มรสุมชีวิต - หาทางออกไม่ได้ - ขอโทษที่ผ่านมาทำตัวแย่ๆ

กระทู้คำถาม
เริ่มเรื่องเลยแล้วกัน จะได้ไม่เสียเวลาในการอ่าน
คือตอนนี้เรากำลังเรียนอยู่ ที่ผ่านมาชีวิตเคยสุขสบายกว่าที่เป็นอยู่ในตอนนี้ เมื่อก่อนมีพ่อกับแม่อยู่ด้วย พ่อกับแม่ประกอบอาชีพค้าขาย เราก็ช่วยบ้างวันไหนที่หยุดก็ไปช่วยขาย จนวันหนึ่งเพื่อนแนะนำให้เราเล่นเกมส์ๆนึง จากนั้นมาเรากลายเป็นคนติดเกมส์ทันที ติดจนเอาเงินที่เก็บได้จากที่ช่วยพ่อกับแม่ทั้งหมดไปเติมเกมส์ แรกๆเราไม่คิดอะไร เพราะเรายังคิดว่าเรายังมีพ่อกับแม่อยู่ทำงานหาเลี้ยงเราได้อยู่ ตอนนั้นเราเรียนอยู่ม.ปลาย  ติดทั้งเกมส์ ติดทั้งเพื่อน ติดทั้งแฟน แต่ก็ยังไม่คิดอะไร เพราะเรายังไม่คิดว่าอนาคตมันจะกลับกลายมาในจุดที่ต่ำที่สุดในชีวิตของเรา ตอนที่เราเรียนอยู่ม.ปลาย เราติดเกมส์มากจนไม่เป็นอันเรียน หนักที่สุดเลยตอนไกลจะจบม.6แล้ว ซึ่งมันอีกแค่เทอมเดียว แต่เรากลับไม่ยอมไปเรียน เราโกหกแม่เราว่า ตอนเช้าไม่มีเรียน แต่ความจริงคือเราลุกไปเรียนไม่ไหวเพราะเล่นเกมส์หนักยันเช้า แล้วเราก็บอกไปว่ามีเรียนตอนบ่าย ซึ่งแม่เราจะออกไปขายของข้างนอกประมาณ11โมงกว่าๆกว่าจะกลับมาบ้านก็มืด ซึ่งก็จะไม่รู้ว่าเราไปเรียนหรือไม่ไปเรียน ก่อนแม่เราจะกลับมาบ้าน เราก็ทำเนียนเอาเสื้อนักเรียนที่ยังไม่ได้ใส่โยนใส่ตะกร้าผ้าที่ใส่แล้วเพื่อให้เนียนว่าเราไปเรียนมาแล้ว พอแม่กลับมาแม่ก็จะเชื่อว่าเราไปเรียนจริงๆ บางทีตอนเช้าแม่เราจะไปซื้อของที่ตลาดกว่าจะกลับมาก็เช้า ซึ่งวันปกติเราจะต้องไปเรียน แต่บางวันเราไม่ไปเรียน เราออกจากบ้านตั้งแต่6โมงกว่าๆ ใส่ชุดธรรมดานี่แหละไม่ได้ใส่ชุดนักเรียน จุดมุ่งหมายตอนนั้นของเราคือไปร้านเกมส์ที่ให้ไกลบ้านเพื่อที่ว่าคนแถวบ้านจะได้ไม่รู้ไม่เห็น บางทีที่เราเล่นเกมส์ไม่ใช่เพราะติดเกมส์ที่เล่นแต่เป็นเพราะติดใครบางคนในโลกออนไลน์มากจนเกินไป  เกมส์ที่เติมๆไปก็เติมให้เขาด้วย เป็นคนที่ทุ่มเทให้สุดๆอยากได้อะไรเราซื้อให้ โดยยังไม่คิดถึงเรื่องเงินว่ามันจะมีเหลือใช้ไหม  บางวันก็ไปหลบอยู่บ้านเพื่อน เพราะเพื่อนเราคนนี้เขาไม่ได้เรียน ทำงานช่วยย่ากับปู่ ย่าเพื่อนเวลาเห็นเราก็ถามนะว่าเราไม่ไปเรียนหรอเราก็ตอบไปว่าวันนี้ไม่มีเรียน อาจารย์ประชุมบ้างอะไรบ้าง ส่วนแฟนเราได้เลิกลาไปเพราะเขาแอบไปมีคนใหม่ จนมาถึงวันประกาศผลสอบ เราติดทั้ง 0 ติดทั้ง ร มส. ทุกอย่าง จนทางโรงเรียนเชิญให้เราออก ตอนนั้นแม่เราเสียใจมากพอรู้ความจริงว่าเราไม่ได้ไปเรียน ว่าทำไมเราทำแบบนี้ ส่งให้เรียนไม่ไปเรียนกลับมาทำตัวแบบนี้ เรารู้ว่าแม่เราเสียใจมาก เราเองก็เช่นกันมาคิดได้ตอนสายไป แต่ยังไงแม่เราก็ยังให้อภัยเราอยู่ ตอนนั้นเราดรอปเรียนไป1ปี จนวันหนึ่งเราตัดสินใจจะกลับไปเรียนต่อ แต่ต้องเริ่มเรียนใหม่ เราเลยเลือกที่จะเรียนสายอาชีพไปซะเลย ช่วงแรกๆทุกอย่างดีไปหมด ค่าเทอมเราไม่ต้องจ่ายเอง เงินไปเรียนเราก็ไม่ต้องหาเอง ทุกอย่างพ่อกับแม่ออกให้หมด เราตั้งใจว่าที่นี่จะเป็นที่สุดท้ายที่เราจะเรียนเราเลยตั้งใจทำให้มันดีที่สุด เกรดเฉลี่ยออกมาเทอมแรก3.90 พอบอกแม่เอาให้แม่ดู แม่บอกว่า เออดีแล้วเอาให้จบก็พอ อย่าไปเป็นแบบเมื่อก่อนที่ติดเกมส์ติดเพื่อน จนมาเทอมสอง เราก็ยังตั้งใจเหมือนเดิม ช่วงนั้นก็ไม่ได้ทำงาน เงินเก็บก็ไม่มี เงินที่ได้ไปเรียนก็ไม่เหลือเก็บเอาไว้ จนมาวันหนึ่ง แม่เราเกิดล้มป่วย ไม่สามารถเดินได้แบบปกติ ซึ่งแม่เราก็ไม่รู้สาเหตุของตัวเองที่เป็นเหมือนกันว่าทำไมถึงเดินแบบปกติไม่ได้ แม่เราเหมือนเป็นเสาหลักของบ้าน เพราะพ่อเราก็ขายของแทนไม่ได้แบบแม่ ขายเป็นนิดๆหน่อยๆ ส่วนมากจะขับรถให้แม่ซะมากกว่า จนแม่เราไม่ไหวเลยต้องเข้าไปรักษาที่โรงพยาบาล มันปวดจนไม่หายสักที แรกๆหมอยังหาสาเหตุไม่ได้ว่าตกลงเป็นอะไร แม่เราก็โทรไปบอกญาติว่าเป็นแบบนี้นะเดินไม่ได้ ไม่รู้เป็นอะไร รอหมอบอกสาเหตุ พอหมอบอกว่าเป็นโรคอะไรก็ให้ยามากิน กลับมาพักที่บ้านไม่ให้นอนโรงพยาบาล แม่ก็บำบัดด้วยตัวเองลุกขึ้นเดินบ้าง เราก็นวดให้บ้าง แต่ก็ยังไม่หายปวด กินยาก็แล้วทำไรก็แล้วไม่หาย  จนทุกวันนี้แม่ก็ยังเดินได้ไม่ปกติ แต่แม่ก็ไม่ได้นอนอยู่เฉยๆ แม่ก็ลุกเดินตลอดๆ แต่แม่ไม่สามารถทำงานหนักได้แล้ว เพราะเรียวแรงของขามันไม่ไหว แม่บอกว่าใจแม่อ่ะสู้อยู่แล้วแต่ขามันไม่ไหว แม่เลยตัดสินใจไปรักษาที่ตจว.ไปอยู่บ้านยาย บางทีแม่ก็โทรมา บางทีเราก็โทรไปหา เราก็ถามอาการว่าเป็นไงบ้าง แม่เราก็บอกว่าดีขึ้นแล้วแม่บอกว่าอยู่ตจว.อากาศมันดีกว่ากรุงเทพฯ แล้วก็ไม่ต้องฟังเสียงพ่อบ่น พ่อเราเป็นคนขี้บ่น พูดมาก แม่บอกอยู่นี่สบายใจดีด้วย จนวันหนึ่งแม่กลับมาอยู่กรุงเทพฯเหมือนเดิม อาการก็เหมือนเดิม บางวันดีบางวันก็ไม่ดี อีกอย่างพี่สาวเราก็มาหาบ้าง เรามีพี่สาวคนนึงแต่เขาแต่งงานไปมีครอบครัวแล้ว พี่สาวเราแนะนำให้แม่กลับไปอยู่บ้านที่ตจว. ไม่ต้องขายของแล้วเพราะร่างกายไม่ไหวแม่เราเลยตัดสินใจไปตจว. ส่วนเราพี่สาวบอกว่าเราโตแล้ว ให้เราหางานทำเอง ส่วนเรื่องเรียนแม่เราบอกว่าจะไปขายของที่ตจว.แทน เดี๋ยวค่าเรียนจะส่งให้จังหวะนั้น ที่แม่เราหยุดขายของไป รายได้ก็ไม่มี เงินที่มีก็เอาไปรัษาตัวเองหมด ค่าเช่าบ้านที่เช่าอยู่กรุงเทพฯ ก็ไม่มีจะให้ มีมัดจำที่ยังอยู่กับเขา เลยอยู่ในครบเดือนแล้วค่อยย้าย พอประมาณวันที่20 คนที่เป็นลูกน้องของเจ้าของบ้านเขาบอกว่าให้เราย้ายออกก่อนวันที่ 25 เพราะ่ามัดจำที่อยู๋บกับเขาอยู่ได้ถึงแค่วันที่25 ตอนนั้นเราไม่ทันตั้งตัวเพราะกลับมาจากที่เรียน งานก็ยังไม่ได้แต่สมัครไว้แล้ว เราเลยโทรบอกพ่อกับแม่ ที่ขนของกลับไปก่อนหน้าบ้างแล้ว ว่าเขาให้อยู่ถึงแค่วันที่25 แม่เราเลยบอกเดี๋ยวจะกลับมา พอวันที่ 22 แม่เลยหาที่อยู่ให้เราแบบถูกๆ คือให้ย้ายไปอยู่กับน้าคนที่แม่รู้จัก  บ้านเช่าเป็นตึกแถว เขาให้เราเช่าห้องนึง 1500 บาท ซึ่งก็คงหาที่ไหนไม่ได้แล้ว ค่าเช่าราคานี้ห้องไม่ได้แคป มีห้องน้ำแต่อยู่นอกตัวห้อง ตู้เย็นก็ใช้รวมกับเขา หม้อหุงข้าวเราก็มีใบเล็กๆที่แม่ให้เราไว้ แต่ก็ไม่ค่อยได้ใช้ส่วนมากจะซื้อกินซะส่วนใหญ่ ช่วงๆแรกที่ย้ายมา แม่จ่ายมัดจำกับค่าเช่าให้แล้ว จ่ายมัดจำไป2เดือน ส่วนตอนนั้นได้งานทำแล้ว แต่เงินเดือนยังไม่ออกซึ่งตอนนั้นก็ยังเรียนอยู่เลยทำได้แค่4-5ชม. ต่อวัน ส่วนเงินค่ากินค่าเรียน พี่สาวเป็นคนเอาให้ใช้ก่อน เขาบอกว่าเงินเดือนออกเมื่อไหร่เขาก็จะเลิกส่งให้แล้ว เพราะเขาก็มีภาระของเขาที่ต้องรับผิดชอบ อีกอย่างเขาบอกว่าเราโตแล้ว  รับผิดชอบตัวเองได้แล้วไม่ต้องให้คนอื่นรับผิดชอบแบบนี้ เงินเดือนออกเดือนแรก4พันบาท  จ่ายค่าห้องไป1500บาท เหลืออยู่2พันกว่าบาท ที่ออกน้อยเพราะเราทำPart Time ติดเรียนเลยได้ชม.ทำน้อย เงินเลยน้อยตาม ช่วงนั้นเราพยายามใช้ให้ถึงกินแต่มาม่าตลอดเวลาที่ไหทำงาน เราทำงาน Part Time ที่เซเว่นขอไม่ระบุสาขา เหนื่อยมากนะช่วงนั้นแต่เราก็ไม่บ่นให้เขาได้ยิน ส่วนมากเราได้ยกแต่ของหนัก ลังเบียร์ น้ำ ฯลฯ
บางทีมันหนัก เพื่อนร่วมงานก็ไม่ช่วยทำของตัวเองเสร็จก็ไม่เคยมาช่วย  ต้องยอมรับว่าทุกอย่างกระทันหันหมด ไม่ทันตั้งตัวไม่ทันได้คิดว่าต้องมาเจอแบบนี้ วันไหนไม่มีเงินกินข้าวก็ยืมเพื่อนทีทำงานซื้อมาม่ารอให้ถึงเดือนหน้าที่เงินเดือนออก แล้วก็ใช้คืน ต้องยอมรับว่าไม่เคยที่คิดจะขอยืมเงินใครแบบนี้เลย เพราะที่ผ่านมา เราสบายตลอด เงินทองไม่เคยเดือดร้อน บางวันเราก็มาร้องไห้กับตัวเองว่าทำไมชีวิตกลายเป็นแบบนี้ เป็นเพราะที่ผ่านมาเราไม่คิดว่าจะต้องใช้เงินยังไงใช่ไหมหรืออะไรกันแน่  จนแม่วันนึงแม่โทรมาบอกว่าแม่ไม่สามารถส่งเงินให้เรียนได้แล้วต้องหาค่าเทอมค่ากินค่าเช่าเอง ตอนนั้นเราคิดหนักเลยว่าจะทำยังไง ค่าเทอมที่เราเรียนอยู่มันก็แพง เราไม่มีตังจะไปจ่ายแน่ๆ แต่ช่วงนั้นเราก็ทำงานอยู่ พอเงินเดือนออกมาเดือนแรกแบบเต็มๆ เราได้9พันกว่าบาท ตั้งใจจะไปจ่ายค่าเช่าห้องก่อนเลยกับใช้หนี้พื่อนที่ยืมมาซื้อมาม่ากิน กดออกมา1700บาท ใช้หนี้เพื่อนแล้ว ไม่ทันจะได้จ่ายค่าบ้านเงินดันหายเราคิดว่าหายในตลาดแน่ๆ ตอนไปซื้อจะกลับไปกินที่บ้าน เราเลยกลับไปหาในตลาด อาจจะเป็นจังหวะที่ควักซื้อของในตลาด แต่พอกลับไปก็หาไม่เจอ ตอนนั้นก็คิดว่าเออหายครั้งเดียวพอวันนั้นคงซวยเอง กลับมาหายครั้งที่สองกระเป๋าตังค์ที่ซื้อมาใหม่หาย คราวนี้หายทั้งกระเป๋า เงินอยู่ในนั้น4พันกว่าบาท ที่เรากดออกมาเยอะ เพราะเราขี้เกียจจะไปกดหลายๆรอบเลยกดมาทีเดียวแบบเยอะๆ ซึ่งก็ไม่คิดว่าจะหายทั้งกระเป๋าแบบนี้  เงินก็เริ่มเหลือน้อยละแต่ก็ยังไม่คิดอะไรเพราะตอนนั้นก็ยังทำงานอยู่ สักพักเราตัดสินใจออกจากงานที่ทำอยู่ เพราะเพื่อนร่วมงานด้วยแหละอะไรหลายๆอย่างที่ทำให้อยากออก เราตัดสินใจออกเพราะว่าจะไปหาขายของกับเพื่อนด้วย พอผ่านมาประมาณ3-4วันเรายังไม่ได้งาน ที่ขายเสื้อผ้าที่เพื่อนทำอยู่ เขาก็พึ่งรับคนไป ไปถามอีกร้านเขาก็รับแต่ประจำ เราเลยยังไม่มีงานทำ จนเมื่อวานเราไปตลาดจะไปหาซื้อของกิน เรากดมาล่วงหน้าไว้แล้ว2พันกว่าบาทจากทั้งหมดที่มีในatm และก็อีกเช่นเคยเราทำตั้งหาย 2พัน จากที่ควักซื้อของแหละมั้ง เราก็เดินกลับไปหาก็เหมือนเดิมไม่เจอ คงโง่เองที่ไม่ระวัง จังหวะนั้นโทรบอกเพื่อนเงินหายที่ตลาด2พัน มันก็ถามว่าอยู่ไหน ก็บอกอยู่ตลาดหายที่ตลาดเนี่ย เดินกลับไปก็ไม่เจอแล้ว มันเลยบอกชีวิตจะซวยอะไรแบบนี้ งานก็ยังไม่มีทำเงินก็มาหาบ่อยแบบนี้ มันก็ถามมีเงินกลับบ้านไหม ก็ตอบไปว่ามี เหลืออยู่70กว่าบาท มันบอกนั่งรถกลับบ้านมาก่อนค่อยคุยกัน ก็เลยกลับบ้านคุยแชทกับมัน คุยทุกอย่างคุยยันเรื่องเรียน เล่าให้ฟังทุกอย่าง ว่าไม่มีเงินจะเรียน ไม่รู้ว่ากยศ.จะกู้ได้ไหม เพราะทางโรงเรียนให้กู้ตอนเปิดเทอม ถ้าเปิดเทอมไปแล้วกู้ไม่ได้ เราก็คงต้องเสียค่าเทอมเทอมแรก ซึ่งเราก็ไม่มีจะจ่าย เงินจะกินตอนนี้ยังไม่มี ไปซื้อของกินมาวันนี้เหลือแค่20กว่าบาท ไม่รู้จะอยู่ได้ถึงเมื่อไหร่ ดีที่ยังมีมาม่าในห้องอยู่ 5ซอง พอประทังชีวิตได้บ้าง ส่วนตอนนี้เราเครียดมากไม่รู้ว่าวันต่อไปข้างหน้าจะทำยังไง เพราะตกงาน วุฒิก็มีแค่ม.3 แล้วอีกอย่างเราไม่รู้จะได้เรียนต่อไหม ไม่มีเงินจะส่งตัวเองเรียน ลำพังเช่าบ้านค่ากินก็หมดไปหลายบาทแล้ว ค่าเทอมเทอมนึงหมื่นเกือบสองหมื่น ไม่รู้จะเอาปัญญาที่ไหนไปจ่าย เครียดมากไม่รู้จะทำยังไงแล้ว พึ่งใครก็ไม่ได้จะโทรไปหาแม่ก็ไม่อยากรบกวน ที่ผ่านมาท่านก็เหนื่อยกับเรามามากแล้ว ขายของที่ตจว.ก็ได้ไม่มากเหมือนกรุงเทพฯ แม่เราเล่าให้ฟังบางวันได้กลับมาบ้านวันละ100ยังมี  เราเลยไม่อยากรบกวนท่าน ที่พิมพ์มาเยอะๆ ก็แค่อยากระบายบางสิ่งบางอย่างที่อยู่ในใจ
ขอบคุณสำหรับคนที่ผ่านมาอ่านจนจบด้วยนะ.
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่