เล็งฟ้องแพ่ง 'แจส' พันล้าน 'คณะทำงาน' เรียกผู้บริหารแจงพรุ่งนี้ หลังประชุมนักแรกเหลว
กรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2559
คณะทำงานฯ เอาผิดแจส เรียกชี้แจง 5 เม.ย.นี้ ซักเหตุ"พิชญ์"ไม่เคาะราคาเอง เผยหลังประชุมนัดแรกไม่คืบหน้า ขาดผู้แทนหลาย หน่วยงาน เปิดแนวทางตามขั้นตอนการดำเนินการดูประเด็นกฎหมายตามพ.ร.บ.กสทช. เอาผิดเอกชนต้องฟ้องแพ่งเรียกค่าเสียหาย รวมมูลค่าเบื้องต้น 1,000 ล้าน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมของคณะทำงานพิจารณาความรับผิดกรณีบริษัท แจส โมบาย บรอดแบนด์ จำกัด ไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขการดำเนินการก่อนรับใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ย่าน 900 เมกะเฮิรตซ์ ด้วยอาศัยอำนาจตามความในข้อ 9(3) ของระเบียบ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ว่าด้วยการบริหารงานบุคคล พ.ศ.2555 ได้นัดหารือนัดแรกไปแล้วเมื่อวันที่ 31 เม.ย. 2559
การประชุมของคณะทำงานฯ เป็นเพียงรับ "บรีฟ" จาก กสทช. เท่านั้น ยังไม่ได้มีแนวทาง หรือกรอบการดำเนินงานที่ชัดเจน จนกว่าจะเรียก "จำเลย" มาให้ข้อมูล ดังนั้น ที่ประชุมจึงมีมติเรียกผู้บริหารของแจสมาเข้าพบวันที่ 5 เม.ย.นี้ ซึ่งยังไม่มีคำตอบจากแจส ว่า "นายพิชญ์ โพธารามิก" จะมาด้วยตัวเองหรือไม่ แหล่งข่าวจากคณะทำงานฯดังกล่าว ระบุว่า ตัวแทนของหน่วยงานอื่น อาทิ กระทรวงการคลัง ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ยังไม่ได้ส่งรายชื่อว่า จะให้ใครมาร่วมในคณะทำงานฯ กับ กสทช.
ดังนั้น การประชุมนัดแรกที่ผ่านมา จึงเป็น แค่การเล่าถึงที่มาที่ไปของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งอาศัยตามอำนาจของพ.ร.บ.กสทช.ที่จะเอาผิดกับแจส เพราะถือว่าเป็นผู้ทิ้งงานกับหน่วยงานภาครัฐ ไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้
5 เม.ย.ประชุมนัดที่ 2
โดยวันที่ 5 เม.ย.นี้ จะเป็นการประชุมนัดที่ 2 เวลา 14.30 น. และเวลา 15.00 น. ได้เชิญผู้บริหารของแจส ซึ่งขณะนี้ตอบรับ มาจะเข้าชี้แจงต่อคณะทำงานฯ แล้ว แต่ยัง ไม่สรุปว่า จะเป็นนายพิชญ์ โพธารามิก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล บริษัทแม่ของแจส จะเดินทาง มาชี้แจงด้วยตัวเองหรือไม่
อย่างไรก็ดี ระหว่างการประชุมผู้แทนจากคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ก.ล.ต.) ได้ถามต่อที่ประชุมว่า ทำไมนายพิชญ์ซึ่งเป็น ซีอีโอสูงสุดถึงไม่ยอมเข้าร่วมการประมูล ครั้งนี้ ทั้งๆ ที่ผู้เข้าร่วมรายอื่นต่างส่งผู้บริหารสูงสุดและมีซีอีโอเข้าร่วม และใช้โควตาที่กสทช. กำหนดให้มีสิทธิเข้าร่วมเต็มที่คือ 10 คน แตกต่างกับแจสที่ส่งผู้บริหารมาเข้าร่วมเคาะประมูลเพียง 3 คนเท่านั้น
และที่ผ่านมา กสทช.ได้สอบถามความ คืบหน้าต่อผู้ชนะการประมูลหรือไม่ว่า ได้ ดำเนินการไปถึงขั้นตอนไหนแล้ว ทำไมจึงปล่อยให้ถึงวันที่ 21 มี.ค. ซึ่งครบ 90 วัน และแจสไม่มาชำระเงินงวดแรก พร้อมวางหนังสือค้ำประกัน ดังนั้นประเด็นนี้คณะทำงานฯจึง มีมติให้แจสเข้าตอบข้อซักถามด้วยตัวเองในวันดังกล่าว
ฟ้องคดีแพ่ง-เรียกค่าเสียหาย
แหล่งข่าวยังระบุอีกว่า การเสนอวิธีการ หรือแนวทางตามขั้นตอนการดำเนินการ เอาผิดหรือบทลงโทษแจส ตลอดจนมาตรการ ใดๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อรักษาผลประโยชน์รัฐตามที่ได้มีกรอบเวลาให้ดำเนินการ 30 วัน
แหล่งข่าวกล่าวว่า หากดูประเด็น กฎหมายตามที่กสทช. อ้างถึงพ.ร.บ.กสทช.นั้น ก็จะเป็นการเอาผิดกับเอกชนในการเรียก ค่าเสียหายเท่านั้น และต้องไปฟ้องคดีแพ่ง ซึ่งรวมๆ แล้วตัวเลขที่ได้หารือเบื้องต้นน่าจะ อยู่ที่ราว 1,000 ล้านบาท นอกเหนือจากการริบเงินประกัน 644 ล้านบาท แต่หากจะมองเรื่องการเสียโอกาสของประเทศจากการใช้ 4จี หรือการทำลายอุตสาหกรรมโทรคมนาคมโดยรวมก็ยังไม่มีหลักเกณฑ์อ้างอิงอะไร เอามาเป็นตัวยึดได้
นายประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา กรรมการ กสทช. ด้านการคุ้มครองผู้บริโภค และการ ส่งเสริมสิทธิเสรีภาพประชาชน ระบุว่าถึงกรณีที่มีหลายฝ่ายจับตามองในการประมูลคลื่น 900 เมกะเฮิรตซ์ครั้งใหม่ว่า โจทย์สำคัญของ กสทช. คือทำอย่างไรจะป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ ทิ้งคลื่นอีก และควรมีมาตรการรับผิดอะไร เพิ่มเติม ให้รุนแรงขึ้นจากครั้งก่อน ซึ่งต้อง เป็นเรื่องที่คณะทำงานฯชุดนี้จำเป็นต้อง พิจารณา และวางกฎระเบียบให้รัดกุมมาก
ทั้งนี้ บทสรุปจากการประมูลคลื่น ครั้งที่ผ่านมา หลายฝ่ายประเมินว่า เหตุที่ราคาคลื่นสูงเกินคาดการณ์ นอกจากประเด็นเรื่องคุณสมบัติเฉพาะตัวของคลื่น 900 แล้ว น่าจะเกิดจากการมีผู้เล่นรายใหม่พยายามแทรกตัวเข้าสู่ตลาด เพราะหากมีแต่หน้าเดิมเพียง 3 ค่ายเข้าประมูล ราคาไม่น่าจะสูงขนาดนี้ อีกปัจจัยหนึ่งก็คือการแบ่งงวดการ ชำระเงิน ที่ให้ชำระครั้งแรกเพียง 8,040 ล้านบาท และปีที่สอง และสามอีกปีละ 4,020 ล้านบาท ที่เหลืออีกกว่า 5 หมื่นล้านบาท ให้ชำระในปีที่สี่ จึงอาจเกิดสถานการณ์การวาดวิมานในอากาศ ประมูลไปก่อนหาเงินทีหลัง หากเป็นในต่างประเทศที่อนุญาตให้ คลื่นเปลี่ยนมือได้ อาจเห็นผู้ชนะการประมูลมาชำระเงินเพื่อรับใบอนุญาต แล้วเมื่อธุรกิจ ไม่ประสบความสำเร็จก็ขายคลื่นให้ผู้ให้บริการรายอื่นเพื่อถอนทุนคืน แต่เนื่องจาก กฎหมายไทยห้ามการเปลี่ยนมือคลื่น ทำให้ต้องตัดสินใจในทันทีว่าจะชำระค่าคลื่น หรือไม่ หากชำระแล้วธุรกิจไม่ประสบความสำเร็จก็ถอนทุนคืนไม่ได้
ได้บทเรียนปรับหลักประกัน
นอกจากนั้น เมื่อเทียบกับหลักประกันที่จะถูกริบ 644 ล้านบาทในกรณีไม่ชำระเงินแล้ว ซึ่งไม่ถึง 1% ของราคาชนะประมูลด้วยซ้ำ ก็ไม่น่าจะเป็นปัญหาใหญ่ต่อผู้ทิ้งคลื่น หากแต่เป็นปัญหาใหญ่ต่อประเทศและต่อตลาดโทรคมนาคมโดยรวม ดังนั้นเมื่อเปลี่ยนเป็นการวางเงินประกัน 5% ก็น่าจะเพิ่มปัญหาการตัดสินใจให้ผู้ที่เข้าร่วมประมูลว่าต้องการคลื่นจริงๆ
บทเรียนครั้งนี้จึงนำมาสู่การพยายามปรับหลักประกันในการประมูลให้สูงขึ้นตาม เพื่อให้สอดคล้องกับแนวทางการวางหลักประกันในการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐที่โดยทั่วไปกำหนดที่ 5% หรือ 3,783 ล้านบาท
แต่ที่ต่างกันก็คือการประกวดราคาทั่วไป เมื่อกำหนดราคากลางและวางหลักประกันแล้ว การแข่งขันราคาจัดซื้อหรือจัดจ้างนั้น เอกชนจะแข่งลดราคา ใครเสนอราคาต่ำสุดในปริมาณงานเท่าเดิมจะเป็นผู้ชนะ ทำให้มูลค่าหลักประกันมักจะสูงกว่า 5% ของราคาชนะการประกวดราคา
กลับกัน การประมูลคลื่น เอกชนจะแข่งกันเพิ่มราคา ใครเสนอราคาสูงสุดจะเป็นผู้ชนะ ดังนั้นมูลค่าหลักประกันจึงลดเหลือเพียงต่ำกว่า 1% ของราคาชนะประมูลคลื่นครั้งที่ผ่านมา
ส่วนราคาตั้งต้นการประมูลนั้น เดิมที กสทช.ไม่ทราบราคาตลาด จึงต้องประเมินมูลค่าคลื่นโดยเทคนิคการคำนวณ แต่หลังการ ประมูลครั้งที่ผ่านมา ทราบว่า ผู้เข้าร่วมยินยอมสู้ราคาคลื่นนี้ที่ระดับใด ซึ่งถือเป็นราคาที่ตลาดยอมรับในขณะนั้น การตั้งราคาต่ำกว่าราคาตลาดจึงอาจทำให้รัฐเสียประโยชน์และคงต้องคำนึงถึงปัจจัยที่เปลี่ยนไป เช่น การไม่มีผู้เล่นรายที่สี่มาแข่งขันราคา การที่ผู้ไม่ชนะการประมูลหาทางออกอื่นทดแทนการประมูลคลื่นไปแล้ว เป็นต้น
ทางออกที่ดีที่สุดคือการสร้างการแข่งขันในการประมูล เพื่อให้ตลาดเป็นตัวกำหนดราคาที่เหมาะสมด้วยตัวเอง จึงไม่สมควรกำหนดราคาที่เป็นการกันผู้เล่นรายใดรายหนึ่งไม่ให้เข้าร่วมประมูลครั้งใหม่นี้
แหล่งข่าว
หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2559 (หน้า 4)
ข่าวอื่นๆ
บี้ 'กสทช.' สั่งมือถือดูข้อมูลย้อนหลังคิดค่าบริการเกิน
http://pantip.com/topic/34995225
สัมภาษณ์พิเศษ: ประวิทย์ : 'กสทช.'กังขา พฤติกรรม 'แจส'
http://pantip.com/topic/34995244
กสทช. เปิดตัว *165 เบอร์เดียว เช็คโปรมือถือ เช็คยอดใช้งาน ใช้ได้ทุกค่าย
http://pantip.com/topic/34999036
เล็งฟ้องแพ่ง 'แจส' พันล้าน 'คณะทำงาน' เรียกผู้บริหารแจงพรุ่งนี้ หลังประชุมนักแรกเหลว
เล็งฟ้องแพ่ง 'แจส' พันล้าน 'คณะทำงาน' เรียกผู้บริหารแจงพรุ่งนี้ หลังประชุมนักแรกเหลว
กรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2559
คณะทำงานฯ เอาผิดแจส เรียกชี้แจง 5 เม.ย.นี้ ซักเหตุ"พิชญ์"ไม่เคาะราคาเอง เผยหลังประชุมนัดแรกไม่คืบหน้า ขาดผู้แทนหลาย หน่วยงาน เปิดแนวทางตามขั้นตอนการดำเนินการดูประเด็นกฎหมายตามพ.ร.บ.กสทช. เอาผิดเอกชนต้องฟ้องแพ่งเรียกค่าเสียหาย รวมมูลค่าเบื้องต้น 1,000 ล้าน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมของคณะทำงานพิจารณาความรับผิดกรณีบริษัท แจส โมบาย บรอดแบนด์ จำกัด ไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขการดำเนินการก่อนรับใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ย่าน 900 เมกะเฮิรตซ์ ด้วยอาศัยอำนาจตามความในข้อ 9(3) ของระเบียบ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ว่าด้วยการบริหารงานบุคคล พ.ศ.2555 ได้นัดหารือนัดแรกไปแล้วเมื่อวันที่ 31 เม.ย. 2559
การประชุมของคณะทำงานฯ เป็นเพียงรับ "บรีฟ" จาก กสทช. เท่านั้น ยังไม่ได้มีแนวทาง หรือกรอบการดำเนินงานที่ชัดเจน จนกว่าจะเรียก "จำเลย" มาให้ข้อมูล ดังนั้น ที่ประชุมจึงมีมติเรียกผู้บริหารของแจสมาเข้าพบวันที่ 5 เม.ย.นี้ ซึ่งยังไม่มีคำตอบจากแจส ว่า "นายพิชญ์ โพธารามิก" จะมาด้วยตัวเองหรือไม่ แหล่งข่าวจากคณะทำงานฯดังกล่าว ระบุว่า ตัวแทนของหน่วยงานอื่น อาทิ กระทรวงการคลัง ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ยังไม่ได้ส่งรายชื่อว่า จะให้ใครมาร่วมในคณะทำงานฯ กับ กสทช.
ดังนั้น การประชุมนัดแรกที่ผ่านมา จึงเป็น แค่การเล่าถึงที่มาที่ไปของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งอาศัยตามอำนาจของพ.ร.บ.กสทช.ที่จะเอาผิดกับแจส เพราะถือว่าเป็นผู้ทิ้งงานกับหน่วยงานภาครัฐ ไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้
5 เม.ย.ประชุมนัดที่ 2
โดยวันที่ 5 เม.ย.นี้ จะเป็นการประชุมนัดที่ 2 เวลา 14.30 น. และเวลา 15.00 น. ได้เชิญผู้บริหารของแจส ซึ่งขณะนี้ตอบรับ มาจะเข้าชี้แจงต่อคณะทำงานฯ แล้ว แต่ยัง ไม่สรุปว่า จะเป็นนายพิชญ์ โพธารามิก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล บริษัทแม่ของแจส จะเดินทาง มาชี้แจงด้วยตัวเองหรือไม่
อย่างไรก็ดี ระหว่างการประชุมผู้แทนจากคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ก.ล.ต.) ได้ถามต่อที่ประชุมว่า ทำไมนายพิชญ์ซึ่งเป็น ซีอีโอสูงสุดถึงไม่ยอมเข้าร่วมการประมูล ครั้งนี้ ทั้งๆ ที่ผู้เข้าร่วมรายอื่นต่างส่งผู้บริหารสูงสุดและมีซีอีโอเข้าร่วม และใช้โควตาที่กสทช. กำหนดให้มีสิทธิเข้าร่วมเต็มที่คือ 10 คน แตกต่างกับแจสที่ส่งผู้บริหารมาเข้าร่วมเคาะประมูลเพียง 3 คนเท่านั้น
และที่ผ่านมา กสทช.ได้สอบถามความ คืบหน้าต่อผู้ชนะการประมูลหรือไม่ว่า ได้ ดำเนินการไปถึงขั้นตอนไหนแล้ว ทำไมจึงปล่อยให้ถึงวันที่ 21 มี.ค. ซึ่งครบ 90 วัน และแจสไม่มาชำระเงินงวดแรก พร้อมวางหนังสือค้ำประกัน ดังนั้นประเด็นนี้คณะทำงานฯจึง มีมติให้แจสเข้าตอบข้อซักถามด้วยตัวเองในวันดังกล่าว
ฟ้องคดีแพ่ง-เรียกค่าเสียหาย
แหล่งข่าวยังระบุอีกว่า การเสนอวิธีการ หรือแนวทางตามขั้นตอนการดำเนินการ เอาผิดหรือบทลงโทษแจส ตลอดจนมาตรการ ใดๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อรักษาผลประโยชน์รัฐตามที่ได้มีกรอบเวลาให้ดำเนินการ 30 วัน
แหล่งข่าวกล่าวว่า หากดูประเด็น กฎหมายตามที่กสทช. อ้างถึงพ.ร.บ.กสทช.นั้น ก็จะเป็นการเอาผิดกับเอกชนในการเรียก ค่าเสียหายเท่านั้น และต้องไปฟ้องคดีแพ่ง ซึ่งรวมๆ แล้วตัวเลขที่ได้หารือเบื้องต้นน่าจะ อยู่ที่ราว 1,000 ล้านบาท นอกเหนือจากการริบเงินประกัน 644 ล้านบาท แต่หากจะมองเรื่องการเสียโอกาสของประเทศจากการใช้ 4จี หรือการทำลายอุตสาหกรรมโทรคมนาคมโดยรวมก็ยังไม่มีหลักเกณฑ์อ้างอิงอะไร เอามาเป็นตัวยึดได้
นายประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา กรรมการ กสทช. ด้านการคุ้มครองผู้บริโภค และการ ส่งเสริมสิทธิเสรีภาพประชาชน ระบุว่าถึงกรณีที่มีหลายฝ่ายจับตามองในการประมูลคลื่น 900 เมกะเฮิรตซ์ครั้งใหม่ว่า โจทย์สำคัญของ กสทช. คือทำอย่างไรจะป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ ทิ้งคลื่นอีก และควรมีมาตรการรับผิดอะไร เพิ่มเติม ให้รุนแรงขึ้นจากครั้งก่อน ซึ่งต้อง เป็นเรื่องที่คณะทำงานฯชุดนี้จำเป็นต้อง พิจารณา และวางกฎระเบียบให้รัดกุมมาก
ทั้งนี้ บทสรุปจากการประมูลคลื่น ครั้งที่ผ่านมา หลายฝ่ายประเมินว่า เหตุที่ราคาคลื่นสูงเกินคาดการณ์ นอกจากประเด็นเรื่องคุณสมบัติเฉพาะตัวของคลื่น 900 แล้ว น่าจะเกิดจากการมีผู้เล่นรายใหม่พยายามแทรกตัวเข้าสู่ตลาด เพราะหากมีแต่หน้าเดิมเพียง 3 ค่ายเข้าประมูล ราคาไม่น่าจะสูงขนาดนี้ อีกปัจจัยหนึ่งก็คือการแบ่งงวดการ ชำระเงิน ที่ให้ชำระครั้งแรกเพียง 8,040 ล้านบาท และปีที่สอง และสามอีกปีละ 4,020 ล้านบาท ที่เหลืออีกกว่า 5 หมื่นล้านบาท ให้ชำระในปีที่สี่ จึงอาจเกิดสถานการณ์การวาดวิมานในอากาศ ประมูลไปก่อนหาเงินทีหลัง หากเป็นในต่างประเทศที่อนุญาตให้ คลื่นเปลี่ยนมือได้ อาจเห็นผู้ชนะการประมูลมาชำระเงินเพื่อรับใบอนุญาต แล้วเมื่อธุรกิจ ไม่ประสบความสำเร็จก็ขายคลื่นให้ผู้ให้บริการรายอื่นเพื่อถอนทุนคืน แต่เนื่องจาก กฎหมายไทยห้ามการเปลี่ยนมือคลื่น ทำให้ต้องตัดสินใจในทันทีว่าจะชำระค่าคลื่น หรือไม่ หากชำระแล้วธุรกิจไม่ประสบความสำเร็จก็ถอนทุนคืนไม่ได้
ได้บทเรียนปรับหลักประกัน
นอกจากนั้น เมื่อเทียบกับหลักประกันที่จะถูกริบ 644 ล้านบาทในกรณีไม่ชำระเงินแล้ว ซึ่งไม่ถึง 1% ของราคาชนะประมูลด้วยซ้ำ ก็ไม่น่าจะเป็นปัญหาใหญ่ต่อผู้ทิ้งคลื่น หากแต่เป็นปัญหาใหญ่ต่อประเทศและต่อตลาดโทรคมนาคมโดยรวม ดังนั้นเมื่อเปลี่ยนเป็นการวางเงินประกัน 5% ก็น่าจะเพิ่มปัญหาการตัดสินใจให้ผู้ที่เข้าร่วมประมูลว่าต้องการคลื่นจริงๆ
บทเรียนครั้งนี้จึงนำมาสู่การพยายามปรับหลักประกันในการประมูลให้สูงขึ้นตาม เพื่อให้สอดคล้องกับแนวทางการวางหลักประกันในการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐที่โดยทั่วไปกำหนดที่ 5% หรือ 3,783 ล้านบาท
แต่ที่ต่างกันก็คือการประกวดราคาทั่วไป เมื่อกำหนดราคากลางและวางหลักประกันแล้ว การแข่งขันราคาจัดซื้อหรือจัดจ้างนั้น เอกชนจะแข่งลดราคา ใครเสนอราคาต่ำสุดในปริมาณงานเท่าเดิมจะเป็นผู้ชนะ ทำให้มูลค่าหลักประกันมักจะสูงกว่า 5% ของราคาชนะการประกวดราคา
กลับกัน การประมูลคลื่น เอกชนจะแข่งกันเพิ่มราคา ใครเสนอราคาสูงสุดจะเป็นผู้ชนะ ดังนั้นมูลค่าหลักประกันจึงลดเหลือเพียงต่ำกว่า 1% ของราคาชนะประมูลคลื่นครั้งที่ผ่านมา
ส่วนราคาตั้งต้นการประมูลนั้น เดิมที กสทช.ไม่ทราบราคาตลาด จึงต้องประเมินมูลค่าคลื่นโดยเทคนิคการคำนวณ แต่หลังการ ประมูลครั้งที่ผ่านมา ทราบว่า ผู้เข้าร่วมยินยอมสู้ราคาคลื่นนี้ที่ระดับใด ซึ่งถือเป็นราคาที่ตลาดยอมรับในขณะนั้น การตั้งราคาต่ำกว่าราคาตลาดจึงอาจทำให้รัฐเสียประโยชน์และคงต้องคำนึงถึงปัจจัยที่เปลี่ยนไป เช่น การไม่มีผู้เล่นรายที่สี่มาแข่งขันราคา การที่ผู้ไม่ชนะการประมูลหาทางออกอื่นทดแทนการประมูลคลื่นไปแล้ว เป็นต้น
ทางออกที่ดีที่สุดคือการสร้างการแข่งขันในการประมูล เพื่อให้ตลาดเป็นตัวกำหนดราคาที่เหมาะสมด้วยตัวเอง จึงไม่สมควรกำหนดราคาที่เป็นการกันผู้เล่นรายใดรายหนึ่งไม่ให้เข้าร่วมประมูลครั้งใหม่นี้
แหล่งข่าว
หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2559 (หน้า 4)
ข่าวอื่นๆ
บี้ 'กสทช.' สั่งมือถือดูข้อมูลย้อนหลังคิดค่าบริการเกิน
http://pantip.com/topic/34995225
สัมภาษณ์พิเศษ: ประวิทย์ : 'กสทช.'กังขา พฤติกรรม 'แจส'
http://pantip.com/topic/34995244
กสทช. เปิดตัว *165 เบอร์เดียว เช็คโปรมือถือ เช็คยอดใช้งาน ใช้ได้ทุกค่าย
http://pantip.com/topic/34999036