สวัสดีครับ กระทู้นี้เป็นกระทู้รีวิวรถครั้งแรกของผม เป็นรถที่ใช้งานเองครับ อ่านรีวิวของคนอื่นมาเยอะแล้วก็เลยอยากจะลองรีวิวรถตัวเองบ้าง ฮ่าๆๆ

....ก็ ผมจะรีวิวไปเรื่อยๆตามความรู้สึกตัวเองไม่ได้ลงลึกเรื่องรายละเอียดสเปคเครื่องยนต์มากนะครับ กระทู้แรกอ่านะ55

รถคันนี้เป็นรถที่พ่อผมซื้อใช้งานเองตั้งแต่ปี2008แล้วครับ นับถึงวันนี้ก็กำลังจะเข้าปีที่8แล้ว ถ้าจำไม่ผิดรถVolvoคันนี้ซื้อช่วงปลายปี08ครับ น่าจะตุลาคม เป็น S60 ตัว Minor change (รุ่นนี้Minor change ปี2006) ซื้อมาในราคา2.3xล้านบาท ครับ หลายคนคงรู้กันครับ ว่าวอลโว่ราคาตกเร็ว หุหุ แน่นอนครับ ณ ตอนนี้ ตัดเลข2หลักแรกไปเลย คือราคาS60ปัจจุบันนี้ ถามว่าทำไมถึงเลือกยี่ห้อนี้ ตอนนั้นแม่ใช้BMW 3-series E46อยู่ครับ แล้วพ่อยังไม่ชอบยี่ห้อ Mercedes-Benz เลยหารถใช้ทั่วไปมาขับแทน Toyota Granvia 3.4 V6 ที่แสนจะกินน้ำมันเหลือเกิน จริงๆตอนแรกดูไว้หลายรุ่นเลยครับ Land Rover Freelander,Hyundai Sonata,Suzuki Grand Vitara,บลาๆๆ.....แต่แล้วที่สุดพ่อไปเห็นVolvo S60 สีบรอนเงินคันนึงประกาศขายอยู่1.9ล้าน เป็นรถVIP หรือผู้บริหารใช้ครับ รถวิ่งไปแค่หลักพันกิโลเมตร ตอนนั้นพ่อก็สนใจครับ ไปดูรถที่ศูนย์VOLVO โกเทนเบิร์ก ศรีนครินทร์ แต่ไปๆมาๆ มาได้คันใหม่ป้ายแดง สีเทา (Titanium Grey) ตอนนั้นตื่นเต้นตามประสาเด็กป.6 ฮ่าๆ ผมจำได้ว่าวันนั้นพ่อกับแม่ผมไปรับผมที่โรงเรียนตอนเย็นก่อน แล้วถึงไปรับรถที่ศูนย์ในเย็นวันนั้น ผมก็มีกระเป๋าเป้นักเรียนอยู่ท้ายรถbmของแม่ แต่ผมเห่อรถใหม่ถึงขนาดเอาเป้มาใส่ท้ายรถวอลโว่ ผมจำได้ว่าเบาะหลังยังหุ้มพลาสติก ไม่ได้แกะอยู่ ก็เอาเป้ใบเนี่ย ไปวางไว้ทั้งอย่างนั้นแหละ แต่พอเวลาผ่านไปเรื่อยๆ ก็เลิกเห่อครับ ผมก็ยังไม่ได้รู้สึกว่ารถคันนี้มันพิเศษอะไรครับ รู้แค่ว่ามันนั่งสบาย เครื่องเสียงมันดีมากๆ จนถึงวันที่ผมขับรถเป็น ทำใบขับขี่แล้ว ก็ได้ใช้งานรถคันนี้บ่อยมากขึ้น จนรู้สึกว่าพอถึงช่วงที่ขับรถเองเป็น มันก็เลยอยากที่จะเรียนรู้มากขึ้นครับ เริ่มอยากจะแต่งรถ จากที่รถมาเดิมๆ อยากจะดูแลรถคันนี้ให้มันคงสภาพใหม่อยู่เสมอ ผมเองเป็นคนชอบเรื่องรถครับ ชอบนั่งหาข้อมูลในเน็ต เปรียบเทียบดูสเปครุ่นอื่นๆไปเรื่อย แล้วชอบดูแลทำความสะอาดรถอยู่เหมือนกัน เลยมีความสุขกับเรื่องพวกนี้ ไม่เคยเบื่อ เกริ่นมายาว เริ่มเลยละกันครับ ฮ่าๆๆ

....เริ่มที่ดอกกุญแจก่อนเลยครับ เป็นกุญแจรีโมทมีดอกแบบพับเก็บได้ มี2ชุด และกุญแจสำรองอีก1ดอก มีปุ่มปลดล็อค-ล็อค,เปิดฝาท้าย(ต้องกด2ครั้งติดกัน),ปุ่มเปิดไฟนำทาง(กดแล้วไฟหรี่หน้ารถ,ไฟท้ายและไฟภายในห้องโดยสารจะติดครับ แล้วก็จะมีไฟส่องพื้นใต้กระจกมองข้างทั้ง2ฝั่งติดด้วย) ปุ่มสุดท้ายเป็นปุ่ม Alarm ไว้กดกรณีฉุกเฉิน เช่น 1.เราหารถเราไม่เจอต้องการกดเรียกให้ได้ยินเสียงร้อง 2.กดเพื่อป้องกันการโจรกรรมถ้าเราพบเห็นเองก่อน(ซึ่งจริงๆตัวรถมี immobilizer อยู่แล้ว) 3.กดให้สุนัขแถวนั้นที่จะฉี่ใส่ล้อรถแล้วทำให้มันตกใจเล่น(ไม่เกี่ยวเลย555)

ไฟส่องพื้นข้างรถ (ส่วนติ่งเล็กๆที่เป็นเหมือนตุ่มอะไรซักอย่างข้างๆกันนี้เป็นsensorวัดอุณหภูมิภายนอกรถครับ)

VOLVO S60 โฉมนี้ทำเครื่องมาแค่บล็อคเดียวละครับ เหลือแค่ 2.0T ซึ่งโฉมก่อนหน้านี้มี 2.3T
(จิงๆแล้วหลังจากผมออกคันนี้ได้ปีนึง ก็มีโฉมสุดท้ายเป็นตัว D5 สุดแรงแถมประหยัดฝุดๆเข้ามา ผมหล่ะเซ็ง)
สเปคคร่าวๆ (ทั้ง3รุ่นเป็น5สูบนะครับ)
2.0T 180 hp 240Nm B5204T5/ 5-speed automatic / Top speed 220 km/h
2.3T 200 hp 285Nm B5234T7/ 5-speed automatic+steptronic+/- / Top speed 220 km/h
D5 185 hp 400Nm D5244T4/ 6-speed automatic+steptronic+/- / Top speed 230 km/h

คันนี้เติมได้แค่เบนซิน แก๊สโซฮอลล์91/95นะครับ //E20 E85 ไม่ได้

แม็กที่ให้มาเดิมๆเป็นขอบ16นะครับ 205/55 R16 #สีเดิมเป็นสีเงินธรรมดานะครับ ผมไปพ่นเป็น Hyper black

ไฟหน้ารถเป็นมัลติรีเฟลกเตอร์+หลอดฮาโลเจน #ถ้าเป็นตัวD5 จะได้ โคมโปรเจ็กเตอร์+หลอดซีนอน

ไฟท้ายก็เป็นหลอดธรรมดาไม่ใช่LEDครับ แต่มีไฟตัดหมอกหลังให้ด้วย

ท่อไอเสียออกท่อเดียว ปลายหุ้มสแตนเลสจากโรงงานเลยครับ

มาดูภายนอกรถโดยรวมกันครับ

Park assist มีรอบคันจากโรงงานนะครับ หน้า4จุด หลัง4จุด เวลาดังแล้วน่ารำคาญ มันจะตัดเสียงเพลงภายในรถทันทีครับ ฮ่าๆ

S60คันนี้ยาว 4.6เมตร / กว้าง1.8เมตร / สูง 1.4เมตร / น้ำหนัก 2050Kg

มาภายในห้องโดยสารดีกว่าครับ

เริ่มจากฝั่งคนขับ

กุญแจเป็นดอกเสียบครับ ไม่เหมือนรถใหม่ๆสมัยนี้ เดี๋ยวนี้ Eco Car ก็เป็น smart entry-push start กันหมดแล้ว55 เวลาไขกุญแจไปสวิตซ์ON จะมีเสียงเตือนก่อนดัง วิ๊ง วิ๊ง อยู่สักแปป3-5วิ (ถ้าเสียงยังดังคือระบบไฟฟ้ากำลังset up ตัวอยู่ ถ้าเสียงดับไปคือบิดกุญแจสตาร์ทได้เลย แล้วเสียงก็จะดังอีกรอบ นั่นหมายถึงรถยังไม่พร้อมออกตัวหรือถูกเปลี่ยนเกียร์ ซึ่งจะดังประมาณ5วิ ถ้าเสียงดับลงก็คือพร้อมออกตัว แต่ถ้าเป็นช่วงที่สตาร์ทรถตอนเช้า เข็มวัดรอบจะดีดมาที่2000รอบ/นาที เพื่อวอร์มเครื่องอยู่ซักพัก ถ้าให้ดีเราก็ควรรอให้เข็มตกมาในรอบที่ปกติ แล้วค่อยออกตัวครับ

ฝั่งขวามือเป็นแผงควบคุมไฟรถครับ ไม่มีอะไรมาก ปิด-ไฟหรี่-ไฟเต็ม ไฟตัดหมอกหน้า-หลัง (ไม่มีไฟออโต้นะครับ) ปุ่มปรับแสงไฟแผงควบคุมภายในห้องโดยสาร

กระจกมองข้างทรงสปอร์ตที่แสนจะเล็ก แต่มีเลนมุมกว้างและลดการเกาะของหยดน้ำ

ปุ่มบนพวงมาลัยฝั่งซ้ายมือ "Cruise Control" ขวามือ "ปรับเครื่องเสียง+/- และเปลี่ยนแทร็ค"
ก้านไฟเลี้ยวซ้าย ปรับดู Information ของรถได้ สถานะอัตราการสิ้นเปลือง,ความเร็วเฉลี่ย,อัตราการบริโภคน้ำมันแบบreal-time,ระยะทางที่รถวิ่งได้
ก้านไฟเลี้ยวขวา ปุ่มปรับก้านใบปัดน้ำฝน แต่จะมีปุ่ม Auto อยู่ด้วย ไม่ต้องมาปรับเอง sensorอยู่หลังกระจกมองหลัง

เบาะคนขับปรับไฟฟ้า 8ทิศทาง และจำ3ตำแหน่ง พร้อมจำตำแหน่งกระจกข้างด้วย
สวิตซ์ไฟอ่านแผนที่บนหัว แยกซ้ายขวาทั้งคนนั่งหน้าและหลัง

มาต่อที่คอนโซลกลางกันดีกว่าครับ

เครื่องเสียงCD 1แผ่น #แต่ผมไปติดตัวอ่านUSBกับช่องAUXเพิ่ม ลำโพง8ตัวรอบคัน ถือว่าเป็นเครื่องเสียงติดรถเดิมๆที่ให้คุณภาพเสียงที่ดีมาก

แอร์แบบออโต้ แยกอุณหภูมิ ซ้ายขวา ปุ่มไล่ฝ้ากระจกหน้า-หลัง #ถ้าเป็นตัวเมืองนอกหรือS60R จะมีเบาะอุ่นตูดให้ด้วย
ปุ่มพับกระจกมองข้างจะมาอยู่ตรงข้างล่างแผงควบคุมแอร์ อันนี้แปลกดี รถรุ่นอื่นเขาอยู่ตรงประตูคนขับกัน
ปุ่มปิดระบบการทรงตัวและกันลื่นไถล STC,ปุ่มปรับพนักพิงศรีษะเบาะแถวหลังให้พับตกลงมา,ปุ่มล็อคฝาท้ายรถแบบปิดตาย ต่อให้มีรีโมทก็กดเปิดไม่ได้,ปุ่มปิด Park assist
ที่วางแก้วน้ำ #จิงๆวางได้ทั้งหมด5จุด

อันนี้อยากให้ดูเล่นๆครับ ช่องลมเป่าเท้าของคนแถวหน้า ตำแหน่งแปลกมาก คือลมจะเป่าออกจากด้านข้าง จะไม่เย็นเท้าสะใจแบบรถยี่ปุ่น 555 ส่วนเป่าเท้าแถวหลังก็เป่าในตำแหน่งจากทางด้านบนปกติ(ใต้เบาะคู่หน้า)

เค้าใส่ใจที่จะดีไซน์เส้นสายคอนโซลหน้าให้โค้งดีนะผมว่า555 ทำให้รู้สึกไม่อึดอัดมาก

มาที่เบาะหลังกันบ้างครับ เบาะวอลโว่เป็นที่รู้กันว่านิ่มและนั่งสบายอยู่แล้ว แต่S60 ตัวนี้ ช่วงวางขาแถวหลังแคบมาก ถือว่าอึดอัดสุดๆ ไขว่ห้างไม่ได้เลย
มีช่องจ่ายไฟ12VOLT สำหรับผู้โดยสารแถวหลังด้วย

แอร์หลังที่มีแล้วเหมือนไม่มี แรงลมนี้เบามากมาย

ตุ๊กตาแก้เหงาครับ 5555

มาดูท้ายรถกันต่อครับ เก็บของได้เยอะมากเพราะท้ายลึกสุดๆ สามารถเปิดช่องตรงกลางเพื่อขนสัมภาระแบบยาวได้ เช่นท่อPVC โดยที่ไม่ต้องพับเบาะทั้งหมด

เบาะพับแบบ 60:40

แบตเตอรี่จะอยู่ท้ายรถ ล้ออะไหล่และอุปกรณ์ต่างๆ และมีชุดปฐมพยาบาลผมไปขโมยมาจากbmwของแม่มาครับ 555

พูดถึงอัตราการสิ้นเปลือง ขับในเมืองผมได้ประมาณ7-8โลลิตร ทางไกลประมาณ10-11 ถือว่าไม่ใช่รถที่ประหยัดน้ำมันซักเท่าไหร่ ถังน้ำมัน70ลิตร ผมวิ่งเฉลี่ยได้ประมาณ400-600กิโลเมตร ต่อน้ำมัน1ถัง ขึ้นอยู่กับน้ำหนักเท้าด้วยครับ 555

ช่วงล่างอยู่ระหว่าง BMW กับ Benz เกาะหนึบกับนุ่มสบาย อัตราเร่งแรงพอตัวที่จะแซงพวกรถ Accord Camry ได้ มันเป็นรถที่หนัก ออกตัวไม่ปรู๊ดปร๊าดแบบรถยี่ปุ่นแน่นอน กดแล้วรอบูสมา มันดึงแน่นอนครับ ออกตัวรู้สึกถึงแรงดึงแต่จับเวลาแล้วก็ไม่ได้เร็วมาก แต่ช่วงความเร็วลอยตัวแซงคันอื่นสบายครับ จะเหนื่อยก็พวก 320d C250 ความเร็วถึง200ไม่ใช่เรื่องยาก แต่หลัง200+ไหลช้าอยู่ครับ แต่รถมีโบ ไปปรับจูนให้แรงได้ ช่วงความเร็วสูงๆถือว่านิ่งพอตัว ถ้าได้แม็กใหญ่กับสปริงโหลดจะหนึบกว่านี้

ก็นะ อยู่ด้วยกันมาจะ8ปีแล้ว ผูกพันกับมันครับ วอลโว่มือ2ราคาน่าคบครับ ตอนนี้มันหล่นมาแถว2-5แสนบาท ไม่จำเป็นต้องS60รุ่นเดียว ถ้าคนที่สนใจจะดูรถยุโรปราคาแถวๆนี้ ผมว่าก็เป็นตัวเลือกที่ไม่เลวนะครับ รถระบบความปลอดภัยเต็ม นั่งสบายระดับต้นๆ เครื่องเสียงเดิมๆดีระดับต้นๆ เครื่องยนต์ถ้าดูแลตามอายุตลอดก็ไม่มีปัญหา มีอู่นอกแนะนำได้ครับ ถ้าได้ลองซักหน่อยอาจจะติดใจรถสวีเดนก็ได้ครับ ในคลับของVOLVOก็มีผู้เชี่ยวชาญให้คำแนะนำได้เยอะครับ
[CR] User's Review จากผู้ใช้ VOLVO S60 2.0T My2008
....ก็ ผมจะรีวิวไปเรื่อยๆตามความรู้สึกตัวเองไม่ได้ลงลึกเรื่องรายละเอียดสเปคเครื่องยนต์มากนะครับ กระทู้แรกอ่านะ55
....เริ่มที่ดอกกุญแจก่อนเลยครับ เป็นกุญแจรีโมทมีดอกแบบพับเก็บได้ มี2ชุด และกุญแจสำรองอีก1ดอก มีปุ่มปลดล็อค-ล็อค,เปิดฝาท้าย(ต้องกด2ครั้งติดกัน),ปุ่มเปิดไฟนำทาง(กดแล้วไฟหรี่หน้ารถ,ไฟท้ายและไฟภายในห้องโดยสารจะติดครับ แล้วก็จะมีไฟส่องพื้นใต้กระจกมองข้างทั้ง2ฝั่งติดด้วย) ปุ่มสุดท้ายเป็นปุ่ม Alarm ไว้กดกรณีฉุกเฉิน เช่น 1.เราหารถเราไม่เจอต้องการกดเรียกให้ได้ยินเสียงร้อง 2.กดเพื่อป้องกันการโจรกรรมถ้าเราพบเห็นเองก่อน(ซึ่งจริงๆตัวรถมี immobilizer อยู่แล้ว) 3.กดให้สุนัขแถวนั้นที่จะฉี่ใส่ล้อรถแล้วทำให้มันตกใจเล่น(ไม่เกี่ยวเลย555)
ไฟส่องพื้นข้างรถ (ส่วนติ่งเล็กๆที่เป็นเหมือนตุ่มอะไรซักอย่างข้างๆกันนี้เป็นsensorวัดอุณหภูมิภายนอกรถครับ)
VOLVO S60 โฉมนี้ทำเครื่องมาแค่บล็อคเดียวละครับ เหลือแค่ 2.0T ซึ่งโฉมก่อนหน้านี้มี 2.3T
(จิงๆแล้วหลังจากผมออกคันนี้ได้ปีนึง ก็มีโฉมสุดท้ายเป็นตัว D5 สุดแรงแถมประหยัดฝุดๆเข้ามา ผมหล่ะเซ็ง)
สเปคคร่าวๆ (ทั้ง3รุ่นเป็น5สูบนะครับ)
2.0T 180 hp 240Nm B5204T5/ 5-speed automatic / Top speed 220 km/h
2.3T 200 hp 285Nm B5234T7/ 5-speed automatic+steptronic+/- / Top speed 220 km/h
D5 185 hp 400Nm D5244T4/ 6-speed automatic+steptronic+/- / Top speed 230 km/h
คันนี้เติมได้แค่เบนซิน แก๊สโซฮอลล์91/95นะครับ //E20 E85 ไม่ได้
แม็กที่ให้มาเดิมๆเป็นขอบ16นะครับ 205/55 R16 #สีเดิมเป็นสีเงินธรรมดานะครับ ผมไปพ่นเป็น Hyper black
ไฟหน้ารถเป็นมัลติรีเฟลกเตอร์+หลอดฮาโลเจน #ถ้าเป็นตัวD5 จะได้ โคมโปรเจ็กเตอร์+หลอดซีนอน
ไฟท้ายก็เป็นหลอดธรรมดาไม่ใช่LEDครับ แต่มีไฟตัดหมอกหลังให้ด้วย
ท่อไอเสียออกท่อเดียว ปลายหุ้มสแตนเลสจากโรงงานเลยครับ
มาดูภายนอกรถโดยรวมกันครับ
Park assist มีรอบคันจากโรงงานนะครับ หน้า4จุด หลัง4จุด เวลาดังแล้วน่ารำคาญ มันจะตัดเสียงเพลงภายในรถทันทีครับ ฮ่าๆ
S60คันนี้ยาว 4.6เมตร / กว้าง1.8เมตร / สูง 1.4เมตร / น้ำหนัก 2050Kg
มาภายในห้องโดยสารดีกว่าครับ
เริ่มจากฝั่งคนขับ
กุญแจเป็นดอกเสียบครับ ไม่เหมือนรถใหม่ๆสมัยนี้ เดี๋ยวนี้ Eco Car ก็เป็น smart entry-push start กันหมดแล้ว55 เวลาไขกุญแจไปสวิตซ์ON จะมีเสียงเตือนก่อนดัง วิ๊ง วิ๊ง อยู่สักแปป3-5วิ (ถ้าเสียงยังดังคือระบบไฟฟ้ากำลังset up ตัวอยู่ ถ้าเสียงดับไปคือบิดกุญแจสตาร์ทได้เลย แล้วเสียงก็จะดังอีกรอบ นั่นหมายถึงรถยังไม่พร้อมออกตัวหรือถูกเปลี่ยนเกียร์ ซึ่งจะดังประมาณ5วิ ถ้าเสียงดับลงก็คือพร้อมออกตัว แต่ถ้าเป็นช่วงที่สตาร์ทรถตอนเช้า เข็มวัดรอบจะดีดมาที่2000รอบ/นาที เพื่อวอร์มเครื่องอยู่ซักพัก ถ้าให้ดีเราก็ควรรอให้เข็มตกมาในรอบที่ปกติ แล้วค่อยออกตัวครับ
ฝั่งขวามือเป็นแผงควบคุมไฟรถครับ ไม่มีอะไรมาก ปิด-ไฟหรี่-ไฟเต็ม ไฟตัดหมอกหน้า-หลัง (ไม่มีไฟออโต้นะครับ) ปุ่มปรับแสงไฟแผงควบคุมภายในห้องโดยสาร
กระจกมองข้างทรงสปอร์ตที่แสนจะเล็ก แต่มีเลนมุมกว้างและลดการเกาะของหยดน้ำ
ปุ่มบนพวงมาลัยฝั่งซ้ายมือ "Cruise Control" ขวามือ "ปรับเครื่องเสียง+/- และเปลี่ยนแทร็ค"
ก้านไฟเลี้ยวซ้าย ปรับดู Information ของรถได้ สถานะอัตราการสิ้นเปลือง,ความเร็วเฉลี่ย,อัตราการบริโภคน้ำมันแบบreal-time,ระยะทางที่รถวิ่งได้
ก้านไฟเลี้ยวขวา ปุ่มปรับก้านใบปัดน้ำฝน แต่จะมีปุ่ม Auto อยู่ด้วย ไม่ต้องมาปรับเอง sensorอยู่หลังกระจกมองหลัง
เบาะคนขับปรับไฟฟ้า 8ทิศทาง และจำ3ตำแหน่ง พร้อมจำตำแหน่งกระจกข้างด้วย
สวิตซ์ไฟอ่านแผนที่บนหัว แยกซ้ายขวาทั้งคนนั่งหน้าและหลัง
มาต่อที่คอนโซลกลางกันดีกว่าครับ
เครื่องเสียงCD 1แผ่น #แต่ผมไปติดตัวอ่านUSBกับช่องAUXเพิ่ม ลำโพง8ตัวรอบคัน ถือว่าเป็นเครื่องเสียงติดรถเดิมๆที่ให้คุณภาพเสียงที่ดีมาก
แอร์แบบออโต้ แยกอุณหภูมิ ซ้ายขวา ปุ่มไล่ฝ้ากระจกหน้า-หลัง #ถ้าเป็นตัวเมืองนอกหรือS60R จะมีเบาะอุ่นตูดให้ด้วย
ปุ่มพับกระจกมองข้างจะมาอยู่ตรงข้างล่างแผงควบคุมแอร์ อันนี้แปลกดี รถรุ่นอื่นเขาอยู่ตรงประตูคนขับกัน
ปุ่มปิดระบบการทรงตัวและกันลื่นไถล STC,ปุ่มปรับพนักพิงศรีษะเบาะแถวหลังให้พับตกลงมา,ปุ่มล็อคฝาท้ายรถแบบปิดตาย ต่อให้มีรีโมทก็กดเปิดไม่ได้,ปุ่มปิด Park assist
ที่วางแก้วน้ำ #จิงๆวางได้ทั้งหมด5จุด
อันนี้อยากให้ดูเล่นๆครับ ช่องลมเป่าเท้าของคนแถวหน้า ตำแหน่งแปลกมาก คือลมจะเป่าออกจากด้านข้าง จะไม่เย็นเท้าสะใจแบบรถยี่ปุ่น 555 ส่วนเป่าเท้าแถวหลังก็เป่าในตำแหน่งจากทางด้านบนปกติ(ใต้เบาะคู่หน้า)
เค้าใส่ใจที่จะดีไซน์เส้นสายคอนโซลหน้าให้โค้งดีนะผมว่า555 ทำให้รู้สึกไม่อึดอัดมาก
มาที่เบาะหลังกันบ้างครับ เบาะวอลโว่เป็นที่รู้กันว่านิ่มและนั่งสบายอยู่แล้ว แต่S60 ตัวนี้ ช่วงวางขาแถวหลังแคบมาก ถือว่าอึดอัดสุดๆ ไขว่ห้างไม่ได้เลย
มีช่องจ่ายไฟ12VOLT สำหรับผู้โดยสารแถวหลังด้วย
แอร์หลังที่มีแล้วเหมือนไม่มี แรงลมนี้เบามากมาย
ตุ๊กตาแก้เหงาครับ 5555
มาดูท้ายรถกันต่อครับ เก็บของได้เยอะมากเพราะท้ายลึกสุดๆ สามารถเปิดช่องตรงกลางเพื่อขนสัมภาระแบบยาวได้ เช่นท่อPVC โดยที่ไม่ต้องพับเบาะทั้งหมด
เบาะพับแบบ 60:40
แบตเตอรี่จะอยู่ท้ายรถ ล้ออะไหล่และอุปกรณ์ต่างๆ และมีชุดปฐมพยาบาลผมไปขโมยมาจากbmwของแม่มาครับ 555
พูดถึงอัตราการสิ้นเปลือง ขับในเมืองผมได้ประมาณ7-8โลลิตร ทางไกลประมาณ10-11 ถือว่าไม่ใช่รถที่ประหยัดน้ำมันซักเท่าไหร่ ถังน้ำมัน70ลิตร ผมวิ่งเฉลี่ยได้ประมาณ400-600กิโลเมตร ต่อน้ำมัน1ถัง ขึ้นอยู่กับน้ำหนักเท้าด้วยครับ 555
ช่วงล่างอยู่ระหว่าง BMW กับ Benz เกาะหนึบกับนุ่มสบาย อัตราเร่งแรงพอตัวที่จะแซงพวกรถ Accord Camry ได้ มันเป็นรถที่หนัก ออกตัวไม่ปรู๊ดปร๊าดแบบรถยี่ปุ่นแน่นอน กดแล้วรอบูสมา มันดึงแน่นอนครับ ออกตัวรู้สึกถึงแรงดึงแต่จับเวลาแล้วก็ไม่ได้เร็วมาก แต่ช่วงความเร็วลอยตัวแซงคันอื่นสบายครับ จะเหนื่อยก็พวก 320d C250 ความเร็วถึง200ไม่ใช่เรื่องยาก แต่หลัง200+ไหลช้าอยู่ครับ แต่รถมีโบ ไปปรับจูนให้แรงได้ ช่วงความเร็วสูงๆถือว่านิ่งพอตัว ถ้าได้แม็กใหญ่กับสปริงโหลดจะหนึบกว่านี้
ก็นะ อยู่ด้วยกันมาจะ8ปีแล้ว ผูกพันกับมันครับ วอลโว่มือ2ราคาน่าคบครับ ตอนนี้มันหล่นมาแถว2-5แสนบาท ไม่จำเป็นต้องS60รุ่นเดียว ถ้าคนที่สนใจจะดูรถยุโรปราคาแถวๆนี้ ผมว่าก็เป็นตัวเลือกที่ไม่เลวนะครับ รถระบบความปลอดภัยเต็ม นั่งสบายระดับต้นๆ เครื่องเสียงเดิมๆดีระดับต้นๆ เครื่องยนต์ถ้าดูแลตามอายุตลอดก็ไม่มีปัญหา มีอู่นอกแนะนำได้ครับ ถ้าได้ลองซักหน่อยอาจจะติดใจรถสวีเดนก็ได้ครับ ในคลับของVOLVOก็มีผู้เชี่ยวชาญให้คำแนะนำได้เยอะครับ