หนึ่งเงาในเกาหลี - Korea Wanderer :: แบกเป้ท่องเกาหลีด้วยมุมมองใหม่ๆ

สวัสดีค่ะ เห็นหลายคนขอยืม account ของเพื่อนมาตั้งกระทู้ แต่กระทู้นี้ของเรากลับกันค่ะ account พันทิปเป็นของเรา แต่เราขอเนื้อหาแล้วก็รูปของเพื่อนมาโพสต์ เพราะเห็นว่ามีประโยชน์สำหรับคนที่วางแผนจะไปเที่ยวประเทศเกาหลี แต่เพื่อนเราดันไม่มี account พันทิปซะอย่างงั้น เพื่อนเราอยู่ที่นู่นมาหลายปีก็เลยมีข้อมูลอยู่สมควร บางทีข้อมูลและรูปสวยๆ ในกระทู้นี้อาจจะทำให้หลายคนได้เห็นประเทศเกาหลีในมุมมองใหม่ๆ

(ป.ล. นอกจากข้อความข้างบนแล้ว ข้อมูลและรูปสวยๆ ที่จะเห็นต่อไปนี้เป็นของเพื่อนเราทั้งหมด ^^)

1. พระราชวังคย็องบก (Gyeongbokgung Palace)

พระราชวังคย็องบก เป็นวังที่ใหญ่ที่สุดในบรรดา 5 วังในกรุงโซล สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1394 และเป็นพระราชวังหลักที่ใช้ประทับว่าราชการของกษัตริย์ราชวงศ์โจซอนมาโดยตลอด เดิมทีมีกว่า 200 อาคาร แต่โดนเผาและทุบทำลายไปเป็นจำนวนมากโดยกองทัพญี่ปุ่นเมื่อปี ค.ศ. 1592 ปัจจุบันได้รับการบูรณะขึ้นใหม่โดยใช้ชิ้นส่วนของอาคารเดิมที่หลงเหลืออยู่เข้ากับวัสดุใหม่

การเดินทางนั้นง่ายมาก เพียงนั่งรถไฟฟ้ามาลงที่สถานี Gyeongbokgung สาย 3 หรือ Gwanghwamun สาย 5

ค่าเข้าชม : 3,000 วอน

*** ปิดทุกวันอังคาร ส่วนเวลาปิดเปิดนั้น จะไม่เหมือนกันตามแต่ฤดู (ฤดูหนาวจะปิดเร็วกว่า เพราะมืดเร็ว)






2. กำแพงรอบตำหนักจากย็องจอน (Jagyeongjeon Chamber)

ตำหนักจากย็องจอนเป็นหนึ่งในอาคารที่อยู่ในพระราชวังกย็องบก สร้างขึ้นเพื่อให้เป็นที่ประทับของพระพันปีหลวง (แม่ของกษัตริย์) เคยถูกไฟไหม้จนหมด และได้รับการสร้างขึ้นมาใหม่เมื่อปี ค.ศ.1888 ภายหลังได้รับการประกาศให้เป็นสมบัติแห่งชาติลำดับที่ 809 ของเกาหลี จุดเด่นของตำหนักนี้ก็คือกำแพงที่มีลวดลายสวยงาม ซึ่งแตกต่างจากตำหนักอื่นๆ ในพระราชวังเดียวกัน


3. ปากน้ำโพแห่งโซลบุรี (จุดที่สายน้ำบรรจบกัน)

หลายคนคงเคยได้ยินชื่อคลองช็องเกชอน (Cheonggyecheon) จริงๆ ในภาษาเกาหลีมันไม่ได้เรียกว่าคลอง มันคือ "แม่น้ำสายย่อมๆ (ชอน = 천[川])" ช็องเกชอนดังเพราะหนังเรื่อง "กวนมึนโฮ" (ฉากที่นางเอกโดนแฟนทิ้ง) เป็นคลองที่ถูกบูรณะขึ้นมาใหม่หลังจากที่โดนสร้างสะพานคร่อมทับอยู่หลายปี ถ้าเดินเลียบคลองนี้ไปเรื่อยๆ ประมาณ 8 กิโลเมตรก็จะเจอจุดรวมกับคลองอีกสายหนึ่งที่ไม่ค่อยดัง ชื่อว่า จุงนังชอน (Jungnangcheon) เดินลงมาอีกสักพักนึงก็จะเจอจุดที่คลองทั้งสองไหลลงแม่น้ำฮัน (Hangang หรือ Han River) ซึ่งเป็นแม่น้ำสายหลักที่ไหลตัดผ่านกลางกรุงโซล นับว่าเป็นตำบลปากน้ำโพแห่งโซลบุรีแห่งนี้นี่เอง

ภาพนี้ถ่ายบนยอดเขาชื่อ อึงบงซาน (Eungbongsan) ใครที่สนใจสามารถนั่งรถไฟฟ้าสาย จุงอัง (Jungang Line) มาลงที่สถานีอึงบง (Eungbong Station) แล้วเดินตามป้ายไปเรื่อยๆ เขาลูกนี้นับว่าเบบี๋มาก เดินไม่ถึง 20 นาทีก็ถึงยอดแล้ว (อย่าเรียกว่าเขาเลย เรียกเนินดีกว่า)


4. เอาเท้าจุ่มน้ำที่ช็องเกชอน (Cheonggyecheon)

แต่เดิมแล้วช็องเกชอนเป็นคลองธรรมชาติที่ไหลผ่านเขตเมืองเก่าของกรุงโซล แต่แล้วธรรมชาตินั้นก็ถูกมนุษย์รุกราน หากใครนึกภาพไม่ออกว่าสภาพของคลองนี้ในอดีตเป็นอย่างไร ให้นึกถึงคลองแสนแสบของบ้านเราเป็นที่ตั้งแล้วบวกความเสื่อมโทรมไปอีก 10 เท่า แถมสมัยหนึ่งยังมีการสร้างถนนทับคลองให้รถวิ่งอีกด้วย

จนถึงปี 2003 ทางรัฐบาลเกาหลีจึงมีแนวคิดที่จะปฏิรูปคลองนี้ และสร้างให้เป็นสวนสาธารณะให้ชาวกรุงโซลได้มาพักผ่อนหย่อนใจ จึงทำการรื้อถนนและขยายพื้นที่ของคลองออก และสร้างระบบเดินน้ำใหม่ โดยการนำน้ำจากแม่น้ำฮันมากรองและปล่อยลงที่ต้นคลองให้ไหลตลอดความยาว 10.84 กม. และไหลลงแม่น้ำฮันเป็นลูปไป จากคลองเน่าๆ ที่แห้งขอดในหน้าแล้ง ก็กลายเป็นแม่น้ำสวยๆ ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาโยนเหรียญอธิษฐานกันที่ต้นคลองอย่างในปัจจุบัน


5. อนุสรณ์สถานแห่งสงครามเกาหลี (The War Memorial of Korea)

อนุสรณ์สถานแห่งสงครามเกาหลี (The War Memorial of Korea) เป็นพิพิธภัณฑ์ที่สร้างขึ้นเพื่อให้คนรุ่นหลังรำลึกถึงความเสียสละของเหล่าทหารที่จากไปในระหว่างสงครามเกาหลี หลายคนคงอาจไม่รู้ว่าเหตุผลที่คนไทยสามารถเดินทางมาท่องเที่ยวที่เกาหลีใต้ได้นาน 90 วันโดยไม่ต้องขอวีซ่า เป็นเพราะรัฐบาลเกาหลีต้องการตอบแทนทางฝั่งไทยที่ส่งทหารมาร่วมรบในสงครามนี้

นอกจากสงครามเกาหลีแล้ว ที่นี่ก็ยังมีห้องจัดแสดงประวัติศาสตร์ของสงครามที่เกิดขึ้นบนคาบสมุทรเกาหลีตลอด 5,000 ปีที่ผ่านมาอีกด้วย ใครสนใจมาเที่ยวก็ไม่ยากเลย แค่ขึ้นรถไฟฟ้ามาลงที่สถานีซัมกักจี (Samgakji Station) และออกทางออกที่ 12


6. สวนกุหลาบที่ Dongdaemun Design Plaza (DDP)

ดอกกุหลาบไฟ LED จำนวน 25,550 ดอกได้ถูกนำมาจัดแสดงเพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งการฉลองครบรอบ 70 ปีที่เกาหลีประกาศเอกราชจากการยึดครองของญี่ปุ่น (365 วัน X 70 ปี = 25,550 ดอก) เปิดไฟทุกวันตั้งแต่เวลา 1 ทุ่ม จนถึง 4 ทุ่ม (แต่เคยไปมา 5 ทุ่มแล้วก็ยังเปิดอยู่นะ)

อันนี้ขอแนะนำว่า ถ้าใครไม่มีเวลา ให้มาดูตอนกลางวันก็จะได้อีกบรรยากาศหนึ่ง สวยไปอีกแบบ

ใครที่สนใจให้นั่งรถไฟฟ้ามาลงที่สถานี Dongdaemun History & Culture Park Station แล้วเดินออกมาทาง Dongdaemun Design Plaza (DDP) ได้เลย หาง่ายมากๆ อ้อ ... มีจนถึงวันที่ 29 ก.พ. ปี 2016 เท่านั้นนะ


7. วัดบงวอนซา (Bongwonsa Temple)

วัดบงวอนซา เป็นวัดหลักของศาสนาพุทธนิกายแทโก (Taego Order) ในเกาหลี (ที่เกาหลีมีศาสนาพุทธหลักๆ อยู่ 2 นิกาย) พระสงฆ์นิกายนี้สามารถแต่งงานได้ วัดบงวอนซาตั้งอยู่บริเวณทางขึ้นเขาอันซาน (Ansan Mountain) ซึ่งใกล้ๆ กับมหาวิทยาลัยยอนเซ (Yonsei University)

วิธีมาก็ไม่ยาก (แต่ต้องเดินเก็บเลเวลกันนิดส์) ให้นั่งรถไฟฟ้ามาลงที่สถานีชินชน (Shinchon Station) แล้วเดินไปทางมหาวิทยาลัยยอนเซ ลัดเขาและออกประตูด้านตะวันออกของมหาวิทยาลัย (East Gate) แล้วเลี้ยวซ้ายเดินขึ้นเนินไปเรื่อยๆ เสียเหงื่อสักนิดก็ถึงแล้ว

ถ้าใครอยากดูดอกบัวให้มาช่วงฤดูร้อน (กลางกรกฎาคม - สิงหาคม)


8. พระราชวังชังด็อก (Changdeokgung Palace)

อินจ็องจอน (Injeongjeon) คือชื่อของพระที่นั่งหลักที่อยู่ในพระราชวังชังด็อก อีกวังหนึ่งที่อยู่ในเมืองเก่าของกรุงโซล วังแห่งนี้ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของพระราชวังคย็องบก ผู้คนจึงเรียกพระราชวังแห่งนี้ว่าพระราชวังตะวันออก

เกาหลีโดนญี่ปุ่นรุกรานมา 2 ครั้งใหญ่ (จริงๆ ก็มีอยู่เรื่อยมา) ก็คือช่วงสมัยต้นราชวงศ์โชซอน (โดยขุนศึกญี่ปุ่น โทะโยะโตะมิ ฮิเดะโยะชิ) และสมัยช่วงก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 แค่ครั้งแรกกองทัพญี่ปุ่นก็ได้เข้ามาเผาทำลายวังต่างๆ ในโซลเกือบทั้งหมดรวมทั้งพระราชวังชังด็อกด้วย เมื่อสงครามสงบ พระราชวังชังด็อกก็ได้รับการบูรณะขึ้นมาใหม่แล้วใช้เป็นที่ว่าราชการของกษัตริย์ในระหว่างที่ทำการบูรณะพระราชวังคย็องบก

สิ่งที่เป็น The Must ของการมาเที่ยววังนี้ก็คือสวนลับ (Secret Garden) นั่นเอง

การเดินทางมาที่วังนี้ ให้ขึ้นรถไฟฟ้ามาลงที่สถานีอันกุก (Anguk Station) แล้วเดินออกทางออกที่ 2 แล้วตรงไปอีกประมาณ 300 เมตร


9. สวนดอกไม้ที่ Olympic Park

Olympic Park สวนที่มีอะไรให้ดูมากกว่าต้นไม้ เพราะว่าเป็นเขตเมืองโบราณของอาณาจักรแพ็กเจ มีทั้งแนวกำแพงเมืองและพิพิธภัณฑ์ ใครสนใจมาเที่ยวที่นี่ให้นั่งรถไฟฟ้ามาลงที่สถานี Olympic Park Station เดินออกทางออกที่ 3 แล้วเดินตรงไปเรื่อยๆ จะเจอสวนกุหลาบและทุ่งดอกไม้

(รูปที่เห็นนี้เป็นรูปที่ถ่ายช่วงเดือนกันยายน)




10. สวนฮานึล (Haneul Park)

สวนฮานึล หรือเรียกอีกชื่อว่า Sky Park (“ฮานึล” ในภาษาเกาหลีแปลว่า “ท้องฟ้า”) เป็นหนึ่งในสวนสาธารณะทั้ง 5 ที่เรียกรวมกันว่าสวนเวิร์ลคัพ (World Cup Park)

สวนนี้สร้างขึ้นในโอกาสที่เกาหลีและญี่ปุ่นได้เป็นเจ้าภาพร่วมในการแข่งขันฟุตบอลโลกเมื่อปี 2002 โดยพื้นที่ตั้งของสวนทั้งหมดนี้เคยเป็นกองภูเขาขยะที่ไม่สามารถกำจัดได้ทันเนื่องจากการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วของกรุงโซล ลองนึกภาพว่าตรงนั้นเคยเป็นกองขยะที่มีปริมาณมากถึง 92 ล้านตัน และใช้เวลากว่า 6 ปีในการปรับปรุงพื้นที่ตรงนี้ขึ้นมา ปัจจุบันบริเวณนี้ถูกสร้างให้เป็นสวนที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และยังสามารถผลิตก๊าซที่เกิดจากการหมักหมมของขยะที่ถูกฝังอยู่เพื่อนำมาใช้ประโยชน์ต่อไปได้อีกด้วย

สวนฮานึลมีชื่อเสียงเนื่องจากอยู่บนภูเขา (ที่เกิดจากการถมกองขยะนั่นแหละ) สามารถเห็นวิวแม่น้ำฮันและวิวกรุงโซลฝั่งตะวันตกได้ นอกจากนี้ ในฤดูใบไม้ร่วงของทุกปียังมีเทศกาลหญ้ามิสแคนทัส (ภาษาเกาหลีเรียกว่า “อ็อกแซ, 억새”) ที่จะบานสะพรั่งปลิวไสวไปตามลมหนาว เป็นวิวที่สวยและแปลกตาไปอีกแบบ



แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่