โปะบ้าน ๑๐๐,๐๐๐ บาท กับลดดอกเบี้ย ๔๐๐๐ บาท คุ้มไหมที่จะโปะ หรือ เก็บเงินไว้ดีๆ ครับ

ผมลองคำนวณเล่นๆ ปลายปีนี้ ผมจะมียอดคงเหลือ 3.4 ล้าน แล้วถ้าโปะ เพิ่มจากรายเดือน 20100 เป็น 120,100 บาท

เดิมดอกเบี้ยของทั้งปี ๖๐ = 130,337.76
กรณีโปะ เพิ่ม ๑๐๐,๐๐๐ บาท ดอกเบี้ยของทั้งปี ๖๐ = 126,329.07

จะเห็นว่าดอกเบี้ย ต่างกัน ๔๐๐๐ บาท กับเงิน แสนบาท ครับ

คุณคิดว่าควรเก็บเป็นเงินสดไว้ หรือโปะ ไปเลยครับ กรณี คุณมีเงินฉุกเฉิน บ้างแล้ว

หรือ ในใจเอาไปต่อเติมครัวกันดีกว่า

คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 10
โดยภาพรวมผมเห็นด้วยครับที่จะโปะ แต่ฝากนิดนึง

ไม่มีดอกเบี้ยเงินกู้อะไรจะถูกไปกว่าดอกเบี้ยกู้บ้านแล้วนะครับ (ยกเว้นพวก กยศ. หรือสวัสดิการพิเศษของบริษัท)

แถมดอกเบี้ยบ้านเอามาลดหย่อนภาษีได้อีกนะ

ตัวอย่างของคุณ ดอกเบี้ยน่าจะราว 4% ต่อปี หักลดภาษีสมมติได้ 20% ก็เหลือแค่ 3.2% เอง

- ถ้ามีหนี้อื่น ไปโปะหนี้อื่นก่อนครับ
- ถ้าโปะแล้วสภาพคล่องหายหมด มีโอกาสต้องก่อหนี้เพิ่มในอนาคต อาจจะพิจารณาเอาเงินไปพักที่อื่นไว้ก่อนก็ได้ เท่าที่ผมรู้ก็มีสหกรณ์ รพ. ตำรวจ ความเสี่ยงต่ำ ดอก 3.5% ต่อปี ถอนได้ทุกวัน
- ถ้ามีศักยภาพนำเงินไปลงทุนได้มากกว่า ก็น่าสนใจครับ ต้นทุนเงินทุนต่ำ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 8
จขกท.อย่าคิดแค่ดอกเบี้ยครับ  ต้องคิดเยอะกว่านั้น
ผมสังเกตคนไทยเราชอบคิดถึงแค่ดอก ไม่คิดปัจจัยอื่นด้วย
เช่น กู้บ้าน ก็เลือกแค่ดอกที่ไหนถูกกว่า  ไม่คิดถึงปัจจัยอื่นเลย
เช่น ค่าโสหุ้ยในการกู้ ซึ่งมันก็คือต้นทุนการกู้เช่นกัน

จขกท.ต้องคิดว่า

1. บ้านเป็นหนี้แบบ Effective rate ลดต้นลดดอก  
ต้นเงินคงที่หรือลด ย่อมกระทบดอกเบี้ยตลอดไปจนกว่าคุณจะหมดหนี้บ้าน

ดังนั้น ต้นเงินลดลงวันนี้ 1 แสน คุณไม่ได้เกิดประโยชน์แค่ปีนี้ครับ แต่ตลอดไป
ไม่เชื่อให้เข้า excel ดูเลยครับ เทียบตลอดอายุสัญญา ระหว่างต้นคงเดิมกับต้นลดไป 1 แสน
ความต่างของดอกที่ต้องเสียคือเท่าไหร่


2. 1 แสนที่จ่ายต้นเงินไป = เพิ่ม EQUITY-สัดส่วนความเป็นเจ้าของบ้านให้มากขึ้น
ตัว สัดส่วนความเป็นเจ้าของ นี่สำคัญมากๆครับ คนไทยไม่เคยคิดถึงเลย
- สัดส่วนความเป็นเจ้าของของคุณยิ่งมาก เวลาขายบ้านยิ่งได้กำไรส่วนต่างมาก
- หากเกิดติดขัดจะกู้อะไร สามารถใช้ equity ในบ้านกู้ออกมาได้เยอะเท่านั้น
- วิธีวัดความมั่งคั่ง เขาวัดที่ Net Worth หรือ มูลค่าสินทรัพย์สุทธิของคุณ
คือเอาฝั่งทรัพย์สินที่เรามี ลบ ฝั่งหนี้สิน = เหลือยอดเท่าไหร่เท่ากับอัตรา Net Worth ของคุณครับ
ยิ่งมากยิ่งดี  ถ้าติดลบนี่แย่แล้ว

ดังนั้นบ้านของคุณยิ่งมีส่วนความเป็นเจ้าของสูง ฝั่งทรัพย์สินจะมาก
หนี้บ้านยิ่งน้อย ฝั่งหนี้สินก็น้อยตาม  พอหักกลบลบกัน ความมั่งคั่งของคุณยิ่งเพิ่มทวีครับ


3. เงินต้นลดลงมากเท่าไหร่ ยิ่งทำให้คุณปลดหนี้บ้านหมดเร็วกว่าสัญญาเท่านั้น
ช่วงอิสรภาพจะมาถึงเร็วขึ้น ไม่ต้องรอเกษียณกว่าจะส่งบ้านหมด


4. การเอาเงินไปลงทุนอย่างอื่น ยิ่งได้ดอกมากกว่าดอกเบี้ยบ้าน แต่ความเสี่ยงขาดทุนย่อมสูง
ลงทุนในบ้าน มีแต่เพิ่มค่า ไม่มีขาดทุน

(บ้านปกติไม่เจอความซวยแบบภัยพิบัติ หรือเวนคืน)  
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่