พระพุทธศาสนาในไต้หวัน ep.2 : คนพุทธในไต้หวันมีเท่าไหร่กันแน่?

ความเดิมจากตอนที่แล้ว-=>>>    http://pantip.com/topic/34879641




    มา ๆ ๆ กำลังร้อน ๆ เลยครับ กินไปคุยไปดีกว่า
เอ๊า! ผมก็ลืมบอกคุณว่าอย่าเพิ่งรีบทานเร็ว ลวกปากเลยไหมล่ะครับ
ซาลาเปาลูกน้อย ๆ ที่เห็นเนี่ย เขาเรียกว่า เสี่ยวหลงเปา(小籠包)
ถ้าแปลตรงตัวก็แปลว่า “ซาลาเปาเข่งน้อย” ล่ะครับ
พอกัดแป้งนุ่ม ๆ ของเสี่ยวหลงเปาปุ๊บ
น้ำซุปร้อน ๆ ที่อยู่ข้างในจะไหลพรั่งพรูออกมา
พอผสมผสานกับรสชาติหมูสับข้างในด้วยแล้วละก็
เป็นรสชาติที่กลมกล่อม ยิ่งจิ้มกับซีอิ๊วและขิง ที่เตรียมไว้ให้ด้วยละก็....

อย่าเพิ่งเข้าใจผิดนะครับ กระทู้นี้ไม่ใช่กระทู้รีวิวอาหารไต้หวันแต่อย่างใด
แต่เรากำลังพูดคุยกันถึงเรื่องพระพุทธศาสนาในไต้หวันอยู่  
แต่ก็เกรงว่าท่านผู้อ่านจะหิว
ก็เลยทำให้หิวมากกว่าเดิม (เป็นความโหดร้ายของเจ้าของกระทู้โดยแท้เทียว)

เมื่อตอนที่แล้ว ได้เกริ่นไว้ในช่วงท้ายตอนว่า
จะพาทุกท่านไปชมจตุรบรรพตรุ่นใหม่ของไต้หวัน
แต่ผมคิดดูแล้ว ผมควรจะให้ท่านผู้อ่าน
ได้เห็นภาพรวมของชาวพุทธในไต้หวันสักนิดก่อนน่าจะดี
เราจะก้าวไปกันอย่างช้า ๆ แต่จะก้าวไปอย่างมั่นคงนะครับ (ขอแอบคมหน่อย)



ชาวพุทธในไต้หวันมีเท่าไหร่ ?
ผมว่าหลาย ๆ ท่านคงมีคำถามนี้ในใจ
ชาวพุทธในไต้หวันมีประมาณ 5.5 ล้านคน
หรือประมาณ 24 เปอร์เซ็นต์ ของประชากรทั้งหมด
แต่ในจำนวนนี้ก็เป็นชาวพุทธที่มีความเชื่อหลากหลายมารวมกัน
เช่น บางคนอาจจะทั้งนับถือพุทธ เต๋า และความเชื่อพื้นบ้านไปด้วยกัน

ผมเคยหอบเอาความอยากรู้ไปถามคนไต้หวัน
ที่เป็นชาวพุทธที่ศรัทธาในพระพุทธศาสนามาก ๆ คนหนึ่ง
ผมถามเขาว่า
“ พี่ ๆ ผมถามหน่อย เวลาญาติของพี่เสียไป
ถ้าเป็นความเชื่อแบบพระพุทธศาสนา
ผู้ตายก็จะไปตามที่ ๆ ควรแก่กรรมของตนเอง
พี่ก็อุทิศส่วนกุศลให้เขาด้วยการทำบุญต่าง ๆ  
แต่ขณะเดียวกัน
พี่ก็ไหว้ป้ายบรรพบุรุษตามความเชื่อของเต๋าด้วย
พี่คิดว่า บรรพบุรษยังอยู่ที่ป้ายชื่อนั้นใช่ไหมครับ”

เขาพยักหน้าตอบรับ  
ผมก็ถามต่อว่า

“แล้วพี่คิดว่าญาติพี่ที่เสียไปเนี่ย ไปไหนกันแน่ ไปเกิดตามกรรม หรืออยู่ที่ป้าย?”
พี่คนนี้ยิ้ม แล้วก็ตอบผมว่า “ก็ไม่รู้เหมือนกัน”



ผมสันนิษฐานว่า
น่าจะเป็นสิ่งที่พี่คนนั้น
เขาสืบทอดความเชื่อมาตั้งแต่สมัยปู่ ย่า ตา ยาย
แล้วก็คงเผื่อกันเหนียวไว้ด้วย
ประมาณว่าอย่างหนึ่งไม่ถูก
อีกอย่างหนึ่งก็น่าจะถูกกระมัง ?
    
ความเชื่อที่หลากหลาย ไม่ได้อยู่แค่ในบ้าน
ไม่ได้อยู่เพียงแค่ในใจของแต่ละคนเท่านั้น
แต่ว่ายังมีให้เห็นได้
ในสถานที่สำคัญของศาสนาหนึ่ง ๆ
ก็ยังมีความเชื่อของอีกศาสนาหนึ่ง เข้าไปรวมอยู่ด้วย
จนบางทีดูเหมือนจะแยกไม่ออกเสียแล้ว

ดังนั้นกระทู้นี้ ผมพาทุกท่านไปชม
สิ่งที่ผมพูดไปข้างต้นดีกว่า
ว่าหน้าตามันเป็นยังไง ไปกันครับ
วันนี้ผมจะพาท่านไปที่ศาลเจ้าที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานเกือบ 300 ปี
นามว่า “ศาลเจ้าเจิ้นหลัน鎮瀾宮”



ศาลเจ้าเจิ้นหลัน ตั้งอยู่ในเขตไถจง ภาคกลางของไต้หวัน
โดยก่อนที่จะเข้าไปศาลเจ้า มีอะไรที่สะดุดตาทำให้ผมตัดสินใจอยู่ว่า
ผมควรจะเข้าไปดูก่อนไหม หรือเข้าไปศาลเจ้าเลยดี
มันไม่ใช่อะไรที่เป็นสิ่งแปลกประหลาดหรอกครับ
แต่มันทำให้ผม...หิว



ท่านผู้อ่านอย่าเพิ่งต่อว่าผมครับ
ว่าผมแกล้งหาของอร่อยมากระตุ้นให้ทุกท่านอยากลองชิมอีกแล้ว
แต่ก็อย่างว่าล่ะครับ มันอร่อยจริง ๆ นะ

มาเข้าเรื่องกันดีกว่า พอผมเดินเข้าไปในเขตศาลเจ้า
ผมพบว่าหน้าประตู ทั้งสองข้างมีสถาปัตยกรรมคล้าย ๆ เห็นหอสูงขึ้นมา
ชาวไต้หวันบอกผมว่า นี่คือที่เผากระดาษเงิน กระดาษทอง
คือ ไหน ๆ ก็เชื่อกันด้านนี้เต็มที่แล้ว
ก็เตรียมที่เผาให้เสร็จสรรพกันไปเลย



แล้วท่านทราบกันไหมครับว่า เขาเผากระดาษเงิน ทอง กันไปทำไม ?
ผมว่าร้องทั้งร้อยจะบอกว่า ก็เผาให้บรรพบุรษที่ล่วงลับไปแล้วสิ
ถูกต้องครับ แต่มีเหตุผลอีกประการหนึ่ง ที่หลายท่านน่าจะยังไม่ทราบกัน
คือ บางคนกำลังประสบปัญหาด้านการเงิน
ก็จะมาเผากระดาษเงิน ทอง เผาถวายให้เทพเจ้า
เพื่อที่พอเทพเจ้ายินดีปรีดาแล้ว
จะได้ทำให้ตนเองร่ำรวยขึ้นมาด้วย !
แถมบางคนก็ยังมีความเชื่อว่า
ถ้าเขียนความผิดของตนเองลงในกระดาษทอง
เผาให้เรียบ บาปก็หายไป
ดุจกระดาษทองที่กลายเป็นเถ้าฉันนั้น!



เหลือบไปทางซ้าย ของทางเข้าประตู
เห็นตุ๊กตาตัวใหญ่ ถือกล่องใส รอรับบริจาคอยู่
สิ่งที่เขาใส่ในกล่องนั้น ไม่ใช่เงินนะครับ
แต่เป็นใบเสร็จที่ได้จากการซื้อของ
ซึ่งโดยส่วนใหญ่ ในใบเสร็จนั้นจะมีหมายเลขคล้าย ๆ ล็อตเตอรี่
สามารถเอามาตรวจ ถ้าถูกก็ไปรับเงินได้
บางคนก็ชอบบริจาคให้หน่วยงานการกุศล
บางคนก็ชอบบริจาคให้เทพนี่ล่ะครับ



สไตล์การออกแบบศาลเจ้าของไต้หวัน ดูขลัง และน่าเกรงขาม
ตั้งแต่ทางเข้า จนถึงทางออก ประตูมีมังกร มีสิงโต มีเทพเจ้าอารักขาประตูอยู่ด้วย


พอผมเดินเข้ามาในศาลเจ้านี้
ผมพบว่าควันธูปในนี้เยอะจริง ๆ มีคนทุกวัยทั้ง
วัยชรา วัยกลางคน และวัยรุ่น
ถือธูปด้วยความตั้งใจ และไหว้ขอพรเทพเจ้าที่ตนศรัทธา



สำหรับในศาลเจ้าเจิ้นหลันนี้
มีเทพเจ้าหลักที่คนไปไหว้กัน ชื่อว่า หมาจู่ 馬祖
ซึ่งเป็นเทพที่มีชื่อเสียงด้านคุ้มครองคนเดินทะเล
คนไทยจะเรียกชื่อเทพองค์นี้ว่า “เจ้าแม่ทับทิม”
โดยเจ้าแม่ทับทิมจะมีเทพหูทิพย์ และเทพตาทิพย์ เป็นบริวารอารักขาซ้ายขวา
และเวลาจะเดินทางไปไหน ก็จะมีขบวนบริวารติดตามไปด้วยเสมอ


เจ้าแม่ทับทิม



เทพหูทิพย์ และเทพตาทิพย์



เทพบริวารของเจ้าแม่ทับทิม


แต่ที่ผมอยากให้ดูเนี่ย ทางนี้เลย  
รับรองถ้าผมไม่บอก คุณต้องไม่รู้แน่ว่า รูปปั้นนี้คือรูปปั้นอะไร
เหมือนกับที่ถ้าคนไต้หวัน ไม่บอกผม ผมก็คงไม่รู้เหมือนกัน
รูปปั้นนี้คือ


เจ้าแม่กวนอิม

ในพระพุทธศาสนาเถรวาทบ้านเรา
จริง ๆ แล้วไม่ได้มีกล่าวถึงเจ้าแม่กวนอิมหรอกครับ
แต่ว่าในพระพุทธศาสนามหายาน เขานับถือกันมาก
ถือว่าเป็นพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ ที่แบ่งภาคมาโปรดสรรพสัตว์
ซึ่งการที่รูปปั้นองค์เจ้าแม่กวนอิม มาอยู่ในศาลเจ้านี้ถือว่าเป็นลักษณะพิเศษ
เพราะมีความเชื่อของลัทธิเต๋า ผสมผสานกับพระพุทธศาสนามหายานได้เนียนทีเดียว
รูปปั้นของเทพเต๋า กับ เจ้าแม่กวนอิม ดูคล้ายกันจนเหมือนเสื้อที่ไร้ตะเข็บ

เดินมาทางนี้อีกนิดครับ ส่วนองค์นี้เป็น พระกษิติครรภโพธิสัตว์ 地藏王菩薩
ผมเดาว่าคุณน่าจะอ่านออกเสียงไม่ถูกแน่ แถมคำอ่านให้ครับ
นักเรียนว่าพร้อมกัน “พระ-กะ-สิ-ติ-คับ-พะ-โพ-ทิ-สัด”



พระโพธิสัตว์องค์นี้ก็ เป็นหนึ่งในความเชื่อมหายานเหมือนกันครับ
เขาเชื่อกันว่าเป็นพระโพธิสัตว์ที่มีมโนปณิธานว่า
“ถ้าสรรพสัตว์ทั้งหมดยังไม่หลุดพ้น ข้าจะยังไม่เป็นพระพุทธเจ้า”
ความหมายก็คือ ท่านอธิษฐานขอเป็นพระพุทธเจ้าองค์สุดท้าย
จะโปรดสรรพสัตว์ให้บรรลุธรรมไปให้หมดก่อน ตนเองจึงจะหลุดพ้นไปด้วย
รูปปั้นนี้ก็เป็นอีกหนึ่งตัวอย่าง ที่นำเต๋า กับพุทธมหายานมารวมกัน

พอไปสืบค้นเข้าจริง ๆ ที่ศาลเจ้านี้มีหลากหลายความเชื่อมารวมกัน
ก็เพราะว่าผู้สร้างนั้น
อยากจะให้มีหลากหลายเทพ
จากหลากหลายความเชื่อ
มาช่วยกันปกปักษ์รักษาชาวเมือง
จึงได้ปรากฏรูปปั้นเทพมากมาย
อยู่ในศาลเจ้าเดียวกันอย่างที่เห็นนี่ล่ะครับ

ชาวพุทธในไต้หวันประมาณ 24 เปอร์เซ็นต์
ของประชากรทั้งหมดที่ผมได้เล่าไว้ตอนแรก
ก็เป็นอย่างนี้ซะส่วนใหญ่เลยล่ะครับ
แต่ความเข้มข้นในศรัทธาในแต่ละความเชื่อ
ของแต่ละคนก็แตกต่างกันไป
เช่น คนนี้พุทธข้น ผสมเต๋า คนนี้ความเชื่อพื้นบ้านข้น ผสมพุทธ  
จึงยากที่จะระบุได้ว่า ชาวพุทธที่มีความเชื่อในพระพุทธศาสนา pure ๆ นั้นมีเท่าไหร่กันแน่?  
แต่ถ้าพูดถึงศรัทธาในศาสนาแล้วละก็ ไต้หวันไม่เป็นรองที่อื่นแน่ครับ

ผมขอปิดท้ายกระทู้นี้
ด้วยภาพการเดินแห่เจ้าแม่ทับทิมประจำปีข้ามจังหวัด ของศาลเจ้าเจิ้นหลัน
ว่าพลังศรัทธาของชาวไต้หวันที่ผมว่าไว้ มันหน้าตาเป็นยังไง !




แล้วพบกันใหม่ตอนต่อไปครับ ไจ้เจี้ยน 再見!

ติดตามพระพุทธศาสนาในไต้หวัน ep.3 ได้ที่ http://pantip.com/topic/34934749
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่