์การแสดงรำพื้นบ้านของชาวไทดำ นักท่องเที่ยวก็ต้องร่วมวงรำด้วย บรรยากาศอบอุ่นน่ารักมากๆ
วันที่เราไปมีขบวนแห่ของชาวบ้านพอดี เราเลยได้ชมขบวนแห่ประจำปีของชาวบ้านไทดำ
หลังจากแวะชมจนทั่วหมู่บ้านแล้ว เราจึงแว้นกลับที่พัก แต่แวะดูพระอาทิตย์ตกที่ภูช้างน้อยกันก่อนกลับ
ถึงที่พักแล้วก็เริ่มหิว เลยเดินเล่นที่ถนนคนเดินชิลๆ ซึมซับบรรยากาศเชียงคานกันหน่อย
เรามาทานข้าวกันที่ร้าน “เฮือนหลวงพระบาง” เป็นร้านแนะนำประจำเชียงคานเลย อาหารพื้นเมืองอร่อย ทานข้าวไปชมบรรยากาศแม่น้ำโขงไป ชิลสุดๆ
ปิดท้ายวันด้วยบรรยากาศถนนคนเดินเชียงคาน วันธรรมดา ผู้คนบางตา พวกเราก็เดินกันชิวๆ ก่อนกลับที่พักไปนอน
เช้าวันถัดมาเราตื่นแต่เช้าตรู่ เพื่อไปตักบาตรข้าวเหนียวตามวัฒนธรรมของชาวบ้านเชียงคาน
จากนั้นเราก็แว้นกันแต่เช้า เพื่อไปจุดชมวิวเมืองเชียงคานที่ภูทอกกัน
แวะไปวัดพระบาทภูควายเงิน เพื่อสักการะรอยพระพุทธบาท ที่นี่มีกระต่ายเยอะมาก เราสามารถเข้าไปให้อาหารกระต่ายได้เลย พอเดินเข้าไปกระต่ายทั้งกรงก็วิ่งมาหาพวกเราจนไม่กล้าขยับเท้าเดินไปไหน เพราะกลัวจะเหยียบหัวน้องกระต่าย
สถานที่สุดท้ายที่เราไปคือ แก่งคุดคู้ บรรยากาศยามเช้ารอบแก่งก็ดูสบายๆ คนยังไม่เยอะ
เรากลับที่พักมาเก็บของ ก่อนกลับพี่เจ้าของร้านก็แนะนำให้ไปทาน “จุ่มนัว” ที่พี่เค้าบอกว่าเป็นอาหารที่ทำให้เค้ากลับมาเชียงคานอีกครั้ง พวกเราก็ไม่รอช้า รีบไปจัดกันก่อนเดินทาง
รสชาติจุ่มนัวคล้ายๆ สุกี้ผสมเย็นตาโฟ อร่อยและนัวสมชื่อจริงๆ
ตรงกันข้ามเป็นร้านขนมสังขยาคุณเเม่ เราก็อดไม่ได้ที่จะเเวะเข้าไปชิม
และแล้วก็ได้เวลาบอกลา บ๊ายบายยย เชียงคานนนนนน
สรุปค่าใช้จ่ายในการเดินทาง
http://pantip.com/topic/35052498