[CR] รีวิวทริปอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง และเกาะสมุย สุราษฎร์ธานี

เป็นรีวิวแรกในชีวิต ไม่ได้ยืม login ใครมาใช้นะคะ 555
ต้องบอกก่อนว่าตอนไปไม่ได้คิดว่าจะกลับมารีวิวนะ ก็เลยไม่ค่อยได้ถ่ายรูปทุกจุด ทุกที่ ทุกสิ่ง ดังนั้นรีวิวนี้อาจจะเหมือนบทความมากกว่ารีวิวนะคะ

ทริปนี้เริ่มมาจากการที่เราอยากเที่ยว ก็ร่ำร้องขอตามน้องไปเที่ยวด้วย ได้ฤกษ์งามยามดี น้องก็ไลน์มาถามพี่ๆ ผมจะไปสุราษฯวันที่ 7-10 เมษานี้ พี่จะไปด้วยกันป่ะ แหม่ งานนี้มีเรอะที่เราจะพลาด ตอบตกลงทันที ก็เริ่มจองตั๋วเครื่องบินจองที่พัก ก่อนเดินทางไม่รู้อะไรเลย (อย่าใช้คำว่าไม่รู้เลย คือไม่สนใจจะหาอะไรทั้งสิ้น ทิ้งภาระให้น้องจัดการแพลนทั้งหมด เรากะเที่ยวอย่างเดียว 555) จะรู้ก็แค่คร่าวๆ ว่าเราจะไปนอนอยู่บนเกาะพะลวยกัน 2 คืน แล้วก็ไปต่อกันที่สมุยอีก 1 คืน เท่านี้จริงๆ

วันเดินทางเราออกเดินทางจากสนามบินดอนเมืองด้วยเครื่องบินของสายการบิน Thai Lion Air เวลา 8.35 น. ถึงสนามบินสุราษฯ ประมาณ 9.45 น. ก่อนไปท่าเรือเราก็แวะทานข้าวเที่ยงกันก่อนจากนั้นก็นั่งรถต่อไปท่าเรือดอนสักเพื่อที่จะนั่งเรือต่อไปยังเกาะพะลวย

จากคำบอกเล่าของน้องทำให้เรารู้ว่าเรือที่จะไปยังเกาะพะลวยนั้นมีเพียงวันละ 1 รอบเท่านั้น โดยเรือจะออกจากท่าเรือดอนสักไปยังเกาะพะลวยเวลา 13.00 น. และออกมาจากเกาะพะลวยเข้าฝั่งเวลา 7.00 น. ซึ่งท่าเรือจะแบ่งออกเป็นวันคู่ และวันคี่ แต่เดิมจะมีเพียงท่าเรือเดียวออกเรือเฉพาะวันคู่เท่านั้น ท่าเรือวันคี่เพิ่งมีไม่นาน ค่าโดยสารเรือ 150 บาทสำหรับคนไทย และ 200 บาทสำหรับชาวต่างชาติ

ระหว่างรอเรือออกที่ท่าเรือมีโรตี และไข่ปิ้งขายให้ได้เลือกซื้อไปเป็นเสบียงทานเล่นกันบนเรือด้วย ใกล้ๆ กันก็มีตลาดสามารถซื้อหาอาหารได้ไม่ยาก แต่เนื่องจากเราแวะทานข้าวกันมาแล้ว เลยไม่มีใครสนใจซื้อหาอะไรเพิ่มเติม

เมื่อถึงเวลา 13.00 น.ตรง เรือก็ออกจากท่า พาเรามุ่งสู่เกาะพะลวย เกาะที่ได้รับการผลักดันให้เป็นต้นแบบแห่งเกาะพลังงานสะอาดของไทย เกาะพะลวยเป็นเกาะที่มีบางส่วนอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง และบางส่วนเป็นที่ดินในความดูแลของกรมธนารักษ์ ซึ่งจัดสรรให้ชาวบ้านได้เช่าอยู่

เกาะพะลวยอยู่ห่างจากฝั่งทางอำเภอดอนสักประมาณ 18 กิโลเมตร แต่ด้วยความที่เรือที่เรานั่งเป็นเรือหวานเย็น เราก็เลยได้ชื่นชมธรรมชาติกลางทะเลกันประมาณ 2 ชั่วโมง แต่ขอโทษ กลางทะเลที่สุราษฯ มีสัญญาณ 4G ของ Dtac ไปถึงนะคร้า เราก็เลยได้คุยงานทางไลน์กันสนุกสนาน จนเพื่อนทักว่าแกลาพักร้อนไม่ใช่เรอะ 555

วิวจากกลางทะเล ฟ้าใน น้ำก็ใสนะ


ระหว่างทางก็มา  Selfie กันที่ด้านข้างเรือ และด้วยจรรยาบรรณเราขอปิดบังใบหน้ากันนิดนึง


และแล้วเราก็มาถึงเกาะพะลวยกันแล้ว


อย่างที่บอกกันตั้งแต่แรกว่าเรือที่ออกวันคี่นั้นเพิ่งมีไม่นาน คำว่าเพิ่งมีบางคนอาจจะเข้าใจได้ว่ามันต้องดี แต่ไม่ใช่กับท่าเรือบนเกาะนี้นะตัวเอง คืออันนี้เราเดาเองนะว่าคือเค้าทำท่าเรือนี้ขึ้นมาก็เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับคนบนเกาะให้สามารถเดินทางไปนอกเกาะได้ไวขึ้นอีกสักวันก็ยังดีเผื่อมีธุระอะไรก็ไม่ต้องรอวันคู่อย่างเดียวอ่ะนะ

ดังนั้นท่าเรือบนเกาะในวันคี่ก็เลยเป็นท่าเรือง่ายๆ เอาไม้กระดานมาพาดผูกเชื่อมต่อกัน ให้พอสัญจรได้เท่านั้น ดังนั้นท่านใดไม่ชอบความหวาดเสียวเล็กๆ นี้ แนะนำให้ไป และกลับวันคู่ น้องเจ้าของรีสอร์ทบอกว่าท่าเรือวันคู่จะดีกว่านี้ (แต่เนื่องจากเรา ทั้งไป และกลับในวันคี่ก็เลยไม่เห็นว่าดีกว่าขนาดไหนยังไงนะคะ) และด้วยความหวั่นไหวในสะพานไม้กระดานทำให้เราลืมถ่ายรูปท่าเรือ (อีกแล้ว) เอาจริงๆ ตอนเดินข้ามเราว่ามันก็ไม่ได้น่ากลัว หรืออันตรายเท่าไหร่นะ ไม้กระดานตั้ง 3 แผ่น เดินได้สบายๆ เดินบนกาบเรือไปสะพานยังน่ากลัวกว่าอีก

2 คืนบนเกาะพะลวยนี้เราจะพักกันที่อ่างทองบีชรีสอร์ท (www.angthongbeachresort.com/) ทางรีสอร์ทมีบริการรับส่งลูกค้าระหว่างท่าเรือ กับรีสอร์ทฟรี นั่งรถออกจากท่าเรือไม่เกิน 30 นาที เราก็มาถึงที่พักกันแล้ว

อ้อ! ต้องบอกก่อนว่าที่เกาะนี้ไฟฟ้ายังเข้าไม่ถึงนะคะ ไฟฟ้าบนเกาะนี้ส่วนนึงเกิดจากพลังงานลม และอีกส่วนเป็นพลังงานแสงอาทิตย์ ดังนั้นบนเกาะนี้จึงไม่มีเครื่องใช้ไฟฟ้าที่กินไฟเยอะๆ ใช้งานกัน คนบนเกาะดำรงชีวิตกันอย่างเรียบง่าย (ก่อนมาตอนจองที่พักน้องที่ชวนมาก็ถามละว่าบนเกาะไม่มีแอร์นะ เจ้อยู่ได้เปล่า ไม่อยากจิบอก ทุกวันนี้อยู่บ้านก็เปิดพัดลมนอนนะน้อง)

แต่ตลอดเวลาที่อยู่บนเกาะนี้ไม่ได้รู้สึกร้อนเลยนะ คือลมทะเลพัดมาตลอดเย็นสบายมาก กลางคืนช่วงแรกเปิดพัดลมนอน แต่พอใกล้สว่าง นี่ถึงขนาดต้องลุกขึ้นมาปิดพัดลมกันเลย

บรรยากาศที่พักติดหาดกันเลยทีเดียว


เค้านอนหลังนี้


อันนี้เป็นภายในห้อง


น้องนัทเจ้าของรีสอร์ทบอกว่าบังกะโลนี้ดีไซน์มาสำหรับคู่รัก ห้องน้ำเลยไม่มีประตู รู้สึกดีขึ้นมาทันทีที่งานนี้นอนคนเดียว สำหรับห้องนี้สนนราคาอยู่ที่ 1,200 บาทต่อคืน รวมอาหารเช้าค่ะ

หลังจากเก็บข้าวของ ล้างหน้าล้างตาเรียบร้อย ระหว่างที่นั่งเป็นหมาหงอยติดเกาะ เพราะยังไม่รู้จะทำอะไรดีน้องนัทก็ชวนไปยังจุดชมวิวของเกาะทำเอาเรากลายสภาพจากหมาหงอย เป็นหมาคึกคักเลยทีเดียว (สำหรับคนที่สนใจก็ลองคุยๆ ถามๆ น้องนัทดูนะคะ เจ้าของรีสอร์ทนี้น่ารัก อะไรช่วยได้น้องเค้าก็ช่วยแหละ แต่อย่าลืมช่วยค่าน้ำมันรถน้องด้วยนะคะ อิอิ)

จุดชมวิวที่ว่านั้นทางเจ้าของที่เค้าตั้งใจทำให้เป็นจุดชมวิวแบบ 360 องศาด้านหน้าเป็นวิวทะเล ส่วนด้านหลังเป็นวิวเขา ซึ่งตอนนี้ยังทำไม่เสร็จเรียบร้อยดี เลยให้เข้าไปชมฟรี ในอนาคตเห็นว่าจะเก็บค่าเข้าชมนะคะ

อันนี้เป็นฝั่งชมวิวทะเล


วิวแบบพาโนรามาสวยป่ะหล่ะ


ส่วนอันนี้เป็นฝั่งชมวิวภูเขา แอบมีติดทะเลด้วย


หลังจากไปชมวิวกันแล้วก็ได้เวลาไปชิวกันริมหาด


หลายคนคงจะถามถึงรูปอาหาร ทังทริปนี้ต้องบอกว่าถ่ายกันไม่ทันค่ะ แบบว่าลงปุ๊บจ้วง อ๊ะๆ ได้อันนี้มาจานนึงหล่ะ ปูผัดผงกะหรี่ ต้องบอกว่าแม่ครัวที่นี่ฝีมือเด็ดมากอร่อยทุกจาน


จบวันแรกไปแบบชิวๆ

เริ่มเช้าวันใหม่ วันนี้เราตื่นกันมาไม่เช้ามาก แค่ต้องออกจากรีสอร์ท 7.30 น. แค่นั้นเอง วันนี้เราจะไปเช็คอินกันตามสถานที่ยอดฮิตของอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง ด้วยเรือหางยาว โดยทางรีสอร์ทมีบริการจัดหาเรือเพื่อพาลูกค้าไปเที่ยวหมู่เกาะแบบ One day trip ในราคา 3,500 บาท/ลำ (1ลำ นั่งได้ไม่เกิน 8 คน) ไม่รวมอาหารเที่ยง ค่าเข้าชมอุทยาน (คนละ 40 บาทสำหรับคนไทย และ 200 บาทสำหรับชาวต่างชาติ) โดยเกาะที่แวะก็จะมี ทะเลใน เกาะวัวตาหลับ และเกาะสามเส้า

แต่สำหรับลูกค้าที่ไม่อยากออกไปไหนไกลเราเห็นแว๊บๆ ว่าที่รีสอร์ทมีจักรยานค่ะ คิดว่าน่าจะสามารถยืมไปปั่นชมวิวภายในเกาะได้ อ้อ! เกือบลืม ที่รีสอร์ทมีเรือคายัคให้พายด้วยนะคะ

จุดแรกที่เราแวะชมอันนี้เป็นบริการพิเศษจากพี่แดงคนขับเรือก็คือทะลแหวก พี่แดงบอกว่าวันนี้น้ำลงเยอะไปละ เลยไม่ค่อยสวยเท่าไหร่


แต่น้ำใสมากบอกเลย


จุดต่อมาก็คือทะเลใน จุดเด่นของทะเลในก็คือเป็นทะเลที่มีเขาล้อมรอบ ก็คือมีทะเลอยู่กลางเขา


การที่เราจะเข้าไปเจอทะเลในเขาได้ก็แสดงว่าต้องปีนเขาเข้าไป ซึ่งทางอุทยานก็ได้คิดมาแล้วจึงได้ทำบันไดให้เราได้เดินขึ้นไปอย่างง่ายดาย (เหรอ) ไม่อยากจะบอกว่าบันไดบางช่วงโครตชัน พี่นี่ขาสั่นเลย

ขอบคุณภาพประกอบจากป้าฟู เจ้าของกระทู้ ....................พาไปดู...........หมูเกาะอ่างทอง........สุราษฎร์ธานี..........สิบภูกระดึงไม่ได้ครึ่ง..หนึ่งอ่างทอง...  (http://2g.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E9012551/E9012551.html)


หลังจากไต่บันไดจนถึงปลายทางเราก็ได้พบกับความงามของทะเลในทะเลที่ถูกโอบล้อมไปด้วยขุนเขา


จากจุดนี้เราจะเห็นเกาะอะไรบ้างมีป้ายบอกชัดเจน


อันนี้ของจริง


จากจุดชมวิวด้านบน ยังมีทางเดินลงเพื่อให้ไปสัมผัสกับทะเลในอย่างใกล้ชิดได้ ปลาเล็ก ปลาน้อยมากันเป็นฝูง


จุดต่อไปคือเกาะสามเส้า ชื่อเกาะเค้าว่ากันว่ามาจากเจ้าหินหน้าเกาะเนี่ยแหละมันเหมือนหน้าคน 3 คนที่ดูเศร้าๆ


วิวจากบนเกาะ เอ่อ รูปอาจจะดูเอียงมาก ถึงมากที่สุด เพราะตอนถ่ายเนี่ยนอนบนเปลยวนถ่ายค่ะ น้องที่ไปด้วยกันถึงกะพูดว่าถ้าเจ้จะขี้เกียจขนาดนี้เจ้อย่าถ่ายดีกว่ามะ (คือปกติฝีมือถ่ายรูปก็ย่ำแย่ละ เจอท่านอนถ่ายเข้าไป คนดูเพลีย)


จุดสุดท้าย และเป็นไฮไลท์ที่สุดของวันนี้ก็คือ เกาะวัวตาหลับ


เกาะวัวตาหลับเป็นเกาะที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 1 ในหมู่เกาะอ่างทอง มีจุดชมวิวที่ได้ชื่อว่าสูง และสวยมาก และแน่นอนทางขึ้นก็โหดมากเช่นกัน โดยจุดชมวิวที่เกาะวัวตาหลับจะแบ่งออกเป็น 4 ระยะ คือ 100 เมตร 200 เมตร 350 เมตร และ 500 เมตร ซึ่งขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่อุทยานกำลังปรับปรุงทางขึ้นให้โหดน้อยลงด้วยการเทปูนทำทางขึ้นให้เป็นขั้นบันได เพื่อให้นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นไปได้สะดวกขึ้น

จากการสอบถามเจ้าหน้าที่ตั้งใจจะทำไปให้ถึงจุดบนสุด ตอนนี้ทำได้ถึงจุด 100 เมตรแรก ส่วนอีก 400 เมตรที่เหลือยังคงต้องไต่เขาด้วยเชือกเส้นเดียวเหมือนเดิม สำหรับคนที่ชอบการปีนป่ายก็แนะนำให้รีบมาก่อนที่เค้าจะทำเสร็จหมดนะคะ อีกอย่างกรุณาเตรียมรองเท้าที่เหมาะสมในการปีนป่ายมาด้วย เจอนักท่องเที่ยวคีบแตะหนีบมาปีน แล้วบ่นกันตลอดทางหลายรายเลย (และส่วนใหญ่คือต่างชาติ 555)

จุดชมวิว 100 เมตร


จุดชมวิว 200 เมตร


จากจุดนี้มีผู้ร่วมทริปล่าถอยไป 2 รายเนื่องจากความไม่พร้อมของรองเท้า และกล้อง(น้องลืมเอาสายคล้องคอมา เอามาแต่สายคล้องมือ) เหลือผู้ไม่ดูสังขารอย่างเรา กับน้องอีกคนไปลุยกันต่อ ปีนป่ายกันไปเรื่อยระหว่างทางก็เจอค่างแว่น มองเห็นกันมั้ยเอ่ย


ปีนจนหอบถามน้องที่ปีนนำว่ายังไม่ถึงอีกเหรอ 150 เมตรนี่ทำไมมันไกลจังวะ น้องบอกจะถึงละๆ อ่ะก้มหน้าปีนกันต่อไป ในที่สุดเราก็ได้มาถึงจุดนี้
ชื่อสินค้า:   Angthong Beach Resort / Escape Beach Resort Samui
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่