หน้าแรก
คอมมูนิตี้
ห้อง
แท็ก
คลับ
ห้อง
แก้ไขปักหมุด
ดูทั้งหมด
เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
ลองใหม่
แท็ก
แก้ไขปักหมุด
ดูเพิ่มเติม
เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
ลองใหม่
{room_name}
{name}
{description}
กิจกรรม
แลกพอยต์
อื่นๆ
ตั้งกระทู้
เข้าสู่ระบบ / สมัครสมาชิก
เว็บไซต์ในเครือ
Bloggang
Pantown
PantipMarket
Maggang
ติดตามพันทิป
ดาวน์โหลดได้แล้ววันนี้
เกี่ยวกับเรา
กฎ กติกา และมารยาท
คำแนะนำการโพสต์แสดงความเห็น
นโยบายเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล
สิทธิ์การใช้งานของสมาชิก
ติดต่อทีมงาน Pantip
ติดต่อลงโฆษณา
ร่วมงานกับ Pantip
Download App Pantip
Pantip Certified Developer
[CR] ลุงกับป้าแบ็คแพ็ครอบโลก ตะลุยหิมะญี่ปุ่น นั่งรถไฟ 15 วัน จากเหนือสุดถึงใต้สุด ตอนที่ 3 พิพิธภัณฑ์ชาวไอนุ อาซาฮีคาวา
กระทู้รีวิว
รถไฟ
บันทึกนักเดินทาง
เที่ยวต่างประเทศ
Backpack
........ ลุงกับป้าแบ็คแพ็ครอบโลก ตะลุยหิมะญี่ปุ่น นั่งรถไฟ 15 วัน จากเหนือสุดถึงใต้สุด
ตอนที่ 3 พิพิธภัณฑ์ชาวไอนุ อาซาฮีคาวา
เรากินอาหารเช้าบนรถไฟเป็นขนมปังไส้ถั่วแดง กับรังผึ้งกรอบที่ซื้อจากซัปโปโร รถไปถึง Asahikawa ตามเวลา
ขอข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยวที่เดินเที่ยวได้จาก Information มีพิพิธภัณฑ์ชนพื้นเมืองชาว Ainu เดินออกหลังสถานีไปทางขวา ข้ามสะพานข้ามแม่น้ำที่ริมสองด้านกลายเป็นน้ำแข็ง จำชื่อแม่น้ำไม่ได้ แล้วเดินฝ่าหิมะอุณหภูมิ -7 องศาเซลเซียส ตรงไปเรื่อยๆ เกือบ 1 กม. พิพิธภัณฑ์อยู่ซ้ายมือ ค่าเข้าชมคนละ 300 เยน มี 2 ชั้น ชั้น 1 เป็นภาพกว้างตั้งแต่ที่อยู่อาศัย ส่วนใหญ่เป็นทรงกระโจม ติดดินมุงด้วยใบไม้ชนิดหนึ่ง คล้ายใบหมากหรือใบมะพร้าวซ้อนให้หนาเพื่อกันลม และให้ความอบอุ่น
กลางบ้านมีเตาผิง แขวนหม้อหุงต้มเหนือเตาผิงที่ใช้ไม้กั้นขอบเป็นรูปสี่เหลี่ยม พวกเขาประกอบอาชีพประมง ปลูกข้าวฟ่าง และข้าวที่เราเรียกว่าข้าวญี่ปุ่น มีภาชนะเป็นเครื่องปั้นดินเผาแล้วพัฒนาเป็นเซรามิค พวกเขามีเลื่อยที่ตีเองใช้ด้วย ดูเหมือนจะหนักมาก ผู้ใช้ต้องแข็งแรง จึงจะพกพาและใช้งานได้ เสื้อ ผ้าทำจากเส้นใยที่คล้ายใยกันชง รองเท้าทำจากหนังสัตว์เช่นกวาง กรือ หนังปลา ใช้สุนัขช่วยล่าสัตว์ สัตว์เป็นอันตราย คือ จิ้งจอก ชั้นใต้ดินเป็นรายละเอียดของชั้น 1 จัดแสดงอารยธรรมของชาวไอนุ
ชาวไอนุ (ญี่ปุ่น: アイヌ ?) บ้างเรียก ไอโนะ (ญี่ปุ่น: アイノ ?) ในญี่ปุ่นจะเรียกชาวไอนุโดยไม่จำแนกกลุ่มว่า อุตะริ (ญี่ปุ่น: ウタリ ?) เป็นชนพื้นเมืองบนเกาะฮกไกโดในประเทศญี่ปุ่น นักค้นคว้าเชื่อว่าชาวไอนุมีเชื้อสายคอเคซอย หรือชาวผิวขาว ซึ่งเป็นคนละเชื้อสายกับชาวญี่ปุ่นส่วนใหญ่ ทฤษฏีที่ว่านี้มาจากรูปลักษณ์ของชาวไอนุที่เป็นแบบผสมระหว่างชาวยุโรปและชาวเอเซีย แต่หลังจากการทดสอบทางดีเอ็นเอแล้วพบว่า ชาวไอนุไม่มีเชื้อสายชาวคอเคซอย
ั่ชาวไอนุอยู่ในประเทศญี่ปุ่นมานานกว่าชาวญี่ปุ่น และในตำนานของชาวไอนุ อยู่ที่นี่หลายแสนปีก่อนที่บุตรแห่งพระอาทิตย์จะมา บอกไม่ได้ว่าชาวไอนุมาจากไหน อยู่ที่ฮกไกโดตั้งแต่เมื่อไหร่ หรือสืบเชื้อสายมาจากใคร
ปัจจุบันชาวไอนุเป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่มีฐานะยากจนมากที่สุดในญี่ปุ่น โดยมีชาวไอนุเพียงร้อยละ 17 ที่จบการศึกษาในระดับมหาวิทยาลัย ในจำนวนนี้มีเพียงครึ่งหนึ่งที่จบจากมหาวิทยาลัยในระดับประเทศ และรัฐบาลญี่ปุ่นได้รับรองว่าชาวไอนุเป็นชนพื้นเมืองของญี่ปุ่นในปี พ.ศ. 2551
วันนี้ครูพาเด็กๆ เข้าชมจึงมีเสียงเจี๊ยวจ๊าว ช่วยให้บรรยากาศคึกคัก
กลับมารับประทานอาหารกลางวัน แล้วเดินทางต่อไปอ่าวเนมูโร (Nemuro) ตะวันออกสุดของญี่ปุ่น
เวลา 13.44 น. ออกจากสถานี Asahikawaไป Furono ที่ฟูโรโนะ เราเจอคนที่สื่อสารได้ช่วยเราเขียนสถานีและเวลาที่จะต่อรถไปยังสถานี Nemuro ตะวันออกสุดของเกาะฮ็อกไกโด ทำให้เราได้รายการที่จะขอตั๋วที่นั่ง ซึ่งกว่าจะสื่อสารกันรู้เรื่อง ว่าชั้นกรีนมีที่นั่งว่างแค่ที่เดียว ถ้าไม่เอาชั้นกรีนจะได้ 2 ที่นั่ง และต้องสำรองแค่ขบวนเดียวเพราะเป็นรถด่วน นอกนั้นเป็นรถท้องถิ่น เราคงต้องไปเสี่ยงภัย ลุ้นว่าจะมีโรงแรมแบบเมื่อคืนรับเราหรือไม่
ที่สถานีฟูราโนะ (Furano) เราได้เห็นบรรยากาศตอนหิมะตกหนัก และการจัดการขจัดหิมะบนรางรถไฟ เจ้าหน้าที่ขับรถบนรางแล้วโกยหิมะขึ้นมาพ่นผ่านความร้อน ทำให้หิมะกลายเป็นน้ำจะได้ไม่เกาะบนราง ขณะที่นั่งรอรถอยู่ในห้องที่มีเครื่องทำความร้อน ก็มีนักเรียนเข้ามาเป็นกลุ่มชาย 1 กลุ่ม หญิง.1 กลุ่ม เราไม่รู้ว่าเป็นเวลาเลิกเรียนหรือนักเรียนไปทำกิจกรรม แต่ดูว่าพวกเขาอายุต่างกัน
นักเรียนชายใส่กางเกงขายาวแบบสแล็คสีดำ ส่วนเสื้อเป็นเสื้อกันหนาวสีทึบ ส่วนนักเรียนหญิง ใส่กระโปรงจีบรอบสีดำยาวคลุมเข่า เสื้อกันหนาวสีสุภาพ รองเท้ากันหนาวตามสะดวก เราได้แต่ภาวนาว่า ขออย่าให้ขึ้นรถขบวนเดียวกับเราเลย เพราะขบวนที่ผ่านมาก็ยืนเกินครึ่งทาง
เวลา 17.30 น. มีรถท้องถิ่นเข้าสถานีและมีคนลงเราลุกไปถามจนท.ที่ยืนเช็คตั๋วตรงทางออกว่าเป็นรถไป Shintoku หรือเปล่า เพราะตอนขึ้นบนจอเห็นเป็นชานชาลาที่ 1 แต่รถขบวนนั้นเข้าชานชาลาที่ 3 หนุ่มนักเดินทางที่เขียนรายการต่อรถให้เรายืนอยู่ตรงนั้นพอดี เขาหันมาแล้วบอกว่า ใช่แล้วรถไปชินโตกุ
เด็กจำนวนหนึ่งขึ้นไปก่อนแล้ว โชคดีที่เด็กส่วนใหญ่ไม่ได้ไปขบวนเดียวกับเรา นั่งรถมองหิมะด้วยความเห็นใจคนที่ใช้ชีวิตแบบนี้ ไม่ได้น่ารื่นรมณ์เลย สงสัยว่าพวกสัตว์ป่าไปอยู่ที่ไหนในยามที่หิมะตกแบบนี้ เพราะแม้แต่ต้นไม้ก็สลัดใบรับหิมะ ยกเว้นต้นสนที่มีใบให้หิมะเกาะตัว ยังไม่ทันจะ 17.30 น. ความมืดก็เริ่มโรยตัวไปทุกที่ เราไปถึงชินโตกุเวลา 18.10 น. มองไปรอบตัวเห็นแต่ความมืดกับหิมะ เจอหนุ่มโตเกียวได้คุยกัน เราบอกว่าเราจะเข้าไปรอรถเที่ยว 19.45 น. เพื่อไป Kushino เขาบอกว่า มีรถ 18.21 กำลังจะเข้าจะมัวรอทำไม
เราบอกว่าเรามีตั๋วมาจาก Furano เขาก็ถามว่าทำไมเขาไม่ออกตั๋วเวลานั่นให้ เราก็เลยบอกว่าเขาคงกลัวเราไปไม่ทัน แล้วเราก็คิดว่าลองไปขอเปลี่ยนตั๋วอาจจะทัน พอเข้าไปในสถานีเจอจนท.พูดไม่รู้เรื่องทั้ง 2 คน เราก็เลยเปลี่ยนใจรอดีกว่า แต่ตอนหลังรู้ว่าขบวนที่เราไม่ได้ไปเป็นรถท้องถิ่นออกเร็วกว่า 1 ชม. แต่ถึงก่อนแค่ 6 นาที ขณะที่นั่งรอจนท.หนุ่มวิ่งมาบอกว่ารถเสียเวลา 6 นาที
เราคิดว่าจะไปต่อรถที่ Kushiro ไม่ทันแต่กลายเป็นว่า รถขบวนที่ไปก่อนจอดรอให้ขบวนเราเข้าสถานีก่อนเพราะรถเราเป็นรถเร็ว และเข้าสถานีก่อนเวลาเล็กน้อย เราวิ่งไปถามชานชาลาที่จะต่อรถ เขาบอกว่าชานชาลาที่ 3 ต้องวิ่งลงอุโมงค์ไปขึ้นบันไดไปชานชาลาที่ 3 ซึ่งรถจอดรออยู่แล้ว จาก Kushiro ไป Nemuro ผ่านอุโมงค์ ซอกเขา ทะเล หิมะหยุดตกแล้ว คงเหลือแต่ลานหิมะกว้างใหญ่ กองหิมะที่ผ่านการโกยให้พ้นเส้นทางรถ และโคลนหิมะที่มีสีดินปนบ้างแล้ว และบางแห่งก็เป็นแผ่นแน่นยากแก่การละลาย
ชื่อสินค้า:
พิพิธภัณฑ์ชาวไอนุ อาซาฮีคาวา
คะแนน:
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น
แก้ไขข้อความเมื่อ
▼
กำลังโหลดข้อมูล...
▼
แสดงความคิดเห็น
กระทู้ที่คุณอาจสนใจ
ตั๋วรถไฟดูยังไง
คือเราพึ่งเคยซื้อตั๋วรถไฟไปคนเดียวแล้วในตั๋วมันระบุรายละเอียดไว้ทั้งเลขขบวนทั้งเลขที่นั่งประเภทรถไฟที่ไปแล้วก็เลขคัน คือเราสงสัยเลขคันคืออะไรในตั๋วที่จองมันระบุว่าคันที่2คือเราไม่เข้าใจว่ามันคืออะไรมั
สมาชิกหมายเลข 9016819
ทริปชิลๆ เที่ยวเกาะปูลัวปีนัง มาเลเซีย แบบไปกันเอง เดินทางโดยรถไฟ By ขวัญสายชิล 96
ทริปที่ 96 By ขวัญสายชิล เล่าเรื่องไม่ค่อยเก่งนัก ก็ขอให้ภาพเล่าเรื่องแทนละกันนะคะ ใครอย่าหวังจะมาอยากได้ความรู้และสาระจากรีวิวนี้นะคะไม่มีเลยค่ะ เน้นรูปภาพค่ะ --------------------------- ทริป 5 ว
สมาชิกหมายเลข 4766801
ขอทราบเรื่องตั๋วรถไฟหน่อยค่ะ
คืออยากรู้ว่าถ้าจะขึ้นรถไฟจากหัวลำโพงขบวนธรรมดาไปนครปฐม ไปซื้อตั๋วที่สถานีเลยใช่มั้ยคะ หรือว่าซื้อบนรถไฟได้เลย
สมาชิกหมายเลข 8715206
ลุงกับป้าแบ็คแพ็ครอบโลก ตะลุยหิมะญี่ปุ่น นั่งรถไฟ15วัน เหนือสุดถึงใต้สุด ตอนที่ 15 Ogaki Castle, Osaka
ลุงกับป้าแบ็คแพ็ครอบโลก ตะลุยหิมะญี่ปุ่น นั่งรถไฟ 15 วัน จากเหนือสุดถึงใต้สุด ตอนที่ 15 ชมสวนซากุระและปราสาท Ogaki, Osaka จาก Iseshi บนรถเร็วที่กลับนาโงย่า จนท.พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ แต่เปิดให้ดูในพาส ว
ป้ากับลุง
ลุงกับป้าแบ็คแพ็ครอบโลก ตะลุยหิมะญี่ปุ่น นั่งรถไฟ 15 วัน จากเหนือสุดถึงใต้สุด ตอนที่ 4 อ่าวเนมูโร ตะวันออกสุดของญี่ปุ่น
ลุงกับป้าแบ็คแพ็ครอบโลก ตะลุยหิมะญี่ปุ่น นั่งรถไฟ 15 วัน จากเหนือสุดถึงใต้สุด ตอนที่ 4 อ่าวเนมูโร ตะวันออกสุดของญี่ปุ่น เราไปถึง Nemuro หลังเที่ยงคืนเล็กน้อย จนท.หนุ่มน่ารักมากเอาแผนที่โรงแรมมาให้
ป้ากับลุง
ลุงกับป้าแบ็คแพ็ครอบโลก ตะลุยหิมะญี่ปุ่น นั่งรถไฟ 15 วัน จากเหนือสุดถึงใต้สุด ตอนที่ 13 ภูเขาไฟ Fuji
ลุงกับป้าแบ็คแพ็ครอบโลก ตะลุยหิมะญี่ปุ่น นั่งรถไฟ 15 วัน จากเหนือสุดถึงใต้สุด ตอนที่ 13 ภูเขาไฟ Fuji ที่โยโกฮามา ไปชานชาลาที่ 4 นั่งรถสาย Sobu สีน้ำเงินไปโตเกียว 45 นาที ถึงโตเกียวต่อสายสีส้ม Ch
ป้ากับลุง
เที่ยวญี่ปุ่นคันไซ ฉบับแม่ลูก: ซากุระสะพรั่ง สวยฟิน!🌸โอซาก้า เกียวโต-อาราชิยามา
ทริปญี่ปุ่นเมื่อเดือนเมษา ช่วงซากุระบาน 🌸🌸ที่เกียวโต โอซาก้า 6-13 เมษายน 2568 เป็นประสบการณ์ใหม่ที่เราไม่ได้แพลนทริปล่วงหน้ากันเลยและยังไปผจญภัยกันแค่ 2 คน แม่ลูก สิ่งที่เรากังวลมากๆเลย คือ
กิฟโตะจังทริปทิปส์
คนเดียว "เกียวโต-ชิงะ-โอซากะ 2025" 4 คืน 5 วัน (ตอนที่ 3)
สวัสดีค่ะ กลับมาแล้วค่ะในตอนที่ 3 ต่อจากตอนที่แล้วคนเดียว "เกียวโต-ชิงะ-โอซากะ 2025" 4 คืน 5 วัน (ตอนที่ 2)วันนี้กลับเข้าโอซากะแล้วค่ะ จะเรียบง่าย งุนงงยังไง ไปกันเล้ย เช้าวันที่ 3 ฝนตกเหมือ
สมาชิกหมายเลข 748424
“ผมแค่จะส่งเขา…แต่กลับถูกส่งออกจากหัวใจของระบบ”
วันนั้น...ผมไม่ได้ตั้งใจจะเดินทางไปไหน ผมแค่ตั้งใจจะ "ส่งใครบางคน" ไปให้ไกลเท่าที่ใจจะยอมให้ห่าง ผมกับแฟนซื้อตั๋วรถไฟสองใบ ไม่ใช่เพื่อเดินทางด้วยกัน แต่เพราะผมอยาก “ขึ้นไปส่งเขาให้ถึง
สมาชิกหมายเลข 5150938
จากหัวลำโพงถึงหัวหิน: บันทึกการเดินทางผ่านเวลา
จากหัวลำโพงสู่หัวหิน บันทึกการเดินทางผ่านเวลา ผมไม่ได้มีแผนเที่ยว ไม่มีรีวิวร้านดัง ไม่มีลิสต์สถานที่ที่ต้องไป แค่มีตั๋วรถไฟขบวนที่เคยวิ่งกลางหิมะในญี่ปุ่น กับใจที่พร้อมปล่อยให้ “ความทรงจำ&rdquo
สมาชิกหมายเลข 8892012
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ
รถไฟ
บันทึกนักเดินทาง
เที่ยวต่างประเทศ
Backpack
บนสุด
ล่างสุด
อ่านเฉพาะข้อความเจ้าของกระทู้
หน้า:
หน้า
จาก
แชร์ : 102
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน
อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่
ยอมรับ
[CR] ลุงกับป้าแบ็คแพ็ครอบโลก ตะลุยหิมะญี่ปุ่น นั่งรถไฟ 15 วัน จากเหนือสุดถึงใต้สุด ตอนที่ 3 พิพิธภัณฑ์ชาวไอนุ อาซาฮีคาวา
ตอนที่ 3 พิพิธภัณฑ์ชาวไอนุ อาซาฮีคาวา
เรากินอาหารเช้าบนรถไฟเป็นขนมปังไส้ถั่วแดง กับรังผึ้งกรอบที่ซื้อจากซัปโปโร รถไปถึง Asahikawa ตามเวลา
ขอข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยวที่เดินเที่ยวได้จาก Information มีพิพิธภัณฑ์ชนพื้นเมืองชาว Ainu เดินออกหลังสถานีไปทางขวา ข้ามสะพานข้ามแม่น้ำที่ริมสองด้านกลายเป็นน้ำแข็ง จำชื่อแม่น้ำไม่ได้ แล้วเดินฝ่าหิมะอุณหภูมิ -7 องศาเซลเซียส ตรงไปเรื่อยๆ เกือบ 1 กม. พิพิธภัณฑ์อยู่ซ้ายมือ ค่าเข้าชมคนละ 300 เยน มี 2 ชั้น ชั้น 1 เป็นภาพกว้างตั้งแต่ที่อยู่อาศัย ส่วนใหญ่เป็นทรงกระโจม ติดดินมุงด้วยใบไม้ชนิดหนึ่ง คล้ายใบหมากหรือใบมะพร้าวซ้อนให้หนาเพื่อกันลม และให้ความอบอุ่น
กลางบ้านมีเตาผิง แขวนหม้อหุงต้มเหนือเตาผิงที่ใช้ไม้กั้นขอบเป็นรูปสี่เหลี่ยม พวกเขาประกอบอาชีพประมง ปลูกข้าวฟ่าง และข้าวที่เราเรียกว่าข้าวญี่ปุ่น มีภาชนะเป็นเครื่องปั้นดินเผาแล้วพัฒนาเป็นเซรามิค พวกเขามีเลื่อยที่ตีเองใช้ด้วย ดูเหมือนจะหนักมาก ผู้ใช้ต้องแข็งแรง จึงจะพกพาและใช้งานได้ เสื้อ ผ้าทำจากเส้นใยที่คล้ายใยกันชง รองเท้าทำจากหนังสัตว์เช่นกวาง กรือ หนังปลา ใช้สุนัขช่วยล่าสัตว์ สัตว์เป็นอันตราย คือ จิ้งจอก ชั้นใต้ดินเป็นรายละเอียดของชั้น 1 จัดแสดงอารยธรรมของชาวไอนุ
ชาวไอนุ (ญี่ปุ่น: アイヌ ?) บ้างเรียก ไอโนะ (ญี่ปุ่น: アイノ ?) ในญี่ปุ่นจะเรียกชาวไอนุโดยไม่จำแนกกลุ่มว่า อุตะริ (ญี่ปุ่น: ウタリ ?) เป็นชนพื้นเมืองบนเกาะฮกไกโดในประเทศญี่ปุ่น นักค้นคว้าเชื่อว่าชาวไอนุมีเชื้อสายคอเคซอย หรือชาวผิวขาว ซึ่งเป็นคนละเชื้อสายกับชาวญี่ปุ่นส่วนใหญ่ ทฤษฏีที่ว่านี้มาจากรูปลักษณ์ของชาวไอนุที่เป็นแบบผสมระหว่างชาวยุโรปและชาวเอเซีย แต่หลังจากการทดสอบทางดีเอ็นเอแล้วพบว่า ชาวไอนุไม่มีเชื้อสายชาวคอเคซอย
ั่ชาวไอนุอยู่ในประเทศญี่ปุ่นมานานกว่าชาวญี่ปุ่น และในตำนานของชาวไอนุ อยู่ที่นี่หลายแสนปีก่อนที่บุตรแห่งพระอาทิตย์จะมา บอกไม่ได้ว่าชาวไอนุมาจากไหน อยู่ที่ฮกไกโดตั้งแต่เมื่อไหร่ หรือสืบเชื้อสายมาจากใคร
ปัจจุบันชาวไอนุเป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่มีฐานะยากจนมากที่สุดในญี่ปุ่น โดยมีชาวไอนุเพียงร้อยละ 17 ที่จบการศึกษาในระดับมหาวิทยาลัย ในจำนวนนี้มีเพียงครึ่งหนึ่งที่จบจากมหาวิทยาลัยในระดับประเทศ และรัฐบาลญี่ปุ่นได้รับรองว่าชาวไอนุเป็นชนพื้นเมืองของญี่ปุ่นในปี พ.ศ. 2551
วันนี้ครูพาเด็กๆ เข้าชมจึงมีเสียงเจี๊ยวจ๊าว ช่วยให้บรรยากาศคึกคัก
กลับมารับประทานอาหารกลางวัน แล้วเดินทางต่อไปอ่าวเนมูโร (Nemuro) ตะวันออกสุดของญี่ปุ่น
เวลา 13.44 น. ออกจากสถานี Asahikawaไป Furono ที่ฟูโรโนะ เราเจอคนที่สื่อสารได้ช่วยเราเขียนสถานีและเวลาที่จะต่อรถไปยังสถานี Nemuro ตะวันออกสุดของเกาะฮ็อกไกโด ทำให้เราได้รายการที่จะขอตั๋วที่นั่ง ซึ่งกว่าจะสื่อสารกันรู้เรื่อง ว่าชั้นกรีนมีที่นั่งว่างแค่ที่เดียว ถ้าไม่เอาชั้นกรีนจะได้ 2 ที่นั่ง และต้องสำรองแค่ขบวนเดียวเพราะเป็นรถด่วน นอกนั้นเป็นรถท้องถิ่น เราคงต้องไปเสี่ยงภัย ลุ้นว่าจะมีโรงแรมแบบเมื่อคืนรับเราหรือไม่
ที่สถานีฟูราโนะ (Furano) เราได้เห็นบรรยากาศตอนหิมะตกหนัก และการจัดการขจัดหิมะบนรางรถไฟ เจ้าหน้าที่ขับรถบนรางแล้วโกยหิมะขึ้นมาพ่นผ่านความร้อน ทำให้หิมะกลายเป็นน้ำจะได้ไม่เกาะบนราง ขณะที่นั่งรอรถอยู่ในห้องที่มีเครื่องทำความร้อน ก็มีนักเรียนเข้ามาเป็นกลุ่มชาย 1 กลุ่ม หญิง.1 กลุ่ม เราไม่รู้ว่าเป็นเวลาเลิกเรียนหรือนักเรียนไปทำกิจกรรม แต่ดูว่าพวกเขาอายุต่างกัน
นักเรียนชายใส่กางเกงขายาวแบบสแล็คสีดำ ส่วนเสื้อเป็นเสื้อกันหนาวสีทึบ ส่วนนักเรียนหญิง ใส่กระโปรงจีบรอบสีดำยาวคลุมเข่า เสื้อกันหนาวสีสุภาพ รองเท้ากันหนาวตามสะดวก เราได้แต่ภาวนาว่า ขออย่าให้ขึ้นรถขบวนเดียวกับเราเลย เพราะขบวนที่ผ่านมาก็ยืนเกินครึ่งทาง
เวลา 17.30 น. มีรถท้องถิ่นเข้าสถานีและมีคนลงเราลุกไปถามจนท.ที่ยืนเช็คตั๋วตรงทางออกว่าเป็นรถไป Shintoku หรือเปล่า เพราะตอนขึ้นบนจอเห็นเป็นชานชาลาที่ 1 แต่รถขบวนนั้นเข้าชานชาลาที่ 3 หนุ่มนักเดินทางที่เขียนรายการต่อรถให้เรายืนอยู่ตรงนั้นพอดี เขาหันมาแล้วบอกว่า ใช่แล้วรถไปชินโตกุ
เด็กจำนวนหนึ่งขึ้นไปก่อนแล้ว โชคดีที่เด็กส่วนใหญ่ไม่ได้ไปขบวนเดียวกับเรา นั่งรถมองหิมะด้วยความเห็นใจคนที่ใช้ชีวิตแบบนี้ ไม่ได้น่ารื่นรมณ์เลย สงสัยว่าพวกสัตว์ป่าไปอยู่ที่ไหนในยามที่หิมะตกแบบนี้ เพราะแม้แต่ต้นไม้ก็สลัดใบรับหิมะ ยกเว้นต้นสนที่มีใบให้หิมะเกาะตัว ยังไม่ทันจะ 17.30 น. ความมืดก็เริ่มโรยตัวไปทุกที่ เราไปถึงชินโตกุเวลา 18.10 น. มองไปรอบตัวเห็นแต่ความมืดกับหิมะ เจอหนุ่มโตเกียวได้คุยกัน เราบอกว่าเราจะเข้าไปรอรถเที่ยว 19.45 น. เพื่อไป Kushino เขาบอกว่า มีรถ 18.21 กำลังจะเข้าจะมัวรอทำไม
เราบอกว่าเรามีตั๋วมาจาก Furano เขาก็ถามว่าทำไมเขาไม่ออกตั๋วเวลานั่นให้ เราก็เลยบอกว่าเขาคงกลัวเราไปไม่ทัน แล้วเราก็คิดว่าลองไปขอเปลี่ยนตั๋วอาจจะทัน พอเข้าไปในสถานีเจอจนท.พูดไม่รู้เรื่องทั้ง 2 คน เราก็เลยเปลี่ยนใจรอดีกว่า แต่ตอนหลังรู้ว่าขบวนที่เราไม่ได้ไปเป็นรถท้องถิ่นออกเร็วกว่า 1 ชม. แต่ถึงก่อนแค่ 6 นาที ขณะที่นั่งรอจนท.หนุ่มวิ่งมาบอกว่ารถเสียเวลา 6 นาที
เราคิดว่าจะไปต่อรถที่ Kushiro ไม่ทันแต่กลายเป็นว่า รถขบวนที่ไปก่อนจอดรอให้ขบวนเราเข้าสถานีก่อนเพราะรถเราเป็นรถเร็ว และเข้าสถานีก่อนเวลาเล็กน้อย เราวิ่งไปถามชานชาลาที่จะต่อรถ เขาบอกว่าชานชาลาที่ 3 ต้องวิ่งลงอุโมงค์ไปขึ้นบันไดไปชานชาลาที่ 3 ซึ่งรถจอดรออยู่แล้ว จาก Kushiro ไป Nemuro ผ่านอุโมงค์ ซอกเขา ทะเล หิมะหยุดตกแล้ว คงเหลือแต่ลานหิมะกว้างใหญ่ กองหิมะที่ผ่านการโกยให้พ้นเส้นทางรถ และโคลนหิมะที่มีสีดินปนบ้างแล้ว และบางแห่งก็เป็นแผ่นแน่นยากแก่การละลาย
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น