ห้องเพลง**คนรากหญ้า** พักยกการเมือง มุมเสียงเพลง มุมนี้ไม่มีสี ไม่มีกลุ่ม............มีแต่เสียง 12/4/2016

กระทู้คำถาม


  ***สวัสดีค่ะเพื่อนๆ ห้องราชดำเนินทุกคน***
กระทู้นี้ เป็นมุมพักผ่อน มุมนี้ไม่มีสี  ไม่มีกลุ่ม.........แต่มีเสียง...................


ห้องเพลงคนรากหญ้าเปิดขึ้นมามีวัตถุประสงค์ เพื่อ

1. มีพื้นที่ให้เพื่อนๆ ได้มาพบปะ พูดคุยระหว่างกัน ในภาวะที่ต้องระมัดระวังการโพสการเมืองอย่างเคร่งครัด
2. เป็นพื้นที่ พักผ่อน ลดความเครียดทางการเมือง ให้เพื่อนๆ มีกิจกรรมสนุกๆ ร่วมกัน
3. สร้างมิตรภาพและความปรองดอง ซึ่งเราหวังให้สังคมไทยเป็นเช่นนี้ แม้นคิดต่างกัน แต่เมื่อคุยกันแล้วก็เป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม

กระทู้ห้องเพลงเป็นกระทู้เปิด มิได้ปิดกั้นผู้หนึ่งผู้ใด "ขอให้มาดี เราคือเพื่อนกัน" ซึ่งก็เหมือนกับกระทู้ทั่วไป ที่เราไม่จำเป็นต้องทราบว่า User ท่านไหนเป็นใครมาจากไหน  ...ดังนั้น หากมีบุคคลใดที่มีการโพสสิ่งผิดกฎหมายและศีลธรรมอันดีของสังคมนั้น หรือสิ่งรบกวนใดๆ ในบอร์ด เป็นเรื่องส่วนบุคคล ทางห้องเพลงจึงขอแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งสิ้น



พรุ่งนี้ก็เป็นวันสงกรานต์แล้ว เพื่อนๆ ไปเที่ยวไหนกันบ้าง เดินทางระมัดระวังและเที่ยวให้สนุกค่ะ
ใครไม่ได้ไปไหนก็มาฉลองสงกรานต์กันในห้องเพลงนี่แล้วกัน

เทศกาลสาดน้ำสงกรานต์นั้นไม่ได้มีแค่ไทยนะคะ แต่มีในหลายชนชาติในอาเซียน เช่น พม่า กัมพูชา ลาว
สันนิษฐานกันว่าน่าจะได้รับอิทธิพลมาจากการละเล่นสาดสีใน เทศกาล “โฮลิ” (Holi Festival) ของชาวอินเดีย

เทศกาล “โฮลิ”เป็นเทศกาลที่ขึ้นชื่อว่ามีสีสันมากที่สุดในโลกซึ่งอยู่ในเดือนมีนาคมของทุกปี เพื่อต้อนรับฤดูใบไม้ผลิ
ชาวอินเดียจะรวบรวมสิ่งสกปรกจากบ้านออกไปเผาหมายถึงการสิ้นสุดไปของปีเก่า เพื่อต้อนรับสิ่งดีๆ ที่สดใสในปีใหม่
พวกเขาจะร้องเพลง เต้นรำ และใช้สีที่ทำจากธรรมชาติ เช่น ทองกวาว, บีทรูท, ขมิ้นมาสาดใส่กัน



ผงสีที่นำมาสาดมาป้ายกันเรียกว่า ‘กูเลา’ ซึ่งเป็นเหมือนพรที่ผู้คนมอบให้กัน แต่ละสีมีความหมายแตกต่างกันไป เช่น

สีแดง     แทนพลังและอำนาจ
สีน้ำเงิน  แทนความสุขสงบ
สีเขียว    แทนความอุดมสมบูรณ์
สีเหลือง แทนความเบิกบานและอบอุ่น
สีส้ม      แทนความสร้างสรรค์
สีม่วง     แทนความยิ่งใหญ่

    


วันนี้จะเป็นวันที่พวกเขาสลัดความทุกข์ ลืมเรื่องเข้าใจผิด ให้อภัยและปรับความเข้าใจกัน รวมถึงเป็นการแสดงความรัก
แด่พระเจ้าของพวกเขา แด่เพื่อนมนุษย์ด้วยกัน และแด่ธรรมชาติ ด้วยความสำนึกในบุญคุณว่าอาหารและสิ่งแวดล้อมต่างๆ
ที่ธรรมชาติมอบให้นั้นสำคัญต่อพวกเขาเพียงใด


ตำนานของเทศกาลโฮลี่ มีหลายตำนานค่ะ แต่ที่แพร่หลายคือ...

คำว่าโฮลี่มาจากชื่อของนางโหลิกาหรือโฮลี่กะเป็นน้องสาวของหิรัญยกศิปุ ยักษ์บ้าอำนาจที่สั่งให้ชาวเมืองบูชาตนแต่ผู้เดียว  
ห้ามบูชาเทพเจ้าอื่นๆ แต่ปราลัดลูกชายของหิรัญยกศิปุกลับขัดคำสั่งพ่อและเลือกที่จะบูชาพระวิษณุแทน จอมอสูรรู้เข้าก็โกรธ
สั่งให้นางโหลิกาซึ่งมีพรวิเศษโดนไฟไม่ไหม้พาปราลัดเดินเข้ากองไฟหวังฆ่าให้ตาย

...แต่กลายเป็นว่าปราลัดได้รับการช่วยชีวิตจากพระวิษณุ แต่ตัวนางโฮลี่กะกลับถูกมอดไหม้เสียเอง เพราะนางคิดร้ายต่อคนดี
และพรจะศักดิ์สิทธิ์เมื่อนางเดินเข้ากองไฟผู้เดียวเท่านั้น พอพาผู้อื่นเข้าไปด้วยพรก็เสื่อม

พิธีสุมกองไฟเผาหุ่นนางโหลิกาจึงเป็นสัญลักษณ์ของการเผาความชั่วให้มอดไหม้ และเตือนใจว่าความชั่วย่อมพ่ายแพ้ต่อความดี


ส่วนการสาดสีนั้นเล่ากันว่าเมื่อตอนยังเด็กพระกฤษณะซึ่งมีผิวสีคล้ำอิจฉาผิวขาวเนียนของนางราธา สาวเลี้ยงวัวคนรักของพระองค์เอง
พระมารดาจึงหยอกให้พระกฤษณะเอาสีไปป้ายหน้านางราธา ด้วยความซุกซนพระกฤษณะเลยเอาสีไปป้ายหน้านางและนางก็ป้ายกลับ

...ก็เลยกลายเป็นการป้ายกันไปป้ายกันมาอย่างที่เห็นทุกวันนี้


ต่อมาวัฒนธรรมนี้ก็แพร่มาสู่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้โดยเริ่มจากมอญก่อนเพื่อน แต่เปลี่ยนจากสีเป็นน้ำ




[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้


...........................................................


ไม่ว่าจะเป็นสีหรือน้ำ ต่างก็หมายถึงความสดใส ร่าเริง พร้อมรับสิ่งดีๆ ในวันปีใหม่


สุนทราภรณ์ - รำวงสงกรานต์หวานใจ (ต้นฉบับ)

https://www.youtube.com/watch?v=6neTlHW_L6w
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ


แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่