มาใช้ยาในสัตว์ให้สมเหตุผลกันเถิด

ปัญหาเชื้อดื้อยาในปัจจุบันมีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้นมาเรื่อยๆ จนกล่าวได้ว่าหากใครติดเชื้อดื้อยาแล้วคงต้องรอมัจจุราชกันอย่างเดียว และยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่เสมอจากสองฝั่ง คือ วงการสาธารณสุขและปศุสัตว์ ว่าใครเป็นผู้ก่อปัญหามากกว่ากัน เรามาถึงจุดนี้กันได้อย่างไร เราจะมาถกเถียงกันทำไม เราควรดูแลและจัดการกันให้ครบถ้วนถูกต้องในส่วนของเราที่รับผิดชอบกันดีไหม
   ในวงการปศุสัตว์ ต้องยอมรับกันว่ามีการใช้ยาในอาหารสัตว์หรือละลายน้ำให้สัตว์กินกันอย่างแพร่หลายมานาน โดยส่วนใหญ่มักจะใช้เพื่อให้ลดอัตราการตายและเพิ่มประสิทธิภาพการเลี้ยง ให้มีน้ำหนักเพิ่มและเลี้ยงรอดกันมากขึ้น แม้ที่ผ่านมาเราจะพยายามควบคุมกันว่าต้องมีใบสั่งสัตวแพทย์ในการใช้ยาและผสมยา แต่หากมองย้อนให้ลึกๆ แล้ว เราจะพบประเด็นว่าสุดท้ายเราพยายามใส่ยาลงไปให้มากที่สุดโดยไม่ได้มองว่าสัตว์ไม่จำเป็นต้องกินเพื่อการป้องกันหรือแม้แต่การรักษา เพราะยังไม่มีการเจ็บป่วยเกิดขึ้นกับฝูงสัตว์เราเลย เพียงแค่เรากลัวว่าจะเกิดและคาดว่ามันจะเกิดขึ้นแน่ จึงต้องใส่ยาลงไปป้องกัน ทัศนคติเหล่านี้ต้องมีการปรับเปลี่ยนกันตั้งแต่ในรั้วมหาวิทยาลัยที่เกี่ยวข้องกันเลยทีเดียว การใช้ยาจำเป็นต้องมีความเข้มงวดว่าใช่เมื่อสัตว์เกิดการเจ็บป่วยเกิดขึ้น และใช้ยาให้เหมาะสมทั้งขนาด ปริมาณ และชนิด คงไม่ใช่การยาหลายๆชนิดรวมกันเพื่อให้การรักษาครอบคลุม แม้จะกล่าวอ้างกันว่า จำเป็นต้องคลุม ไว้ก่อน แต่การกระทำเช่นนั้น เหมือนเป็นการใช้ยาอย่างพร่ำเพรื่อไม่สมเหตุผลและดูจะมุ่งเน้นการค้ามากเกินไป เพราะสุดท้ายเชื้อดื้อยานั้นจะย้อนกลับมาหาคนเราในที่สุด ประการต่อมาที่ต้องสร้างจิตสำนึกกันให้แรงขึ้น คือ บริษัทที่ขายยาสัตว์ทั้งหลาย ที่ต้องบอกพนักงานขายให้เข้าใจถึงสรพพคุณของยาอย่างมีเหตุมีผล ไม่ใช่การให้ยาอย่างครอบคลุมเกินความจำเป็นเพียงเพื่อยอดขายอย่างเดียว
       ประเด็นถัดมาพนักงานขายเองที่อาจเป็นทั้งสัตวแพทย์ สัตวบาลหรือนักวิทยาศาสตร์ จำเป็นต้องเข้าใจสภาพของสัตว์ที่ป่วยนั้น แม้จะมีบทบัญญัติว่าต่อไปการสั่งยาสัตว์ต้องเป็นสัตวแพทย์สั่งเทานั้น แต่อย่าให้เป็นเพียงเอกสารที่ทำให้ถูกต้องตามกฎหมาย เพราะนั่นเท่ากับเนการทำสิ่งที่เคยผิดให้ถูก แต่ไม่ใช่การทำสิ่งที่เคยผิดให้เปลี่ยนแปลงเป็นการทำอย่างถูกต้องและเหมาะสม เมือเป็นเช่นนี้แล้วบทบัญญัติบทลงโทษที่มีต่อสัตวแพทย์ในการสั่งยา หากเป็นการสั่งยาที่ผิดจรรยาบรรณวิชาชีพ ก็จำเป็นต้องปฎิบัติตามบทลงโทษนั้น ให้เป็นการดำเนินการที่ยั่งยืนและจริงจัง นั่นคือสภาวิชาชีพต้องกล้าดำเนินการตามจรรยาบรรณวิชาชีพ อย่าให้เป็นเพียงกระดาษที่มีข้อความบัญญัติไว้ ข้อสุดท้ายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการใช้ยาอย่างสมเหตุผลคือตัวเกษตรกรผู้เลี้ยงเองจำเป็นต้องเรียนรู้และเข้าใจผลการใช้ยาที่ไม่สมเหตุผล หรือใช้มากเกินกว่าเหตุ ทั้งนี้หน่วยงานต่างๆต้องให้ความรู้แก่เกษตรกรให้เข้าใจให้ได้
    ที่กล่าวมาเป็นเพียงเสี้ยวหนึ่งเพื่อให้การใช้ยาในสัตว์มีเหตุผลมากขึ้น เพื่อเป็นประโยชน์ต่อมนุษย์เองที่กำลังเผชิญปัญหาเชื้อดื้อยากันมากขึ้นเรื่อยๆ เราคงๆไม่อยากเห็นตัวเราหรือคนในครอบครัวเราติดเชื้อดื้อยาที่ไม่มียาตัวใดรักษาได้ และมารู้ภายหลังว่าเราเองมีส่วนในการก่อให้เกิดภาวะนั้นขึ้น ดังนั้นมาร่วมมือกันใช้ยาอย่างสมเหตุผลกันเถิด
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่