ศาสนาแต่ละศาสนาต่างก็มีการโต้แย้งเกี่ยวกับความคิด ความเชื่อ แม้ว่าศาสนาแต่ละศาสนาจะก่อปัญหาเกิดขึ้นมาจนถึงปัจจุบัน ก็ไม่ได้หมายความว่าศาสนาจะสอนในสิ่งที่แตกต่างกัน แต่เป็นปัญหาการตีความตามคำสอนในแต่ละศาสนามากกว่า แต่ยังไงพวกเราก็ลองมาดูความคล้ายคลึงกัน 10 อันดับกันดีกว่าว่ามีอะไรบ้าง
10.มนุษย์มีความเป็นหนึ่งเดียวกัน
ผู้คนก็จะมีเรื่องของชนชาติ เผ่าพันธุ์ ผิวสีหรือเชื้อชาติในการนับถือศาสนา ซึ่งไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะมีการแบ่งแยกในส่วนนี้ ทุกๆคนก็เป็นคนเท่าเทียมกันหากมีการนับถือศาสนา เป็นครอบครัวเดียวกัน พร้อมที่จะช่วยเหลือซึ่งกันและกันไม่ว่าพวกเขาจะนับถือศาสนาอะไรก็ตาม ศาสนาทุกศาสนาสอนให้มีการช่วยเหลือโดยไม่เลือกปฎิบัติอยู่แล้ว
9.สันติภาพกับการไม่ใช่ความรุนแรง
ทุกๆศาสนาจะเน้นไปในเรื่องการสันติภาพ ไม่ว่าจะมีมุมมองเห็นว่าเด็กๆที่เกิดมาต่างก็มีพลังในสร้างสันติภาพที่ยิ่งใหญ่ที่สุด สันติภาพถือเป็นแนวทางที่ทำให้ผู้คนอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข มีมิตรภาพที่ไร้ขีดจำกัด ระงับความโกรธและความอาฆาตพยาบาทลงไป ซึ่งหลักคำสอนศาสนาก็จะต้องมีเรื่องของสันติภาพเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยเสมอ
8.ความเห็นใจและการให้ความเคารพผู้อื่น
ความเห็นใจถือเป็นการสร้างความสุขให้กับพวกเราได้อย่างแท้จริง พวกเราก็คงไม่สามารถให้ความเคารพคนอื่นๆได้เลยหากขาดความรู้สึกเห็นอกเห็นใจอีกฝ่าย พระพุทธเจ้าเองก็เคยกล่าวว่า พวกเราทุกๆคนจะต้องรักศัตรูของพวกเราและก็กลับไปให้ความรักกับทุกๆคนโดยที่ไม่หวังผลตอบแทนอะไร แม้ว่าพวกเราจะเกลียดคนๆนั้นมากแค่ไหนก็ตาม ศาสนาจะสอนให้พวกเรารู้สึกเห็นใจคนอื่นๆและรู้จักให้ความเคารพคนอื่น
7.ศีลธรรม
ศีลธรรมถือเป็นเรื่องยากมากที่จะอธิบายให้เข้าใจได้เหมือนกัน แต่เมื่อพูดตามหลักศาสนาแล้ว ทุกศาสนาก็จะมีพื้นฐานในการสอนพวกเราเกี่ยวกับศีลธรรมอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอย่าโกหก อย่าลักขโมยหรืออย่าฆ่าคน ทุกๆศาสนาต่างก็มีคำสอนในหลักศีลธรรมที่เหมือนกันโดยที่ไม่ต้องตีความหมายหลักคำสอนให้มากนัก
6.การเข้าถึงทางด้านจิตวิญญาณ
หลายศาสนาก็มีการกล่าวว่า มนุษย์จะต้องพยายามค้นหาความจริงที่ว่า เกิดมาทำไมและตายแล้วไปไหน หากพวกเราพยายามค้นหาความรู้ความเข้าใจส่วนนี้ วันหนึ่งพวกเราก็คงได้เรียนรู้ความจริงที่พวกเราอาจจะต้องตกใจอยู่เหมือนกัน ที่พวกเราอาจจะพบความรู้ที่ปกคลุมซ่อนเอาไว้อยู่ ซึ่งทุกศาสนาจะสอนให้พวกเราค้นหาสิ่งที่คลุมเครือเหล่านี้ให้เข้าถึงทางหลักจิตวิญญาณ
5.พวกเราเองก็มีพระเจ้าแบบเดียวกัน
ทุกๆศาสนาก็จะมีการเขียนคำสอนและก็มีการใช้ชื่อเรียกพระเจ้าไม่เหมือนกัน โดยทุกๆศาสนานั้นก็สอนพวกเราว่า ชื่อพระเจ้าไม่ได้พูดได้ว่า มีพระเจ้ากี่องค์ แต่ทุกๆศาสนาต่างก็มีการใช้ชื่อเรียกก็เพื่อความเหมาะสมต่อการปฎิบัติตามคำสอนและให้เข้าใจถึงสัญลักษณ์ทางศาสนามากขึ้น
4.พระเจ้าส่องแสงไปทุกที่
พระเจ้าส่องแสงไปทุกที่ก็หมายความว่า ไม่ว่าที่ไหนก็ตาม ก็มีพระเจ้าอยู่เสมอ พวกเราต่างก็มีความหวังในทุกๆสิ่ง อยากให้พระเจ้าปรากฏกายออกมาและก็ไม่มีอะไรที่จะต้องไปซ่อนหลบอยู่ภายใต้เงามืด เพราะทุกๆศาสนาสอนให้พวกเราได้เห็นถึงแสงสว่างทั่วทุกๆที่
3.พระเจ้าอยู่ในใจพวกเรา
การเข้าถึงคำสอนของหลักศาสนานั้น พวกเราเรียนรู้ได้ว่า พระเจ้าอยู่ใกล้กว่าที่พวกเราคิดเอาไว้อีก แม้ว่าบางศาสนาจะไม่ได้ระบุถึงพระเจ้าโดยตรง แต่ก็ทำให้พวกเรามีความเชื่อว่า มีสิ่งหนึ่งที่ยังวนเวียนอยู่ใกล้ๆตัวพวกเราเสมอ ไม่จำเป็นที่จะต้องระบุว่า เป็นพระเจ้าเสมอไป
2.พระเจ้าอยู่ทั่วทุกทิศที่พวกเราอยากพบ
ไม่ใช่พระเจ้าจะอยู่ในใจของพวกเราเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่พวกเขากล่าวว่า พระเจ้าอยู่ทั่วทุกทิศหากพวกเราอยากเห็นจริงๆ ในคัมภีร์ทางศาสนาก็มีการระบุเอาไว้ถึงสวรรค์กับโลก ทุกๆศาสนาจะมีการระบุว่า พระเจ้าไม่ได้เลือกกำหนดสถานที่ๆจะต้องพบเห็น แต่พระเจ้ามีอยู่ทั่วทุกแห่ง
1.พระเจ้ามีเพียงหนึ่งเดียว
ไม่สำคัญหรอกว่าส่วนหนึ่งพวกเราจะมีการดำรงชีวิตอย่างไร ไม่สำคัญหรอกว่าพวกเราจะนับถือศาสนาอะไร ยังไงซะพระเจ้าก็ยังมีเพียงหนึ่งเดียว ความแตกต่างทางด้านศาสนาก็ถือเป็นส่วนหนึ่งในความแตกต่างที่พวกเราจะต้องพบเจอบนโลกแบนี้ พระเจ้ามีชื่อเรียกหลายชื่อในแต่ละภาษา แต่ก็เป็นการสื่อสารให้เข้าถึงได้ เพราะยังไงพระเจ้าก็ยังคือพระเจ้าอยู่ดี ไม่มีการเปลี่ยนชื่อ
ผู้เขียน Mr.lawrence10
(เรื่องน่ารู้) 10 อันดับความคล้ายคลึงกันในแต่ละศาสนา
ผู้คนก็จะมีเรื่องของชนชาติ เผ่าพันธุ์ ผิวสีหรือเชื้อชาติในการนับถือศาสนา ซึ่งไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะมีการแบ่งแยกในส่วนนี้ ทุกๆคนก็เป็นคนเท่าเทียมกันหากมีการนับถือศาสนา เป็นครอบครัวเดียวกัน พร้อมที่จะช่วยเหลือซึ่งกันและกันไม่ว่าพวกเขาจะนับถือศาสนาอะไรก็ตาม ศาสนาทุกศาสนาสอนให้มีการช่วยเหลือโดยไม่เลือกปฎิบัติอยู่แล้ว
ทุกๆศาสนาจะเน้นไปในเรื่องการสันติภาพ ไม่ว่าจะมีมุมมองเห็นว่าเด็กๆที่เกิดมาต่างก็มีพลังในสร้างสันติภาพที่ยิ่งใหญ่ที่สุด สันติภาพถือเป็นแนวทางที่ทำให้ผู้คนอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข มีมิตรภาพที่ไร้ขีดจำกัด ระงับความโกรธและความอาฆาตพยาบาทลงไป ซึ่งหลักคำสอนศาสนาก็จะต้องมีเรื่องของสันติภาพเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยเสมอ
ความเห็นใจถือเป็นการสร้างความสุขให้กับพวกเราได้อย่างแท้จริง พวกเราก็คงไม่สามารถให้ความเคารพคนอื่นๆได้เลยหากขาดความรู้สึกเห็นอกเห็นใจอีกฝ่าย พระพุทธเจ้าเองก็เคยกล่าวว่า พวกเราทุกๆคนจะต้องรักศัตรูของพวกเราและก็กลับไปให้ความรักกับทุกๆคนโดยที่ไม่หวังผลตอบแทนอะไร แม้ว่าพวกเราจะเกลียดคนๆนั้นมากแค่ไหนก็ตาม ศาสนาจะสอนให้พวกเรารู้สึกเห็นใจคนอื่นๆและรู้จักให้ความเคารพคนอื่น
ศีลธรรมถือเป็นเรื่องยากมากที่จะอธิบายให้เข้าใจได้เหมือนกัน แต่เมื่อพูดตามหลักศาสนาแล้ว ทุกศาสนาก็จะมีพื้นฐานในการสอนพวกเราเกี่ยวกับศีลธรรมอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอย่าโกหก อย่าลักขโมยหรืออย่าฆ่าคน ทุกๆศาสนาต่างก็มีคำสอนในหลักศีลธรรมที่เหมือนกันโดยที่ไม่ต้องตีความหมายหลักคำสอนให้มากนัก
หลายศาสนาก็มีการกล่าวว่า มนุษย์จะต้องพยายามค้นหาความจริงที่ว่า เกิดมาทำไมและตายแล้วไปไหน หากพวกเราพยายามค้นหาความรู้ความเข้าใจส่วนนี้ วันหนึ่งพวกเราก็คงได้เรียนรู้ความจริงที่พวกเราอาจจะต้องตกใจอยู่เหมือนกัน ที่พวกเราอาจจะพบความรู้ที่ปกคลุมซ่อนเอาไว้อยู่ ซึ่งทุกศาสนาจะสอนให้พวกเราค้นหาสิ่งที่คลุมเครือเหล่านี้ให้เข้าถึงทางหลักจิตวิญญาณ
ทุกๆศาสนาก็จะมีการเขียนคำสอนและก็มีการใช้ชื่อเรียกพระเจ้าไม่เหมือนกัน โดยทุกๆศาสนานั้นก็สอนพวกเราว่า ชื่อพระเจ้าไม่ได้พูดได้ว่า มีพระเจ้ากี่องค์ แต่ทุกๆศาสนาต่างก็มีการใช้ชื่อเรียกก็เพื่อความเหมาะสมต่อการปฎิบัติตามคำสอนและให้เข้าใจถึงสัญลักษณ์ทางศาสนามากขึ้น
พระเจ้าส่องแสงไปทุกที่ก็หมายความว่า ไม่ว่าที่ไหนก็ตาม ก็มีพระเจ้าอยู่เสมอ พวกเราต่างก็มีความหวังในทุกๆสิ่ง อยากให้พระเจ้าปรากฏกายออกมาและก็ไม่มีอะไรที่จะต้องไปซ่อนหลบอยู่ภายใต้เงามืด เพราะทุกๆศาสนาสอนให้พวกเราได้เห็นถึงแสงสว่างทั่วทุกๆที่
การเข้าถึงคำสอนของหลักศาสนานั้น พวกเราเรียนรู้ได้ว่า พระเจ้าอยู่ใกล้กว่าที่พวกเราคิดเอาไว้อีก แม้ว่าบางศาสนาจะไม่ได้ระบุถึงพระเจ้าโดยตรง แต่ก็ทำให้พวกเรามีความเชื่อว่า มีสิ่งหนึ่งที่ยังวนเวียนอยู่ใกล้ๆตัวพวกเราเสมอ ไม่จำเป็นที่จะต้องระบุว่า เป็นพระเจ้าเสมอไป
ไม่ใช่พระเจ้าจะอยู่ในใจของพวกเราเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่พวกเขากล่าวว่า พระเจ้าอยู่ทั่วทุกทิศหากพวกเราอยากเห็นจริงๆ ในคัมภีร์ทางศาสนาก็มีการระบุเอาไว้ถึงสวรรค์กับโลก ทุกๆศาสนาจะมีการระบุว่า พระเจ้าไม่ได้เลือกกำหนดสถานที่ๆจะต้องพบเห็น แต่พระเจ้ามีอยู่ทั่วทุกแห่ง
ไม่สำคัญหรอกว่าส่วนหนึ่งพวกเราจะมีการดำรงชีวิตอย่างไร ไม่สำคัญหรอกว่าพวกเราจะนับถือศาสนาอะไร ยังไงซะพระเจ้าก็ยังมีเพียงหนึ่งเดียว ความแตกต่างทางด้านศาสนาก็ถือเป็นส่วนหนึ่งในความแตกต่างที่พวกเราจะต้องพบเจอบนโลกแบนี้ พระเจ้ามีชื่อเรียกหลายชื่อในแต่ละภาษา แต่ก็เป็นการสื่อสารให้เข้าถึงได้ เพราะยังไงพระเจ้าก็ยังคือพระเจ้าอยู่ดี ไม่มีการเปลี่ยนชื่อ
ผู้เขียน Mr.lawrence10