ภาคต่อมหากาพย์ชิงคลื่น 4G 'แจส' ถอย-ค่ายมือถือรอประมูลใหม่

กระทู้ข่าว

ภาคต่อมหากาพย์ชิงคลื่น 4G 'แจส' ถอย-ค่ายมือถือรอประมูลใหม่
ประชาชาติธุรกิจ ฉบับวันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2559


          ไม่เหนือความคาดหมาย กรณี "แจส
          โมบาย บรอดแบนด์" ในเครือจัสมิน ผู้ชนะประมูลคลื่น 900 MHz ช่วงที่ 1 (895-905 MHz คู่กับ 940-950 MHz) ไม่มาจ่ายค่าประมูลงวดแรก 8,040 ล้านบาท พร้อมยื่นหนังสือค้ำประกันวงเงินส่วนที่เหลือทั้งหมด (แบงก์การันตี) แม้ว่า แม่ทัพ กลุ่มจัสมิน "พิชญ์ โพธารามิก" จะออกมายืนยันด้วยตนเองถึงสองครั้งสองคราถึงความพร้อมด้านการเงิน และความตั้งใจจริงที่จะเข้าสู่ธุรกิจนี้  แต่นั่นก็เกิดขึ้นหลังการประมูลจบลงหมาด ๆ แต่ยิ่งใกล้ครบกำหนดที่จะต้องจ่ายเงิน ท่ามกลางกระแสข่าวว่า แจสอาจไม่สามารถหาแบงก์การันตี ได้ทันตามกำหนด บริษัทกลับไม่เคยติดต่อมายัง กสทช.อย่างเป็นทางการ เพื่อแจ้งหรือแสดงความมั่นใจว่าจะมาจ่ายเงิน ถึงกระนั้น "กสทช." ก็ยังรอลุ้นจนถึงวันสุดท้าย จนวลา 16.30 น. วันที่ 21 มี.ค. 2559 "แจส" ก็ยังไม่มา

          ยึดมติ "กทค." แผนสำรอง กสทช.
          โดย พ.อ.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณประธานคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) กล่าวว่า จะยึดตามมติที่ประชุม กทค. เมื่อวันที่ 3 ก.พ. 2559 ที่ผ่านมา ที่กำหนด 5 มาตรการที่จะดำเนินการในกรณีที่แจสไม่นำเงินมาชำระค่าประมูลคลื่น ประกอบด้วย 1.หากจัดประมูลใหม่ ราคาต้องเริ่มที่ 75,654 ล้านบาท 2.เปิดโอกาสให้ผู้ชนะประมูล หรือบริษัท ทรูมูฟ เอช ยูนิเวอร์แซล คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (ทียูซี) เข้าร่วมได้ 3.หากไม่มีผู้สนใจเข้าประมูล จะเก็บคลื่นไว้ไม่น้อยกว่า 1 ปี เมื่อเปิดประมูลใหม่ ราคาเริ่มต้นที่ 75,654 ล้านบาท 4.ริบหลักประกันมูลค่า 644 ล้านบาท พร้อมเรียกค่าเสียหายที่เกิดขึ้นตามกฎหมาย หรือประกาศที่กำหนดไว้ พร้อมตรวจสอบคุณสมบัติของการเป็นผู้ประกอบการที่ได้รับใบอนุญาตเดิมจาก กสทช.ในทุกกิจการ และ 5.สิทธิ์ผู้ชนะประมูลของแจสได้สิ้นสุดลง แม้จะเข้ามาเจรจากับสำนักงาน กสทช.ก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงใด ๆ ได้ เช่น ขอชำระเงินภายหลัง เป็นต้น

          "กทค.จะประชุมในวันที่ 23 มี.ค. เพื่อรวบรวมข้อมูลและความเห็นก่อนนำเสนอให้คณะอนุกรรมการกฎหมายประมวลผล เรื่องกฎหมาย กทค.คงไม่ก้าวก่ายการพิจารณา โดยเฉพาะการคำนวณค่าเสียหายของผู้บริโภคและประเทศชาติ โดยสำนักงาน กสทช.จะประสานงานให้ผู้ทรงคุณวุฒิเข้ามาดูแล และนำเสนอไปยังนายกรัฐมนตรี และประธานคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ว่าจะทำอะไรต่อไป และขอยืนยันว่าทุกอย่างเป็นไปตามกฎระเบียบ เราต้องดำเนินการอย่างรวดเร็วและรอบคอบ เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประเทศชาติ"

          ชง 2 แนวทางเสนอ "คสช."
          ด้านนายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการ กสทช. กล่าวว่า หลังประชุมคณะกรรมการ กทค. วันที่ 23 มี.ค.แล้ว จะมีการตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมาดูแลเรื่องนี้ เช่น เลขาธิการศาลฎีกา, ตัวแทนกระทรวงการคลัง และอัยการสูงสุด เพื่อคำนวณค่าเสียหายของประเทศชาติและประชาชนที่ตามมา หลังจากมีผู้ไม่มาชำระค่าประมูล 1 ราย ส่วนการริบหลักประกันประมูล 644 ล้านบาท จะประชุมคณะกรรมการ กทค. เพื่อลงมติยึดหลักประกันก่อน คล้ายกรณีทีวีดิจิทัล

          "กสทช. อยากให้ผู้บริหารแจสชี้แจงที่ไม่มาจ่าย เพื่อรักษาความเป็นธรรมาภิบาล ซึ่งทางตลาดหลักทรัพย์ฯก็ช่วยติดต่อให้ตั้งแต่ช่วงเช้าวันที่ 21 มี.ค. แต่สุดท้ายแล้วก็ไม่มีการติดต่อมา แม้ก่อนหน้านี้จะมี เจ้าหน้าที่ของบริษัทเข้ามาพูดคุยเกี่ยวกับการชำระเงินบ้าง"

          สำหรับค่าใช้จ่ายในการจัดประมูล คลื่น 900 MHz เมื่อวันที่ 15 ธ.ค. 2558 ทั้งหมด 4 คืน 5 วัน มีค่าใช้จ่าย เช่น ค่าอาหารและค่าสาธารณูปโภคราวร้อยกว่าล้านบาท ซึ่งแจสจะต้องเป็นผู้จ่ายหากมีการจัดประมูลใหม่ นอกจากนี้ที่ผ่านมาสำนักงาน กสทช.มีการหารือกับนายกรัฐมนตรีและประธาน คสช.โดยตลอด เมื่อแจสไม่มาชำระค่าประมูลจึงเตรียมส่งเรื่องนี้ให้ช่วยพิจารณาหาแนวทางที่จะรักษาผลประโยชน์ของชาติและประชาชนให้ได้มากที่สุด

          โดยเตรียมเสนอ 2 แนวทางไปที่ คณะกรรมการ กทค. และประธาน คสช. เพื่อประกอบการตัดสินใจ คือ 1.จัดประมูลใหม่ภายใน 4 เดือน 2.ให้สิทธิ์ผู้แพ้ ประมูลคลื่น 900 MHz ที่เสนอราคาสูงสุดได้สิทธิ์ชำระค่าประมูล จำนวน 75,654 ล้านบาท แทนแจส และนำคลื่นมาให้บริการแทนได้ ซึ่งผู้ที่แพ้ประมูลคลื่น 900 MHz ที่เสนอราคาสูงสุดคือ บริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ตเวิร์ก จำกัด (เอดับบลิวเอ็น) ในเครือเอไอเอส

          "ทรู" เร่งเกมชิงความได้เปรียบ
          นายศุภชัย เจียรวนนท์ กรรมการผู้จัดการ ใหญ่ บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า เชื่อว่า จะมีการเร่งให้มีการประมูลคลื่นรอบใหม่โดยเร็ว แต่ถ้าไม่เร่งประมูลใหม่ กลุ่มทรูก็จะเป็นผู้ให้บริการรายเดียวที่มีคลื่น 900 MHz ซึ่งบริษัทจะเร่งใช้ประโยชน์จากการมีคลื่นดังกล่าวอย่างเต็มที่เพื่อชิงความ ได้เปรียบในการแข่งขัน

          ด้านนายลาร์ส นอร์ลิ่ง ประธานเจ้าหน้าที่ บริหาร บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (ดีแทค) กล่าวว่า ถือเป็นสถานการณ์ที่มีผลกระทบอย่างมากเป็นประวัติการณ์ของวงการอุตสาหกรรมโทรคมนาคม ซึ่งต้องพิจารณาร่วมกันหาทางออกอย่างรอบคอบที่สุด เพื่อความยุติธรรมกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง หากมีการจัดการประมูลอีกครั้ง ควรจะต้องนำคลื่น 900 MHz ช่วงที่ 1 มาประมูลใหม่ตามเงื่อนไขเดิมของ กสทช. ซึ่งยังมีผลใช้บังคับ รวมทั้งกำหนดราคาประมูลเริ่มต้น 16,080 ล้านบาท เท่าเดิม ซึ่งจะเป็นราคาที่นำไปสู่การสะท้อนมูลค่าคลื่นความถี่ที่แท้จริง

          เอไอเอสพร้อมร่วมประมูล
          นางวิไล เคียงประดู่ ผู้ช่วยกรรมการ ผู้อำนวยการอาวุโส ส่วนงานประชาสัมพันธ์ บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (เอไอเอส) กล่าวว่า บริษัทคงต้องรอดูว่าจากนี้ กสทช.จะมีแนวทางในการดูแลจัดการคลื่น 900 ที่ว่างอยู่อย่างไร สำหรับเอไอเอสให้ความสนใจที่จะเข้าร่วมประมูล 45G คลื่น 900 MHz รอบใหม่ รวมถึงแนวทางที่ กสทช.จะพิจารณาออกมา ทั้งเรื่องราคาประมูล และเงื่อนไขต่าง ๆ ซึ่งคงต้องรอรายละเอียดจาก กสทช.

          ทั้งนี้ หลังศาลปกครองกลางมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ให้เอไอเอสยังคงให้บริการต่อได้อีก 30 วันถึงวันที่ 14 เม.ย. 2559 ล่าสุดผู้ใช้บริการระบบ 2G คลื่น 900 ได้มาขออัพเกรดซิมเป็น 3G รวมถึงขอใช้สิทธิ์แลกเครื่องเป็น 3G และ 4G จำนวนมาก ซึ่งเอไอเอสพร้อมดูแลลูกค้าที่ยังถือเบอร์ในระบบ 2G ที่เหลืออยู่ 4 แสนเลขหมายเพื่อให้ใช้งานได้ต่อเนื่อง โดยอำนวยความสะดวกในการอัพเกรดเบอร์เป็น 3G

          "ทรู-เอไอเอส" ชิงซีน 4G
          รายงานข่าวแจ้งว่า ในวันที่ 23 มี.ค. 2559 นี้ ทั้งทรูมูฟ เอช และเอไอเอสต่างเตรียม จัดจัดแถลงข่าวเกี่ยวกับบริการโทรศัพท์มือถือระบบ 4G ของตนเอง โดยกลุ่มทรูจะใช้จุดแข็งในการมีคลื่นความถี่ในมือมากที่สุดในการเปิดตัวแคมเปญ 4G พลัส รวมพลังคลื่นมากที่สุดเพื่อเติมเต็มดิจิทัลไลฟ์สไตล์ พร้อมด้วยภาพยนตร์โฆษณาเรื่องใหม่ ขณะที่ "เอไอเอส" ได้ร่วมกับ ผู้ผลิตอุปกรณ์โทรคมนาคม "หัวเว่ย" เปิดตัว AIS HUAWEI Present World's First Innovative Technology Network

          "TDRI" ชงเร่งประมูลใหม่
          นายสมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ ประธานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) กล่าวว่า การริบเงินหลักประกัน 644 ล้านบาท ของแจส และเรียกร้องค่าเสียหายในการจัดประมูลเป็นการดำเนินการในทางปกครองของ กสทช. ซึ่งไม่น่ามีปัญหา แต่การเรียกค่าเสียหายจากส่วนต่างของมูลค่าการประมูลที่ผ่านมากับมูลค่าการประมูลครั้งใหม่จะมีความ ซับซ้อน และต้องดำเนินการในทางแพ่ง ผลจะเป็นอย่างไรขึ้นกับการประมูลหลังจากนี้

          ส่วนการห้ามผู้ถือหุ้นใหญ่ของแจส เข้าร่วมในการขอใบอนุญาตประกอบกิจการจาก กสทช.ในอนาคต เป็นสิ่งที่ กสทช.ทำได้ ขณะที่การเพิกถอนใบอนุญาตอื่น เช่น โมโน หรือ 3BB ย้อนหลังน่าจะมีปัญหา เพราะเป็นคนละนิติบุคคลทั้งไม่ควรเก็บคลื่นที่แจสประมูลได้ไว้นานเป็นปี ทำให้ประเทศเสียโอกาส และการประมูลล่าช้าอาจทำให้การเรียกค่าเสียหายยากขึ้น

          ส่วนแนวคิดของ กสทช.ที่ต้องการให้การประมูลใหม่ต้องได้ราคาไม่ต่ำกว่าราคาที่แจสชนะ คือ 75,654 ล้านบาท ไม่สมเหตุสมผล เพราะสูงกว่าผู้ประมูลรายอื่นที่เหลือทั้ง 3 รายเคยเสนอไว้ หาก กสทช.ยึดถือราคาดังกล่าวอาจมองได้ว่าไม่ต้องการให้มีการใช้ประโยชน์จากคลื่นดังกล่าว ซึ่งจะมีผลนำไปสู่การผูกขาดบริการ 4G

          "กสทช.ควรนำคลื่นมาประมูลใหม่ โดยเริ่มที่ราคาสุดท้ายที่ผู้ประกอบการทุกรายยังรับได้ คือ 70,180 ล้านบาท ซึ่งเป็นราคาที่ผู้ประกอบการรายแรกที่ออกจากการประมูลเสนอเป็นครั้งสุดท้าย ทั้งการประมูลครั้งใหม่ควรให้ผู้ชนะการประมูลครั้งเดิม คือ ทรู เข้าร่วมด้วย เพื่อเพิ่มการแข่งขัน และให้ความเป็นธรรมแก่ทรูในการได้คลื่นเพิ่ม"

          นอกจากนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ก.ล.ต. และตลาดหลักทรัพทรัพย์ฯ ควรตรวจสอบการซื้อขายหุ้นและธุรกรรมอื่น ของบริษัทที่เกี่ยวข้องว่ามีธุรกรรมใดผิดปกติในลักษณะที่เป็นการเอาเปรียบผู้ถือหุ้นรายย่อยหรือไม่ ที่ผ่านมาบางบริษัทมีธุรกรรมจำนวนหนึ่งที่อาจก่อให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบระหว่างผู้ถือหุ้นกลุ่มต่าง ๆ


แหล่งข่าว
หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ ฉบับวันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2559 (หน้า 32, 28)
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่