
• ทริปนี้เริ่มต้นจากเพื่อนพี่น้องที่ออฟฟิศอยากไปเที่ยวต่างจังหวัดกันแบบ ออกเย็นศุกร์กลับบ่ายอาทิตย์ ไม่ต้องรบกวนวันลาใคร ไปกับเงียบๆ 8 คน แบบไม่โผงผาง
• น้องคนหนึ่งในทีม เสนอชื่อสถานที่แห่งแรกขึ้นมาปุ๊บ พวกเราก็ตอบตกลงเอาเลยทันทีแบบไม่มีใครคิดอะไร ที่แห่งนั้นคือ แพกาญจน์…
• อ้าว! นี่ไม่ได้จะเขียนถึงการไปเที่ยวเขาใหญ่หรอกหรอ?!? หลอกให้กรูเสียเวลาอ่านทำไมฟระ??
• สัญญาว่ามันเป็นเรื่องเขาใหญ่ แต่ขอเล่าอีกหน่อยนึงนะฮะ
• เอาเป็นว่า เราตกลงไปแพกาญจน์กัน แนวแบบ ที่พักบนแพ มีสวนน้ำ เรือคายักให้พายเล่น เย็นๆ ชิลล์ๆ ทั้งวัน
• วันรุ่งขึ้นพาดหัวข่าวแรงมาก “จระเข้หลุด แพกาญจนบุรี นักท่องเที่ยวผวา!” ….
• คือจริงไม่จริงไม่รู้ แต่พวกเราเปลี่ยนใจไม่ไปทันที หลังจากนั้นก็คิดกันอยู่สองสามวันว่าจะไปไหนแทนดีนะ
• น้องอีกคนส่งรูปนี้มาให้…

• เช้ดดดดดด ไปๆๆๆ มันจะอยู่ไหนก็ไปกันเถิดดดดด
• สอบถามได้เรื่องว่ารถบ้านแสนคิ้วต์เค้าอยู่เขาใหญ่ ชื่อ Casa De Montana
• เจ้าของชื่อคุณมนต์ทนา สามีของเธอคือ Mr. Casa เป็นชาวปานามาโดยกำเนิด
ย้ายมาอยู่เมืองไทยเพราะชอบอากาศที่นี่มาก
• บรรทัดตะกี้เป็นการมโนเองล้วนๆ ฮะ
• ผมลองทักเฟสไปได้ความว่าห้องเต็มจนถึงต้นเดือนมีนา ตอนทักไปนี่ยังม.ค. อยู่เลยฮะ
• ที่พักห่านไรจองล่วงหน้าสองเดือนฟระ??
• ถามไปถามมาปรากฎว่ากลางเดือนยังได้อยู่ เลยลั่นจองไปเรียบร้อย
:: การเดินทาง ::
• ไปกัน 8 คนจะว่าน้อยก็น้อย เยอะก็เยอะ มันเป็นจำนวนที่ถ้าขับรถกันไปเองจะลำบาก
เนื่องจากต้องนั่งแยกจากกัน 4-4 ในรถสองคัน ฟังแล้วมันไม่คึก เหมือนไม่ได้ไปด้วยกัน
• พวกเราจึงตัดสินเหมารถตู้ไปกัน เพื่อความครื้นเครง
• ถึงวันศุกร์วันออกเดินทาง เรานัดรถตู้ไว้เลยตั้งแต่บ่ายสามครึ่ง กะว่าสี่โมงเดินออกจากออฟฟิศสวยๆ
• เดินไปบอกหัวหน้าตั้งแต่เที่ยงว่าวันนี้ขออนุญาติออกเร็วนิสนะฮะจะไปเที่ยวตจว.
• ตัดภาพมา 2 ทุ่มยังแก้งานอยู่เลยจ้าาาา
• แถมน้องอีกคนในทีมดันติดธุระด่วน คิดว่ามาขึ้นรถไม่ทันแน่ๆ บอกว่าให้ออกกันก่อนเลย เดี๋ยวขับตามไปเจอที่เขาใหญ่เลย
• ขับตามไปพ่องงงงง กรูจะรอ

งง อยู่ไหนกรูก็จะไปรับว้อยยย ไปด้วยกันสิฟระ ห่านนนนน
• อันนี้ผมนึกในใจ พูดออกไปเบาๆ ว่า ไม่เป็นไร ค่อยๆ มานะ
• สุดท้ายล้อหมุนออกจากกรุงเทพฯ เอาตอนสามทุ่มกว่า ขับไปได้ไม่ได้ไกลทุกคนหิวจัด ตัดสินใจแวะหาอะไรรองท้องแบบชิคๆ นี่โลตัสนวนคร
• คืนวันศุกร์เป็นอะไรที่ดูถูกไม่ได้นะครับ รถติดแบบเหมือนไม่อยากให้เราถึงเขาใหญ่
• ที่พักบอกว่า check-in ได้ตั้งแต่บ่าย2 เราไปถึงกันเกือบเที่ยงคืน น่าจะเป็นการ check-in ที่ดึกสุดตั้งแต่เปิดมา ขออภัย Casa มา ณ ที่นี้ครับ

• ถึงปุ๊บ พวกเราก็ดี๊ด๊ากันฝุดๆ เรียกว่าอยากโดนมานานแล้วรถบ้านจ๋าาาา
• เปิดประตูห้องเข้าไป โอ้วววว แม่สาวน้อยยย เธอช่างน่ารัก น่าทะนุถนอมกระจุ๋มกระจิ๋ม และแคบกว่าที่คิดไว้มากๆ
• ขอขยายความ ความแคบของรถบ้านไว้นิสนะฮะ
เนื่องจากที่นี่ เป็นรถบ้านจริงๆ แบบที่มันเคยวิ่งบนถนนได้มาก่อน แค่เค้ายกมาไว้ที่นี่
และจอดไว้นิ่งๆ ของทุกอย่างมันเลยจำเป็นต้องกระชับ และคับแคบกว่าที่พักปกติมากๆ
• เรียกว่าก้าวขาเข้าไปก็ชนเตียงเลย ถ้าห้องนอนสองคน ซ้ายเตียง ขวาห้องน้ำ ข้างๆ มีเตาอบซึ่งก็ไม่รู้จะไว้อบอะไร 5555 ถ้าห้องนอนสาม จะมีโซฟากว้างเท่าไหล่ ยาวเท่าตัว ให้คนที่สามนอนตรงนั้นอ่ะครับ
• ถึงมันจะแคบ แต่ด้วยความน่ารัก และ detail ต่างๆในห้องพัก มันเลยให้อภัยได้

• ทริปนี้พวกเราให้น้ำหนักกับการกินล้วนๆ และเป็นการท่องเที่ยวเชิง instagram ฮะ
คือไปเพื่อกิน และถ่ายรูปทุกสิ่งที่เราจะกิน ถ้าไม่กินมันหมดไปซะก่อนนะ
• ร้านแรกที่ไปคือร้านที่น่าจะมาแรงที่สุดในเขาใหญ่ตอนนี้

• Yellow Submarine, ระหว่างทางนั่งรถไปทุกคนก็ร้อง The Beatles กันอย่างครื้นเครง เรือดำน้ำจ๋า เรือดำน้ำ
• ไปถึงร้าน ไม่มีเรือ ไม่มีน้ำ มีแต่ก้อนดำๆ กับ space สูงต่ำโล่งๆ

• ด้านหน้าจะเป็นทางเดินยาวๆ โล่งๆ พาเราไปสู่เคาท์เตอร์สั่งอาหาร
• เข้าไปนั่งด้านในห้องแอร์ ถึงได้ get ว่ามันเป็นเรือดำน้ำ เพราะแทนที่หน้าต่างมันจะอยู่บนแบบห้องปกติ แต่ที่นี่ หน้าต่างดันอยู่ที่พื้น สูงขึ้นมาประมาณราวนม ที่เหลือคือห้องกึ่งมืด ได้อารมณ์อยู่ใต้น้ำละ

• ทีเด็ดของที่นี่คือขนมฮะ สั่งเลย อร่อยชิส์หายยยย
Charcoal Honey Toast นี่คือบั่บบบ เยี่ยมเลย เป็น Honey Toast แบบที่ชอบ
กรอบนอก นุ่มใน ช่ำเยิ้มไปด้วยน้ำเชื่อม หวานค่อนไปทางมาก
แต่มันหอมกว่า Toast ปกติเลยให้อภัย

• อีกจานเป็น Hot Brownies with Vanilla ice cream อันนี้อร่อยตามมาตรฐานที่ควรจะเป็นครับ

• ถัดจาก Yellow Submarine เราก็ไปกินข้าวเที่ยงกันต่อที่ร้านตามสั่งแห่งหนึ่งข้างๆ hotel des artists
• ชื่อร้านจำไม่ได้ฮะ แต่เป็นร้านข้างทางแบบ open air แนวตามสั่ง ซึ่งก็สั่งเลยอร่อยทุกอย่างเช่นกัน ปลากะพงทอดน้ำปลา กุ้งผัดคะน้า ไข่ตุ๋น ต้มยำ ที่พีคสุดคือจานนี้ฮะ ผัดยอดทานตะวัน

• ข้าวเที่ยงอิ่มแล้ว ก็ไปหาอะไรเบาๆ จิบกัน
• BL Cafe หรือ Birdie Lodges Cafe คือที่ต่อไป

• ถ้าเป็นผู้หญิง ก็ปิ๊งกันตั้งแต่แรกพบ เธอดูเป็นผู้หญิงน่ารัก แต่ไม่ได้ญิ๊งหญิง
ดูน่าทะนุถนอม แต่ก็น่าจะพาไปทำอะไรลุยๆ ได้

• สรุปว่าภายนอกเธอดูดีมากๆ ฮะ ภายในเป็นไงนี่มาดูกัน
• เปิดประตูกระจกเข้าร้านไป เจอโต๊ะไม้ไม่กว้าง 4-5 โต๊ะ มีบาร์ทำกาแฟ บรรยากาศรวมๆ อุ่นๆ นั่งได้นานๆ

• เดินขึ้นไปดูชั้นสองถึงกับว้าาาาาาวววว นี่เราอยู่ผิดประเทศหรือเปล่า เตาผิงหัวกวางตรงหน้าคืออะไร!?
• มองดีๆ เตาผิงนั้นหน้าที่ของมันคือแอร์นี่นา ผนังไม้ตัดกับเตาผิงหิน ทำให้ชั้นสองนี่ดูดีมากๆๆๆ

• เปิดประตูออกไป มีระเบียงยาวๆ ชั้นสอง ชะโงกมองไปเห็นชั้นหนึ่ง เป็น open space แบบน่ารักดีงาม

• ใครชอบงานไม้ๆ บรรยากาศอุ่นๆ น่าจะโดนไม่น้อย
• ที่นี่เป็นคาเฟ่ ค่อนข้างเน้นกาแฟ แต่มีอาหารหนักๆ ให้ลองเหมือนกัน
• เนื่องจากพวกเรากินหนักกันมาแล้ว เลยไม่ได้ลองอะไรหนักๆ ที่นี่นัก
• ก็หนักจะไปทางกาแฟ หรืออะไรเย็นๆ กันมากกว่า
• บาริสต้าท่านหนึ่งแนะนำว่า หากอยากจะตัดสินไปเลยว่ากาแฟร้านไหนเด็ด
ให้ลองสั่งกาแฟดำหนึ่งช็อต
• แต่คือเป็นคนไม่ชอบกินกาแฟดำไงงงงง มันขมง่ะ กินไม่เป็นเฟ้ยยยย
• ด้วยพื้นฐานเป็นคนจิตอ่อนเลยลองสั่งกาแฟดำที่ BL ดู ปรากฎว่าาาาาาาา
• ขมฮะ ขมแบบหอมๆ แอบเปรี้ยวติดปลายเบาๆ เอาเป็นว่าผมไม่ค่อยถนัดเลย

• ลำดับต่อไปชื่อเมนูจริงๆ จำไม่ได้ แต่มันเป็นน้ำส้มยูซุโซดา ท้อปปิ้งด้วยสายไหมฟูฟ่อง
เป็นเครื่องดื่มที่ขึ้นกล้องมากๆ สาวๆ ชอบมากฮะ แก้วเดียวถ่าย profile pic ได้หลายรูปเลย 555

• Birder’s Lodge ไม่ได้มีแค่คาเฟ่ แต่ยังมีที่พักที่ดูดีสุดๆ อารมณ์คล้ายพวกบ้านไม้แถบ Scandinavia
• เป็นอะไรที่ผิดที่ผิดทางกับเขาใหญ่ แต่ดูดีสุดๆ ชนิดที่ว่าถ้าคราวหน้ามาคืออยากพักที่นี่เลยจริงจังฮะ

• จะเรียกมันว่ากระท่อมก็ไม่ผิด แค่ทรงมันดูเป็นกล่องๆ มากกว่ากระท่อมที่เคยเห็น
• ความเก๋ของที่นี่คือแต่ละหลังจะมีทางเดินเชื่อมถึงกันซึ่งจงใจให้เป็นทางจักรยานปั่นเล่นไปรอบๆ ได้อีก

• ความน่ารักยังไม่หยุดอยู่แค่นั้น ที่นี่มีโกดังไม้ยักษ์ที่ปลูกเถาวัลย์พันรอบ ภายในไม่รู้คืออะไร
เดาว่าเป็นเฟสใหม่ของ Birder’s Lodge เป็นอีกมุมที่ถ่ายรูปมันสุดๆ กำแพงไม้เก่าๆ ฟีเจอร์ริ่งกับเถาวัลย์เขียวๆ texture ฟินดีจริงๆ

• Next Station เราแวะสวนแม่หวานเขียว หรือ Sweet&Green ที่นี่เป็นฟาร์มปลูกผักสลัด ต้นอ่อนทานตะวัน แตงโม และเมล่อนแบบซูเปอร์พรีเมียม

• เมล่อนนี่คือหวานหอมมากๆ แนะนำซื้อฝากมิตรรักแฟนเพลงได้เลยฮะ

• ตัวฟาร์มเค้าเป็นฟาร์มปิด ไม่ได้เปิดให้เข้าชม แต่แอบชะโงกมองจากภายนอกได้

• คำหมดเฉยยยย ต่ออีกโพสต์นะค้าบ
[CR] รีวิวนอนรถบ้าน + รวมคาเฟ่หน้าใหม่ในเขาใหญ่ 2016 by Singpaitour
• ทริปนี้เริ่มต้นจากเพื่อนพี่น้องที่ออฟฟิศอยากไปเที่ยวต่างจังหวัดกันแบบ ออกเย็นศุกร์กลับบ่ายอาทิตย์ ไม่ต้องรบกวนวันลาใคร ไปกับเงียบๆ 8 คน แบบไม่โผงผาง
• น้องคนหนึ่งในทีม เสนอชื่อสถานที่แห่งแรกขึ้นมาปุ๊บ พวกเราก็ตอบตกลงเอาเลยทันทีแบบไม่มีใครคิดอะไร ที่แห่งนั้นคือ แพกาญจน์…
• อ้าว! นี่ไม่ได้จะเขียนถึงการไปเที่ยวเขาใหญ่หรอกหรอ?!? หลอกให้กรูเสียเวลาอ่านทำไมฟระ??
• สัญญาว่ามันเป็นเรื่องเขาใหญ่ แต่ขอเล่าอีกหน่อยนึงนะฮะ
• เอาเป็นว่า เราตกลงไปแพกาญจน์กัน แนวแบบ ที่พักบนแพ มีสวนน้ำ เรือคายักให้พายเล่น เย็นๆ ชิลล์ๆ ทั้งวัน
• วันรุ่งขึ้นพาดหัวข่าวแรงมาก “จระเข้หลุด แพกาญจนบุรี นักท่องเที่ยวผวา!” ….
• คือจริงไม่จริงไม่รู้ แต่พวกเราเปลี่ยนใจไม่ไปทันที หลังจากนั้นก็คิดกันอยู่สองสามวันว่าจะไปไหนแทนดีนะ
• น้องอีกคนส่งรูปนี้มาให้…
• เช้ดดดดดด ไปๆๆๆ มันจะอยู่ไหนก็ไปกันเถิดดดดด
• สอบถามได้เรื่องว่ารถบ้านแสนคิ้วต์เค้าอยู่เขาใหญ่ ชื่อ Casa De Montana
• เจ้าของชื่อคุณมนต์ทนา สามีของเธอคือ Mr. Casa เป็นชาวปานามาโดยกำเนิด
ย้ายมาอยู่เมืองไทยเพราะชอบอากาศที่นี่มาก
• บรรทัดตะกี้เป็นการมโนเองล้วนๆ ฮะ
• ผมลองทักเฟสไปได้ความว่าห้องเต็มจนถึงต้นเดือนมีนา ตอนทักไปนี่ยังม.ค. อยู่เลยฮะ
• ที่พักห่านไรจองล่วงหน้าสองเดือนฟระ??
• ถามไปถามมาปรากฎว่ากลางเดือนยังได้อยู่ เลยลั่นจองไปเรียบร้อย
:: การเดินทาง ::
• ไปกัน 8 คนจะว่าน้อยก็น้อย เยอะก็เยอะ มันเป็นจำนวนที่ถ้าขับรถกันไปเองจะลำบาก
เนื่องจากต้องนั่งแยกจากกัน 4-4 ในรถสองคัน ฟังแล้วมันไม่คึก เหมือนไม่ได้ไปด้วยกัน
• พวกเราจึงตัดสินเหมารถตู้ไปกัน เพื่อความครื้นเครง
• ถึงวันศุกร์วันออกเดินทาง เรานัดรถตู้ไว้เลยตั้งแต่บ่ายสามครึ่ง กะว่าสี่โมงเดินออกจากออฟฟิศสวยๆ
• เดินไปบอกหัวหน้าตั้งแต่เที่ยงว่าวันนี้ขออนุญาติออกเร็วนิสนะฮะจะไปเที่ยวตจว.
• ตัดภาพมา 2 ทุ่มยังแก้งานอยู่เลยจ้าาาา
• แถมน้องอีกคนในทีมดันติดธุระด่วน คิดว่ามาขึ้นรถไม่ทันแน่ๆ บอกว่าให้ออกกันก่อนเลย เดี๋ยวขับตามไปเจอที่เขาใหญ่เลย
• ขับตามไปพ่องงงงง กรูจะรอ
• อันนี้ผมนึกในใจ พูดออกไปเบาๆ ว่า ไม่เป็นไร ค่อยๆ มานะ
• สุดท้ายล้อหมุนออกจากกรุงเทพฯ เอาตอนสามทุ่มกว่า ขับไปได้ไม่ได้ไกลทุกคนหิวจัด ตัดสินใจแวะหาอะไรรองท้องแบบชิคๆ นี่โลตัสนวนคร
• คืนวันศุกร์เป็นอะไรที่ดูถูกไม่ได้นะครับ รถติดแบบเหมือนไม่อยากให้เราถึงเขาใหญ่
• ที่พักบอกว่า check-in ได้ตั้งแต่บ่าย2 เราไปถึงกันเกือบเที่ยงคืน น่าจะเป็นการ check-in ที่ดึกสุดตั้งแต่เปิดมา ขออภัย Casa มา ณ ที่นี้ครับ
• ถึงปุ๊บ พวกเราก็ดี๊ด๊ากันฝุดๆ เรียกว่าอยากโดนมานานแล้วรถบ้านจ๋าาาา
• เปิดประตูห้องเข้าไป โอ้วววว แม่สาวน้อยยย เธอช่างน่ารัก น่าทะนุถนอมกระจุ๋มกระจิ๋ม และแคบกว่าที่คิดไว้มากๆ
• ขอขยายความ ความแคบของรถบ้านไว้นิสนะฮะ
เนื่องจากที่นี่ เป็นรถบ้านจริงๆ แบบที่มันเคยวิ่งบนถนนได้มาก่อน แค่เค้ายกมาไว้ที่นี่
และจอดไว้นิ่งๆ ของทุกอย่างมันเลยจำเป็นต้องกระชับ และคับแคบกว่าที่พักปกติมากๆ
• เรียกว่าก้าวขาเข้าไปก็ชนเตียงเลย ถ้าห้องนอนสองคน ซ้ายเตียง ขวาห้องน้ำ ข้างๆ มีเตาอบซึ่งก็ไม่รู้จะไว้อบอะไร 5555 ถ้าห้องนอนสาม จะมีโซฟากว้างเท่าไหล่ ยาวเท่าตัว ให้คนที่สามนอนตรงนั้นอ่ะครับ
• ถึงมันจะแคบ แต่ด้วยความน่ารัก และ detail ต่างๆในห้องพัก มันเลยให้อภัยได้
• ทริปนี้พวกเราให้น้ำหนักกับการกินล้วนๆ และเป็นการท่องเที่ยวเชิง instagram ฮะ
คือไปเพื่อกิน และถ่ายรูปทุกสิ่งที่เราจะกิน ถ้าไม่กินมันหมดไปซะก่อนนะ
• ร้านแรกที่ไปคือร้านที่น่าจะมาแรงที่สุดในเขาใหญ่ตอนนี้
• Yellow Submarine, ระหว่างทางนั่งรถไปทุกคนก็ร้อง The Beatles กันอย่างครื้นเครง เรือดำน้ำจ๋า เรือดำน้ำ
• ไปถึงร้าน ไม่มีเรือ ไม่มีน้ำ มีแต่ก้อนดำๆ กับ space สูงต่ำโล่งๆ
• ด้านหน้าจะเป็นทางเดินยาวๆ โล่งๆ พาเราไปสู่เคาท์เตอร์สั่งอาหาร
• เข้าไปนั่งด้านในห้องแอร์ ถึงได้ get ว่ามันเป็นเรือดำน้ำ เพราะแทนที่หน้าต่างมันจะอยู่บนแบบห้องปกติ แต่ที่นี่ หน้าต่างดันอยู่ที่พื้น สูงขึ้นมาประมาณราวนม ที่เหลือคือห้องกึ่งมืด ได้อารมณ์อยู่ใต้น้ำละ
• ทีเด็ดของที่นี่คือขนมฮะ สั่งเลย อร่อยชิส์หายยยย
Charcoal Honey Toast นี่คือบั่บบบ เยี่ยมเลย เป็น Honey Toast แบบที่ชอบ
กรอบนอก นุ่มใน ช่ำเยิ้มไปด้วยน้ำเชื่อม หวานค่อนไปทางมาก
แต่มันหอมกว่า Toast ปกติเลยให้อภัย
• อีกจานเป็น Hot Brownies with Vanilla ice cream อันนี้อร่อยตามมาตรฐานที่ควรจะเป็นครับ
• ถัดจาก Yellow Submarine เราก็ไปกินข้าวเที่ยงกันต่อที่ร้านตามสั่งแห่งหนึ่งข้างๆ hotel des artists
• ชื่อร้านจำไม่ได้ฮะ แต่เป็นร้านข้างทางแบบ open air แนวตามสั่ง ซึ่งก็สั่งเลยอร่อยทุกอย่างเช่นกัน ปลากะพงทอดน้ำปลา กุ้งผัดคะน้า ไข่ตุ๋น ต้มยำ ที่พีคสุดคือจานนี้ฮะ ผัดยอดทานตะวัน
• ข้าวเที่ยงอิ่มแล้ว ก็ไปหาอะไรเบาๆ จิบกัน
• BL Cafe หรือ Birdie Lodges Cafe คือที่ต่อไป
• ถ้าเป็นผู้หญิง ก็ปิ๊งกันตั้งแต่แรกพบ เธอดูเป็นผู้หญิงน่ารัก แต่ไม่ได้ญิ๊งหญิง
ดูน่าทะนุถนอม แต่ก็น่าจะพาไปทำอะไรลุยๆ ได้
• สรุปว่าภายนอกเธอดูดีมากๆ ฮะ ภายในเป็นไงนี่มาดูกัน
• เปิดประตูกระจกเข้าร้านไป เจอโต๊ะไม้ไม่กว้าง 4-5 โต๊ะ มีบาร์ทำกาแฟ บรรยากาศรวมๆ อุ่นๆ นั่งได้นานๆ
• เดินขึ้นไปดูชั้นสองถึงกับว้าาาาาาวววว นี่เราอยู่ผิดประเทศหรือเปล่า เตาผิงหัวกวางตรงหน้าคืออะไร!?
• มองดีๆ เตาผิงนั้นหน้าที่ของมันคือแอร์นี่นา ผนังไม้ตัดกับเตาผิงหิน ทำให้ชั้นสองนี่ดูดีมากๆๆๆ
• เปิดประตูออกไป มีระเบียงยาวๆ ชั้นสอง ชะโงกมองไปเห็นชั้นหนึ่ง เป็น open space แบบน่ารักดีงาม
• ใครชอบงานไม้ๆ บรรยากาศอุ่นๆ น่าจะโดนไม่น้อย
• ที่นี่เป็นคาเฟ่ ค่อนข้างเน้นกาแฟ แต่มีอาหารหนักๆ ให้ลองเหมือนกัน
• เนื่องจากพวกเรากินหนักกันมาแล้ว เลยไม่ได้ลองอะไรหนักๆ ที่นี่นัก
• ก็หนักจะไปทางกาแฟ หรืออะไรเย็นๆ กันมากกว่า
• บาริสต้าท่านหนึ่งแนะนำว่า หากอยากจะตัดสินไปเลยว่ากาแฟร้านไหนเด็ด
ให้ลองสั่งกาแฟดำหนึ่งช็อต
• แต่คือเป็นคนไม่ชอบกินกาแฟดำไงงงงง มันขมง่ะ กินไม่เป็นเฟ้ยยยย
• ด้วยพื้นฐานเป็นคนจิตอ่อนเลยลองสั่งกาแฟดำที่ BL ดู ปรากฎว่าาาาาาาา
• ขมฮะ ขมแบบหอมๆ แอบเปรี้ยวติดปลายเบาๆ เอาเป็นว่าผมไม่ค่อยถนัดเลย
• ลำดับต่อไปชื่อเมนูจริงๆ จำไม่ได้ แต่มันเป็นน้ำส้มยูซุโซดา ท้อปปิ้งด้วยสายไหมฟูฟ่อง
เป็นเครื่องดื่มที่ขึ้นกล้องมากๆ สาวๆ ชอบมากฮะ แก้วเดียวถ่าย profile pic ได้หลายรูปเลย 555
• Birder’s Lodge ไม่ได้มีแค่คาเฟ่ แต่ยังมีที่พักที่ดูดีสุดๆ อารมณ์คล้ายพวกบ้านไม้แถบ Scandinavia
• เป็นอะไรที่ผิดที่ผิดทางกับเขาใหญ่ แต่ดูดีสุดๆ ชนิดที่ว่าถ้าคราวหน้ามาคืออยากพักที่นี่เลยจริงจังฮะ
• จะเรียกมันว่ากระท่อมก็ไม่ผิด แค่ทรงมันดูเป็นกล่องๆ มากกว่ากระท่อมที่เคยเห็น
• ความเก๋ของที่นี่คือแต่ละหลังจะมีทางเดินเชื่อมถึงกันซึ่งจงใจให้เป็นทางจักรยานปั่นเล่นไปรอบๆ ได้อีก
• ความน่ารักยังไม่หยุดอยู่แค่นั้น ที่นี่มีโกดังไม้ยักษ์ที่ปลูกเถาวัลย์พันรอบ ภายในไม่รู้คืออะไร
เดาว่าเป็นเฟสใหม่ของ Birder’s Lodge เป็นอีกมุมที่ถ่ายรูปมันสุดๆ กำแพงไม้เก่าๆ ฟีเจอร์ริ่งกับเถาวัลย์เขียวๆ texture ฟินดีจริงๆ
• Next Station เราแวะสวนแม่หวานเขียว หรือ Sweet&Green ที่นี่เป็นฟาร์มปลูกผักสลัด ต้นอ่อนทานตะวัน แตงโม และเมล่อนแบบซูเปอร์พรีเมียม
• เมล่อนนี่คือหวานหอมมากๆ แนะนำซื้อฝากมิตรรักแฟนเพลงได้เลยฮะ
• ตัวฟาร์มเค้าเป็นฟาร์มปิด ไม่ได้เปิดให้เข้าชม แต่แอบชะโงกมองจากภายนอกได้
• คำหมดเฉยยยย ต่ออีกโพสต์นะค้าบ