ออกตัวก่อนนะครับว่า เป็นกระทู้แรก ของ จขกท หลังจากได้อ่านเรื่องของคนอื่นมานาน อาจมีขาดตกบกพร่องบ้างต้องขออภัย
จุดเริ่มต้นของเรื่องเลยก็คือว่า เราเปิดดูรายการ Let me in รายการศัลยกรรมชื่อดังของเกาหลี(หลายคนน่าจะรู้จักกันดี เพราะตอนนี้ มีเวอร์ชั่นที่ทำศัลยกรรมให้คนไทย หลายคนแล้ว) แล้วส่งให้รุ่นน้องที่สนิทกัน (ขอเรียกชื่อรุ่นน้องว่า "น้อง") น้องดูแล้วชอบมาก นางบอกนางอยากทำ ปกตินางก็ทำบ้างนิดๆหน่อยๆ ตลอดอยู่แล้ว ประมาณว่า พอว่างก็เติมโน่นนิดเติมนี่หน่อย
หลังจากนั้นเราก็เริ่มหาข้อมูล เกี่ยวกับคลีนิค ที่เกาหลี แล้วก็มาลงตัวที่หมอปาร์ค Id hospital แล้วก็ติดต่อผ่านทางเฟสบุ๊คของ รพ. admin ชื่อ คุณแก้ว สาวเกาหลี ที่เคยทำงานในประเทศไทย (พูด อ่าน เขียน ภาษาไทย คล่องมาก) คุณแก้ว น่ารักมาก ให้คำปรึกษาแบบใจเย็นสุดๆตอบทุกคำถาม จนเราเกรงใจ เพราะเราอยากรู้หลายเรื่อง แล้วก็จองคิว คุณหมอ เพื่อปรึกษา หลังจากนั้นก็ทำการจองตั๋วเครื่องบิน พอเล่าให้เพื่อนๆฟัง ก็มีคนอยากไปด้วยอีก สองคน นางอยากทำเหมือนกัน
แล้วเราทั้งสี่คนก็มาถึงเกาหลี วันที่7 ก.ค.2014 ก็เอากระเป๋า ไปฝากที่โรงแรม แล้วนั่งรถไฟใต้ดิน ไปรพ. เลย เนื่องจากเราไปถึงก่อนเวลา เลยนั่งคุยกับคุณแก้ว พร้อมกับกรอกประวัติ การทำศัลยกรรมที่ผ่านมา พอได้เวลานัด ก็ขึ้นไปคุยกับคุณหมอ พร้อมกัน สองคน เลย (ตอนคุยเราไม่ได้ เข้าไปด้วย) สรุปคุณหมอทำให้แค่คนเดียว เพราะอีกคนคุณหมอว่าสวยอยู่แล้ว ไม่ต้องทำอะไร ถ้าอยากทำคุณหมอ จะแก้จมูกให้ แต่ว่าเพื่อนเราไม่อยากทำ มาถึง คุณน้อง นางพอใจ มาตรฐาน ของโรงพยาบาล และค่อนข้างพอใจกับคำปรึกษา จึงตกลง ทำศัลยกรรมที่นี่ หลังจากจ่ายค่ามัดจำ เพื่อทำการจองวันผ่าตัด แล้ว คุณหมอก็จับตรวจร่างกายเลย เพื่อดูความพร้อม คุณหมอบอกว่า ตรวจไว้เลย วันผ่าตัดจะได้ทำได้เลย (เราพลาดตรงนี้ ที่วันผ่าไม่ตรวจร่างกายอีกรอบ)ได้คิวผ่าตัด 21 ก.ย. 2014
แล้ววันนัดก็มาถึง เราสองคนไปถึงเกาหลี วันที่ 20ก.ย.2014 ช่วงเย็น มีรถของ รพ. มารับ เรากับน้องไปส่งที่ รพ. เพื่อวางแผนผ่าตัดอีกรอบ รอบนี้เราเข้าไปนั่งฟังด้วย ได้ถ่ายคลิป ระหว่างคุยไว้ด้วย การผ่าตัดหลัก จะมีคุณหมอสองคน หมอปาร์ค ดูแลเรื่องการตัดโหนกแก้ม+ทำวีไลน์ ส่วนคุณหมอคิม ทำจมูก การพูดคุยส่วนใหญ่ก็จะเป็นแผนการผ่าตัดคร่าวๆ คุณหมอคุยไปเราก็ถ่ายรูปไป คุณหมอก็แซวว่าจะเอาไปรีวิวเหรอ แล้วก็คุยกับน้องต่อ
หลังจากคุยเรียบร้อยแล้ว รถของ รพ. ก็มาส่งเราสองคนที่โรงแรม ซึ่งทางรพ. จ่ายให้ สิบวัน แล้วเราออกเองห้าวัน จริงๆแล้ว ถ้าคนไข้มาคนเดียว ก็จะได้ โรงแรมห้องเดี่ยว ฟรีทั้ง15วัน แต่เราขอเปลี่ยน เป็นห่องใหญ่เลยได้งบแค่สิบวัน
วันรุ่งขึ้น รถจาก รพ. ก็มารับไป รพ. เพื่อทำการผ่าตัดใช้เวลาประมาณ7-8ชั่วโมง ระหว่างรอเราก็ไปเดินเล่น ชิวๆ
เรากลับมา รพ. อีกครั้ง ตอนสองทุ่ม เพื่อดูอาการน้อง ที่มีผ้าพันแผลพันทั้งหน้า และ หู นางอยากกินน้ำมากแต่หมอ ห้ามเด็ดขาด ต้องรอให้ยาสลบ ถูกขับออกจากปอดให้หมดก่อน ไม่อย่างนั้น อาการ จะแย่มาก แต่น้องไม่ยอม นางขอจนพยาบาล ยอมให้นางบ้วนปากได้เบาๆ (ในปากมีท่อสองเส้นเพื่อดูดเลือดเสียออก)
หมอให้นอน รพ. 1คืน พยาบาลบอกว่า นาง งอแงทั้งคืน วันรุ่งขึ้นก็กลับมาพักฟื้น ที่ โรงแรม คุณหมอจัดยาให้เยอะมาก ทั้งยาบ้วนปาก ยากิน 3เวลา ยาทาเฉพาะจุด ผ้ารัดหน้า ประคบร้อน ประคบเย็น ตอนถึงก้อง น้องบอกว่า ตามปกติ ประจำเดือนต้องมาแล้ว แต่ ยังไม่มาเลย เตรียมผ้าอนามัย ทุกวัน จนวันกลับก็ยังไม่มา ก็ไม่ได้เอะใจอะไร คิดว่าอาจเป็นเพราะผ่าตัดก็เลยมาช้า
หลังจากกลับมาพักฟื้นที่เมืองไทยต่ออีกเป็นเดือน ประจำเดือนก็ยังไม่มา เลยตัดสินใจไปตรวจ สุขภาพที่ รพ.กรุงเทพ วันที่4พ.ย.2014 หมอบอกว่า ท้องได้สามเดือนแล้ว เท่ากับว่า ตอนที่ผ่าตัด นางก็ท้องอยู่แล้ว
ตอนที่รู้ว่าน้องท้อง ยอมรับว่าช็อก และเครียดมาก ทำอะไรไม่ถูกเลย กลัวลูกเค้าเป็นอะไร พอตั้งสติได้ก็รีบติดต่อคุณแก้ว เพื่อขอรายชื่อตัวยาทั้งหมด คุณแก้ว แจ้งมาว่านอกจาก จะมียาสลบแล้ว ก็มีกลุ่มยาดังนี้
ยาฉีด cefradin , ยาปฎิชีวนะ cefixime,cimetibine, diclofenac,medilac-s,predinisolone,phiosina,และยาลดน้ำมูก
โชคดี อยู่อย่างที่ยากลุ่มนี้ไม่เป็นอันตราย ต่อเด็ก ไม่อย่างนั้นเราคงต้องรู้สึกผิด ไปอีกนาน
ตอนนี้ น้องนาวา อายุขวบกว่าแล้ว แข็งแรง น่ารักสดใสมาก คุณแม่ก็สวยขึ้นทุกวัน แต่ก็ยังไม่ที่สุด นี่น้องก็ยังบอกว่าจะไปทำอีกรอบ แต่เคสเล็กๆ นางว่าอยากดูเด็กลงกว่านี้อีกหน่อย
ท้ายนี้เราคิดว่า เรื่องของเราน่าจะมีประโยชน์ กับผู้หญิงอีกหลายคน ที่คิดจะทำศัลยกรรม ว่า นอกจากตัวเองจะพร้อมแล้ว ต้องอย่าลืมว่า คุณยังอาจมีอีกคนที่ไม่พร้อม อยู่ก็ได้
ปล.ถ้าใครอยากถามเกี่ยวกับการศัลยกรรมที่เกาหลี เราก็ยินดีตอบนะครับ (ถ้าเป็นเรื่องที่เรารู้ ยินดีตอบจริงๆ) ขอบคุณที่อ่านจนจบนะครับ
เครียดอยู่เกือบปี เพราะพารุ่นน้องไปศัลยกรรมที่เกาหลี โดยไม่รู้ว่านางท้อง
จุดเริ่มต้นของเรื่องเลยก็คือว่า เราเปิดดูรายการ Let me in รายการศัลยกรรมชื่อดังของเกาหลี(หลายคนน่าจะรู้จักกันดี เพราะตอนนี้ มีเวอร์ชั่นที่ทำศัลยกรรมให้คนไทย หลายคนแล้ว) แล้วส่งให้รุ่นน้องที่สนิทกัน (ขอเรียกชื่อรุ่นน้องว่า "น้อง") น้องดูแล้วชอบมาก นางบอกนางอยากทำ ปกตินางก็ทำบ้างนิดๆหน่อยๆ ตลอดอยู่แล้ว ประมาณว่า พอว่างก็เติมโน่นนิดเติมนี่หน่อย
หลังจากนั้นเราก็เริ่มหาข้อมูล เกี่ยวกับคลีนิค ที่เกาหลี แล้วก็มาลงตัวที่หมอปาร์ค Id hospital แล้วก็ติดต่อผ่านทางเฟสบุ๊คของ รพ. admin ชื่อ คุณแก้ว สาวเกาหลี ที่เคยทำงานในประเทศไทย (พูด อ่าน เขียน ภาษาไทย คล่องมาก) คุณแก้ว น่ารักมาก ให้คำปรึกษาแบบใจเย็นสุดๆตอบทุกคำถาม จนเราเกรงใจ เพราะเราอยากรู้หลายเรื่อง แล้วก็จองคิว คุณหมอ เพื่อปรึกษา หลังจากนั้นก็ทำการจองตั๋วเครื่องบิน พอเล่าให้เพื่อนๆฟัง ก็มีคนอยากไปด้วยอีก สองคน นางอยากทำเหมือนกัน
แล้วเราทั้งสี่คนก็มาถึงเกาหลี วันที่7 ก.ค.2014 ก็เอากระเป๋า ไปฝากที่โรงแรม แล้วนั่งรถไฟใต้ดิน ไปรพ. เลย เนื่องจากเราไปถึงก่อนเวลา เลยนั่งคุยกับคุณแก้ว พร้อมกับกรอกประวัติ การทำศัลยกรรมที่ผ่านมา พอได้เวลานัด ก็ขึ้นไปคุยกับคุณหมอ พร้อมกัน สองคน เลย (ตอนคุยเราไม่ได้ เข้าไปด้วย) สรุปคุณหมอทำให้แค่คนเดียว เพราะอีกคนคุณหมอว่าสวยอยู่แล้ว ไม่ต้องทำอะไร ถ้าอยากทำคุณหมอ จะแก้จมูกให้ แต่ว่าเพื่อนเราไม่อยากทำ มาถึง คุณน้อง นางพอใจ มาตรฐาน ของโรงพยาบาล และค่อนข้างพอใจกับคำปรึกษา จึงตกลง ทำศัลยกรรมที่นี่ หลังจากจ่ายค่ามัดจำ เพื่อทำการจองวันผ่าตัด แล้ว คุณหมอก็จับตรวจร่างกายเลย เพื่อดูความพร้อม คุณหมอบอกว่า ตรวจไว้เลย วันผ่าตัดจะได้ทำได้เลย (เราพลาดตรงนี้ ที่วันผ่าไม่ตรวจร่างกายอีกรอบ)ได้คิวผ่าตัด 21 ก.ย. 2014
แล้ววันนัดก็มาถึง เราสองคนไปถึงเกาหลี วันที่ 20ก.ย.2014 ช่วงเย็น มีรถของ รพ. มารับ เรากับน้องไปส่งที่ รพ. เพื่อวางแผนผ่าตัดอีกรอบ รอบนี้เราเข้าไปนั่งฟังด้วย ได้ถ่ายคลิป ระหว่างคุยไว้ด้วย การผ่าตัดหลัก จะมีคุณหมอสองคน หมอปาร์ค ดูแลเรื่องการตัดโหนกแก้ม+ทำวีไลน์ ส่วนคุณหมอคิม ทำจมูก การพูดคุยส่วนใหญ่ก็จะเป็นแผนการผ่าตัดคร่าวๆ คุณหมอคุยไปเราก็ถ่ายรูปไป คุณหมอก็แซวว่าจะเอาไปรีวิวเหรอ แล้วก็คุยกับน้องต่อ
หลังจากคุยเรียบร้อยแล้ว รถของ รพ. ก็มาส่งเราสองคนที่โรงแรม ซึ่งทางรพ. จ่ายให้ สิบวัน แล้วเราออกเองห้าวัน จริงๆแล้ว ถ้าคนไข้มาคนเดียว ก็จะได้ โรงแรมห้องเดี่ยว ฟรีทั้ง15วัน แต่เราขอเปลี่ยน เป็นห่องใหญ่เลยได้งบแค่สิบวัน
วันรุ่งขึ้น รถจาก รพ. ก็มารับไป รพ. เพื่อทำการผ่าตัดใช้เวลาประมาณ7-8ชั่วโมง ระหว่างรอเราก็ไปเดินเล่น ชิวๆ
เรากลับมา รพ. อีกครั้ง ตอนสองทุ่ม เพื่อดูอาการน้อง ที่มีผ้าพันแผลพันทั้งหน้า และ หู นางอยากกินน้ำมากแต่หมอ ห้ามเด็ดขาด ต้องรอให้ยาสลบ ถูกขับออกจากปอดให้หมดก่อน ไม่อย่างนั้น อาการ จะแย่มาก แต่น้องไม่ยอม นางขอจนพยาบาล ยอมให้นางบ้วนปากได้เบาๆ (ในปากมีท่อสองเส้นเพื่อดูดเลือดเสียออก)
หมอให้นอน รพ. 1คืน พยาบาลบอกว่า นาง งอแงทั้งคืน วันรุ่งขึ้นก็กลับมาพักฟื้น ที่ โรงแรม คุณหมอจัดยาให้เยอะมาก ทั้งยาบ้วนปาก ยากิน 3เวลา ยาทาเฉพาะจุด ผ้ารัดหน้า ประคบร้อน ประคบเย็น ตอนถึงก้อง น้องบอกว่า ตามปกติ ประจำเดือนต้องมาแล้ว แต่ ยังไม่มาเลย เตรียมผ้าอนามัย ทุกวัน จนวันกลับก็ยังไม่มา ก็ไม่ได้เอะใจอะไร คิดว่าอาจเป็นเพราะผ่าตัดก็เลยมาช้า
หลังจากกลับมาพักฟื้นที่เมืองไทยต่ออีกเป็นเดือน ประจำเดือนก็ยังไม่มา เลยตัดสินใจไปตรวจ สุขภาพที่ รพ.กรุงเทพ วันที่4พ.ย.2014 หมอบอกว่า ท้องได้สามเดือนแล้ว เท่ากับว่า ตอนที่ผ่าตัด นางก็ท้องอยู่แล้ว
ตอนที่รู้ว่าน้องท้อง ยอมรับว่าช็อก และเครียดมาก ทำอะไรไม่ถูกเลย กลัวลูกเค้าเป็นอะไร พอตั้งสติได้ก็รีบติดต่อคุณแก้ว เพื่อขอรายชื่อตัวยาทั้งหมด คุณแก้ว แจ้งมาว่านอกจาก จะมียาสลบแล้ว ก็มีกลุ่มยาดังนี้
ยาฉีด cefradin , ยาปฎิชีวนะ cefixime,cimetibine, diclofenac,medilac-s,predinisolone,phiosina,และยาลดน้ำมูก
โชคดี อยู่อย่างที่ยากลุ่มนี้ไม่เป็นอันตราย ต่อเด็ก ไม่อย่างนั้นเราคงต้องรู้สึกผิด ไปอีกนาน
ตอนนี้ น้องนาวา อายุขวบกว่าแล้ว แข็งแรง น่ารักสดใสมาก คุณแม่ก็สวยขึ้นทุกวัน แต่ก็ยังไม่ที่สุด นี่น้องก็ยังบอกว่าจะไปทำอีกรอบ แต่เคสเล็กๆ นางว่าอยากดูเด็กลงกว่านี้อีกหน่อย
ท้ายนี้เราคิดว่า เรื่องของเราน่าจะมีประโยชน์ กับผู้หญิงอีกหลายคน ที่คิดจะทำศัลยกรรม ว่า นอกจากตัวเองจะพร้อมแล้ว ต้องอย่าลืมว่า คุณยังอาจมีอีกคนที่ไม่พร้อม อยู่ก็ได้
ปล.ถ้าใครอยากถามเกี่ยวกับการศัลยกรรมที่เกาหลี เราก็ยินดีตอบนะครับ (ถ้าเป็นเรื่องที่เรารู้ ยินดีตอบจริงๆ) ขอบคุณที่อ่านจนจบนะครับ