[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้กองทัพพม่าเสริมเขี้ยวเล็บ จัดหาและพัฒนายานเกราะยุคใหม่ ทั้งรถถังหนักและเบา
กองทัพพม่าได้มีการปรับปรุงและเสริมสร้างแสนยานุภาพของกองทัพบกอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในส่วนของหน่วยทหารม้าที่ประจำการด้วยรถถังหลากหลายรุ่น ทั้งที่จัดหาจากต่างประเทศและที่พัฒนาขึ้นเองภายในประเทศ โดยสามารถจำแนกออกเป็นรถถังหนัก (Main Battle Tank - MBT) และรถถังเบา ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้
รถถังหนัก (Main Battle Tank)
กองทัพพม่าประจำการด้วยรถถังหนักหลายรุ่น ซึ่งส่วนใหญ่มีพื้นฐานมาจากเทคโนโลยีของจีนและรัสเซีย โดยรุ่นที่ถือว่าเป็นยุคใหม่และมีสมรรถนะสูงในปัจจุบัน ประกอบด้วย:
* VT-1A (หรือ MBT-2000): เป็นรถถังที่จัดหาจากประเทศจีน ถือเป็นหนึ่งในรถถังที่ทันสมัยที่สุดของกองทัพพม่า มีประมาณ 50 คัน รุ่นนี้ได้รับการพัฒนาต่อยอดมาจากรถถัง Type 90-II ของจีน มีระบบควบคุมการยิงที่ทันสมัย ปืนใหญ่ลำกล้องเรียบขนาด 125 มม. พร้อมระบบบรรจุกระสุนอัตโนมัติ และเกราะป้องกันแบบผสม (Composite Armour)
* T-72S: เป็นรถถังที่จัดหาจากประเทศรัสเซีย มีจำนวนประมาณ 50 คัน เป็นรุ่นที่ได้รับการปรับปรุงจากรถถัง T-72 อันเลื่องชื่อของโซเวียต มีการติดตั้งเกราะปฏิกิริยา (Explosive Reactive Armour - ERA) เพื่อเพิ่มความสามารถในการป้องกันการโจมตีจากอาวุธต่อสู้รถถัง และใช้ปืนใหญ่ขนาด 125 มม.
* Type 59D: แม้ว่าจะมีพื้นฐานมาจากรถถัง Type 59 ซึ่งเป็นรุ่นเก่า แต่ Type 59D เป็นรุ่นที่ผ่านการปรับปรุงครั้งใหญ่โดยจีนในช่วงทศวรรษที่ 1990 ทำให้มีขีดความสามารถสูงขึ้นอย่างมาก มีการติดตั้งปืนใหญ่ขนาด 105 มม. รุ่นใหม่, ระบบควบคุมการยิงที่ทันสมัย และเกราะปฏิกิริยา มีประจำการอยู่ประมาณ 100 คัน
นอกจากนี้ กองทัพพม่ายังคงมีรถถังรุ่นเก่าประจำการอยู่จำนวนหนึ่ง เช่น Type 69-II ซึ่งจัดหาจากจีน มีประมาณ 80 คัน และได้มีการปรับปรุงให้ทันสมัยขึ้นในระดับหนึ่ง
รถถังเบา
สำหรับรถถังเบา กองทัพพม่าได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาและผลิตขึ้นเองในประเทศ เพื่อตอบสนองต่อสภาพภูมิประเทศที่เป็นภูเขาและป่าไม้ โดยมีรุ่นที่น่าสนใจดังนี้:
* MMT-40: เป็นรถถังเบารุ่นใหม่ล่าสุดที่พม่าพัฒนาขึ้นเอง โดยเปิดตัวครั้งแรกในพิธีสวนสนามเมื่อไม่นานมานี้ MMT-40 ถูกออกแบบโดยใช้แคร่รถของปืนใหญ่อัตตาจร 2S1 Gvozdika จากรัสเซีย และติดตั้งป้อมปืนจากประเทศจีนซึ่งใช้ปืนใหญ่ขนาด 105 มม. ทำให้มีอำนาจการยิงสูงในขณะที่ยังคงความคล่องตัวในภูมิประเทศที่ยากลำบาก จำนวนที่เข้าประจำการยังไม่เป็นที่เปิดเผยแน่ชัด แต่คาดว่าจะมีการผลิตเข้าประจำการอย่างต่อเนื่อง
* Type 63 และ Type 62: เป็นรถถังเบาสะเทินน้ำสะเทินบกและรถถังเบาที่จัดหาจากจีน มีประจำการมาอย่างยาวนาน โดยมีจำนวนรวมกันประมาณ 155 คัน (Type 63 ประมาณ 50 คัน และ Type 62 ประมาณ 105 คัน) แม้จะเป็นรถถังรุ่นเก่า แต่ก็ยังคงมีบทบาทในการสนับสนุนการรบในพื้นที่ต่างๆ
สรุปจำนวนรถถังยุคใหม่
เมื่อพิจารณาเฉพาะรถถังที่จัดได้ว่าเป็นยุคใหม่ ซึ่งมีเทคโนโลยีและการออกแบบในช่วย 2-3 ทศวรรษล่าสุด กองทัพพม่าจะมีจำนวนดังนี้:
* รถถังหนักยุคใหม่: ประมาณ 200 คัน (VT-1A 50 คัน, T-72S 50 คัน, และ Type 59D ที่ปรับปรุงใหม่ 100 คัน)
* รถถังเบายุคใหม่: MMT-40 (จำนวนยังไม่แน่ชัด แต่กำลังทยอยผลิตและเข้าประจำการ)
การพัฒนารถถัง MMT-40 ขึ้นเองแสดงให้เห็นถึงความพยายามของพม่าในการพึ่งพาตนเองด้านอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ และการพัฒนาอาวุธให้สอดคล้องกับความต้องการทางยุทธวิธีของตนเอง.
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้(ข้อมูลสรุปฉบับปรับปรุงและตรวจสอบใหม่ทั้งหมด ณ กันยายน 2567)
ภาพรวมกองเรือฟริเกตและเรือดำน้ำ กองทัพเรือพม่า
กองทัพเรือพม่าได้ยกระดับขีดความสามารถในการรบทางทะเลอย่างมีนัยสำคัญ ผ่านการต่อเรือรบทันสมัยขึ้นใช้เองและการจัดหาเรือดำน้ำเข้าประจำการ เพื่อเสริมสร้างอิทธิพลและปกป้องผลประโยชน์ทางทะเลของตนในอ่าวเบงกอลและทะเลอันดามัน ปัจจุบันกองทัพเรือพม่ามีกองกำลังเรือฟริเกตหลักจำนวน 6 ลำ และเรือดำน้ำโจมตี 2 ลำ
กองเรือฟริเกต (Frigate Fleet)
กองเรือฟริเกตของพม่าประกอบด้วยเรือที่ต่อขึ้นเองในประเทศเป็นแกนหลัก และเรือที่จัดหาจากต่างประเทศ รวมทั้งสิ้น 4 ชั้นเรือ
1. ชั้นตาลูน (Thalun-class): 1 ลำ
เรือฟริเกตชั้นใหม่ล่าสุดและใหญ่ที่สุดที่พม่าต่อขึ้นเอง
* เรือในชั้น: อูเอ็มเอส ตาลูน (UMS King Thalun)
* ระวางขับน้ำ: ประมาณ 3,500 ตัน
* ระบบอาวุธ:
* ปืนใหญ่เรือ OTO Melara 76 มม.
* แท่นยิงแนวดิ่ง (VLS) 16 ท่อยิง สำหรับขีปนาวุธพื้นสู่อากาศ (SAM) แบบ HQ-16
* ขีปนาวุธต่อต้านเรือผิวน้ำ (ASM) แบบ Kh-35E จำนวน 8 ท่อยิง
* ปืนป้องกันตัวระยะประชิด (CIWS) แบบ AK-630
* จรวดปราบเรือดำน้ำ RBU-6000
* ท่อยิงตอร์ปิโด 3 ท่อยิง 2 แท่น สำหรับตอร์ปิโดปราบเรือดำน้ำ Shyena
2. ชั้นเจ้าอนุวงศ์ (Kyan Sittha-class): 2 ลำ
เรือฟริเกตเทคโนโลยีล่องหน (Stealth) ที่ต่อขึ้นเองในประเทศ
* เรือในชั้น: F12 อูเอ็มเอส เจ้าอนุวงศ์ (UMS Kyansittha), F14 อูเอ็มเอส บุเรงนอง (UMS Sin Phyu Shin)
* ระวางขับน้ำ: ประมาณ 3,000 ตัน
* ระบบอาวุธ:
* ปืนใหญ่เรือ OTO Melara 76 มม.
* แท่นยิงแนวดิ่ง (VLS) 32 ท่อยิง สำหรับขีปนาวุธป้องกันภัยทางอากาศพิสัยไกล แบบ HQ-9
* ขีปนาวุธต่อต้านเรือผิวน้ำ C-802 จำนวน 8 ท่อยิง
* ปืนป้องกันตัวระยะประชิด (CIWS) NG-18 ขนาด 30 มม.
* ท่อยิงตอร์ปิโดสำหรับตอร์ปิโดปราบเรือดำน้ำ Shyena
* จรวดปราบเรือดำน้ำ RBU-1200
3. ชั้นพระเจ้าอลองพญา (Aung Zeya-class): 1 ลำ
เรือฟริเกตที่ติดตั้งขีปนาวุธนำวิถีลำแรกที่ต่อขึ้นเองในประเทศ
* เรือในชั้น: F11 อูเอ็มเอส พระเจ้าอลองพญา (UMS Aung Zeya)
* ระวางขับน้ำ: ประมาณ 2,500 ตัน
* ระบบอาวุธ:
* ปืนใหญ่เรือ OTO Melara 76 มม.
* ขีปนาวุธต่อต้านเรือผิวน้ำ Kumsong-3 (นำเข้าจากเกาหลีเหนือ) จำนวน 8 ท่อยิง
* ระบบป้องกันตนเองระยะประชิด Kashtan CIWS ซึ่งประกอบด้วยปืนใหญ่ GSh-6-30 และขีปนาวุธนำวิถี 9M311 (SA-N-11 Grison)
* ปืนป้องกันตัวระยะประชิด (CIWS) แบบ AK-630 ขนาด 30 มม. 4 ระบบ
* ท่อยิงตอร์ปิโดสำหรับตอร์ปิโด Yu-7
* จรวดปราบเรือดำน้ำ RBU-1200
4. ชั้นมหาบัณฑูร (Type 053H1/Jianghu-II class): 2 ลำ
เป็นเรือฟริเกตมือสองที่จัดหาจากประเทศจีน
* เรือในชั้น: F22 อูเอ็มเอส มหาบัณฑูร (UMS Mahar Bandoola), F23 อูเอ็มเอส มหาสีหสุระ (UMS Mahar Thiha Thura)
* ระวางขับน้ำ: ประมาณ 1,700 ตัน
* ระบบอาวุธ:
* ขีปนาวุธต่อต้านเรือผิวน้ำ C-802 จำนวน 8 ท่อยิง
* ปืนใหญ่เรือแฝดสอง Type 79A ขนาด 100 มม.
* ปืนกลต่อสู้อากาศยานแฝดสอง Type 76 ขนาด 37 มม. จำนวน 4 ระบบ
* จรวดปราบเรือดำน้ำ Type 81 (RBU-1200) 5 ท่อยิง จำนวน 2 แท่นยิง
* รางปล่อยระเบิดลึก
กองเรือดำน้ำ (Submarine Force)
กองทัพเรือพม่ามีเรือดำน้ำโจมตีดีเซล-ไฟฟ้าประจำการ 2 ลำ เพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถในการปฏิบัติการใต้น้ำ
1. อูเอ็มเอส มินเยသိင်္ခသူ (UMS Minye Theinkhathu)
* ชั้นเรือ: Kilo-class (Project 877EKM) ได้รับมอบและปรับปรุงจากกองทัพเรืออินเดีย (อดีตเรือ INS Sindhuvir)
* ระบบอาวุธ:
* ท่อยิงตอร์ปิโดขนาด 533 มม. จำนวน 6 ท่อ สามารถบรรทุกตอร์ปิโด (แบบ Type 53-65, TEST-71MKE) ได้ 18 ลูก หรือสามารถวางทุ่นระเบิดได้ 24 ทุ่น
* อาจติดตั้งขีปนาวุธพื้นสู่อากาศแบบประทับบ่ายิง 9M36 Strela-3 (SA-N-8)
2. อูเอ็มเอส มินเยจ่อถิ่น (UMS Minye Kyaw Htin)
* ชั้นเรือ: Type 035B Ming-class ได้รับมอบจากกองทัพเรือจีน
* ระบบอาวุธ:
* ท่อยิงตอร์ปิโดขนาด 533 มม. จำนวน 8 ท่อ
* มีความสามารถในการยิงขีปนาวุธร่อนต่อต้านเรือ (Anti-ship cruise missile) จากท่อยิงตอร์ปิโด
กองเรือฟริเกตยุคใหม่ ของกองทัพเรือพม่ามีจำนวนทั้งสิ้น 4 ลำ โดยนับจากเรือที่ต่อขึ้นเองในประเทศซึ่งมีเทคโนโลยีและระบบอาวุธที่ทันสมัย (ไม่รวมเรือฟริเกตมือสองชั้นมหาบัณฑูรที่จัดหาจากจีน)
กองเรือฟริเกตยุคใหม่ 4 ลำนี้เป็นแกนหลักที่แสดงถึงความสามารถของพม่าในการต่อเรือรบที่มีขีดความสามารถสูง โดยเฉพาะการติดตั้ง แท่นยิงแนวดิ่ง (VLS) สำหรับขีปนาวุธพื้นสู่อากาศในเรือชั้นตาลูนและชั้นเจ้าอนุวงศ์ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีสำคัญของเรือรบสมัยใหม่
หากนับรวมเรือฟริเกตทั้งหมดที่ประจำการ (รวมเรือมือสองชั้นมหาบัณฑูร 2 ลำ) กองเรือฟริเกตจะมีจำนวนรวม 6 ลำ ครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ พื้นที่รวม: พื้นที่ทางทะเลรวมที่กองทัพเรือไทยต้องดูแล (ตั้งแต่เขตภายในถึง EEZ) คือประมาณ 323,488 ตร.กม. ซึ่งใหญ่กว่ามากเมื่อเทียบกับพื้นที่ส่วนน่านน้ำอาณาเขตของพม่า (ประมาณ 79,000 ตร.กม.)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ปัจจุบัน กองทัพอากาศเมียนมามีเครื่องบินขับไล่ที่จัดอยู่ในยุคที่ 4 ขึ้นไปประจำการอยู่ 3 รุ่นหลัก โดยเป็นการจัดหาจากรัสเซียและจีนเป็นส่วนใหญ่
เครื่องบินขับไล่ยุคที่ 4 ขึ้นไปของเมียนมา มีดังนี้:
* Sukhoi Su-30SME (ยุค 4.5)
* จำนวน: 6 ลำ
* รายละเอียด: เป็นเครื่องบินขับไล่ที่ทันสมัยและมีสมรรถนะสูงที่สุดของกองทัพอากาศเมียนมา จัดเป็นเครื่องบินขับไล่ครองความได้เปรียบทางอากาศ สามารถปฏิบัติภารกิจได้หลากหลาย ทั้งการต่อสู้ทางอากาศ, โจมตีภาคพื้นดิน และโจมตีทางทะเล มีพิสัยการบินไกลและบรรทุกอาวุธได้มาก
* Mikoyan MiG-29 (ยุคที่ 4)
* จำนวน: ประมาณ 31 ลำ
* รายละเอียด: เป็นเครื่องบินขับไล่กำลังหลักของกองทัพอากาศเมียนมามาอย่างยาวนาน มีความโดดเด่นในเรื่องความคล่องตัวสูงในการต่อสู้ระยะประชิด (Dogfight) แม้จะเป็นรุ่นเก่ากว่า Su-30 แต่ก็ยังคงเป็นกำลังสำคัญ
* CAC/PAC JF-17 Thunder (ยุคที่ 4)
* จำนวน: ประมาณ 7 ลำ
* รายละเอียด: เป็นเครื่องบินขับไล่ đa năng ที่พัฒนาร่วมกันโดยจีนและปากีสถาน มีความทันสมัยในระดับหนึ่ง สามารถใช้อาวุธปล่อยนำวิถีได้หลากหลาย อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่าเครื่องบินรุ่นนี้ในฝูงบินของเมียนมาประสบปัญหาด้านเทคนิคและความพร้อมรบ
รวมจำนวนเครื่องบินขับไล่ยุคที่ 4 ขึ้นไปของเมียนมาในปัจจุบันมีประมาณ 44 ลำ



[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ระบบอาวุธหลักของพม่า ได้แก่:
* SY-400 (DF-12A):
* ประเภท: ขีปนาวุธพิสัยใกล้ (Short-Range Ballistic Missile - SRBM) จากประเทศจีน
* พิสัยยิง: ประมาณ 400 กิโลเมตร
* จำนวน: ไม่ทราบจำนวนที่แน่ชัด มีรายงานข่าวการส่งมอบ "ล็อตแรก" ตั้งแต่ช่วงปี 2020-2021 แต่ไม่มีการยืนยันจำนวนระบบยิง (Launcher) หรือจำนวนขีปนาวุธทั้งหมดที่พม่าจัดหามา
* MAM-03 (ระบบจรวด A300):
* ประเภท: ระบบจรวดหลายลำกล้องนำวิถี (Guided MLRS) ที่พม่าพัฒนาขึ้นเองโดยคาดว่าได้รับเทคโนโลยีจากจีน
* พิสัยยิง: ประมาณ 290 กิโลเมตร
* จำนวน: ไม่ทราบจำนวนที่แน่ชัด ระบบนี้ถูกเปิดตัวในพิธีสวนสนาม แต่ไม่มีข้อมูลว่ามีการผลิตและนำเข้าประจำการไปแล้วเป็นจำนวนเท่าใด
* Scud-B / Hwasong-6:
* ประเภท: ขีปนาวุธพิสัยใกล้เทคโนโลยีเก่า ที่มีข่าวลือว่าพม่าจัดหามาจากเกาหลีเหนือ
* พิสัยยิง: 300 - 500 กิโลเมตร
* จำนวน: ไม่มีการยืนยันอย่างเป็นทางการว่าพม่ายังคงมีขีปนาวุธตระกูลนี้ที่พร้อมใช้งานอยู่หรือไม่และมีจำนวนเท่าใด
กองขีปนาวุธ ระยะทำการ 290 400 และ 500 กิโลเมตร



กองทัพ บก เรือ อากาศ ของ พม่า เขามีอะไรบ้าง รวมขีปนาวุธ พิสัยไกล 400 500 กิโลเมตร
สรุปจำนวนรถถังยุคใหม่
เมื่อพิจารณาเฉพาะรถถังที่จัดได้ว่าเป็นยุคใหม่ ซึ่งมีเทคโนโลยีและการออกแบบในช่วย 2-3 ทศวรรษล่าสุด กองทัพพม่าจะมีจำนวนดังนี้:
* รถถังหนักยุคใหม่: ประมาณ 200 คัน (VT-1A 50 คัน, T-72S 50 คัน, และ Type 59D ที่ปรับปรุงใหม่ 100 คัน)
* รถถังเบายุคใหม่: MMT-40 (จำนวนยังไม่แน่ชัด แต่กำลังทยอยผลิตและเข้าประจำการ)
การพัฒนารถถัง MMT-40 ขึ้นเองแสดงให้เห็นถึงความพยายามของพม่าในการพึ่งพาตนเองด้านอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ และการพัฒนาอาวุธให้สอดคล้องกับความต้องการทางยุทธวิธีของตนเอง.
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
กองเรือฟริเกตยุคใหม่ ของกองทัพเรือพม่ามีจำนวนทั้งสิ้น 4 ลำ โดยนับจากเรือที่ต่อขึ้นเองในประเทศซึ่งมีเทคโนโลยีและระบบอาวุธที่ทันสมัย (ไม่รวมเรือฟริเกตมือสองชั้นมหาบัณฑูรที่จัดหาจากจีน)
กองเรือฟริเกตยุคใหม่ 4 ลำนี้เป็นแกนหลักที่แสดงถึงความสามารถของพม่าในการต่อเรือรบที่มีขีดความสามารถสูง โดยเฉพาะการติดตั้ง แท่นยิงแนวดิ่ง (VLS) สำหรับขีปนาวุธพื้นสู่อากาศในเรือชั้นตาลูนและชั้นเจ้าอนุวงศ์ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีสำคัญของเรือรบสมัยใหม่
หากนับรวมเรือฟริเกตทั้งหมดที่ประจำการ (รวมเรือมือสองชั้นมหาบัณฑูร 2 ลำ) กองเรือฟริเกตจะมีจำนวนรวม 6 ลำ ครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
รวมจำนวนเครื่องบินขับไล่ยุคที่ 4 ขึ้นไปของเมียนมาในปัจจุบันมีประมาณ 44 ลำ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
กองขีปนาวุธ ระยะทำการ 290 400 และ 500 กิโลเมตร