สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 41
เห็นคำถามนี้แล้วต้องรีบล็อกอินเข้ามาตอบ
นี้คืออีกหนึ่งเหตุผลที่เราไม่คิดอยากมีลูก นอกจากเหตุผลที่เราไม่ชอบเด็ก เราคิดว่าถ้าเราไม่พร้อมที่จะส่งเสริมลูกในทุกๆด้าน เราก็ไม่พร้อมจะมีลูก เพราะการเลี้ยงเด็กสมัยนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อน ค่าใช้จ่ายมีเยอะแยะจิปาถะ ถ้าอยากได้สิ่งที่ดีที่สุดก็ต้องใช้เงินจำนวนมากแลกมา แล้วถ้าฐานะเราไม่เอื้ออำนวย เราก็คงไม่สามารถให้ได้ เราไม่เชื่อว่า คนเราแค่เกิดมา ความมุ่งมั่นพยายามอย่างเดียวจะสำเร็จได้ ถ้าคุณไม่มีโอกาส ซึ่งโอกาสมันมาพร้อมทรัพย์สินเงินทอง ถ้าคุณมีเงิน มีทางเลือกที่จะซื้อโอกาสให้ลูกคุณได้ เด็กแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน ความเก่ง ความฉลาดไม่เท่ากัน บางคนถ้าเขาเก่งจริง ฉลาดจริง เขาก็อาจจะหาทางไขว่คว้ามาได้ แต่ถ้าลูกคุณไม่ได้เป็นแบบนั้นล่ะ เป็นแค่เด็กหัวกลางๆ หน้าตาธรรมดา ฐานะทางบ้านปานกลาง เขาจะทำยังไง
เรายอมรับว่าเรามีปมเรื่องนี้มาก เราไม่ได้โทษพ่อแม่ที่ท่านให้เราไม่ได้ เรารู้ว่าท่านพยายามอย่างที่สุดแล้วเพื่อลูก แต่ท่านทำได้แค่นี้ เราแค่ไม่อยากให้ลูกเราต้องมาเจอแบบเรา ต้องมารู้สึกแบบเรา อย่างน้อย เราก็อยากให้เขาได้มีทางเลือก มีโอกาสที่จะได้ลองทำในสิ่งที่เขาใฝ่ฝันหรืออยากจะทำ อย่างที่เราไม่เคยมีโอกาสได้ทำ แต่ถ้าเราให้ลูกไม่ได้ เราก็ไม่อยากมีลูก
เราเคยคิดเล่นๆว่า สมมติวันหนึ่งเรามีเงินขึ้นมาจริง รวยมาก มีเงินเยอะใช้ทั้งชาตินี้ชาติหน้าก็ไม่หมด เราจะเปิดมูลนิธิเพื่อเด็กที่ขาดโอกาส เปิดสอนดนตรี กีฬา ศิลปะทุกอย่างที่เด็กอยากจะเรียน ลงทุนจ้างครูมาสอนให้ ให้พวกเขาได้มีโอกาสสัมผัสกับความฝันของตัวเอง ถ้าเด็กอยากเรียนเปียโน เราก็จะซื้อเปียโนมาให้เด็กฝึก ถ้าเด็กอยากเรียนเทนนิส ว่ายน้ำ ฟุตบอล เราก็จะสร้างสระว่ายน้ำ สนามเทนนิส สนามฟุตบอลให้ เด็กอยากเรียนวาดรูป เย็บผ้า ทำอาหาร เราก็จะสร้างห้องวาดรูป อุปกรณ์ จักรเย็บผ้า เครื่องครัวให้แล้วจ้างครูมาสอน เรารู้สึกว่าวัยเด็กควรเป็นวัยที่ได้ใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ ได้ลองทำในสิ่งที่ชอบ สิ่งที่ทำให้ใจสนุกรื่นเริง ก่อนที่จะต้องเผชิญกับความเคร่งเครียดในวัยผู้ใหญ่
อันนี้แค่ความฝันเฟื่องของเรานะ เรื่องจริงคงยาก แฮะๆ
นี้คืออีกหนึ่งเหตุผลที่เราไม่คิดอยากมีลูก นอกจากเหตุผลที่เราไม่ชอบเด็ก เราคิดว่าถ้าเราไม่พร้อมที่จะส่งเสริมลูกในทุกๆด้าน เราก็ไม่พร้อมจะมีลูก เพราะการเลี้ยงเด็กสมัยนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อน ค่าใช้จ่ายมีเยอะแยะจิปาถะ ถ้าอยากได้สิ่งที่ดีที่สุดก็ต้องใช้เงินจำนวนมากแลกมา แล้วถ้าฐานะเราไม่เอื้ออำนวย เราก็คงไม่สามารถให้ได้ เราไม่เชื่อว่า คนเราแค่เกิดมา ความมุ่งมั่นพยายามอย่างเดียวจะสำเร็จได้ ถ้าคุณไม่มีโอกาส ซึ่งโอกาสมันมาพร้อมทรัพย์สินเงินทอง ถ้าคุณมีเงิน มีทางเลือกที่จะซื้อโอกาสให้ลูกคุณได้ เด็กแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน ความเก่ง ความฉลาดไม่เท่ากัน บางคนถ้าเขาเก่งจริง ฉลาดจริง เขาก็อาจจะหาทางไขว่คว้ามาได้ แต่ถ้าลูกคุณไม่ได้เป็นแบบนั้นล่ะ เป็นแค่เด็กหัวกลางๆ หน้าตาธรรมดา ฐานะทางบ้านปานกลาง เขาจะทำยังไง
เรายอมรับว่าเรามีปมเรื่องนี้มาก เราไม่ได้โทษพ่อแม่ที่ท่านให้เราไม่ได้ เรารู้ว่าท่านพยายามอย่างที่สุดแล้วเพื่อลูก แต่ท่านทำได้แค่นี้ เราแค่ไม่อยากให้ลูกเราต้องมาเจอแบบเรา ต้องมารู้สึกแบบเรา อย่างน้อย เราก็อยากให้เขาได้มีทางเลือก มีโอกาสที่จะได้ลองทำในสิ่งที่เขาใฝ่ฝันหรืออยากจะทำ อย่างที่เราไม่เคยมีโอกาสได้ทำ แต่ถ้าเราให้ลูกไม่ได้ เราก็ไม่อยากมีลูก
เราเคยคิดเล่นๆว่า สมมติวันหนึ่งเรามีเงินขึ้นมาจริง รวยมาก มีเงินเยอะใช้ทั้งชาตินี้ชาติหน้าก็ไม่หมด เราจะเปิดมูลนิธิเพื่อเด็กที่ขาดโอกาส เปิดสอนดนตรี กีฬา ศิลปะทุกอย่างที่เด็กอยากจะเรียน ลงทุนจ้างครูมาสอนให้ ให้พวกเขาได้มีโอกาสสัมผัสกับความฝันของตัวเอง ถ้าเด็กอยากเรียนเปียโน เราก็จะซื้อเปียโนมาให้เด็กฝึก ถ้าเด็กอยากเรียนเทนนิส ว่ายน้ำ ฟุตบอล เราก็จะสร้างสระว่ายน้ำ สนามเทนนิส สนามฟุตบอลให้ เด็กอยากเรียนวาดรูป เย็บผ้า ทำอาหาร เราก็จะสร้างห้องวาดรูป อุปกรณ์ จักรเย็บผ้า เครื่องครัวให้แล้วจ้างครูมาสอน เรารู้สึกว่าวัยเด็กควรเป็นวัยที่ได้ใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ ได้ลองทำในสิ่งที่ชอบ สิ่งที่ทำให้ใจสนุกรื่นเริง ก่อนที่จะต้องเผชิญกับความเคร่งเครียดในวัยผู้ใหญ่
อันนี้แค่ความฝันเฟื่องของเรานะ เรื่องจริงคงยาก แฮะๆ
ความคิดเห็นที่ 7
นอกจากจะไม่ขอโทษแล้ว ยังต้องจับลูกปรับทัศนคติใหม่ด้วย
ให้รู้จัก earn it ไม่ใช่ demand it
คือต้องรู้จักขวนขวายหามาได้ด้วย 1 สมอง 2 มือตัวเอง ไม่ใช่แบมือขอ
สิ่งที่พ่อให้ลูกได้ดีที่สุดคือปัญญาและกำลังใจ ไม่ใช่ให้เงิน
แล้วลูกจะได้รับสิ่งที่ทรงคุณค่ากว่าสิ่งที่พ่อแม่ประเคนให้อีก คือ "ความภาคภูมิในความสามารถตนเอง"
สิ่งนี้เงินซื้อไม่ได้ ต้องทำเองเท่านั้น
ผมว่าทัศนคติของเฉินหลงแรงมากนะ แรงไป แต่เขาก็พูดถูกนะ
คือเขาประกาศออกสื่อเลยว่าทรัพย์สมบัติเขาลูกชายจะไม่ได้สักบาท เขาไม่ให้ เพราะ
"ถ้าเป็นลูกผมเขาต้องมีปัญญาหาเองได้"
ให้รู้จัก earn it ไม่ใช่ demand it
คือต้องรู้จักขวนขวายหามาได้ด้วย 1 สมอง 2 มือตัวเอง ไม่ใช่แบมือขอ
สิ่งที่พ่อให้ลูกได้ดีที่สุดคือปัญญาและกำลังใจ ไม่ใช่ให้เงิน
แล้วลูกจะได้รับสิ่งที่ทรงคุณค่ากว่าสิ่งที่พ่อแม่ประเคนให้อีก คือ "ความภาคภูมิในความสามารถตนเอง"
สิ่งนี้เงินซื้อไม่ได้ ต้องทำเองเท่านั้น
ผมว่าทัศนคติของเฉินหลงแรงมากนะ แรงไป แต่เขาก็พูดถูกนะ
คือเขาประกาศออกสื่อเลยว่าทรัพย์สมบัติเขาลูกชายจะไม่ได้สักบาท เขาไม่ให้ เพราะ
"ถ้าเป็นลูกผมเขาต้องมีปัญญาหาเองได้"
ความคิดเห็นที่ 50
ครอบครัวเราเคยยากจนมากๆๆๆๆ มาก่อน แต่พ่อเราก้อพยายามให้เราแทบจะทุกอย่างนะ
ซึ่งเราไม่เคยอยากได้อะไรเลย ขอแค่มีข้าวกินก้อพอ ( ไม่กล้าขอพ่อ เรารู้ว่าพ่อต้องทำงานหนัก )
แต่... เวลานั่งคุยกับพ่อ พ่อก้อยังขอโทษเรา ขอโทษที่อาจให้เท่าพ่อคนอื่นไม่ได้ ขอโทษที่พ่อมีให้ได้เท่านี้
เรา งง มาก ทำไมพ่อคิดแบบนี้... เราตอบพ่อไปว่า ไม่เคยต้องการอะไรค่ะ ขอแค่มีพ่ออยู่ แค่นั้นพอ.
หลายปีผ่านไป.. ครอบครัวเราฐานะดีขึ้นมากๆ แต่เราก้อไม่ได้รู้สึกอยากได้อยากมีนะ
(ม.ต้น) เพื่อนใช้กระเป๋าไปเรียนใบละ 2-3 พัน พ่อถามเราว่า อยากได้มั้ย? เราตอบไปว่า เอาไปทำไม? 199 ก้อใช้ได้
เพื่อนๆ ขับมอไซไปเรียนกัน เรายังนั่งรถสองแถวอยู่เลย บางครั้งก้อเดินกลับบ้านประมาณ 10 กิโล รถอ่ะมี.. แต่เราไม่ใช้
ไม่อยากกดดัน หรือ ทำให้พ่อเสียความรู้สึกอ่ะ เพราะพ่อก้อเหนื่อยมากแล้วที่หาเงินเลี้ยงครอบครัว ตั้งใจเรียนเก่งๆ ให้พ่อภูมิใจดีกว่า
จนพ่อบอกว่า ถ้าเรียนถึง ป.โท พ่อจะซื้อ R34 ให้ ( ตกใจมาก!!! สงสัยเราฝัน ) ตอนนั้นยังเรียนไม่จบ ปวส. เลย.. พ่อก้อจากไปซะแระ... ^^
ถ้าเรามีลูก เราจะสอนลูกแบบที่พ่อสอนเรานี่แหละค่ะ...
(เล่าให้ฟังเฉยๆ)
(edit) : พ่อเราไม่เคยใช้คำพูดที่ทวงบุญคุณกับเรา และไม่เคยพูดคำหยาบซักคำนะคะ ( แม้กระทั่งคำว่า กู มึ... ไม่มีหลุดออกมาจากปากพ่อเลย ) พ่อชอบเอาหลักธรรมมาพูดคุยกับเราบ่อยๆ และไม่เคยเอาเราไปเปรียบเทียบกับลูกคนอื่น ทั้งที่ตอนเด็กๆ เราเรียนได้ที่สุดท้ายของห้องตลอด แต่พ่อก้อยังหัวเราะ แล้วบอกว่า... เทอมหน้าลองใหม่เน๊าะ จากที่สุดท้าย เราก้อเป็นที่หนึ่งจนได้...
ซึ่งเราไม่เคยอยากได้อะไรเลย ขอแค่มีข้าวกินก้อพอ ( ไม่กล้าขอพ่อ เรารู้ว่าพ่อต้องทำงานหนัก )
แต่... เวลานั่งคุยกับพ่อ พ่อก้อยังขอโทษเรา ขอโทษที่อาจให้เท่าพ่อคนอื่นไม่ได้ ขอโทษที่พ่อมีให้ได้เท่านี้
เรา งง มาก ทำไมพ่อคิดแบบนี้... เราตอบพ่อไปว่า ไม่เคยต้องการอะไรค่ะ ขอแค่มีพ่ออยู่ แค่นั้นพอ.
หลายปีผ่านไป.. ครอบครัวเราฐานะดีขึ้นมากๆ แต่เราก้อไม่ได้รู้สึกอยากได้อยากมีนะ
(ม.ต้น) เพื่อนใช้กระเป๋าไปเรียนใบละ 2-3 พัน พ่อถามเราว่า อยากได้มั้ย? เราตอบไปว่า เอาไปทำไม? 199 ก้อใช้ได้
เพื่อนๆ ขับมอไซไปเรียนกัน เรายังนั่งรถสองแถวอยู่เลย บางครั้งก้อเดินกลับบ้านประมาณ 10 กิโล รถอ่ะมี.. แต่เราไม่ใช้
ไม่อยากกดดัน หรือ ทำให้พ่อเสียความรู้สึกอ่ะ เพราะพ่อก้อเหนื่อยมากแล้วที่หาเงินเลี้ยงครอบครัว ตั้งใจเรียนเก่งๆ ให้พ่อภูมิใจดีกว่า
จนพ่อบอกว่า ถ้าเรียนถึง ป.โท พ่อจะซื้อ R34 ให้ ( ตกใจมาก!!! สงสัยเราฝัน ) ตอนนั้นยังเรียนไม่จบ ปวส. เลย.. พ่อก้อจากไปซะแระ... ^^
ถ้าเรามีลูก เราจะสอนลูกแบบที่พ่อสอนเรานี่แหละค่ะ...
(เล่าให้ฟังเฉยๆ)
(edit) : พ่อเราไม่เคยใช้คำพูดที่ทวงบุญคุณกับเรา และไม่เคยพูดคำหยาบซักคำนะคะ ( แม้กระทั่งคำว่า กู มึ... ไม่มีหลุดออกมาจากปากพ่อเลย ) พ่อชอบเอาหลักธรรมมาพูดคุยกับเราบ่อยๆ และไม่เคยเอาเราไปเปรียบเทียบกับลูกคนอื่น ทั้งที่ตอนเด็กๆ เราเรียนได้ที่สุดท้ายของห้องตลอด แต่พ่อก้อยังหัวเราะ แล้วบอกว่า... เทอมหน้าลองใหม่เน๊าะ จากที่สุดท้าย เราก้อเป็นที่หนึ่งจนได้...
ความคิดเห็นที่ 17
ผมคิดว่าควรนะครับ
คิดดูนะครับว่า ถ้าพ่อแม่ มีลูกออกมา เลี้ยงดูอย่างยากลำบาก ให้อยู่ตามมีตามเกิด เพียงแค่ส่งเรียนจนจบป.ตรีที่ไม่ใช่วิชาชีพ แน่นอนว่าคนจะเรียนวิชาชีพได้ต้องมีพื้นฐานการศึกษาที่ดีตั้งแต่เด็ก
ตกงาน ถ้ามีงานก็ส่งให้พ่อแม่ ลงพันทิพคนชมดีมากๆ บุญบารมี อะไรก็ว่าไป ในที่สุดพ่อแม่เสีย ลูกๆก็อยู่อย่างแร้นแค้น เพราะเงินที่ได้มาให้ที่บ้านหมด ไม่มีเงินเก็บ โชคดีหน่อยถ้าพ่อแม่มีบ้านที่ปู่ย่าให้มา
ถ้าโชคร้ายคือเช่าอยู่ ลูกอาจะหยุดการมีครอบครัว
เพื่อไม่ให้ความลำบากไปสู่คนรุ่นต่อไป
แต่ถ้าหยุดเท่ากับว่าเขาต้องแก่เพียงลำพัง กลัวการแก่ตายคนเดียวไหม
ถ้ากลัวก็มีลูก กรรมก็ส่งต่อไปที่ลูกอีกรุ่น
#อวสานโลกสวย
คิดดูนะครับว่า ถ้าพ่อแม่ มีลูกออกมา เลี้ยงดูอย่างยากลำบาก ให้อยู่ตามมีตามเกิด เพียงแค่ส่งเรียนจนจบป.ตรีที่ไม่ใช่วิชาชีพ แน่นอนว่าคนจะเรียนวิชาชีพได้ต้องมีพื้นฐานการศึกษาที่ดีตั้งแต่เด็ก
ตกงาน ถ้ามีงานก็ส่งให้พ่อแม่ ลงพันทิพคนชมดีมากๆ บุญบารมี อะไรก็ว่าไป ในที่สุดพ่อแม่เสีย ลูกๆก็อยู่อย่างแร้นแค้น เพราะเงินที่ได้มาให้ที่บ้านหมด ไม่มีเงินเก็บ โชคดีหน่อยถ้าพ่อแม่มีบ้านที่ปู่ย่าให้มา
ถ้าโชคร้ายคือเช่าอยู่ ลูกอาจะหยุดการมีครอบครัว
เพื่อไม่ให้ความลำบากไปสู่คนรุ่นต่อไป
แต่ถ้าหยุดเท่ากับว่าเขาต้องแก่เพียงลำพัง กลัวการแก่ตายคนเดียวไหม
ถ้ากลัวก็มีลูก กรรมก็ส่งต่อไปที่ลูกอีกรุ่น
#อวสานโลกสวย
ความคิดเห็นที่ 9
คงไม่ขอโทษค่ะ เพราะมันจะยิ่งตอกย้ำความเชื่อที่ว่า เขามีด้อยกว่าคนอื่น
แต่จะพยายามสอนให้เขามองสิ่งที่เขามีอยู่ค่ะ และให้เขาเรียนรู้ที่จะภูมิใจในตนเอง ไม่เปรียบเทียบกัน
เขาเกิดมาครบ 32 มีร่างกายสมบูรณ์ มีสติปัญญา มีบ้าน มีพ่อมีแม่และคนอื่นๆที่รักเขา
จะให้เขาจินตนาการดูค่ะว่า สิ่งที่เขามีอยู่มันทำให้เขามีความสุขแค่ไหน
เช่น สอนให้รู้จักความยากลำบากของการมองไม่เห็น การไม่ได้ยิน การเดินอย่างลำบาก
อย่างปิดเสียงอุปกรณ์ทุกอย่าง แล้วใช้ที่อุดหู ให้เขาลองทำกิจกรรมในบ้านในภาพที่ยากลำบากดูน่ะ
ตอนเราป่วยหนัก เดินลำบากชีวิตมาก เอาจริงๆนะ แค่ลุกทำกิจวัตรได้ก็สุดจะมีความสุขแล้วน่ะ ตอนนี้ผ่าตัดล่ะ ชีวิตดีขึ้นเยอะ
แล้วยิ่งพอมาทำงานที่เจอเด็กพิเศษ ยิ่งรู้สึกเลยว่า เราโชคดีมากที่เกิดมาครบสมบูรณ์พอที่จะใช้ชีวิตได้ปกติน่ะ
บอกแม่เลยล่ะว่า ขอบคุณที่ให้หนูเกิดมาสมบูรณ์นะ เพราะกว่าจะเกิดมาได้ยังงี้ คนเป็นแม่ต้องบำรุงดูแลเราดีตั้งแต่ในครรภ์เลยนะ
แม้ว่าพันธุกรรมที่ได้มา อาจจะไม่ได้สมบูรณ์ที่สุด แต่มันก็ไม่ได้เลวร้ายเท่าที่อีกหลายครอบครัวต้องเผชิญน่ะ
บางทีคนเรามีเยอะเกินจนลืมมองไปว่า สิ่งที่มีอยู่ก็ดีแค่ไหนแล้ว และจะเอามันมาใช้ประโยชน์ยังไงบ้าง
แทนที่จะมัวไปอิจฉาคนที่มีมากกว่าเรา น่าจะคิดว่า จะทำยังไงที่จะทำให้คนที่มีน้อยกว่าเรามีความสุขขึ้นบ้าง โดยใช้สิ่งที่เรามีนี่ล่ะ
เด็กบางทีไม่ได้ขาดสิ่งของหรอกนะ แต่เขาขาดการเติมเต็มทางใจน่ะ ถ้าเติมใจให้เต็ม ถึงมีน้อยมันก็พอ
แต่จะพยายามสอนให้เขามองสิ่งที่เขามีอยู่ค่ะ และให้เขาเรียนรู้ที่จะภูมิใจในตนเอง ไม่เปรียบเทียบกัน
เขาเกิดมาครบ 32 มีร่างกายสมบูรณ์ มีสติปัญญา มีบ้าน มีพ่อมีแม่และคนอื่นๆที่รักเขา
จะให้เขาจินตนาการดูค่ะว่า สิ่งที่เขามีอยู่มันทำให้เขามีความสุขแค่ไหน
เช่น สอนให้รู้จักความยากลำบากของการมองไม่เห็น การไม่ได้ยิน การเดินอย่างลำบาก
อย่างปิดเสียงอุปกรณ์ทุกอย่าง แล้วใช้ที่อุดหู ให้เขาลองทำกิจกรรมในบ้านในภาพที่ยากลำบากดูน่ะ
ตอนเราป่วยหนัก เดินลำบากชีวิตมาก เอาจริงๆนะ แค่ลุกทำกิจวัตรได้ก็สุดจะมีความสุขแล้วน่ะ ตอนนี้ผ่าตัดล่ะ ชีวิตดีขึ้นเยอะ
แล้วยิ่งพอมาทำงานที่เจอเด็กพิเศษ ยิ่งรู้สึกเลยว่า เราโชคดีมากที่เกิดมาครบสมบูรณ์พอที่จะใช้ชีวิตได้ปกติน่ะ
บอกแม่เลยล่ะว่า ขอบคุณที่ให้หนูเกิดมาสมบูรณ์นะ เพราะกว่าจะเกิดมาได้ยังงี้ คนเป็นแม่ต้องบำรุงดูแลเราดีตั้งแต่ในครรภ์เลยนะ
แม้ว่าพันธุกรรมที่ได้มา อาจจะไม่ได้สมบูรณ์ที่สุด แต่มันก็ไม่ได้เลวร้ายเท่าที่อีกหลายครอบครัวต้องเผชิญน่ะ
บางทีคนเรามีเยอะเกินจนลืมมองไปว่า สิ่งที่มีอยู่ก็ดีแค่ไหนแล้ว และจะเอามันมาใช้ประโยชน์ยังไงบ้าง
แทนที่จะมัวไปอิจฉาคนที่มีมากกว่าเรา น่าจะคิดว่า จะทำยังไงที่จะทำให้คนที่มีน้อยกว่าเรามีความสุขขึ้นบ้าง โดยใช้สิ่งที่เรามีนี่ล่ะ
เด็กบางทีไม่ได้ขาดสิ่งของหรอกนะ แต่เขาขาดการเติมเต็มทางใจน่ะ ถ้าเติมใจให้เต็ม ถึงมีน้อยมันก็พอ
แสดงความคิดเห็น
ถ้าวันหนึ่งลูกถามคุณว่า ทำไมพ่อแม่ให้เขา เท่าเพื่อนๆไม่ได้ คุณจะขอโทษลูกไหม
ขอบคุณครับ
**** เพิ่มเติม 3 : ผมเป็นคนไม่น่ารักครับ นิสัยไม่ดีครับ เพราะฉะนั้น ในอนาคต ถ้าผมเป็นใหญ่เป็นโต ผมจะสอนลูกให้พูดกับคนอื่นว่า
" พ่อกูเป็นรัฐมนตรี " จบนะครับ
**** เพิ่มเติม 2 : ผมขอขอบคุณเพื่อนๆที่ได้มาแสดงความคิดเห็นครับ ผมอ่านทุกอันและเคารพในความคิดเห็นของเพื่อนๆทุกคน
แต่มีเรื่องที่จะเรียนชี้แจง สำหรับเพื่อนๆที่สงสัยว่า ทำไมผมชอบตั้งกระทู้แบบนี้ จากกระทู้ก่อนที่ถูกทาง Pantip ลบไป คือ เรื่องผมต้องการเที่ยวอาบอบนวดทุกวัน ขับ Ferrari กินหรู อยู่สบาย ใส่นาฬิกา Patek Philippe
สำหรับกระทู้นี้ ผมขอตอบก่อนครับว่า เรื่องของ 2 ครอบครัวนี้ คือ ระหว่างผมกับเพื่อน คือ เพื่อนยังไม่มีสมบัติอะไรเลย เขาพึ่งจะเริ่มหาทางซื้อบ้าน คือ เราเห็นกันมาตั้งแต่เด็กครับ ผมก็สงสัยว่า เออ ทำไมเราก็ต้นทุนชีวิตใกล้ๆกัน พ่อแม่ของเราทั้ง 2 คน ก็รู้จักกัน คงเป็นเรื่องของความโชคดีในชีวิตที่แตกต่างกันระหว่างครอบครัวผมกับเขาครับ
ประเด็นที่ 2 ทำไมผมถึงตั้งกระทู้แนวนี้ คือ อย่างนี้ครับ ผมไม่ชอบเหมือนคนปกติ ที่ต้องตื่นเช้าไปทำงาน โทรมกลับบ้านในตอนเย็น เงินไม่พอใช้ ต้องเป็นหนี้บัตรเครดิต ผ่อนทุกอย่างตลอดชีวิต ผมไม่อยากครับ ผมอยากรีบสร้างทรัพย์สิน และจ้างคนอื่นมาบริหารให้งอกเงย คือ ใช้แรง ใช้สมองของคนอื่น มารับใช้ให้ผมสะดวกสบายครับ
ผมไม่อยากให้ลูกของผม ไปเป็นขี้ข้าใครครับ ผมจะเอาลูกคนอื่นมารับใช้พวกผม ผมและครอบครัวก็รอรับผลประโยชน์ดอกผล และ Enjoy ทุกๆสิ่งทุกๆอย่างๆเต็มที่ ใช้ Passion นำทางชีวิตอย่างเต็มเปี่ยม สนองตัณหาเพื่อความต้องการของตัวเองอย่างถึงที่สุด
สุดท้ายนี้ ผมขอใช้พื้นที่กระทู้นี้ ขอบคุณเพื่อนสมาชิกที่เข้ามาตอบกระทู้ก่อน เรื่องกระทู้ก่อนว่า ต้องมีดอกผลเท่าไหร่ ถึงจะใช้ชีวิตสะดวกสบายได้ ส่วนคนที่ไม่มีความสุขกับกระทู้ของผม ผมต้องขอโทษด้วยครับ
***** สรุป เรื่องอยากเรียกร้องความสนใจ ผมยอมรับว่าใช่ครับ เพราะผมต้องการความคิดเห็นของเพื่อนๆทุกคน มาเพื่อประกอบการตัดสินใจ ในการตัดสินใจลงทุนต่างๆ ผมสามารถรับรู้ trend ได้จากการตั้งกระทู้กวนๆของผม ผมไม่ต้องเสียค่ากระดาษ ไม่ต้องจ้างคน แค่ตั้งกระทู้เรียกแขก ใช้คำให้กระแทกเสียดแทงอย่างโดนใจ ผมก็ได้ความเห็นจากเพื่อนๆมากมายหลายคนแล้วครับ อีกทั้งยังได้ความเห็นที่มาจากภายในจริงๆ เพราะผมไม่ได้ไปร้องขอให้เข้ามาตอบ แต่ทุกท่านจัดให้เข้ามาสนใจเอง
ชี้แจงเพิ่มเติม :
ก่อนอื่น... เจ้าของกระทู้ต้องขออภัยที่ตั้งคำถามไม่ชัดเจนครับ
จขกท. ไม่ได้ต้องการทราบถึงความเท่ากันในระดับของที่มีที่ใช้ ที่ให้ลูกครับ
แต่ จขกท. อยากทราบถึงเรื่อง การให้การศึกษา หรือการสนับสนุนส่งเสริมในทักษะต่างๆให้กับลูก
เจ้าของกระทู้ขออนุญาตยกตัวอย่างดังนี้ครับ
ครอบครัว 2 ครอบครัว ทั้ง 2 ครอบครัว มีลูกเพียงคนเดียว บริบทในการเริ่มต้นชีวิตครอบครัวมีรายได้ไม่แตกต่างกันมากนัก
ครอบครัวแรก พ่อและแม่ ไม่มีความทะเยอทะยานในชีวิต คือ ไม่พัฒนาตัวเองให้มีความก้าวหน้าในหน้าที่การงานให้มั่นคงขึ้น
ไม่แสวงหารายได้เพิ่ม ก็เรื่อยๆไปเรียงๆเติบโตไปตามสายงานอย่างนั้น
ครอบครัวที่สอง พ่อและแม่ ต่างทำให้ตัวเองมีคุณสมบัติ เพื่อที่จะให้ตัวเองก้าวหน้าขึ้น เสาะแสวงหาช่องทางหารายได้เพิ่ม
มีการเก็บออมอย่างจริงจังและลงทุนให้งอกเงย ทำงานทั้ง 2 ทาง คือ เป็นลูกจ้างประจำ และทำกิจการส่วนตัว
ภายใต้เงื่อนไขเดียวกันว่า ลูกของทั้ง 2 ครอบครัว เป็นเด็กเรียนหนังสือ และเรียนโรงเรียนรัฐทั้งคู่
ทั้ง 2 ครอบครัว ใช้ชีวิตคล้ายๆกัน คือ มีการไปท่องเที่ยว มีการออกไปรับประทานอาหารนอกบ้านบ้าง
เมื่อลูกของทั้งสองครอบครัว ลูกของครอบครัวแรกต้องการเรียนภาษาอังกฤษเพิ่มเติม เพราะจะส่งผลต่อความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน
ในอนาคตหลังจากเรียนจบระดับปริญญาตรีแล้ว
แต่ พ่อและแม่ครอบครัวแรก ให้คำตอบกับลูกว่า รายได้ของพ่อและแม่เพียงมีเพียงเท่านี้ ส่งให้ไปเรียนเพิ่มไม่ได้หรอก ลูกจึงตัดสินใจรับงานมาทำหารายได้เพิ่มมาเป็นค่าใช้จ่ายในการเรียนภาษาอังกฤษเพิ่มเติมด้วยตัวเอง
ส่วนลูกของครอบครัวที่สอง ก็ไม่ได้สะดวกสบายไปมากกว่ากันมากนัก แต่พ่อและแม่มีการวางแผน ก็พอกัดฟันส่งๆไปได้
เด็กทั้ง 2 คนเรียนจบปริญญาตรี และสามารถใช้ภาษาอังกฤษได้ดีทั้งคู่
ผมอยากทราบตรงนี้ครับว่า พ่อแม่ครอบครัวแรก ควรต้องขอโทษลูกไหม ที่ไม่มีการวางแผนชีวิตครอบครัว ไม่มีการวางแผนให้ลูก
ผมไม่ได้ต้องการทราบว่า ลูกต้องมีโทรศัพท์แพงๆใช้เหมือนเพื่อน มีรถขับเมื่อเข้ามหาลัย ถือกระเป๋าแบรนด์เนม
แต่ผมต้องการทราบว่า พ่อแม่ที่ไม่เพียรพยายาม ไม่วางแผนชีวิตและดำเนินการอย่างจริงจัง เมื่อในที่สุดลูกคุณก็ทำได้ไม่น้อยหน้ากว่าลูกคนอื่น
พ่อแม่ควรหันไปพูดขอโทษลูกสักครั้งไหมครับ
ผมเข้าใจว่าต้นทุนชีวิตคนเราไม่เท่ากัน แต่ทำไมพ่อแม่ของครอบครัวแรก ถึงไม่คิดเพียรพยายามช่วยลูกโดยการพัฒนาตัวเองให้มีรายได้เพิ่มมากขึ้น ในเวลาที่ลูกจำเป็นต้องใช้เงิน และยังไม่ใช่วัยที่เขาต้องออกไปทำมาหากินอย่างเต็มตัว
เท่านี้ครับ