เวียงนาคินทร์ ตอนที่ 74

กระทู้สนทนา
ยิ้ม ตอนที่แล้ว  ตอนที่ 72-73 http://pantip.com/topic/34719277
ติดตามความเดิมตอนเก่ากว่านี้ ได้ในบล็อกแก็งค์เลยค่ะ
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=babyrose

ส่วนถ้าอยากทวงนิยาย ไปที่แฟนเพจในเฟซบุ๊คได้ค่ะ
https://www.facebook.com/icy.piccy/?ref=hl



ตอนที่ 74

เขามิได้เหลียวมามองนางแม้สักน้อย  วิญญาณหญิงงามยืนนิ่งอยู่ครู่ก็ผละออกมา แม้ใจจะไม่ยินดีแต่หากดื้อดึงไปคงใช่ที่ไม่ช้าก็คงถูกผลักดันออกมาด้วยพลังอำนาจ  สู้ออกไปด้วยตนเองระหว่างนี้นางยังคงเก็บภาพเมืองไว้ในความทรงจำได้ตราบนานเท่านั้น  


กุสุมาลย์ตรงไปสู่ท้องพระโรง  ยามเมื่อยังมีชีวิตอยู่นางมิมีสิทธิ์เหยียบย่างเข้ามาที่นี่เอง หากมิได้ติดตามมหิตาเทวีมา แต่บัดนี้นางเป็นอิสระต่อทุกกฎเกณฑ์  จึงเดินลิ่วขึ้นสู่บันไดตำหนักหลวงไปยังท้องพระโรง  หญิงงามใคร่รู้เหตุการณ์จะเป็นเช่นไร  เมื่อชีวิตจบนางก็ไม่อาจรับรู้สิ่งใดได้อีกนอกจากเดินย้อนรอยไปตามความทรงจำของตนเองเท่านั้น  แต่เมื่อรอยกรรมนำเคียงฟ้ากลับมาในอดีต ทุกสิ่งทุกอย่าง...กำลังหมุนวนซ้ำอีกครั้ง


‘ข้าไม่ใช่เชื่อ! ไม่เชื่อว่าน้ำหน้าอย่างนางจะพลิกฟื้นความตายของจุมภะได้’  กุสุมาลย์บอกตนเองในใจ
‘และไม่เชื่อเสียยิ่งกว่า  วิทยเทพไม่มีทางเปลี่ยนแปลงเหตุการณ์ในอดีตเหตุที่เกิดขึ้นแล้วย่อมไม่เปลี่ยนแปลง เป็นไปไม่ได้’ แม้ใจจะบอกตนเองเยี่ยงนี้  แต่ความตื่นกลัวกลับบังเกิดขึ้นในใจ


บานทวารหน้าท้องพระโรงใหญ่นั้นปิดอยู่มีทหารยามยืนเฝ้า  วิญญาณนางกำนัลยืนอยู่เบื้องหน้าตั้งท่าจะเดินทะลุผ่านเข้าไป  แต่พลันมีเสียงจากเทพธรณีประจำทวารท้องพระโรงดังขึ้นห้ามเสียก่อน


“เจ้าเข้ามาไม่ได้!”


กุสุมาลย์เงยหน้ามองเหนือบานทวารมีหน้ามุขสลักด้วยไม้ขยับนัยน์ตามามองตอบ


“เจ้าเป็นเพียงแค่วิญญาณ  ห้ามมิให้เข้า  และที่สำคัญไม่มีผู้ใดอยู่ข้างใน  พระบาทเจ้ามิได้ใช้ท้องพระโรงนี้ประชุม”  ครั้นจะถามตอบว่าพระบาทเจ้าประทับอยู่ที่ใดคงไม่มีคำตอบ  นางจึงเปลี่ยนคำถามด้วยน้ำเสียงนอบน้อม


“แล้วภูวิษะเจ้าเล่า ได้เสด็จมา ณ ที่นี้หรือไม่”


“เสด็จไปเฝ้าพระบาทเจ้าในท้องพระโรงเล็ก” เมื่อได้คำตอบนางย่อกายลงขอบคุณ  แล้วหายไปจากที่นั้นไปสู่ท้องพระโรงเล็ก
ยามปรกติแล้วท้องพระโรงเล็กใช้ปรึกษาราชการในทางลับหรือเป็นทางใน ที่มิใช้มีคนเข้าเฝ้ามากนัก  จะเรียกว่าเป็นการปรึกษาราชการอย่างไม่เป็นทางการต่างกับการเสด็จออกว่าราชการในท้องพระโรงใหญ่  พระบาทเจ้าสิทธิเสณประทับอยู่บนตั่งพระกรข้างหนึ่งพาดอยู่บนพระเขนยขวาน  สีพระพักตร์ไม่เคร่งเครียดนักแม้จะมีภูวิษะเจ้าราชบุตรเขยที่ทำให้ขุ่นเคืองพระทัยประทับอยู่ด้วยก็ตามที


“ปาลปุระเร่งพิธีอภิเษกสมรสมาราวกับกลัวทางเราจะเปลี่ยนใจ เฮอะ!”ตรัสอย่างไม่พอพระทัย


“โอกาสงามเช่นนี้หายากนี่พะยะค่ะ ”


“ข้าก็ว่าอย่างนั้น  โอกาสเช่นนี้ไม่มีอีกเป็นครั้งที่สองแน่  ว่าแต่นางตัวดีว่าอย่างไร?” พระบาทเจ้าทรงตรัสถามถึงพระธิดาองค์เล็ก


“บัดนี้มหิตาไปถือศีลยังอาศรมสตรีตามรับสั่งของพระแม่เจ้าแล้วพะยะค่ะ”  เจ้านาคราชตรัสตอบเรียบๆ


“อย่าให้นางกลับมา  จนกว่าพิธีส่งตัวเจ้าหญิงจากปาลปุระมายังจุมภะจะเรียบร้อย”


“7 วันเอง พอหรือเพคะเสด็จพ่อ”กัมลาภาเทวีพระธิดาองค์โตตรัสทูล


“ไม่พอก็เพิ่มวันไป  อย่าให้นางมาทำเสียเรื่องได้  ภูวิษะ! เจ้าปรามนางไว้ด้วยเล่า” ทำให้ทุกสายตามองมายังนาคเจ้า


“ภูวิษะหรือจะห้ามมหิตาได้ เคยห้ามได้ที่ไหนกันเล่าเพคะ”  ตรัสแล้วชายพระเนตรไปยังภูวิษะเจ้า


“ครั้งนี้ยังไงก็ต้องได้ ถ้าไม่ได้เจ้าต้องรับผิดชอบด้วยหัวของเจ้า!”


สุรเสียงทรงอำนาจกังวานขึ้น  ภูวิษะเจ้ายกมือขึ้นพนมเหนือเศียรรับพระดำรัสเรียบๆ เช่นเคยมิได้โต้แย้งอันใด  คงมีแต่เสียงแค่นหัวเราะออกมาเบาๆ จากรอบข้าง โดยเฉพาะกัมลาภาเทวีทรงเปิดเผยความรู้สึกนักด้วยว่ายังขัดเคืองในเรื่องเก่าแต่นาคเจ้ามิได้ใส่พระทัย


“แล้วเรื่องตำหนักของนาง  จะทำอย่างไร  เวลาแค่นี้เร่งปลูกตำหนักใหม่ให้ก็คงไม่ทัน จะได้ก็แค่ตำหนักเล็กๆ ก็ไม่สมศักดิ์ศรี”


“นั่นสิพะยะค่ะ  เห็นทีต้องอยู่ร่วมตำหนักกันไปก่อน  เมื่อสร้างตำหนักใหม่แล้วเสร็จจึงค่อยแยกออกมาเป็นสัดส่วน  แล้วน้องหญิงมหิตาจะทนได้หรือ  เกรงว่าจะกระทบกระทั่งกันใหญ่โต” เจ้าชายอนันตราชตรัสทูลความเห็นแล้วเหลียวมาทอดพระเนตรต้นเรื่อง


“เฮ้อ...คงได้ตีกันตำหนักแตก  หากเป็นเช่นนั้นจะเป็นเรื่องบาดหมางระหว่างเมือง  ปาลปุระจะหาว่าเรารังแกได้” พระแม่เจ้ากมุทรามหาเทวีทรงถอนหทัย  เรื่องทรงวิตกนั้นหาได้ห่างไกลความจริงไม่


“นั่นสิเพคะ...เดี๋ยวจะเป็นเรื่องใหญ่โต   ภูวิษะท่านเตรียมแก้ไขเรื่องนี้ไว้อย่างไร” เมื่อกัมภาเทวีตรัสถามทุกสายตาก็จ้องมองมาเป็นจุดเดียว  บ้างก็นิ่งรอฟังคำตอบ บ้างมีก็แววเยาะหยันปรากฏ  


“ว่าอย่างไรภูวิษะ  คุยกับมหิตาดีแล้วรึ  ไม่ใช่ว่าถึงเวลาก่อเรื่องให้ขายหน้าอีกล่ะ”  แม้พระบาทเจ้าเองก็หวั่นใจกับพระธิดาองค์เล็ก  ทรงทราบดีกว่าหึงหวงรุนแรงนัก


“หม่อมฉันตรึกตรองเรื่องนี้ดีแล้ว  จะสร้างตำหนักรองรับก็คงไม่ทันการณ์  ครั้นจะฝากไว้ที่ตำหนักหลวงก็ไม่เหมาะสมทางปาลปุระจะหาว่าหม่อมฉันเกี่ยงงอน”


“ก็นั่นแหละ   ถ้าเจ้าคิดไม่ออกก็รีบบอกมาจะได้ช่วยกันแก้ไข”  พระสัสสุระทรงตรัสไว้พระพักตร์ราชบุตรเขย ด้วยพระอารมณ์ไม่ใคร่ดี


“มิต้องเป็นกังวลพะยะค่ะ....หม่อมฉันทูลขอร้องให้สร้อยประพาฬเทวีช่วยจัดเตรียมเรื่องการรับรองเทวีของปาลปุระไว้แล้วพะยะค่ะ”


“สร้อยประพาฬเทวีเกี่ยวข้องกระไรด้วย”  สุรเสียงฉงนของพระบาทเจ้าดังประสานกับผู้อื่นในท้องพระโรงเล็ก สร้อยประพาฬเทวีแทบไม่มีบทบาทในการเมืองเลยนับตั้งแต่พระสวามีเสด็จทิวงคต1ไป


“ด้วยเวลาแค่ 7 วัน หม่อมฉันมิมีเคหาสน์สถานอันเหมาะสมไว้รองรับเทวีแห่งปาลปุระ  จึงต้องทูลขอร้องเสด็จป้าให้ทรงช่วยเหลือ  อีกทั้งแก้วตาราเทวียังเยาว์นักไม่ทราบว่า....นางพร้อมจะถวายงานในฐานะชายาหรือไม่” สุรเสียงลดลงเล็กน้อยคล้ายกระดากอาย


“จริงอยู่...นางเพิ่งจะ 13 เท่านั้น ไม่รู้ว่ามีระดูหรือยังด้วยซ้ำ”ถ้อยดำรัสที่ตรงไปตรงมาของพระบาทเจ้าทำให้ผู้ที่มาเฝ้ารอบขบขัน


“เสด็จพี่..ตรัสกระไรเช่นนั้น   ถึงนางจะแค่ 13 แต่นางก็เป็นสตรี  ปาลปุระคงอบรมนางมาแล้วมิใช่ไม่ประสีประสาเอาสียเลย” เป็นพระแม่เจ้าที่ทรงคัดค้าน ทรงตบหัตถ์ลงที่ต้นพาราของพระสวามีเป็นการปราม


“สำหรับหม่อมฉัน....นางยังเยาว์นัก  เรื่องการอภิเษกคงเป็นได้เพียงในนาม”


“ภูวิษะ! ปาลปุระไม่สนดอกว่าเจ้าแต่งงานกับจะในนามหรือรับเป็นคู่จริง”


“อนันตราชพูดถูก...นั่นมิใช่ประเด็นใหญ่”


“แต่หม่อมฉันเห็นว่าความเยาว์นั่นถูกสร้างให้เป็นประเด็นการเมืองได้พะยะค่ะ “


“ยังไง?” แทบทุกเสียงถามพร้อมกัน  ภูวิษะเจ้าแย้มสรวลบางๆ ก่อนตรัสถวาย


“อันความไม่พร้อมของสตรีนั้นมีด้วยกันหลายเหตุ   ความเยาว์วัยก็เช่นกันอาจทำให้นางขาดตกบกพร่องเรื่องปรนนิบัติได้ เรื่องนี้ถือเป็นหน้าตาของสตรีแห่งปาลปุระเช่นกัน  นอกจากนั้นแล้วแก้วตาราควรจะได้รับการฝึกธรรมเนียมปฏิบัติของชาวเราด้วย  ยังมีอีกมากที่เทวีน้อยนั้นต้องศึกษาเรียนรู้  หม่อมฉันจึงขอฝากนางเอาไว้กับเสด็จป้าสร้อยประพาฬเทวีเสียก่อน  ซึ่งเสด็จป้ารับปากว่าจะอบรมกิริยามารยาทของชาวจุมภะให้แก่นางจนกว่าจะถึงเวลาที่เหมาะสม  เมื่อนั้นการอภิเษกสมรสค่อยเกิดขึ้น”

========

1 ทิวงคต – ตาย  ใช้กับชั้นเจ้าฟ้า
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่