วันนี้ขอมาแชร์ประสบการณ์กับตัวเองเรื่องนึง ตั้งแต่ใช้สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์มา.... ไม่เคยเจออะไรที่แย่และเสียมารยาทที่สุดขนาดนี้ครับ
วันนี้มีเจ้าหน้าที่ SCB Leasing บุกมาถึงหน้าบ้าน... โดยมาบอกว่า ผมมีค่างวดคงค้าง.... โดยไม่ได้แจ้งว่าค้างเท่าไหร่ กี่งวด ในตอนแรก....
ไม่อธิบายรายละเอียดอะไรให้ผมด้วยซ้ำ ไม่รู้ว่าต้องการอะไร.... มาถึงมาแนะนำตัวบอกว่า "เบาๆ ครับพี่ ผมมาจาก SCB Leasing ไม่ต้องเสียงดังผมรู้ว่าเดี๋ยวอายคนอื่น" โทษนะ... ระหว่างคุยกันเป้าหมายเค้าน่ะมาทำให้ผมอับอายโดยเฉพาะเลยวันนี้...
ผมจึงชี้แจงข้อมูลว่าผมไม่เคยค้างชำระเกิน 3 งวด!!! แล้วบุกมาหาหน้าบ้านแบบนี้เพื่ออะไร???
การกระทำแบบนี้ทำให้เกิดความเสื่อมเสียมาก... เป้าประสงค์คือต้องการมาทำให้ลูกค้าเกิดความอับอายต่อเพื่อนบ้าน... ในขณะที่เจ้าหน้าที่คนที่มา... "ไม่มีข้อมูลอะไรมาชี้แจงเลย"
ผมจึงขอตัววิ่งเข้ามาหยิบเอกสารการชำระเงินเท่าที่สามารถหาได้ในเวลานั้นเพื่อมายืนยันข้อมูลกับเค้า... ประเด็นที่ผมข้องใจมากคือ เมื่อผมสอบถาม เจ้าหน้าที่คนนั้นกลับพยายามจะขอดูข้อมูลจากผม!!! ซึ่งเป็นหลักฐานใบ Pay-in Slip ที่ผมรวบรวมเท่าที่สามารถหามาได้ในขณะนั้น.... พอพี่แกไม่ได้ข้อมูล จึงโทรกลับไปหาฝ่ายบัญชี... แล้วยื่นโทรศัพท์ให้ผมคุยกับฝ่ายบัญชีของเค้า....
ฝ่ายบัญชียิ่งหนัก!!! ไม่สามารถตรวจสอบรายละเอียดการชำระในแต่ละงวดได้ชัดเจน.... โดยเฉพาะ.... "งวดล่าสุด" ที่วันที่ในใบ Pay-in Slip ของผมระบุยอดชำระหน้าเคาเตอร์วันที่ 23 แต่เจ้าหน้าที่แจ้งว่า ได้รับยอดเมื่อวันที่ 25 !!!!
เจ้าหน้าที่ทั้งสอง ทำเหมือนเป็นเรื่องเล็ก ไม่มีอะไรเกิดขึ้น.... แต่สำหรับผม มันไม่เล็กเลยครับ.... ผมชำระเงินไปวันที่ 23 ทำไมระบบของคุณไปบันทึกว่าผมชำระเงินในวันที่ 25???? ดีเลย์ไปสองวัน คือ อะไร???? ที่สำคัญ ส่งผลต่อประวัติการชำระของผมที่ทำให้เกิดวันค้างชำระยาวนานขึ้น!!! เกิดค่าทวงถาม ติดตาม.... ซึ่งไม่จำเป็น!!!! พอผมสอบถามก็ไม่สามารถให้ข้อมูลได้...
พอผมวางสายกับฝ่ายบัญชีเสร็จ... เจ้าหน้าที่ที่บุกมาที่บ้าน พยายามจะมาสอบถามรายละเอียดส่วนตัวของผมเพิ่มเติม ซึ่งผมไม่คุยด้วย... ผมจึงบอกเค้าไปว่าคุณจะมาทวงหนี้ คุณก็ควรจะต้องมีข้อมูลที่ชัดเจน... ไม่ใช่มาสุ่มหลอกถามข้อมูล เหมือนมิจฉาชีพ!!! ผมจึงไม่คุยด้วยแล้วเชิญให้กลับไป...
จากนั้นผมก็ไปติดต่อที่สาขา เพื่อขอรายละเอียดการชำระย้อนหลัง.... ซึ่งไม่น่าเชื่อว่า สาขาไม่สามารถดำเนินการให้ได้!!!!
"รับเงินรับได้.... แต่ขอตรวจสอบการรับเงิน ตรวจสอบให้ไม่ได้!!!!" กลับให้ผมโทรคุยกับบริษัทลิสซิ่งเอง.... แต่ก็ยังมีน้ำใจที่ต่อสายโทรศัพท์ของธนาคารให้คุย.... ได้คำตอบเพียงแค่ว่า บัญชีของผมต้องติดต่อกับเจ้าหน้าที่คนที่มาหาผมที่บ้าน "เพียงคนเดียว" เอิ่ม... โทษนะครับ.... พี่แกมายังไม่มีข้อมูลอะไรที่ผมสามารถจะขอมายืนยันเพื่อหักล้างกันได้เลยด้วยซ้ำ แล้วให้ผมไปติดต่อเค้า.... เพื่ออะไรครับ???
จากนั้นผมจึงเอากรมธรรม์ประกันชีวิตมาวางและขอให้สาขาช่วยประสานการขอยกเลิกกรมธรรม์ประกันชีวิต ที่เจ้าหน้าที่สินเชื่อเช่าซื้อครั้งก่อนนั้น แอบสอดไส้ใส่มาใน "ค่างวดรถยนต์" โดยที่ผมไม่ทราบรายละเอียดแม้แต่น้อย... ค่างวดรถยนต์ที่ชำระทุกวันนี้ จึงไม่ใช่มีแค่ค่างวดเท่านั้น แต่มียอด "เงินกู้ค่าเบี้ยประกันชีวิตแฝงไปด้วย" ในอัตราดอกเบี้ยเท่ายอดเงินกู้สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ทุกประการ!!! โดยเจ้าหน้าที่สาขาทำหน้าที่ต่อสายให้คุยกับเจ้าหน้าที่ประกันชีวิต SCB ผ่านทางโทรศัพท์....
ประเด็นนี้ เมื่อผมชี้แจงกับเจ้าหน้าที่ประกันชีวิตทางโทรศัพท์ไป พี่แกก็พยายามจะบ่ายเบี่ยงการขอยกเลิกและเวนคืนกรมธรรม์ประกันชีวิตของผม โดยบอกว่าผมยกเลิกไม่ได้.... ซึ่งผมไม่เคยได้เปิดดูรายละเอียดในไส้ในเลย (อันนี้ยอมรับว่าเป็นความบกพร่องของตัวเอง เพราะไม่คิดว่าเจ้าหน้าที่ลิสซิ่งจะสอดไส้ขนาดนี้...) แต่เจอแบบนี้ผมต้องเปิดอ่านทุกหน้าตรงนั้น เดี๋ยวนั้น!!!
และสิ่งที่ผมเจอ คือ ข้อมูลที่ไม่ตรงกับการให้ข้อมูลของเจ้าหน้าที่ประกันชีวิต SCB ผ่านทางโทรศัพท์ที่แจ้งว่า ผมมีวงเงินคุ้มครองเพียงแค่ xxx,xxxx บาท (ค่าเบี้ย xxxx บาท) เพราะรายละเอียดในกรมธรรม์มีระบุเอาไว้ว่ามีสัญญาต่อท้ายที่มีความคุ้มครองอีกจำนวน xxx,xxx (ค่าเบี้ย xxxx บาท ซึ่งสูงกว่าค่าเบี้ยกรมธรรม์หลัก) แต่เจ้าหน้าที่คนดังกล่าวไม่บอกข้อมูลนี้และบอกว่าผมไม่สามารถยกเลิกได้.... ด้วยการยกอ้างว่าวงเงินสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ผมยังไม่ได้ปิดบัญชี!!!! ------------------ (ติดค้างประเด็นที่ 1)
ต่อมาอีกประเด็นนึงคือ--------- ในกรมธรรม์มีการทำประกันชีวิตให้ "ซ้ำซ้อน" โดยกรมธรรม์หลักเป็นประกันชีวิตจากอุบัตเหตุและทุภพลภาพ ซึ่งในสัญญาแนบท้ายก็ลักษณะเดียวกันทุกประการ แล้วคุณทำให้ผมมาสองกรมธรรม์เพื่ออะไร???? โดยไม่มีการชี้แจงรายละเอียดการของการ "ยัดไส้" ประกันเหล่านั้นไว้ในกรมธรรม์....
ที่สำคัญ.... เนื้อหารายละเอียดไม่เกิดความจำเป็นและได้ประโยชน์กับผมด้วยซ้ำเพราะผมจะเคลมได้ก็ต่อเมื่อ "ต้องตายจากอุบัติเหตุตามที่ระบุเท่านั้น" ซึ่งเกินความจำเป็นอย่างยิ่ง!!!! เพราะวงเงินสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ของผมมี "รถยนต์" ซึ่งเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันตัวมันเองก็มากพอแล้ว ยอดหนี้ที่กู้ไม่ถึง 60% ของมูลค่ารถด้วยซ้ำ... คำตอบที่ได้คือ ให้ผมส่งเรื่องขอยกเลิกผ่านทางสาขามาแล้วบริษัทจะทำการพิจารณาอีกที.... ---------- (ประเด็นที่ 2)
ผมจึงข้องใจมากกับการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ประกันชีวิต SCB คนดังกล่าวว่ามีใบอนุญาตการเป็นนายหน้า หรือตัวแทนหรือไม่ จึงตอบคำถามแบบไม่มีความรู้แบบนี้....
ที่สำคัญ.... ความเสียหายได้เกิดขึ้นแม้จะเกิดจากความผิดพลาดส่วนหนึ่งของตัวผมที่ซื้อรถและขอสินเชื่อในขณะนั้น โดยที่ไม่ได้เอะใจยอมเซ็นต์เอกสารรัว ๆ โดยไม่คิด แต่ทั้งหมดมาจากความ "จงใจ" ของพนักงานของ SCB ที่ต้องการยัดไส้และเก็บเงินค่าเบี้ยประกันภัยโดยแทรกมาในรูปแบบของ "เงินกู้ค่าเบี้ย" และนำมารวมกับค่างวดรถยนต์แบบนี้ทุกเดือน!!!!
ถ้าวันนั้นพนักงานคนนั้นชี้แจงด้วยหลักจริยธรรมของการเป็นนายหน้าประกันชีวิต ว่าขอให้ช่วยทำตัวนี้ในค่าเบี้ยและวงเงินเท่านี้ ผมจะจ่ายเงินสดแยกต่างหากตามความเหมาะสมที่ควรจะเป็น ไม่ใช่มาสอดไส้เป็น "เงินกู้" แล้วบวกมาในค่างวดรถยนต์แบบนี้... เพราะค่างวดรถยนต์คุณคิดคำนวณแบบ Flat Rate ไปตลอดอายุสัญญาแล้ว...
มันรู้สึกเสียความรู้สึกและเจ็บใจมากกับสิ่งที่เจอและตรวจพบในครั้งนี้ ที่สำคัญ.... การชำระเงินของผมที่ผ่านมา ผมจะไว้ใจ SCB ได้อย่างไรครับว่าคุณ "ซื่อสัตย์" ต่อลูกค้า เพราะหลักฐานการชำระที่ผมมีไม่ตรงกับการบันทึกในระบบเจ้าหนี้ ซึ่งมันทำให้ผมผิดนัดชำระหนี้นานขึ้นแม้จะสองวัน แต่นี่เป็นแค่ 1 ใน 33 งวดที่ตรวจเจอ.... แปลว่าผมจะต้องไปหาหลักฐานการชำระที่มันอาจจะหายไปแล้วเพื่อมายืนยันความซื่อตรงกับ SCB ตรงนี้อีกหรือไม่???
บางเดือนที่ผมชำระค่างวด "ล่วงหน้า" คุณบันทึกรายรับของผมเข้าไปหรือไม่??? ผมอาจจะไม่รอบคอบเรื่องเหล่านี้มากนักในทีแรก เพราะ "ไว้วางใจ" แต่จากนี้ไป ผมจะต้องหาหลักฐานเพื่อมาเคลียตัวเองกับเหตุการณ์แบบนี้ที่มันผ่านไปแล้วหลายปีเนี่ยเหรอครับ???
บางเดือนผมจ่ายค่างวดไปสองเดือน เดือนไหนมีเงินมากก็จ่ายมาก จะมีก็ช่วงระยะหลังที่เริ่มสะดุดบ้างแต่ก็ไม่เคยตกเข้าถึง 3 งวดสักที รีบชำระตลอด... แต่สิ่งที่เจอคือ เจอเจ้าหน้าที่ SCB มาประจานผมหน้าบ้าน โดยที่ไม่มีข้อมูลอะไรมาเลยเนี่ยนะ....
วันนี้เลยขอมาแชร์ให้เพื่อน ๆ ฟังครับ เผื่อว่าใครเคยเจอเหตุการณ์แบบนี้ ผมอยากรู้ว่าเค้าทำแบบนี้กับลูกค้าทุกคนหรือเปล่า????
พรุ่งนี้จะต้องไปลุยหาข้อมูลกันต่อ SCB ครับ.... คุณช่วยชี้แจงผมที!!!
ปล. ประเด็นที่ 1 เรื่องการขอยกเลิก ตามกฎ คปภ. ผู้รับประกันภัย ไม่มีสิทธิปฏิเสธการบอกเลิกการขอทำประกันจากผู้เอาประกัน ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุอะไรก็ตาม เพราะมันคือสัญญาระหว่าง 2 ฝ่ายที่ตกลงกันจะทำ เมื่อฝ่ายหนึ่งไม่พอใจกับสิ่งที่ได้รับ ย่อม "มีสิทธิ" ที่จะบอกเลิกการเอาประกันนั้นได้ โดยผู้เอาประกันต้องจ่ายเวนคืนค่าเบี้ยให้กับผู้เอาประกันภัย ซึ่งในกรณีนี้ เอาไปสอดไส้เป็นลักษณะ "เงินกู้" ด้วยซ้ำ ซึ่งที่สำคัญ... "เงินกู้สินเชื่อรถยนต์" ก็ส่วนของสินเชื่อรถยนต์ คุณจะเอามาเป็นเหตุผลในการปฏิเสธการยัดเยียดทำประกันชีวิตของผมไม่ได้ เพราะว่ามันไม่เกี่ยวกันเลยแม้แต่น้อย...
ประเด็นที่ 2 เมื่อผู้ขอเอาประกันแจ้งความประสงค์บอกเลิกการเอาประกันภัยซึ่งมีผลต่อในอนาคต ผู้รับประกัน ก็ต้องรับการบอกเลิกนั้น ไม่ใช่จะมาบ่ายเบี่ยงการไม่ยอมบอกเลิก ไม่ได้!!! เจ้าหนี้ที่คนดังกล่าว จึงไม่ได้มีความรู้ความเข้าใจในกฏของการเป็นนายหน้า หรือตัวแทนประกันแต่อย่างใด แล้ว SCB ให้คนเหล่านี้มาตอบคำถามพวกนี้ได้อย่างไรครับ?
วันนี้บอกเลยว่าเจอแบบนี้เข้าไป คงต้องนอนคิดกันยาวเลย.... SCB-------------
SCB Leasing เค้าทำงานกันแบบนี้เหรอครับ มีใครเจอเหมือนกันบ้าง?
วันนี้มีเจ้าหน้าที่ SCB Leasing บุกมาถึงหน้าบ้าน... โดยมาบอกว่า ผมมีค่างวดคงค้าง.... โดยไม่ได้แจ้งว่าค้างเท่าไหร่ กี่งวด ในตอนแรก....
ไม่อธิบายรายละเอียดอะไรให้ผมด้วยซ้ำ ไม่รู้ว่าต้องการอะไร.... มาถึงมาแนะนำตัวบอกว่า "เบาๆ ครับพี่ ผมมาจาก SCB Leasing ไม่ต้องเสียงดังผมรู้ว่าเดี๋ยวอายคนอื่น" โทษนะ... ระหว่างคุยกันเป้าหมายเค้าน่ะมาทำให้ผมอับอายโดยเฉพาะเลยวันนี้...
ผมจึงชี้แจงข้อมูลว่าผมไม่เคยค้างชำระเกิน 3 งวด!!! แล้วบุกมาหาหน้าบ้านแบบนี้เพื่ออะไร???
การกระทำแบบนี้ทำให้เกิดความเสื่อมเสียมาก... เป้าประสงค์คือต้องการมาทำให้ลูกค้าเกิดความอับอายต่อเพื่อนบ้าน... ในขณะที่เจ้าหน้าที่คนที่มา... "ไม่มีข้อมูลอะไรมาชี้แจงเลย"
ผมจึงขอตัววิ่งเข้ามาหยิบเอกสารการชำระเงินเท่าที่สามารถหาได้ในเวลานั้นเพื่อมายืนยันข้อมูลกับเค้า... ประเด็นที่ผมข้องใจมากคือ เมื่อผมสอบถาม เจ้าหน้าที่คนนั้นกลับพยายามจะขอดูข้อมูลจากผม!!! ซึ่งเป็นหลักฐานใบ Pay-in Slip ที่ผมรวบรวมเท่าที่สามารถหามาได้ในขณะนั้น.... พอพี่แกไม่ได้ข้อมูล จึงโทรกลับไปหาฝ่ายบัญชี... แล้วยื่นโทรศัพท์ให้ผมคุยกับฝ่ายบัญชีของเค้า....
ฝ่ายบัญชียิ่งหนัก!!! ไม่สามารถตรวจสอบรายละเอียดการชำระในแต่ละงวดได้ชัดเจน.... โดยเฉพาะ.... "งวดล่าสุด" ที่วันที่ในใบ Pay-in Slip ของผมระบุยอดชำระหน้าเคาเตอร์วันที่ 23 แต่เจ้าหน้าที่แจ้งว่า ได้รับยอดเมื่อวันที่ 25 !!!!
เจ้าหน้าที่ทั้งสอง ทำเหมือนเป็นเรื่องเล็ก ไม่มีอะไรเกิดขึ้น.... แต่สำหรับผม มันไม่เล็กเลยครับ.... ผมชำระเงินไปวันที่ 23 ทำไมระบบของคุณไปบันทึกว่าผมชำระเงินในวันที่ 25???? ดีเลย์ไปสองวัน คือ อะไร???? ที่สำคัญ ส่งผลต่อประวัติการชำระของผมที่ทำให้เกิดวันค้างชำระยาวนานขึ้น!!! เกิดค่าทวงถาม ติดตาม.... ซึ่งไม่จำเป็น!!!! พอผมสอบถามก็ไม่สามารถให้ข้อมูลได้...
พอผมวางสายกับฝ่ายบัญชีเสร็จ... เจ้าหน้าที่ที่บุกมาที่บ้าน พยายามจะมาสอบถามรายละเอียดส่วนตัวของผมเพิ่มเติม ซึ่งผมไม่คุยด้วย... ผมจึงบอกเค้าไปว่าคุณจะมาทวงหนี้ คุณก็ควรจะต้องมีข้อมูลที่ชัดเจน... ไม่ใช่มาสุ่มหลอกถามข้อมูล เหมือนมิจฉาชีพ!!! ผมจึงไม่คุยด้วยแล้วเชิญให้กลับไป...
จากนั้นผมก็ไปติดต่อที่สาขา เพื่อขอรายละเอียดการชำระย้อนหลัง.... ซึ่งไม่น่าเชื่อว่า สาขาไม่สามารถดำเนินการให้ได้!!!!
"รับเงินรับได้.... แต่ขอตรวจสอบการรับเงิน ตรวจสอบให้ไม่ได้!!!!" กลับให้ผมโทรคุยกับบริษัทลิสซิ่งเอง.... แต่ก็ยังมีน้ำใจที่ต่อสายโทรศัพท์ของธนาคารให้คุย.... ได้คำตอบเพียงแค่ว่า บัญชีของผมต้องติดต่อกับเจ้าหน้าที่คนที่มาหาผมที่บ้าน "เพียงคนเดียว" เอิ่ม... โทษนะครับ.... พี่แกมายังไม่มีข้อมูลอะไรที่ผมสามารถจะขอมายืนยันเพื่อหักล้างกันได้เลยด้วยซ้ำ แล้วให้ผมไปติดต่อเค้า.... เพื่ออะไรครับ???
จากนั้นผมจึงเอากรมธรรม์ประกันชีวิตมาวางและขอให้สาขาช่วยประสานการขอยกเลิกกรมธรรม์ประกันชีวิต ที่เจ้าหน้าที่สินเชื่อเช่าซื้อครั้งก่อนนั้น แอบสอดไส้ใส่มาใน "ค่างวดรถยนต์" โดยที่ผมไม่ทราบรายละเอียดแม้แต่น้อย... ค่างวดรถยนต์ที่ชำระทุกวันนี้ จึงไม่ใช่มีแค่ค่างวดเท่านั้น แต่มียอด "เงินกู้ค่าเบี้ยประกันชีวิตแฝงไปด้วย" ในอัตราดอกเบี้ยเท่ายอดเงินกู้สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ทุกประการ!!! โดยเจ้าหน้าที่สาขาทำหน้าที่ต่อสายให้คุยกับเจ้าหน้าที่ประกันชีวิต SCB ผ่านทางโทรศัพท์....
ประเด็นนี้ เมื่อผมชี้แจงกับเจ้าหน้าที่ประกันชีวิตทางโทรศัพท์ไป พี่แกก็พยายามจะบ่ายเบี่ยงการขอยกเลิกและเวนคืนกรมธรรม์ประกันชีวิตของผม โดยบอกว่าผมยกเลิกไม่ได้.... ซึ่งผมไม่เคยได้เปิดดูรายละเอียดในไส้ในเลย (อันนี้ยอมรับว่าเป็นความบกพร่องของตัวเอง เพราะไม่คิดว่าเจ้าหน้าที่ลิสซิ่งจะสอดไส้ขนาดนี้...) แต่เจอแบบนี้ผมต้องเปิดอ่านทุกหน้าตรงนั้น เดี๋ยวนั้น!!!
และสิ่งที่ผมเจอ คือ ข้อมูลที่ไม่ตรงกับการให้ข้อมูลของเจ้าหน้าที่ประกันชีวิต SCB ผ่านทางโทรศัพท์ที่แจ้งว่า ผมมีวงเงินคุ้มครองเพียงแค่ xxx,xxxx บาท (ค่าเบี้ย xxxx บาท) เพราะรายละเอียดในกรมธรรม์มีระบุเอาไว้ว่ามีสัญญาต่อท้ายที่มีความคุ้มครองอีกจำนวน xxx,xxx (ค่าเบี้ย xxxx บาท ซึ่งสูงกว่าค่าเบี้ยกรมธรรม์หลัก) แต่เจ้าหน้าที่คนดังกล่าวไม่บอกข้อมูลนี้และบอกว่าผมไม่สามารถยกเลิกได้.... ด้วยการยกอ้างว่าวงเงินสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ผมยังไม่ได้ปิดบัญชี!!!! ------------------ (ติดค้างประเด็นที่ 1)
ต่อมาอีกประเด็นนึงคือ--------- ในกรมธรรม์มีการทำประกันชีวิตให้ "ซ้ำซ้อน" โดยกรมธรรม์หลักเป็นประกันชีวิตจากอุบัตเหตุและทุภพลภาพ ซึ่งในสัญญาแนบท้ายก็ลักษณะเดียวกันทุกประการ แล้วคุณทำให้ผมมาสองกรมธรรม์เพื่ออะไร???? โดยไม่มีการชี้แจงรายละเอียดการของการ "ยัดไส้" ประกันเหล่านั้นไว้ในกรมธรรม์....
ที่สำคัญ.... เนื้อหารายละเอียดไม่เกิดความจำเป็นและได้ประโยชน์กับผมด้วยซ้ำเพราะผมจะเคลมได้ก็ต่อเมื่อ "ต้องตายจากอุบัติเหตุตามที่ระบุเท่านั้น" ซึ่งเกินความจำเป็นอย่างยิ่ง!!!! เพราะวงเงินสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ของผมมี "รถยนต์" ซึ่งเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันตัวมันเองก็มากพอแล้ว ยอดหนี้ที่กู้ไม่ถึง 60% ของมูลค่ารถด้วยซ้ำ... คำตอบที่ได้คือ ให้ผมส่งเรื่องขอยกเลิกผ่านทางสาขามาแล้วบริษัทจะทำการพิจารณาอีกที.... ---------- (ประเด็นที่ 2)
ผมจึงข้องใจมากกับการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ประกันชีวิต SCB คนดังกล่าวว่ามีใบอนุญาตการเป็นนายหน้า หรือตัวแทนหรือไม่ จึงตอบคำถามแบบไม่มีความรู้แบบนี้....
ที่สำคัญ.... ความเสียหายได้เกิดขึ้นแม้จะเกิดจากความผิดพลาดส่วนหนึ่งของตัวผมที่ซื้อรถและขอสินเชื่อในขณะนั้น โดยที่ไม่ได้เอะใจยอมเซ็นต์เอกสารรัว ๆ โดยไม่คิด แต่ทั้งหมดมาจากความ "จงใจ" ของพนักงานของ SCB ที่ต้องการยัดไส้และเก็บเงินค่าเบี้ยประกันภัยโดยแทรกมาในรูปแบบของ "เงินกู้ค่าเบี้ย" และนำมารวมกับค่างวดรถยนต์แบบนี้ทุกเดือน!!!!
ถ้าวันนั้นพนักงานคนนั้นชี้แจงด้วยหลักจริยธรรมของการเป็นนายหน้าประกันชีวิต ว่าขอให้ช่วยทำตัวนี้ในค่าเบี้ยและวงเงินเท่านี้ ผมจะจ่ายเงินสดแยกต่างหากตามความเหมาะสมที่ควรจะเป็น ไม่ใช่มาสอดไส้เป็น "เงินกู้" แล้วบวกมาในค่างวดรถยนต์แบบนี้... เพราะค่างวดรถยนต์คุณคิดคำนวณแบบ Flat Rate ไปตลอดอายุสัญญาแล้ว...
มันรู้สึกเสียความรู้สึกและเจ็บใจมากกับสิ่งที่เจอและตรวจพบในครั้งนี้ ที่สำคัญ.... การชำระเงินของผมที่ผ่านมา ผมจะไว้ใจ SCB ได้อย่างไรครับว่าคุณ "ซื่อสัตย์" ต่อลูกค้า เพราะหลักฐานการชำระที่ผมมีไม่ตรงกับการบันทึกในระบบเจ้าหนี้ ซึ่งมันทำให้ผมผิดนัดชำระหนี้นานขึ้นแม้จะสองวัน แต่นี่เป็นแค่ 1 ใน 33 งวดที่ตรวจเจอ.... แปลว่าผมจะต้องไปหาหลักฐานการชำระที่มันอาจจะหายไปแล้วเพื่อมายืนยันความซื่อตรงกับ SCB ตรงนี้อีกหรือไม่???
บางเดือนที่ผมชำระค่างวด "ล่วงหน้า" คุณบันทึกรายรับของผมเข้าไปหรือไม่??? ผมอาจจะไม่รอบคอบเรื่องเหล่านี้มากนักในทีแรก เพราะ "ไว้วางใจ" แต่จากนี้ไป ผมจะต้องหาหลักฐานเพื่อมาเคลียตัวเองกับเหตุการณ์แบบนี้ที่มันผ่านไปแล้วหลายปีเนี่ยเหรอครับ???
บางเดือนผมจ่ายค่างวดไปสองเดือน เดือนไหนมีเงินมากก็จ่ายมาก จะมีก็ช่วงระยะหลังที่เริ่มสะดุดบ้างแต่ก็ไม่เคยตกเข้าถึง 3 งวดสักที รีบชำระตลอด... แต่สิ่งที่เจอคือ เจอเจ้าหน้าที่ SCB มาประจานผมหน้าบ้าน โดยที่ไม่มีข้อมูลอะไรมาเลยเนี่ยนะ....
วันนี้เลยขอมาแชร์ให้เพื่อน ๆ ฟังครับ เผื่อว่าใครเคยเจอเหตุการณ์แบบนี้ ผมอยากรู้ว่าเค้าทำแบบนี้กับลูกค้าทุกคนหรือเปล่า????
พรุ่งนี้จะต้องไปลุยหาข้อมูลกันต่อ SCB ครับ.... คุณช่วยชี้แจงผมที!!!
ปล. ประเด็นที่ 1 เรื่องการขอยกเลิก ตามกฎ คปภ. ผู้รับประกันภัย ไม่มีสิทธิปฏิเสธการบอกเลิกการขอทำประกันจากผู้เอาประกัน ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุอะไรก็ตาม เพราะมันคือสัญญาระหว่าง 2 ฝ่ายที่ตกลงกันจะทำ เมื่อฝ่ายหนึ่งไม่พอใจกับสิ่งที่ได้รับ ย่อม "มีสิทธิ" ที่จะบอกเลิกการเอาประกันนั้นได้ โดยผู้เอาประกันต้องจ่ายเวนคืนค่าเบี้ยให้กับผู้เอาประกันภัย ซึ่งในกรณีนี้ เอาไปสอดไส้เป็นลักษณะ "เงินกู้" ด้วยซ้ำ ซึ่งที่สำคัญ... "เงินกู้สินเชื่อรถยนต์" ก็ส่วนของสินเชื่อรถยนต์ คุณจะเอามาเป็นเหตุผลในการปฏิเสธการยัดเยียดทำประกันชีวิตของผมไม่ได้ เพราะว่ามันไม่เกี่ยวกันเลยแม้แต่น้อย...
ประเด็นที่ 2 เมื่อผู้ขอเอาประกันแจ้งความประสงค์บอกเลิกการเอาประกันภัยซึ่งมีผลต่อในอนาคต ผู้รับประกัน ก็ต้องรับการบอกเลิกนั้น ไม่ใช่จะมาบ่ายเบี่ยงการไม่ยอมบอกเลิก ไม่ได้!!! เจ้าหนี้ที่คนดังกล่าว จึงไม่ได้มีความรู้ความเข้าใจในกฏของการเป็นนายหน้า หรือตัวแทนประกันแต่อย่างใด แล้ว SCB ให้คนเหล่านี้มาตอบคำถามพวกนี้ได้อย่างไรครับ?
วันนี้บอกเลยว่าเจอแบบนี้เข้าไป คงต้องนอนคิดกันยาวเลย.... SCB-------------