หนึ่งเงาในเกาหลี - Korea Wanderer :: แบกเป้ท่องเกาหลีด้วยมุมมองใหม่ๆ Episode 2

สวัสดีค่ะ หลังจากที่เคยตั้งกระทู้ หนึ่งเงาในเกาหลี - Korea Wanderer :: แบกเป้ท่องเกาหลีด้วยมุมมองใหม่ๆ ตอนแรก http://pantip.com/topic/34478830 ไปแล้ว วันนี้เราก็มีข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยวของประเทศเกาหลีใต้มาอัพเดทเพิ่มเติมค่ะ แต่ต้องบอกก่อนว่าข้อมูลและรูปภาพในกระทู้นี้ทั้งหมดเป็นของเพื่อนเราที่อยู่ที่เกาหลีใต้ ส่วนเรามีหน้าที่เป็นสื่อกลางนำข้อมูลดีๆ มาแชร์ต่อเท่านั้น เราหวังว่ากระทู้นี้จะเป็นประโยชน์สำหรับเพื่อนๆ ที่ชอบเดินทางและท่องเที่ยวเหมือนกับเราสองคนนะคะ ถ้าพร้อมแล้วตามเพื่อนเราไปรู้จักประเทศเกาหลีใต้ในมุมมองใหม่ๆ กันได้เลยค่ะ

1) ดูนก ตกปลา เฮฮาที่สวนสนุกบนเกาะวอลมีโด

สาบานว่ารูปที่เห็นอยู่นี้ไม่ได้ถ่ายที่สถานตากอากาศบางปูแต่อย่างใด แม้ว่าจะมีนกนางนวลเหมือนกัน ถ้าหากว่าเพื่อนๆ คนไหนนึกครึ้มอกครึ้มใจอยากจะมาเดินเล่นชิลๆ แถวริมทะเล (ซึ่งน้ำทะเลไม่ค่อยสวย แต่คนหน้าตาดี 555) ให้อาหารนกนางนวลกับมือตัวเอง ทานอาหารทะเลและเล่นเครื่องเล่นในสวนสนุกขนาดย่อม แนะนำให้มาที่นี่เลย "เกาะวอลมีโด (Wolmido Island)"

วอลมีโดเป็นเกาะเล็กๆ ที่อยู่ห่างจากชายฝั่งอินชอน (Incheon) เพียงแค่ 1 กิโลเมตรเท่านั้น สามารถเดินจากสถานีรถไฟอินชอนได้เลย หรือถ้าไม่อยากเดินก็สามารถนั่งรถบัสได้เช่นกัน บนเกาะวอลมีโดมีสวนสาธารณะขนาดใหญ่ มีภูเขาให้เดินเล่น และที่สำคัญบริเวณริมทะเลก็มีร้านอาหาร ร้านค้า และสวนสนุกขนาดเล็ก แม้ว่าจะไม่หรูหราไฮโซเท่าสวนสนุกบางแห่งในโซล แต่ก็สามารถเล่นชิลๆ ได้เช่นกัน นอกจากนี้ยังสามารถขึ้นเรือล่องชมวิวบริเวณรอบๆ ได้อีกด้วย






2) Sorae Ecology Park (소래습지생태공원)

Sorae Ecology Park เป็นพื้นที่ชุ่มน้ำที่ครั้งหนึ่งเคยทำเป็นนาเกลือจนถึงปี 1996 และได้รับการพัฒนาให้เป็นสวนสาธารณะขึ้นเมื่อปี 2009 ด้วยการอนุรักษ์พื้นที่ชุ่มน้ำ สร้างเส้นทางน้ำไหลสู่ทะเล ทำนาเกลือแบบปิด และยังปล่อยให้เป็นพื้นที่ทางธรรมชาติเพื่อเป็นแหล่งอาศัยของสัตว์น้ำและนกประจำถิ่นต่างๆ ถ้าใครสนใจพื้นที่กว้างๆ เก๋ แบบไม่ซ้ำใคร แนะนำให้มาที่นี่ เพราะนอกจากจะได้ชมธรรมชาติและยังสามารถเรียนรู้การทำเกลือจากบ่อสาธิต (ยกเว้นฤดูหนาว) ได้อีกด้วย

การเดินทาง ให้นั่งรถไฟฟ้ามาลงที่สถานี Soraepogu Station สายสีเหลืองของเมืองอินชอน (เชื่อมต่อกับระบบรถไฟฟ้าของกรุงโซล) ใช้เวลาเดินทางจากกรุงโซลประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง







3) เดินชิลไปตามแนวกำแพงกรุงโซล

หลายคนคงยังไม่ทราบว่ากรุงโซลก็มีกำแพงเมือง (คล้ายๆ กับกำแพงเมืองจีน) จริงๆ แล้วชื่อของมันคือ “ป้อมกำแพงเมืองฮันยาง” (Fortress Wall of Seoul หรือ Seoul City Wall) ฮันยางเป็นชื่อเก่าของกรุงโซล หลายคนอาจจะเคยได้ยินในละครย้อนยุค แต่เดิมแนวกำแพงนี้ถูกสร้างล้อมรอบเขตเมืองเก่าไว้ทั้งหมดเพื่อป้องการไม่ให้ศัตรูบุกรุกเข้ามาถึงเมืองชั้นในได้ สร้างขึ้นครั้งแรกเมื่อปี 1396 มีความยาวโดยรอบทั้งสิ้น 18.6 กิโลเมตร มีบางส่วนที่ผุพังตามกาลเวลา และกำลังได้รับการฟื้นฟูและเปิดให้ประชาชนทั่วไปเดินขึ้นไปเที่ยวรอบๆ ได้ แต่ก็มีบางจุดที่ได้รับการคุ้มครองขึ้นเป็นพิเศษ เพราะอยู่ใกล้กับบ้านพักประจำตำแหน่งของประธานาธิบดี (บริเวณนั้นจะอยู่บริเวณภูเขาทางด้านเหนือ เดินผ่านได้ แต่ห้ามถ่ายรูป)

ใครที่สนใจสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ลิงค์นี้เลย http://seoulcitywall.seoul.go.kr/front/eng/sub04/sub0401.do


4) พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์เรือนจำซอแดมุน (Seodaemun Prison History Museum)

เป็นพิพิธภัณฑ์ที่นำเอาอาคารต่างๆ ของเรือนจำซอแดมุน (ซอแดมุนเป็นชื่อของเขตเขตหนึ่งของกรุงโซล) มาดัดแปลงให้เป็นห้องจัดแสดงนิทรรศการ เรือนจำซอแดมุนถูกสร้างขึ้นในสมัยที่ญี่ปุ่นเข้ามายึดครองเกาหลีในช่วงปลายราชวงศ์โจซอน โดยให้เป็นคุกสำหรับขัง ทรมาน และประหารชีวิตนักโทษทางการเมือง หรือก็คือเหล่านักเคลื่อนไหวเพื่อเอกราชของเกาหลี แม้ว่าในปัจจุบันเรือนจำแห่งนี้จะไม่ได้ถูกใช้งานแล้ว แต่ทางรัฐบาลเกาหลีก็ยังดูแลรักษาไว้เป็นอย่างดีเพื่อให้ลูกหลานชาวเกาหลีใต้ระลึกถึงความเสียสละของบรรพบุรุษที่ยอมสละชีวิตตนเองเพื่อชาติ และจดจำประวัติศาสตร์อันแสนหดหู่ที่เคยเกิดขึ้น

พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ประกอบไปด้วยห้องจัดแสดงหลายส่วนซึ่งล้วนแต่เคยเป็นสถานที่จริง ทั้งห้องขัง ห้องสอบสวน ห้องทรมาน และโรงประหารชีวิต (ด้วยการแขวนคอ) ซึ่งผู้เข้าชมสามารถทดลองประสบการณ์บางอย่างได้ เช่น เข้าไปในห้องขัง และเครื่องทรมาน (บางเครื่อง ถ้าจะให้ทดลองโดนแขวนคออันนี้คงไม่เหมาะ)

ถ้าหากว่าใครสนใจท่องเที่ยวเชิงเรียนรู้เรื่องราวเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของเกาหลีแนวที่ไม่ซ้ำใคร แนะนำให้ลองมาที่นี่ นอกจากบรรยากาศที่ชวนหดหู่แล้ว สถานที่แห่งนี้ยังมีความขลังและสวยงามไปอีกแบบหนึ่ง (ถ้าจะให้ดีต้องมาช่วงฤดูหนาว บรรยากาศจะวังเวงไปอีก 10 เท่า)

วิธีการเดินทางก็ง่ายมาก เพียงนั่งรถไฟใต้ดินมาลงที่สถานีดงนิมมุน (Dongnimmun) แล้วเดินออกทางออกที่ 5 ก็จะถึงหน้าทางเข้าพิพิธภัณฑ์พอดี









5) ปั่นจักรยานเล่นที่เมืองชุนชอน

ชุนชอน (Chuncheon) เป็นเมืองหลักของจังหวัดกังวอน (Gangwon Province) ใช้เวลาเดินทางขำๆ เพียง 1 ชั่วโมงจากกรุงโซลเท่านั้น (ด้วยรถไฟความเร็วสูง) เราขอมอบฉายาให้ชุนชอนว่า “เมืองแห่งภูเขา สายน้ำ ทะเลสาบ” เพราะไม่ว่าจะมองไปทางไหน ก็จะเห็นแต่สามสิ่งนี้

ชุนชอนเป็นเมืองที่ตั้งอยู่บนที่ราบลุ่มแม่น้ำฮัน (Han River) และแม่น้ำโซยัง (Soyang River) เป็นเมืองที่ล้อมรอบไปด้วยทะเลสาบหลักๆ ได้แก่ทะเลสาบโซยัง ทะเลสาบอึยอัม และทะเลสาบชุนชอน มีอาหารที่ขึ้นชื่อประจำถิ่นที่คนไทยอย่างเราๆ รู้จักกันดีก็คือ ทักคาลบี หรือเนื้อไก่ผัดซอสพริกในกระทะใบใหญ่นั่นเอง

เราเลือกที่จะเดินทางไปยังเมืองชุนชอนด้วยรถไฟสาย ITX-Cheongchun จากสถานีช็องเนียงนี (Cheongnyangni) นั่งยังไม่ทันหลับก็ถึงสถานีชุนชอนแล้ว จากที่นั่นเรานั่งรถเมล์ไปที่เขื่อนโซยัง (Soyang Dam) เพื่อทำภาระกิจที่วางเอาไว้ ก็คือตามถ่ายรูปรูปปั้นของสาวน้อยแห่งแม่น้ำโซยัง ซึ่งเป็นคาร์แรคเตอร์ที่สร้างขึ้นมาให้เป็นสัญลักษณ์ของเมืองชุนชอน เป็นตัวละครที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเนื้อเพลงที่กล่าวถึงเด็กสาวคนหนึ่งที่อาศัยอยู่ริมแม่น้ำโซยังที่เฝ้ารอคอยการกลับมาของคนรักอยู่ทุกวัน ถ้าเป็นที่ไทยก็คงเทียบได้กับเพลง “คอยพี่ที่ห้วย” (ไม่รู้จักล่ะสิ ลองหามาฟังดูนะ มันมีจริงๆ 555) หรือใครจะทำมิชชั่นตามถ่ายรูปสาวน้อยแห่งแม่น้ำโซยังแบบเราก็สนุกดี ใบ้ให้เลยว่ามีทั้งหมด 4 ตัว

เมื่อเสร็จภาระกิจที่เขื่อนก็นั่งรถกลับมาที่สถานีชุนชอนเหมือนเดิมเพื่อเช่าจักรยานปั่นรอบทะเลสาบอึยอัม สนนค่าเช่าชั่วโมงละ 3,000 วอนเหมือนที่อื่นๆ แต่เราเลือกเช่าแบบ 4 ชั่วโมง ซึ่งคิดราคา 9,000 วอน ขอบอกว่าทางจักรยานเลียบทะเลสาบนั้นดีมาก และก็กินระยะทางไกลมากเช่นกัน (จะให้ปั่นให้ครบรอบใหญ่จริงๆ 4 ชั่วโมงก็ไม่พอ เพราะกว่าจะแวะถ่ายรูปนั่นนี่ แวะกินข้าวอีก) เราปั่นได้ประมาณ 1/3 ไป-กลับก็ 22 กิโลแล้ว ทริปนี้เป็นอีกทริปหนึ่งที่แนะนำ เพราะสามารถเดินทางไปกลับได้ภายในวันเดียว เผื่อใครอยากออกนอกโซล แต่ไม่รู้ว่าจะไปไหนก็อยากให้ลองไปดู ;)














แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่