SCB Leasing เค้าทำงานกันแบบนี้เหรอครับ มีใครเจอเหมือนกันบ้าง?

วันนี้ขอมาแชร์ประสบการณ์กับตัวเองเรื่องนึง  ตั้งแต่ใช้สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์มา....   ไม่เคยเจออะไรที่แย่และเสียมารยาทที่สุดขนาดนี้ครับ

วันนี้มีเจ้าหน้าที่ SCB Leasing บุกมาถึงหน้าบ้าน...  โดยมาบอกว่า ผมมีค่างวดคงค้าง....  โดยไม่ได้แจ้งว่าค้างเท่าไหร่ กี่งวด ในตอนแรก....  


ไม่อธิบายรายละเอียดอะไรให้ผมด้วยซ้ำ  ไม่รู้ว่าต้องการอะไร....   มาถึงมาแนะนำตัวบอกว่า "เบาๆ ครับพี่ ผมมาจาก SCB Leasing ไม่ต้องเสียงดังผมรู้ว่าเดี๋ยวอายคนอื่น"  โทษนะ... ระหว่างคุยกันเป้าหมายเค้าน่ะมาทำให้ผมอับอายโดยเฉพาะเลยวันนี้...

ผมจึงชี้แจงข้อมูลว่าผมไม่เคยค้างชำระเกิน 3 งวด!!!  แล้วบุกมาหาหน้าบ้านแบบนี้เพื่ออะไร???  


การกระทำแบบนี้ทำให้เกิดความเสื่อมเสียมาก...  เป้าประสงค์คือต้องการมาทำให้ลูกค้าเกิดความอับอายต่อเพื่อนบ้าน...   ในขณะที่เจ้าหน้าที่คนที่มา... "ไม่มีข้อมูลอะไรมาชี้แจงเลย"

ผมจึงขอตัววิ่งเข้ามาหยิบเอกสารการชำระเงินเท่าที่สามารถหาได้ในเวลานั้นเพื่อมายืนยันข้อมูลกับเค้า...   ประเด็นที่ผมข้องใจมากคือ เมื่อผมสอบถาม  เจ้าหน้าที่คนนั้นกลับพยายามจะขอดูข้อมูลจากผม!!!  ซึ่งเป็นหลักฐานใบ Pay-in Slip ที่ผมรวบรวมเท่าที่สามารถหามาได้ในขณะนั้น....   พอพี่แกไม่ได้ข้อมูล  จึงโทรกลับไปหาฝ่ายบัญชี...   แล้วยื่นโทรศัพท์ให้ผมคุยกับฝ่ายบัญชีของเค้า....


ฝ่ายบัญชียิ่งหนัก!!!  ไม่สามารถตรวจสอบรายละเอียดการชำระในแต่ละงวดได้ชัดเจน....  โดยเฉพาะ.... "งวดล่าสุด" ที่วันที่ในใบ Pay-in Slip ของผมระบุยอดชำระหน้าเคาเตอร์วันที่ 23 แต่เจ้าหน้าที่แจ้งว่า ได้รับยอดเมื่อวันที่ 25 !!!!

เจ้าหน้าที่ทั้งสอง ทำเหมือนเป็นเรื่องเล็ก ไม่มีอะไรเกิดขึ้น....  แต่สำหรับผม  มันไม่เล็กเลยครับ....   ผมชำระเงินไปวันที่ 23 ทำไมระบบของคุณไปบันทึกว่าผมชำระเงินในวันที่ 25????   ดีเลย์ไปสองวัน คือ อะไร????   ที่สำคัญ ส่งผลต่อประวัติการชำระของผมที่ทำให้เกิดวันค้างชำระยาวนานขึ้น!!!  เกิดค่าทวงถาม ติดตาม....   ซึ่งไม่จำเป็น!!!!    พอผมสอบถามก็ไม่สามารถให้ข้อมูลได้...


พอผมวางสายกับฝ่ายบัญชีเสร็จ...  เจ้าหน้าที่ที่บุกมาที่บ้าน พยายามจะมาสอบถามรายละเอียดส่วนตัวของผมเพิ่มเติม ซึ่งผมไม่คุยด้วย...  ผมจึงบอกเค้าไปว่าคุณจะมาทวงหนี้ คุณก็ควรจะต้องมีข้อมูลที่ชัดเจน...  ไม่ใช่มาสุ่มหลอกถามข้อมูล เหมือนมิจฉาชีพ!!!   ผมจึงไม่คุยด้วยแล้วเชิญให้กลับไป...

จากนั้นผมก็ไปติดต่อที่สาขา เพื่อขอรายละเอียดการชำระย้อนหลัง....   ซึ่งไม่น่าเชื่อว่า  สาขาไม่สามารถดำเนินการให้ได้!!!!  


"รับเงินรับได้....  แต่ขอตรวจสอบการรับเงิน  ตรวจสอบให้ไม่ได้!!!!"    กลับให้ผมโทรคุยกับบริษัทลิสซิ่งเอง....  แต่ก็ยังมีน้ำใจที่ต่อสายโทรศัพท์ของธนาคารให้คุย....  ได้คำตอบเพียงแค่ว่า บัญชีของผมต้องติดต่อกับเจ้าหน้าที่คนที่มาหาผมที่บ้าน "เพียงคนเดียว"    เอิ่ม...  โทษนะครับ....  พี่แกมายังไม่มีข้อมูลอะไรที่ผมสามารถจะขอมายืนยันเพื่อหักล้างกันได้เลยด้วยซ้ำ  แล้วให้ผมไปติดต่อเค้า....  เพื่ออะไรครับ???

จากนั้นผมจึงเอากรมธรรม์ประกันชีวิตมาวางและขอให้สาขาช่วยประสานการขอยกเลิกกรมธรรม์ประกันชีวิต ที่เจ้าหน้าที่สินเชื่อเช่าซื้อครั้งก่อนนั้น แอบสอดไส้ใส่มาใน "ค่างวดรถยนต์" โดยที่ผมไม่ทราบรายละเอียดแม้แต่น้อย...     ค่างวดรถยนต์ที่ชำระทุกวันนี้ จึงไม่ใช่มีแค่ค่างวดเท่านั้น แต่มียอด "เงินกู้ค่าเบี้ยประกันชีวิตแฝงไปด้วย"  ในอัตราดอกเบี้ยเท่ายอดเงินกู้สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ทุกประการ!!!   โดยเจ้าหน้าที่สาขาทำหน้าที่ต่อสายให้คุยกับเจ้าหน้าที่ประกันชีวิต SCB ผ่านทางโทรศัพท์....

ประเด็นนี้ เมื่อผมชี้แจงกับเจ้าหน้าที่ประกันชีวิตทางโทรศัพท์ไป  พี่แกก็พยายามจะบ่ายเบี่ยงการขอยกเลิกและเวนคืนกรมธรรม์ประกันชีวิตของผม โดยบอกว่าผมยกเลิกไม่ได้....    ซึ่งผมไม่เคยได้เปิดดูรายละเอียดในไส้ในเลย (อันนี้ยอมรับว่าเป็นความบกพร่องของตัวเอง เพราะไม่คิดว่าเจ้าหน้าที่ลิสซิ่งจะสอดไส้ขนาดนี้...) แต่เจอแบบนี้ผมต้องเปิดอ่านทุกหน้าตรงนั้น เดี๋ยวนั้น!!!  


และสิ่งที่ผมเจอ คือ ข้อมูลที่ไม่ตรงกับการให้ข้อมูลของเจ้าหน้าที่ประกันชีวิต SCB ผ่านทางโทรศัพท์ที่แจ้งว่า ผมมีวงเงินคุ้มครองเพียงแค่ xxx,xxxx บาท (ค่าเบี้ย xxxx บาท) เพราะรายละเอียดในกรมธรรม์มีระบุเอาไว้ว่ามีสัญญาต่อท้ายที่มีความคุ้มครองอีกจำนวน xxx,xxx (ค่าเบี้ย xxxx บาท ซึ่งสูงกว่าค่าเบี้ยกรมธรรม์หลัก) แต่เจ้าหน้าที่คนดังกล่าวไม่บอกข้อมูลนี้และบอกว่าผมไม่สามารถยกเลิกได้....    ด้วยการยกอ้างว่าวงเงินสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ผมยังไม่ได้ปิดบัญชี!!!!   ------------------ (ติดค้างประเด็นที่ 1)

ต่อมาอีกประเด็นนึงคือ--------- ในกรมธรรม์มีการทำประกันชีวิตให้ "ซ้ำซ้อน" โดยกรมธรรม์หลักเป็นประกันชีวิตจากอุบัตเหตุและทุภพลภาพ ซึ่งในสัญญาแนบท้ายก็ลักษณะเดียวกันทุกประการ แล้วคุณทำให้ผมมาสองกรมธรรม์เพื่ออะไร????   โดยไม่มีการชี้แจงรายละเอียดการของการ "ยัดไส้" ประกันเหล่านั้นไว้ในกรมธรรม์....

ที่สำคัญ....  เนื้อหารายละเอียดไม่เกิดความจำเป็นและได้ประโยชน์กับผมด้วยซ้ำเพราะผมจะเคลมได้ก็ต่อเมื่อ "ต้องตายจากอุบัติเหตุตามที่ระบุเท่านั้น" ซึ่งเกินความจำเป็นอย่างยิ่ง!!!!   เพราะวงเงินสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ของผมมี "รถยนต์" ซึ่งเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันตัวมันเองก็มากพอแล้ว ยอดหนี้ที่กู้ไม่ถึง 60% ของมูลค่ารถด้วยซ้ำ...    คำตอบที่ได้คือ ให้ผมส่งเรื่องขอยกเลิกผ่านทางสาขามาแล้วบริษัทจะทำการพิจารณาอีกที....   ---------- (ประเด็นที่ 2)

ผมจึงข้องใจมากกับการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ประกันชีวิต SCB คนดังกล่าวว่ามีใบอนุญาตการเป็นนายหน้า หรือตัวแทนหรือไม่ จึงตอบคำถามแบบไม่มีความรู้แบบนี้....


ที่สำคัญ....  ความเสียหายได้เกิดขึ้นแม้จะเกิดจากความผิดพลาดส่วนหนึ่งของตัวผมที่ซื้อรถและขอสินเชื่อในขณะนั้น โดยที่ไม่ได้เอะใจยอมเซ็นต์เอกสารรัว ๆ โดยไม่คิด   แต่ทั้งหมดมาจากความ "จงใจ" ของพนักงานของ SCB ที่ต้องการยัดไส้และเก็บเงินค่าเบี้ยประกันภัยโดยแทรกมาในรูปแบบของ "เงินกู้ค่าเบี้ย" และนำมารวมกับค่างวดรถยนต์แบบนี้ทุกเดือน!!!!    

ถ้าวันนั้นพนักงานคนนั้นชี้แจงด้วยหลักจริยธรรมของการเป็นนายหน้าประกันชีวิต ว่าขอให้ช่วยทำตัวนี้ในค่าเบี้ยและวงเงินเท่านี้  ผมจะจ่ายเงินสดแยกต่างหากตามความเหมาะสมที่ควรจะเป็น  ไม่ใช่มาสอดไส้เป็น "เงินกู้" แล้วบวกมาในค่างวดรถยนต์แบบนี้...   เพราะค่างวดรถยนต์คุณคิดคำนวณแบบ Flat Rate ไปตลอดอายุสัญญาแล้ว...

มันรู้สึกเสียความรู้สึกและเจ็บใจมากกับสิ่งที่เจอและตรวจพบในครั้งนี้   ที่สำคัญ....   การชำระเงินของผมที่ผ่านมา ผมจะไว้ใจ SCB ได้อย่างไรครับว่าคุณ "ซื่อสัตย์" ต่อลูกค้า  เพราะหลักฐานการชำระที่ผมมีไม่ตรงกับการบันทึกในระบบเจ้าหนี้  ซึ่งมันทำให้ผมผิดนัดชำระหนี้นานขึ้นแม้จะสองวัน แต่นี่เป็นแค่ 1 ใน 33 งวดที่ตรวจเจอ....   แปลว่าผมจะต้องไปหาหลักฐานการชำระที่มันอาจจะหายไปแล้วเพื่อมายืนยันความซื่อตรงกับ SCB ตรงนี้อีกหรือไม่???

บางเดือนที่ผมชำระค่างวด "ล่วงหน้า" คุณบันทึกรายรับของผมเข้าไปหรือไม่???   ผมอาจจะไม่รอบคอบเรื่องเหล่านี้มากนักในทีแรก  เพราะ "ไว้วางใจ" แต่จากนี้ไป  ผมจะต้องหาหลักฐานเพื่อมาเคลียตัวเองกับเหตุการณ์แบบนี้ที่มันผ่านไปแล้วหลายปีเนี่ยเหรอครับ???  

บางเดือนผมจ่ายค่างวดไปสองเดือน เดือนไหนมีเงินมากก็จ่ายมาก  จะมีก็ช่วงระยะหลังที่เริ่มสะดุดบ้างแต่ก็ไม่เคยตกเข้าถึง 3 งวดสักที  รีบชำระตลอด...  แต่สิ่งที่เจอคือ เจอเจ้าหน้าที่ SCB มาประจานผมหน้าบ้าน  โดยที่ไม่มีข้อมูลอะไรมาเลยเนี่ยนะ....


วันนี้เลยขอมาแชร์ให้เพื่อน ๆ ฟังครับ   เผื่อว่าใครเคยเจอเหตุการณ์แบบนี้   ผมอยากรู้ว่าเค้าทำแบบนี้กับลูกค้าทุกคนหรือเปล่า????

พรุ่งนี้จะต้องไปลุยหาข้อมูลกันต่อ SCB ครับ....   คุณช่วยชี้แจงผมที!!!


ปล. ประเด็นที่ 1  เรื่องการขอยกเลิก  ตามกฎ คปภ. ผู้รับประกันภัย  ไม่มีสิทธิปฏิเสธการบอกเลิกการขอทำประกันจากผู้เอาประกัน ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุอะไรก็ตาม เพราะมันคือสัญญาระหว่าง 2 ฝ่ายที่ตกลงกันจะทำ  เมื่อฝ่ายหนึ่งไม่พอใจกับสิ่งที่ได้รับ ย่อม "มีสิทธิ" ที่จะบอกเลิกการเอาประกันนั้นได้ โดยผู้เอาประกันต้องจ่ายเวนคืนค่าเบี้ยให้กับผู้เอาประกันภัย   ซึ่งในกรณีนี้ เอาไปสอดไส้เป็นลักษณะ "เงินกู้" ด้วยซ้ำ ซึ่งที่สำคัญ...  "เงินกู้สินเชื่อรถยนต์" ก็ส่วนของสินเชื่อรถยนต์  คุณจะเอามาเป็นเหตุผลในการปฏิเสธการยัดเยียดทำประกันชีวิตของผมไม่ได้  เพราะว่ามันไม่เกี่ยวกันเลยแม้แต่น้อย...

ประเด็นที่ 2  เมื่อผู้ขอเอาประกันแจ้งความประสงค์บอกเลิกการเอาประกันภัยซึ่งมีผลต่อในอนาคต   ผู้รับประกัน ก็ต้องรับการบอกเลิกนั้น ไม่ใช่จะมาบ่ายเบี่ยงการไม่ยอมบอกเลิก ไม่ได้!!!   เจ้าหนี้ที่คนดังกล่าว จึงไม่ได้มีความรู้ความเข้าใจในกฏของการเป็นนายหน้า หรือตัวแทนประกันแต่อย่างใด  แล้ว SCB ให้คนเหล่านี้มาตอบคำถามพวกนี้ได้อย่างไรครับ?


วันนี้บอกเลยว่าเจอแบบนี้เข้าไป คงต้องนอนคิดกันยาวเลย.... SCB-------------
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่