เมื่อราวๆวันพุธหรือวันพฤหัสที่ผ่านมา ที่บ้านโทรมาบอกว่ามีหมายเรียกให้ไปรายงานตัวทหารมาถึงบ้าน
ผมก็เลยนึกได้ว่าใกล้แล้วนี่หว่า เลยไปหยิบใบ สด. มาดูว่าผมต้องไปวันที่เท่าไหร่ ปรากฏว่าเป็นวันที่ 3
ซึ่งก็คือวันอาทิตย์ที่จะถึงนี้ (วันนี้แหละ) ก็ตกใจเล็กน้อยนะครับเพราะมันค่อนข้างกระทันหัน แต่ก็ยังมีเวลา
ผมกะว่าเดี๋ยววันเสาร์นั่งรถกลับบ้าน เช้าวันอาทิตย์รายงานตัว เย็นวันอาทิตย์นั่งรถกลับมหาลัย ได้อยู่
(ผมเรียนอยู่มข.ครับ บ้านอยู่รังสิต นั่งรถราว 6-7 ชั่วโมง) จริงๆไหนๆก็ได้กลับบ้านทั้งที ผมก็อยากหยุดอยู่บ้านสักวันนะ
กลับสักวันจันทร์ก็ยังดี แต่พอดีอาจารย์เขาเน้นไว้ว่าวันจันทร์ไม่ให้ขาดเพราะจะมีการพูดคุยเรื่องโปรเจค ก็เลยหยุดไม่ได้จริงๆ
ทางบ้านผมเขาก็สงสารว่านั่งรถแบบนี้ ตายกันพอดี เลยให้นั่งเครื่องดีกว่า แพงหน่อยแต่นานๆที ไม่เป็นไร
ก็เลยเปิดเว็บดูแล้วตัดสินใจซื้อตั๋วของ "แอร์เอเชีย" บินจากสนามบินดอนเมืองเย็นวันอาทิตย์ ชั่วโมงเดียวถึงขอนแก่น
แล้วเรื่องมันก็เริ่มขึ้นตรงนี้แหละครับ
หลังจากเสร็จสิ้นการผ่อนผันที่วันประชุมราษฏร์ ผมก็เดินทางไปที่สนามบินตอนบ่ายสามครึ่ง
ไปก่อนดีกว่าไปไม่ทัน ก็เช็คอินแล้วก็เดินไปที่เกตแล้วเพื่อรอขึ้นเครื่อง
เครื่องดีเลย์นิดหน่อยแต่ก็ไม่ได้นานอะไรมากมาย ประกอบกับผมนั่งแถวหน้าสุดด้วย เลยได้ไปขึ้นก่อน
(เขาจะให้คนที่นั่งแถว 1-5 กับ 12-14 ขึ้นก่อน)
แล้วพอตอนไปขึ้นเครื่องก็จะมีพนักงานต้อนรับรออยู่บนเครื่องใช่ไหมครับ ก็มีพี่ผู้ชายคนนึงกับพี่ผู้หญิงคนนึง
ตอนแรกก็ไม่ได้อะไรครับ ก็ยื่นตั๋วให้เขาตรวจแล้วก็นั่งลง ด้วยความที่ผมห่วงคอม ผมเลยเอากระเป๋าเป้มากอดไว้บนตัก
ไม่อยากเอาไว้บนหัว กลัวมันกระแทก ตอนนั่งรถทัวร์ก็ทำแบบนี้ พี่แอร์ผู้หญิงเขาเลยเดินมาบอกว่า
"ขอโทษนะคะ รบกวนเก็บกระเป๋าไว้ด้านบนนะคะ" คุณผู้ชมครับ ความใกล้ชิดอะครับ มันทำให้เกิดอะไรบางอย่าง
แต่ก็นิดๆหน่อยๆครับ ไม่ได้คิดไรมาก พี่เขาเป็นแอร์ เขาก็น่ารักแบบนี้กับผู้โดยสารทุกคน อย่าหวั่นไหว ลูกผู้ชายใจต้องนิ่ง
ผมก็ลุกขึ้นเอากระเป๋าไปเก็บไว้บนหัว แล้วก็กลับมานั่ง แล้วผู้โดยสารก็ทยอยกันขึ้นเครื่องเรื่อยๆจนครบ
แล้วเขาก็เรียกให้เจ้าหน้าที่ภาคพื้นลงเพราะเครื่องพร้อมจะออกแล้ว
ทีนี้มันก็จะถึงช่วงที่พนักงานต้อนรับบนเครื่องจะมาสอนวิธีการใช้อุปกรณ์เช่นพวกเข็มขัดหรือหน้ากากหายใจใช่ไหมครับ
ผมก็ดูไปเรื่อยเปื่อย พอจบ พี่เขาก็เอาของไปเก็บ แล้วทีนี้ผมก็นึกถึงแก้กบนเพจ 9gag ได้
เป็นแก้กที่ว่าเป็นพนักงานบนเครื่องบินถ่ายภาพมา เป็นภาพที่มีหมานั่งอยู่บนเครื่องแล้วหันมามองเขา
ที่กำลังสอนวิธีใช้อุปกรณ์บนเครื่องอยู่พร้อมแคปชันว่า
"ผู้โดยสารทั้งลำ มีแค่คนเดียวที่สนใจฟังการสาธิตการใช้อุปกรณ์บนเครื่อง" ซึ่งก็คือหมาตัวนั้นนั่นแหละ
แล้วผมก็ยิ้มตลกในใจเพราะผมคิดว่าตัวเองเหมือนมาตัวนั้นเลยเพราะคนอื่นๆไม่ค่อยดูกัน
แล้วจังหวะนี้แหละครับ พี่เขาดันหันมาทางผมพอดี
พอเห็นผมมองพี่เขาแล้วยิ้มอยู่ พี่เขาก็ยิ้มตอบกลับมาให้ ผมนี้หันหน้าหนีเลย คือจริงๆผมไม่ได้มองพี่เขาแบบคิดอะไรนะ
อย่างที่บอก มันเป็นจังหวะบังเอิญอะ ผมนึกถึงมุขตลกนั้นได้แล้วก็ขำเฉยๆ ไม่ได้ยิ้มกับพี่เขา
ผมก็เฉยๆไป คิดซะว่าไม่มีอะไร ก็ใจเต้นตึบๆ เขินนิดหน่อย แต่ก็ปล่อยมันไป
ต่อมาครับ พอถึงตอนเครื่องจะออก พี่พนักงานเขาก็จะมานั่งตรงที่นั่งของเขาใช่ไหมครับ คุณลองนึกภาพที่นั่งบนเครื่องบินนะครับ
ที่นั่งสองที่ของพี่พนักงานสองคนนั้นจะอยู่ตรงประตู หันหน้าเข้าหาผู้โดยสาร แล้วผม ด้วยความที่นั่งแถว 1 ซึ่งเป็นแถวหน้าสุด
มันก็เลยกลายเป็นการนั่งหันหน้าเข้าหาพี่คนนั้นเฉยเลย
โอ้ววววพระสงงงงงงงงฆ์!!!!!! PUTANG INA MOOOO!!!!!! เป็นโมเมนต์ที่ฟัคมาก ผมนี้มองบน มองล่าง มองซ้ายมองขวา
มองตรงไหนก็ได้ที่ไม่ใช่ตรงหน้า โครตแบบ หืมมมมมม เมื่อไหร่เครื่องจะออก เมื่อไหร่จะถึง อยากลงแล้ววววววววววววววว
แล้วผมก็นั่งอยู่ในสภาพนั้นล่ะครับ น่าจะเกือบๆสิบนาที สักพักพี่ที่นั่งเบาะข้างๆเขาเอื้อมไปหยิบพวกหนังสือ
พวกอะไรที่มันอยู่ตรงหน้าที่นั่งมาอ่าน ผมเลยเห้ย ดูแล้วจำ จำแล้วนำไปใช้ เอื้อมตัวไปหยิบมาดูบ้าง
ไม่ได้สนใจอะไรในหนังสือหรอกครับ ขอแค่ให้ตามันมีที่จับจ้องก็พอ
ดูไปดูมาจนหมดผมก็เก็บหนังสือแล้วกลับมานั่งหน้านิ่งอยู่เหมือนเดิม ผมก็มีเหลือบๆไปมองพี่เขาบ้างว่า มองเราปะวะ
เออ พี่เขาไม่ได้มองไรเราเว้ย ก็หันไปดูนู่นดูนี่ ดูเครื่องดูผู้โดยสารตามปกติ ดีและ
ทีนี้ พอนั่งอยู่เฉยๆ เกิดไรขึ้นครับ ง่วงสิครับ แล้วการนอนของผมนี้ ผมจะไม่อยากนอนเวลาอยู่กับคนแปลกหน้าเลยครับ
เพราะผมมีนิสัยเสียคือเวลานอน หัวผมมันชอบตกไปด้านหลัง แล้วปากมันก็จะอ้า ทุเรศมาก ผมก็พยายามจะไม่หลับนะ
แต่มันก็หลับไปเองอะ บังคับไม่อยู่จริงๆ มีรู้ตัวบ้างตอนที่พี่เขาแจกอาหารให้ผู้โดยสารที่จองตั๋วล่วงหน้าหรือไรสักอย่าง
ผมไม่ได้ ผมก็เลยไม่ได้สนใจ นอนต่อ
รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่เขาประกาศว่าเครื่องมาถึงขอนแก่นแล้ว
อ่า ถึงซะที ผมเลยตื่น เตรียมตัวลุก ทีนี้แหละ ผมนึกขึ้นได้ว่า ตอนหลับนี่ผมนอนอ้าปากหวอแน่นอน คนข้างๆน่ะผมไม่แคร์หรอก
เจอกันไม่ถึงชั่วโมงเดี๋ยวก็แยกย้าย แต่กับพี่คนนั้นน่ะ อย่านะ อย่ามอง อย่าเห็น ขอร้อง ไม่ได้เลย
ผมเลยเหลือบขึ้นไปมองหน่อยว่าเขายังนั่งอยู่ตรงนั้นหรือเปล่า ปรากฏว่าพี่เขานั่งอยู่ตรงนั้น
และเหมือนจะเพิ่งหันหน้าไปจากผมด้วย
อ้าว เชียสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสส เป็นความรู้สึกที่อับอายขายขี้หน้ามากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ผมนี้ตีหน้านิ่งเลย
เข้มไว้ พอเครื่องจอดเรียบร้อยปุ๊บ ผมก็รีบลุกขึ้นหยิบกระเป๋าแล้วรีบเดินลงไปด้วยความเขินอาย
ผมเดินลงจากเครื่องมาพร้อมกับความรู้สึกที่ว่า อยากจะอยู่บนเครื่องนานกว่านี้อีกสักหน่อย
ก็แค่นี้ล่ะครับ ไม่มีอะไรมาก คือ มันเป็นอะไรที่อยากเล่า แต่ถ้าเล่าบนเฟสบุ๊ค มันจะแบบ ยาว
เดี๋ยวโดนอันเฟรนด์ เล่าบนพันทิพย์ดีกว่า ไม่รู้ด้วยว่าใครเป็นใคร สบายใจ
ก็เท่านี้แหละครับ กระทู้นี้ไม่มีอะไรมาก แค่อยากจะบอกว่า "วันนี้ ผมนั่งสายการบินแอร์เอเชียครับ"
วันนี้ ผมนั่งสายการบินแอร์เอเชียครับ
ผมก็เลยนึกได้ว่าใกล้แล้วนี่หว่า เลยไปหยิบใบ สด. มาดูว่าผมต้องไปวันที่เท่าไหร่ ปรากฏว่าเป็นวันที่ 3
ซึ่งก็คือวันอาทิตย์ที่จะถึงนี้ (วันนี้แหละ) ก็ตกใจเล็กน้อยนะครับเพราะมันค่อนข้างกระทันหัน แต่ก็ยังมีเวลา
ผมกะว่าเดี๋ยววันเสาร์นั่งรถกลับบ้าน เช้าวันอาทิตย์รายงานตัว เย็นวันอาทิตย์นั่งรถกลับมหาลัย ได้อยู่
(ผมเรียนอยู่มข.ครับ บ้านอยู่รังสิต นั่งรถราว 6-7 ชั่วโมง) จริงๆไหนๆก็ได้กลับบ้านทั้งที ผมก็อยากหยุดอยู่บ้านสักวันนะ
กลับสักวันจันทร์ก็ยังดี แต่พอดีอาจารย์เขาเน้นไว้ว่าวันจันทร์ไม่ให้ขาดเพราะจะมีการพูดคุยเรื่องโปรเจค ก็เลยหยุดไม่ได้จริงๆ
ทางบ้านผมเขาก็สงสารว่านั่งรถแบบนี้ ตายกันพอดี เลยให้นั่งเครื่องดีกว่า แพงหน่อยแต่นานๆที ไม่เป็นไร
ก็เลยเปิดเว็บดูแล้วตัดสินใจซื้อตั๋วของ "แอร์เอเชีย" บินจากสนามบินดอนเมืองเย็นวันอาทิตย์ ชั่วโมงเดียวถึงขอนแก่น
แล้วเรื่องมันก็เริ่มขึ้นตรงนี้แหละครับ
หลังจากเสร็จสิ้นการผ่อนผันที่วันประชุมราษฏร์ ผมก็เดินทางไปที่สนามบินตอนบ่ายสามครึ่ง
ไปก่อนดีกว่าไปไม่ทัน ก็เช็คอินแล้วก็เดินไปที่เกตแล้วเพื่อรอขึ้นเครื่อง
เครื่องดีเลย์นิดหน่อยแต่ก็ไม่ได้นานอะไรมากมาย ประกอบกับผมนั่งแถวหน้าสุดด้วย เลยได้ไปขึ้นก่อน
(เขาจะให้คนที่นั่งแถว 1-5 กับ 12-14 ขึ้นก่อน)
แล้วพอตอนไปขึ้นเครื่องก็จะมีพนักงานต้อนรับรออยู่บนเครื่องใช่ไหมครับ ก็มีพี่ผู้ชายคนนึงกับพี่ผู้หญิงคนนึง
ตอนแรกก็ไม่ได้อะไรครับ ก็ยื่นตั๋วให้เขาตรวจแล้วก็นั่งลง ด้วยความที่ผมห่วงคอม ผมเลยเอากระเป๋าเป้มากอดไว้บนตัก
ไม่อยากเอาไว้บนหัว กลัวมันกระแทก ตอนนั่งรถทัวร์ก็ทำแบบนี้ พี่แอร์ผู้หญิงเขาเลยเดินมาบอกว่า
"ขอโทษนะคะ รบกวนเก็บกระเป๋าไว้ด้านบนนะคะ" คุณผู้ชมครับ ความใกล้ชิดอะครับ มันทำให้เกิดอะไรบางอย่าง
แต่ก็นิดๆหน่อยๆครับ ไม่ได้คิดไรมาก พี่เขาเป็นแอร์ เขาก็น่ารักแบบนี้กับผู้โดยสารทุกคน อย่าหวั่นไหว ลูกผู้ชายใจต้องนิ่ง
ผมก็ลุกขึ้นเอากระเป๋าไปเก็บไว้บนหัว แล้วก็กลับมานั่ง แล้วผู้โดยสารก็ทยอยกันขึ้นเครื่องเรื่อยๆจนครบ
แล้วเขาก็เรียกให้เจ้าหน้าที่ภาคพื้นลงเพราะเครื่องพร้อมจะออกแล้ว
ทีนี้มันก็จะถึงช่วงที่พนักงานต้อนรับบนเครื่องจะมาสอนวิธีการใช้อุปกรณ์เช่นพวกเข็มขัดหรือหน้ากากหายใจใช่ไหมครับ
ผมก็ดูไปเรื่อยเปื่อย พอจบ พี่เขาก็เอาของไปเก็บ แล้วทีนี้ผมก็นึกถึงแก้กบนเพจ 9gag ได้
เป็นแก้กที่ว่าเป็นพนักงานบนเครื่องบินถ่ายภาพมา เป็นภาพที่มีหมานั่งอยู่บนเครื่องแล้วหันมามองเขา
ที่กำลังสอนวิธีใช้อุปกรณ์บนเครื่องอยู่พร้อมแคปชันว่า
"ผู้โดยสารทั้งลำ มีแค่คนเดียวที่สนใจฟังการสาธิตการใช้อุปกรณ์บนเครื่อง" ซึ่งก็คือหมาตัวนั้นนั่นแหละ
แล้วผมก็ยิ้มตลกในใจเพราะผมคิดว่าตัวเองเหมือนมาตัวนั้นเลยเพราะคนอื่นๆไม่ค่อยดูกัน
แล้วจังหวะนี้แหละครับ พี่เขาดันหันมาทางผมพอดี
พอเห็นผมมองพี่เขาแล้วยิ้มอยู่ พี่เขาก็ยิ้มตอบกลับมาให้ ผมนี้หันหน้าหนีเลย คือจริงๆผมไม่ได้มองพี่เขาแบบคิดอะไรนะ
อย่างที่บอก มันเป็นจังหวะบังเอิญอะ ผมนึกถึงมุขตลกนั้นได้แล้วก็ขำเฉยๆ ไม่ได้ยิ้มกับพี่เขา
ผมก็เฉยๆไป คิดซะว่าไม่มีอะไร ก็ใจเต้นตึบๆ เขินนิดหน่อย แต่ก็ปล่อยมันไป
ต่อมาครับ พอถึงตอนเครื่องจะออก พี่พนักงานเขาก็จะมานั่งตรงที่นั่งของเขาใช่ไหมครับ คุณลองนึกภาพที่นั่งบนเครื่องบินนะครับ
ที่นั่งสองที่ของพี่พนักงานสองคนนั้นจะอยู่ตรงประตู หันหน้าเข้าหาผู้โดยสาร แล้วผม ด้วยความที่นั่งแถว 1 ซึ่งเป็นแถวหน้าสุด
มันก็เลยกลายเป็นการนั่งหันหน้าเข้าหาพี่คนนั้นเฉยเลย
โอ้ววววพระสงงงงงงงงฆ์!!!!!! PUTANG INA MOOOO!!!!!! เป็นโมเมนต์ที่ฟัคมาก ผมนี้มองบน มองล่าง มองซ้ายมองขวา
มองตรงไหนก็ได้ที่ไม่ใช่ตรงหน้า โครตแบบ หืมมมมมม เมื่อไหร่เครื่องจะออก เมื่อไหร่จะถึง อยากลงแล้ววววววววววววววว
แล้วผมก็นั่งอยู่ในสภาพนั้นล่ะครับ น่าจะเกือบๆสิบนาที สักพักพี่ที่นั่งเบาะข้างๆเขาเอื้อมไปหยิบพวกหนังสือ
พวกอะไรที่มันอยู่ตรงหน้าที่นั่งมาอ่าน ผมเลยเห้ย ดูแล้วจำ จำแล้วนำไปใช้ เอื้อมตัวไปหยิบมาดูบ้าง
ไม่ได้สนใจอะไรในหนังสือหรอกครับ ขอแค่ให้ตามันมีที่จับจ้องก็พอ
ดูไปดูมาจนหมดผมก็เก็บหนังสือแล้วกลับมานั่งหน้านิ่งอยู่เหมือนเดิม ผมก็มีเหลือบๆไปมองพี่เขาบ้างว่า มองเราปะวะ
เออ พี่เขาไม่ได้มองไรเราเว้ย ก็หันไปดูนู่นดูนี่ ดูเครื่องดูผู้โดยสารตามปกติ ดีและ
ทีนี้ พอนั่งอยู่เฉยๆ เกิดไรขึ้นครับ ง่วงสิครับ แล้วการนอนของผมนี้ ผมจะไม่อยากนอนเวลาอยู่กับคนแปลกหน้าเลยครับ
เพราะผมมีนิสัยเสียคือเวลานอน หัวผมมันชอบตกไปด้านหลัง แล้วปากมันก็จะอ้า ทุเรศมาก ผมก็พยายามจะไม่หลับนะ
แต่มันก็หลับไปเองอะ บังคับไม่อยู่จริงๆ มีรู้ตัวบ้างตอนที่พี่เขาแจกอาหารให้ผู้โดยสารที่จองตั๋วล่วงหน้าหรือไรสักอย่าง
ผมไม่ได้ ผมก็เลยไม่ได้สนใจ นอนต่อ
รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่เขาประกาศว่าเครื่องมาถึงขอนแก่นแล้ว
อ่า ถึงซะที ผมเลยตื่น เตรียมตัวลุก ทีนี้แหละ ผมนึกขึ้นได้ว่า ตอนหลับนี่ผมนอนอ้าปากหวอแน่นอน คนข้างๆน่ะผมไม่แคร์หรอก
เจอกันไม่ถึงชั่วโมงเดี๋ยวก็แยกย้าย แต่กับพี่คนนั้นน่ะ อย่านะ อย่ามอง อย่าเห็น ขอร้อง ไม่ได้เลย
ผมเลยเหลือบขึ้นไปมองหน่อยว่าเขายังนั่งอยู่ตรงนั้นหรือเปล่า ปรากฏว่าพี่เขานั่งอยู่ตรงนั้น
และเหมือนจะเพิ่งหันหน้าไปจากผมด้วย
อ้าว เชียสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสส เป็นความรู้สึกที่อับอายขายขี้หน้ามากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ผมนี้ตีหน้านิ่งเลย
เข้มไว้ พอเครื่องจอดเรียบร้อยปุ๊บ ผมก็รีบลุกขึ้นหยิบกระเป๋าแล้วรีบเดินลงไปด้วยความเขินอาย
ผมเดินลงจากเครื่องมาพร้อมกับความรู้สึกที่ว่า อยากจะอยู่บนเครื่องนานกว่านี้อีกสักหน่อย
ก็แค่นี้ล่ะครับ ไม่มีอะไรมาก คือ มันเป็นอะไรที่อยากเล่า แต่ถ้าเล่าบนเฟสบุ๊ค มันจะแบบ ยาว
เดี๋ยวโดนอันเฟรนด์ เล่าบนพันทิพย์ดีกว่า ไม่รู้ด้วยว่าใครเป็นใคร สบายใจ
ก็เท่านี้แหละครับ กระทู้นี้ไม่มีอะไรมาก แค่อยากจะบอกว่า "วันนี้ ผมนั่งสายการบินแอร์เอเชียครับ"