ขอคำปรึกษาค่ะ เราเครียดและตึงเรื่องการเลี้ยงลูกมากเกินไปหรือเปล่า ลูกสาววัย 2 ขวบ 5 เดือน

ขอคำปรึกษาค่ะ เราเครียดและตึงเรื่องการเลี้ยงลูกมากเกินไปหรือเปล่า ลูกสาววัย 2 ขวบ 5 เดือน
ปรึกษาแม่ๆ หรือผู้ที่มีประสบการณ์การเลี้ยงเด็ก เราไม่ได้เป็นคุณแม่เต็มเวลานะ เราเลี้ยงลูกจริงๆจังๆช่วงลาคลอดได้แค่ 3 เดือนค่ะ นอกนั้นเลี้ยงช่วงกลางคืน และช่วงวันเสาร์ – อาทิตย์ ส่วนกลางวัน ยาย ตา ปู่ ย่า เลี้ยงสลับผลัดเปลี่ยนกันดูแล จนมาถึงปัจจุบัน เริ่มเลยนะคะ ช่วง 1-2 สัปดาห์มานี้เรารู้สึกเครียดมากๆเรื่องพฤติกรรมของลูกและการเลี้ยงดูของพ่อและแม่สามี หรือมันอาจจะเป็นความเครียดสะสมมาตั้งแต่ลูกเราคลอดออกมา เพราะเรากับพ่อและแม่สามีมีแนวทางการเลี้ยงลูกสวนทางกันมากแบบสุด

เริ่มตั้งแต่คลอดเลยนะคะ


1.เราตั้งใจว่าจะเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ เราให้นมเค้าตั้งแต่คลอดออกมาจนถึง 1 ขวบ 8 เดือน  ญาติฝั่งเราเห็นด้วยทั้งหมดเรื่องเลี้ยงลูกด้วยนมแม่  แต่พ่อและแม่สามีไม่เห็นด้วย เพราะเหตุผลที่ว่าลูกเราไม่อ้วน นมแม่ไม่มีประโยชน์ ซึ่งนี่เป็นเหตุผลของเค้า  ซึ่งสามีเราก็เออออห่อหมกไปด้วย ถึงขั้นมาบอกกับเราว่าลูกเราไม่อ้วนเลย ให้ลูกกินนมผงเหอะ และซื้อนมผงมาให้ลูก ซึ่งก็เกิดเหตุการดราม่าขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง  เราร้องไห้เพราะด้วยความเหนื่อย เราอธิบายให้เค้าฟังหลายครั้ง และหาเหตุผลว่าทำไมต้องให้นมแม่ เช่น ลูกจะแข็งแรงช่วยลดภูมิแพ้ได้ด้วย  เราจะประหยัดในด้านค่าใช้จ่าย เราคำนวณค่านมลูกในแต่ละเดือนและรวมเป็นรายปีให้เค้า เราบอกว่าเราปั๊มนมเวลาไหนบ้างซึ่งจริงๆเค้าก็เห็นอยู่ทุกวัน  แต่ก็ยังมีมาพูดอยู่เรื่อยๆแต่เราก็ปั๊มมาเรื่อยๆพยายามไม่ใส่ใจในคำพูดแต่ก็อดคิดไม่ได้ว่าทำไมถึงไม่เข้าใจ


2.เรื่องฝึกลูกให้ช่วยเหลือตัวเอง  เช่น ตักข้าวกินเอง นั่งกินข้าวอยู่กับที่ เก็บเสื้อผ้าใส่ตระกร้า  เตรียมผ้าเช้ดตัวเข้าห้องน้ำ  ทิ้งแพมเพิสใส่ถังขยะ  เราฝึกลูกเราตั้งแต่เค้าเดินคล่องและพูดรู้เรื่อง น่าจะประมาณ 1 ขวบ 4 เดือน ค่ะ ตอนนั้นก็เลี้ยงลูกอยู่ที่บ้านเรา  อาจจะมีไปบ้านปู่กับย่าบ้างแต่ไม่บ่อยมากหลักๆจะอยู่บ้านเราค่ะเพราะช่วงนั้นพ่อและแม่สามีทำการเกษตรจะไม่มีเวลามาดูแลลูกเรามากนักคือถ้าคิดถึงก็จะเอาลูกไปหา ไปนอนบ้าง แต่ช่วงหลังๆมานี้ ปู่กับย่าเลี้ยง ช่วงกลางวัน เองตลอดค่ะเพราะว่างจากงานเกษตร  ส่วนยายกับตาก็ต้องค้าขายไม่ค่อยมีเวลาดูแลเต็มที่เลยต้องเอาลูกไปให้ปู่กับย่าดูแล เรากลับจากที่ทำงานก็มารับลูกไปนอนที่บ้านเราตามปกติ
ปัญหามีอยู่ว่า ตอนเย็นเรากินข้าวบ้านสามี หรือเสาร์อาทิตย์เราพาลูกไปหาปู่กับย่า เราก็เลี้ยงลูกให้ลูกช่วยเหลือตัวเองปกติตามที่เราทำมา  แต่พ่อกับแม่สามีจะแย้งขึ้นมาตลอดว่าลูกเรายังเด็กเกินไป ยังทำไม่ได้  กินข้าวเองไม่ได้  เด็กจะมาให้นั่งกินอยู่เฉยๆไม่ได้หรอก เด็กก็ต้องกินไปเล่นไป  ซึ่งเราก็บอกว่าลูกทำได้ตอนลูกอยู่กับเราเค้าก็ทำเองได้ และทำทุกวัน อาจมีบางวันไม่ทำบ้างแต่น้อยมาก เวลาผ่านไป ตอนนี้ลูกเรากลายเป็นเด็กที่ไม่กินข้าวอยู่กับที่  ย่าต้องคอยเดินป้อนข้าวตลอดเวลา นั่งไม่ได้เล่นไปกินไป เดินป้อนกันไป กว่าจะอิ่มก็เป็นชั่วโมง  พอจะให้กินเองลูกเราก็ตอบเราว่าไม่เอากลัวมือเปรอะ  เรื่องเก็บเสื้อผ้า ทิ้งแพมเพิส เตรียมผ้าเช็ดตัว ทาแป้ง ก็เหมือนกัน ไม่ทำเองเลยปู่ย่าทำให้ตลอดเป็นมาจนถึงปัจจุบัน  ซึ่งเราค่อยข้างเครียดมาก เราเคยเอาเรื่องนี้มาคุยกับสามี  แต่สามีก็บอกว่า เด็กก็เป็นแบบนี้ก็ต้องกินไปเล่นไปถึงจะกินได้เยอะ... เรื่องอื่นเค้าเงียบค่ะ และก็เงียบมาตลอดจนถึงปัจจุบัน


3.เรื่องเวลานอนกลางวัน ปู่กับย่าให้ลูกเรานอนกลางวันนานมากย้ำว่านานมากนะคะ คือลูกจะตื่น  6 – 7 เช้าโดยประมาณ หรือมีบางวัน 8 โมง ย่าก็จะโทมาหาเราถ้าเป็นช่วงเสาร์ – อาทิตย์ หรือถ้าเป็นช่วงวันธรรมดา ตาก็จะมาส่ง ย่าก็จะเตรียมข้าวเช้าไว้ให้ พอลูกเรากินเสร็จเล่นซักพัก  ก็เอาลูกเรานอนค่ะ เวลา  10 :00  – 13:00 น.  ประมาณนี้ค่ะนั่นคือการนอนช่วงแรก  พอลูกเราตื่นก็กินข้าวกลางวัน  พอกินเสร็จเล่นซักพักก้เอาลูกเรานอนค่ะ  12:00 -  17 :00 บางวันนอนตอนเย็นถึง  19:00  คือเวลาประมาณนี้ค่ะคือแกว่งเปลไปเรื่อยๆถ้าตื่นตอนไหนก็กินข้าว สรุปคล่าวๆคือลูกเรานอนกลาววันละ 4-5 ชั่วโมงค่ะ พอตกเย็นเรารับช่วงก็ลำบากเราค่ะทีนี้  เราเอาลูกเข้านอน 2 ทุ่มบางวันก็ 3 ทุ่ม แต่ลูกไม่ยอมนอนค่ะเล่นบางวัน 4-5 ทุ่ม ระหว่างคืน ลูกเราตื่นตลอดเวลา ชั่วโมง สองชั่วโมงตื่นที เป็นแบบนี้มาตลอด  จนลูกเข้าโรงเรียนได้ 4 วัน เราบอกให้สามีโทรบอกว่าถ้าลูกกลับจากโรงเรียนไม่ให้ลูกนอนต่อ ผลชัดเจนคือลูกหลับยาว ไม่นอนละเมอ แต่เป็น 4 วันอันแสนสั้นค่ะ...


4.    เรื่องการให้ลูกกินนม พอลูกเรา 1.8 ขวบ เราก็ค่อยๆเปลี่ยนมาให้ลูกกินนมผงค่ะไม่มีปัญหาเรื่องท้องผูก แต่มีปัญหาตรงที่ว่า เราจะให้ลูกเลิกกินนมตอนกลางคืนระว่างที่นอนหลับอยู่ค่ะ แต่ปู่และย่าชอบให้ลูกเรากินนมระหว่างนอนตลอดเป็นประจำ  ด้วยเหตุผลที่ว่าลูกจะนอนยาวขึ้นค่ะ  แต่ผลที่ตามมาคือลูกเราไม่นอนยาว  ตื่นๆร้องๆหลับๆตลอด เนื่องจาก
1.อาจเป็นเพราะลูกเรานอนกลางวันยาวมาก
2.เพราะเค้าต้องตื่นขึ้นมากินนม
เราพยายามบอกปู่กับย่าแล้วว่าจะให้ลูกเลิกกินนมตอนกลางคืนเพราะ ฟันจะพุ และเค้าจะเคยตัวตื่นมาร้องจะกินนม  แต่ไม่เป็นผลอะไรเลย

5.เรื่องลูกไปโรงเรียน ตอนนี้ลูกเรา 2 ขวบ 5 เดือน 13 วันแล้วค่ะ กะไว้ว่า 2 ขวบจะเอาเข้าแต่ทางโรงเรียนยังไม่รับ เลยรอ 2.5 ขวบ เราคุยกับสามีและตกลงใจกันว่าเราจะเอาลูกเข้าเตรียมอนุบาลเพื่อให้ลูกรู้จักปรับตัวเข้าสังคมและจะได้พัฒนาสมองร่างกายให้เต็มที่  สามีเราตกลงค่ะ เค้าให้เราไปคุยกับพ่อและแม่เค้าเอง เราคิดอยู่ 2 วัน คิดคำพูดหาข้อมูลโทหารเพื่อนๆที่เป็นครู  และแม่ๆที่เรารู้จักเพื่อจะเอาข้อมูลไปบอกปู่กับย่า  พอเราไปคุยย่าพูดขึ้นมาว่า...ไม่ให้ไปหลานยังเด็กเกินไปที่จะดูแลตัวเองได้ มันยังเล็ก เราเลยบอกว่า ย่ากับปู่ไม่ได้อยู่ดูแลลูกเราไปตลอดชีวิต ตอนนี้ลูกก็ 2.5 ขวบแล้วไปได้แล้ว เขาก็บอกว่าหลานเค้า (ลูกพี่สาวสามี) ไปตอน 3 ขวบยังไปได้เลย เราก็บอกว่าไม่ว่าจะ 2.5 ขวบ หรือ 3 ขวบ ก็ต้องไปอยู่ดีจะช้าจะเร็ว ลูกต้องไปเจอสังคมเจอเพื่อนๆ สุดท้ายยอมค่ะ

เราตื่นแต่เช้าเพื่อไปส่งลูกเข้าเตรียมอนุบาลวันแรกเค้าร้องไห้ซึ้งมันปกติ เราก็ทำงานอย่างสบายใจ เราโทรหาสามีให้สามีโทรบอกแม่เค้าว่าไม่ให้ไปรับลูกกลับบ้าน สามีบอกแม่เค้ารับปาก พอ เวลาเลิก เราก็มารับลูกตามเวลาที่คุณครูบอก แต่เราไม่เจอลูกแล้วค่ะ ย่ามารับลูกเราไปตั้งแต่ 10 โมงเช้า เราโมโหมาก มากจริงๆเพราะเราคุยกันรู้เรื่องแล้วว่าจะให้ไปเตรียมอนุบาล เราเลยโทรหาสามี และบอกกับสามีว่าถ้าย่าหรือปู่ยังมารับลูกไปอีกเราจะย้ายลูกไปเรียนในที่ที่ย่าและปู่มารับลูกไม่ได้ สุดท้ายยอมค่ะไม่มีรับลูกเราอีก แต่ปัญหาก็ยังไม่จบแค่นั้น ลูกเราดันท้องเสียมีเหตุให้ต้องกลับบ้านพอกลับบ้านย่าบอกเราว่าสงสัยลูกจะเครียดที่ต้องไปโรงเรียนเลยท้องเสีย เราเงียบและตอบไปว่าปล่อยเค้าก็เป็นแบบนี้แหละเค้าต้องปรับตัว ระหว่างนั้นลุกเรายังนอนอยู่พอลูกตื่นลืมตามา ลูกพูดกับเราว่าแม่เอาหนูไปทิ้งไว้ที่โรงเรียน เรานี่เงียบและบอกว่าแม่พาไปหาเพื่อน และ ทุกครั้งที่เราคุยกับลูกเราจะสอนลูกและบอกลูกว่า ไปโรงเรียนหนูจะมีเพื่อน มีความรู้ ได้เล่นดินน้ำมัน ได้เขียน ก.ไก่ ระบายสี ร้องเพลง  แต่พอเราพูดแบบนี้ ย่าจะพูดแทรกขึ้นมาทันทีว่า เพื่อนที่บ้านก็มี ดินน้ำมันที่บ้านย่าก็มีเล่น ก.ไก่ ที่บ้านย่าก็มีให้เขียน ได้กินข้าวกับต้มยำกุ้ง กุ้งทอด ไก่ทอด แถมย่ายังแกว่งเปลให้อีก อยู่กับย่าดีกว่า....ไปโรงเรียนผอมเหลือตัวนิดเดียวทั้งๆที่ลูกเราส่วนสูงและน้ำหนักตามมาตร จนเมื่อวันศุกร์ลูกเราไม่สบายตัวร้อนมีน้ำมูก  ย่าก็เอาเรื่องโรงเรียนเข้ามาเกี่ยวข้องบอกว่าไปโรงเรียนแล้วไม่สบายว่าจะไม่ให้ไปแล้ว...เราได้แต่เงียบเพราะเถียงไปเราก็ผิดอยู่ดี  พูดอะไรไปก็ไม่ดี


6.เรื่องพฤติกรรมการพูดจาและการตีพ่อแม่หรือใครที่ทำให้ไม่พอใจ เราพยายามคิดว่าพฤติกรรมเหล่านี้เป็นพฤติกรรมที่เป็นไปตามวัย แต่ก็อดนึกไม่ได้ว่า เหตุที่ลูกเป็นแบบนี้เพราะการสอนรึเปล่า คืองี้ค่ะ ตอนลูกเราเด็กๆปู่จะบอกให้ลูกเราตี กัด หยิก หรือเอาประป๋องแป้ง มาตีหน้าเรา หรือไม่ก็หน้าสามีเรา เป็นประจำ คือประมาณว่า ตีหน้ามันเลยลูก กัดมันเลยลูก เอาป๋องแป้งฟาดหน้ามันเลยลูก ลูกเราก็ยุขึ้นอาจด้วยความที่เค้าขวบกว่าๆตอนนั้น เด็กก็ทำค่ะ ทำจนตอนนี้นึกไม่พอใจใครก็หยิก ก็กัด ก็ตีค่ะ เพราะเค้าคิดว่าเป็นเรื่องที่ถูกต้องเราพยายามสอนๆๆๆๆๆๆว่ามันไม่ดีนะลูก ทำแบบนี้แม่เจ็บ ถ้าทำแบบนี้กับแม่แม่จะทำกลับ เค้าหยุดค่ะ แต่พอนึกโมโหก็ทำอีก....
และปู่ก็ชอบพูดให้ลูกไล่เราหรือสามีเราตอนที่ไปบ้านย่าค่ะ คือประมาณว่าไล่มันไปเลย บอกมันว่าไม่ต้องมาบ้านย่า อะไรประมาณนี้ค่ะ ตอนนี้ลูกเราก็พูดแบบนี้เวลาเราไปบ้านย่าประจำเลยถ้าเค้าไม่พอใจเรา.....


ปกติลูกเราไม่เคยเป็นแบบนี้เลยค่ะทุกครั้งที่เรากลับมาจากที่ทำงานลูกจะวิ่งมากอดเราแล้วกลับบ้านไปกับเราทุกครั้งแต่หลังจากไปโรงเรียนและเราทำให้เค้ามีวินัยมากขึ้นตามปกติที่เราทำได้ ตอนนี้ลูกแอนตี้เรา เราพยายามคิดว่าคงเป็นไปตามวัยเค้าก็ต้องอยู่กับคนที่ตามใจเค้า เค้าเห็นว่าเราไปส่งเค้าที่โรงเรียนรึเปล่าถึงมีอาการแบบนี้  เราไม่ได้นอนกับลูกมา 2 วันแล้วค่ะ คือเรารู้สึกเสียใจไม่สบายใจกลัวลูกจะเป็นมากขึ้นและย่าก็จะไม่ให้ลูกไปโรงเรียนอีก  


เหนื่อยมากๆค่ะเหนื่อยมากจริงๆยังมีเรื่องอีกหลายเรื่อง เช่น ลูกพูดกับเราว่าแม่บ้า เรางงถ้าผู้ใหญ่ไม่สอนแล้วใครจะสอน เราเอาเรื่องพวกนี้ไปบอกไปปรึกษาสามีแต่ไม่เคยได้รับคำปรึกาษเลยค่ะมีแต่ข้อแก้ตัวให้พ่อกับแม่เค้าตลอด เราร้องไห้เราเครียดเรื่องการเลี้ยงลูก สามีก็บอกกับเราว่าให้เราปล่อยวาง ทั้งๆที่ลูกก็เป็นลูกของเรา แต่ทุกอย่างมันติดตรงที่ว่าเราไม่สามารถเลี้ยงลูกเต็มเวลาได้ยังต้องพึ่งพ่อและแม่สามีอยู่  เค้าบอกว่าถ้าเราเครียดเราเราไม่ปล่อยวางเราจะเป็นบ้า เราตั้งเป้าหมายมากเกินไป เราคาดหวังกับลูกมากเกินไป เค้าบอกว่าเราตึงมากจนเกินไป  คือทั้งหมดเราตึงมากเกินไปหรอคะ (ลืมบอกไปค่ะว่าสามีไม่ได้อยู่กับเราตลอดเค้าไปทำงานต่างจังหวัดค่ะกลับบ้าน เฉลี่ย 1 เดือนครั้ง) เราโดยเปรียบเทียบกับแม่กับพี่สาวเค้าเสมอและตลอดทุกเรี่อง ไม่ว่าจะการเลี้ยงลูก การทำงานบ้าน  แม่และพี่สาวเค้าดีมากจนเราสู้ไม่ได้... เค้าบอกเราว่าเค้าเป็นคนกลางนี่ก็แม่นี่ก็เมีย แต่ที่ผ่านมาเค้าไม่เคยอยู่ข้างเราเลยค่ะ เราบอกว่าเราจะพอแล้วเรื่องการเลี้ยงลูกเราจะปล่อยชีวิตเราจะทุ่มเทให้กับงานเราจะได้ไม่ต้องเครียด ใครจะเลี้ยงลูกแบบไหนยังไงก้ตามใจเค้า  สามีเราตอบกลับมาว่าถ้าทำแบบนั้นแล้วสบายใจก็ทำ เค้าก้พยายามหาตรงกลางระหว่าง 2 ฝ่ายให้แต่ก้ไม่เจอตรงกลางซักที  วันพฤหัสนี้เค้าจะกลับมาบ้าน เราต้องไปนอนที่บ้านเค้า เค้าบอกเค้าจะจัดการเรื่องนี้เองเค้าจะดูพฤติกรรมลูกเอง เค้าให้เราสอนลูกอย่างที่เราเคยฝึกเค้ามา เราบอกว่าคงเป็นไปได้ยากเพราะลูกอยู่กับย่ากับปู่มีคนคอยปกป้องเค้าเราสอนลูกลำบาก เดี๋ยวเค้าบอกเค้าจะจัดการเอง

เราตึงหรือเครียดมากไปใช่ไหม เราร้องไห้ติดๆกันมาหลายวันแล้ว ข้าวก็ไม่อยากกิน  บ้านก็ไม่อยากกลับ  เราไม่อยากเจอพฤติกรรมลูกที่เป็นแบบนี้ซึ่งเราเองก็ทำอะไรไม่ได้เลย เรารู้ว่าเครียดแต่เราไม่สามารถจัดการกับมันได้

อาจมีพิมพ์ผิดบ้าง  เราขออภัยด้วย เราขอคำปรึกษา ด่าเราได้ถ้าเราผิดเราตึง แต่อย่าแรง ตอนนี้จิตใจเราไม่ปกติ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่