ลูกหนี้หนีหนี้เราและผู้ค้ำประกันไปอยู่อเมริกา แชร์ประสบการณ์สำหรับผู้จะทำสัญญาเงินกู้เบื้องต้นค่ะ
กระทู้นี้ขอแชร์ประสปการณ์เพื่อเป็นอุทธาหรณ์การทำสัญญาเงินกู้และเพื่อเป็นการเตือนใจหากใครต้องหารให้คนสนิทยืมเงินแม้แต่แฟน คุณอาจะจะไม่ได้เงินคืนใดๆ และต้องชอกช้ำระกำใจกับคนแย่ๆและหนี้สูญนะคะ
เราเป็นแฟนกับนาย(สมมุติแน่นวล)ถูกต้องมา4ปีค่ะ นิสัยนายถูกต้องเนี่ยเป็นหนุ่มสังคมจ๋าจ๊ะ ใช้เงินสุรุ่ยสุร่ายเงินเก็บไม่มี แต่ซื้อเสื้อตัวละ3500Superdry iphone5s กินข้าวหรูๆ ไปเที่ยวต่างประเทศปีละครั้ง หน้าใหญ่ใจโต ชอบเล่นfb igมากกกก อวดนั่นนี่แม้กระทั่งรองเท้าและแผ่นเช็ดหน้าแจกฟรีได้มาจากเมกา เราเองรับรู้นิสัยนี้มาตลอดค่ะ แต่เราเห็นว่าเค้ายังมีเงินใช้ เราก็ไม่ได้ว่าอะไรมาตลอด เพราะคนที่ทำงานนิสัยส่วนมากขี้อวดพรีเทนด์ว่าชีวิตดี๊ดีกันอยู่แล้ว ประกอบกับนายนี่พื้นเพมากจากครอบครัวปากกัดตีนถีบแต่ได้เรียนรร.ดีดังแถวนครปฐม เราพยายามเข้าใจว่านายนี่อาจจะแพ้น้อยหน้าเพื่อนไม่ได้ไรงี้ค่ะ
คบกันไปได้3ปี เค้าเริ่มมาขอยืมเงินเราโน่นนี่นั่น เน้นว่ายืมนะคะขอยืม เค้าอ้างว่าเพราะต้องเอาเงินไปช่วยพ่อเค้าที่เป็นนักการเมืองท้องถิ่นใหญ่ที่ขอนแก่น(จริงเท็จกูก็ไม่รู้เคยสอบถามไปยังอบต.พื้นที่ก็ไม่มีใครรู้จักเมิ้ง) โดนเขี่ยออกจากสารบบตั้งแต่รัดถะบานxxxโรยราลงไปค่ะ เราว่าไม่น่าจะใช่เลยไปสืบว่าทำไมตานี่มีเงินเดือนแล้วยังยืมโน่นนี่ มันจะเดือดร้อนอะไรนักหนา ปรากฏว่า เค้าไปกู้สามัญที่ทำงาน(มีให้กู้หลายก้อนค่ะ) แล้วเค้าเงินเดือนแค่13,xxx แต่โดนหักหนี้ประมาณ3ก้อน (กู้ฉุกเฉิน กู้สามัญ กู้น้ำท่วม กู้ฯลฯ)โดนหักไป9000บาทต่อเดือนเหลือแค่เดือนละ4000-5000บาทใช้จ่ายตั้งแต่ก่อนเราคบกันอีก
เราก็อึ้งค่ะ ไอ้ที่มันมีเงินใช้จ่ายสุรุยสุร่ายเนี่ยเป็นเพราะมันเอาเงินกู้ทั้งหลายทั้งแหล่รวมกันประมาณ1ล้านบาทเนี่ยมาหมุนใช้ชีวิตสโลว์ไลฟ์ไฮโซววสินะ แล้วให้หักเงินเดือนไปงี้ (ตัวเองเงินเดือนแค่13xxxไงคะ) พอเค้าเริ่มไปกู้หนี้ก้อนที่2-3เงินก็เริ่มโดนหักเลยคงไม่พอใช้เค้าเลยมายืมเราค่าน้ำมันบ้างค่าข้าวบ้างค่าโทรศัพท์บ้าง แล้วที่ร้ายกว่านั้นคือ เค้าไม่มีทางหมุนเงินอะไรเลยอ่ะ เค้าติดblacklistขนาดธนาคารสีเขียวหักเงินจากบัญชีนางเพื่อชดค่าบัตรเครดิตไปแบบไม่บอก ดีแตกก็ต้องใช้แบบเติมเงินเพราะค้างเบอร์เก่าไว้ วันดีคืนดีก็มีใบแจ้งหนี้ทวงค่ารถมอเตอร์ไซค์(ที่ไหนไม่รู้)มาที่บ้านบอกว่าค้างไว้3เดือนแล้ว วันดีคืนดีกว่าอีกก็มีผู้หญิงทีไหนไม่รู้ น่าจะกิ๊กมั้ง โทรมาทวงเงินเราค่าโน้ตบุ๊คที่นายถูกต้องไปใช้บัตรนางรูดซื้อไว้แล้วหนีหายไปเลย โอ้ย วีรกรรมเรื่องเงินมีอีกบานเบอะค่ะ
จนกระทั่งปี2554 นายถูกต้องมีเหตุไปขึ้นโรงขึ้นศาล เค้าก็มาขอกู้เงินเราค่ะจำนวนจะแสนบาทได้ เนื่องจากเป็นคดีอาญาเค้าเลยไม่สามารถสับหนี้สับขาได้เหมือนหนี้ก้อนอื่น หนี้ที่เค้ากู้เราเนี่ย(ใช้คำว่ายืม)ก่อนหน้าประมาณอีก70000กว่าบาท ค่าติดแก๊สรถค่าแลกเงินไปเที่ยวอเมริกา(มีถ่ายรูปลงเฟสด้วยนะคะ เงินดอลล่าห์เป็นฟ่อนๆ แต่ไม่เห็นจะบอกว่ายืมชาวบ้านไปเที่ยว) สิริรวมแล้วประมาณ140,000บาท เราเห็นว่ามันจำเป็นจริงๆและเราก็เริ่มจะไม่ไหวกะการใช้เงินตานี่แล้ว เราเลยให้นายถูกต้องทำสัญญาเงินกู้ขึ้นมาค่ะ
นายนี่ก็ไปทำมาจริงๆค่ะ โดยการไปหาสัญญาเงินกู้ตามอินเตอร์เน็ตมา หน้าตาแบบนี้ เออดูดีเนาะ

Cr.Internet
นางยอมเอารถคันเดียวในชีวิตของนางค้ำประกันเงินกู้ค่ะ (ซึ่งกู้สามัญมาซื้อก่อนหน้านั้นล้านกว่าบาทนั่นล่ะค่ะ ไม่ได้ให้พ่อไปเล่นการเมืองแต่อย่างใด เพื่อนที่ค้ำประกันบอกมา) เราตกลงให้นางโดยการโอนเงินและเราไม่ชะล่าใจเก็บใบโอนไว้ด้วยค่ะ
หลังจากนั้นมา ก่อนหน้าที่จะเลิกกันไปไม่นานเท่าไหร่ นางยังมาขอให้เราผ่อนip5sให้อีกค่ะ เพราะบัตรนางไม่มีซักใบแล้ว เรานี่คิดหนักมากว่ามันผ่อนหนี้เดือนละ9000ที่ทำงาน ติดเราอีก140k หนี้นั่นนี่นอกระบบอีก จะขอผ่อนไอโฟนอีกเรอะ สุดท้ายทนรบเร้าไม่ไหว ก็เลยต้องยอมรูดบัตรไปค่ะ กว่าจะตามหนี้ได้นี่นานมากกจนเลิกกันไปเลยยังผ่อนไม่หมดอีก จ่ายบ้างไม่จ่ายบ้าง ห้วย แต่ระหว่างนั้นนางก็ยังโพสท์fb igมือถือเครื่องใหม่หรูเริ่ดนะคะ
ปรากฏว่าปีที่แล้ว นายถูกต้องแต่งงานเพราะแฟนพี่แกดันท้องค่ะ จากการไปสอดส่องหาข้อมูล พี่แกก็หน้าใหญ่จัดงานแต่งหะรูหะราพอฐานะแถมด้วยสินสอดให้สาวอีกตะหาก เราบังเอิญเดินเจอนางที่ทำงานเลยไปทวงอีกว่าเมื่อไหร่นายถูกต้องจะใช้หนี้เราบ้าง ก็มีเงินไปแต่งงานแล้วนี่ ไปกู้ฉูกเฉินกู้อะไรมาคืนก็ได้ ปรากฏว่านางบอกว่ากู้ไม่ได้แล้ว เต็มหมดแล้ว ไอ้เราก็นึกว่าที่บริษัทยังไม่เปิดให้กู้ อ่ะปล่อยไป กำลังลำบากอีกสินะ
แต่...เราบังเอิญไปสืบทราบอีกว่านายเนี่ย ไปให้เพื่อนที่ทำงานอีกคนค้ำประกันเพื่อกู้เงินเพิ่มเติมอีกสองก้อนทำนองกู้ฉุกเฉิน เพื่อเอามาจัดงานแต่งงานและให้สินสอดสาวค่ะ สรุปว่านางไม่จ่าย เพราะกู้เงินไปแต่งงานแล้วแต่บอกเราว่ากู้ไม่ได้นี่เอง ห้วย
ผ่านไปสองเดือนเราไม่เจอเค้าอีกเลย มาทราบอีกทีว่าเค้าลาออก ห้ะ ลาออกเรอะ เป็นไปได้ไงเนี่ย เพราะบริษัทเราเนี่ยถือว่าการงานมั่นคงและเข้ายากพอควรค่ะ ผู้ชายที่สังคมจ๋าแบบนั้น(จีบสาวติดเพราะแบบนี้ด้วย ไม่ได้หล่อเลยค่ะ) ไม่น่าจะยอมลาออกง่ายๆยิ่งเค้ามีลูกอ่อนเนาะ เราก็ไปสืบอีก (ทุรนทุรายเพราะหนี้หายแน่นอนแร้น) เค้าไปบอกคนอื่นว่าเค้าได้งานใหม่ตำแหน่งระดับผจก.ที่ต่างจังหวัดของบริษัทคู่แข่ง ซึ่งมีแต่คนงงว่ามันจะไปได้งานได้ยังไงอายุก็น้อยทำงานก็ไม่ได้ดี โดดงานก็บ่อยแบบนั้น โดนwarningก็หลายทีแล้ว ไอ้บริษัทคู่แข่งมันหลับตารับไปรึไงฟระ แถมก่อนจะออกนายถูกต้องไปขอยืมเงินกองกลางของทีมเค้า20,000บาทโดยไม่บอกใครว่าจะลาออกด้วย (นางเอาทุกเม็ดเนาะ)
เราก็เต้นๆๆ ไปสืบข้อมูล (เหนื่อยค่ะ) นายถูกต้องกู้นั่นนี่ สิริรวมแล้วน่าจะ5กองได้ ยอดหนี้ประมาณ 1.5-1.6ล้านบาท นายถูกต้องไม่เคยจ่ายหนี้เลยตั้งแต่ลาออกไปให้ผู้ค้ำประกัน3คนใช้หนี้แทน ระยะเวลาน่าจะ30ปี ผู้ค้ำประกันมีตั้งแต่หัวหน้างานเก่า(ทำกันได้) ไปจนถึงยามที่ทำงาน ฯลฯ
เมื่อเรื่องดำเนินมาถึงขั้นนี้ คงตามหนี้กันแบบดีๆไม่ได้อีกแร้น เราเลยกลับไปดูสัญญาเงินกู้ที่เค้าเอารถมาค้ำเอาไว้ และส่งให้ทนายดูเพื่อฟ้องร้อง แต่ปรากฏว่าสัญญานั้นแทบจะไม่validเลยในชั้นศาลเพราะ :
1.สัญญาที่ทำไว้นั้น เราลืมให้พยานเซ็นต์ในช่องพยาน
2.ไม่มีการรับมอบหนังสือคู่มือเล่มทะเบียนรถ(เล่มฟ้า) และหรือกุญแจรถจากผู้กู้ ในทางกฏหมายนั้นถือว่าการจำนองหนี้ไม่สมบูรณ์ (ประมาณนี้ค่ะ)
3.ไม่มีหลักฐานว่าเจ้าตัวได้รับเงินแล้ว (สัญญาไม่ได้บ่งบอกว่าเป็นใบเสร็จรับเงินและไม่ได้ทำใบเสร็จรับเงิน)
4.ลายมือในสัญญานั้น เป็นทั้งเราและเค้าช่วยกันเขียนค่ะ เรากรอกในส่วนของรายละเอียดหนี้ ส่วนเค้ากรอกรายละเอียดส่วนบุคคลเค้าเอง
5.ลายเซ็นต์ลงนามของเจ้าตัวนั้นเซ็นต์แบบส่งๆมาก และเป็นลายเซ็นต์ที่เค้าไม่ค่อยใช้นัก เจ้าตัวอาจจะสู้ว่าเป็นลายเซ็นต์ปลอมได้
อย่างไรก็ดี เราเสี่ยงส่งฟ้องไปค่ะ เพราะไม่รู้จะทำไงแล้วจริงๆ
ด้วยความไม่สมบูรณ์ของสัญญานี้ ลูกหนี้(จำเลย)ได้ส่งทนายมาซักค้านต่อศาลว่า
สัญญานี้โมฆะเพราะ ”เป็นการให้โดยสิเหน่หา” และ “ไม่มีมูลเหตุแห่งหนี้” เพราะฉะนั้นจำเลยไม่มีเหตุใดๆให้จ่ายหนี้คืน เรื่องคดีเราไม่ขอเราเล่าต่อ เพราะมันโหดมันส์ฮายาวยืดมาก ใช้เวลา1ปีเศษโดยที่เจ้าตัวไม่เคยมาขึ้นศาลเลย อ้างว่าไม่สบายบ้าง ติดต่อไม่ได้บ้าง อยู่อมเริกาบ้าง กำลังลำบากบ้างฯลฯ ผ่านทนายจำเลยเท่านั้น
ดังนั้นเราขอแนะนำเบื้องต้นค่ะ
แบบคนไม่ใช่ทนาย สำหรับคนที่จะทำสัญญาเงินกู้และหรือให้กู้
ขอให้ระวังข้อผิดพลาดเล็กๆน้อยจะได้ปิดประตูตีแมวกันไปหากต้องไปฟ้องร้องกันจริงๆดังนี้ค่ะ
1.การทำสัญญาใดๆห้ามก๊อบสัญญามาจากอินเตอร์เน็ตแม้มันจะดูดีมีสกุลประการใด ไม่ชัวร์ ควรปรึกษาทนายความถึงความถูกต้องของสัญญา และvalidity
2.ภาษากฏหมายไม่ได้อ่านเข้าใจแบบสามัญธรรมดา ดังนั้นอย่าอ่านเองและเข้าใจเองว่าถูกต้อง
มันมีการตีความและบ่งชี้ของถ้อยคำค่ะ ดังนั้น การทำสัญญาด้วยภาษาธรรมดา ดังเช่นสัญญาก๊อป มักมีช่องว่างให้ภาษากฏหมายตีความไปได้ทางอื่น และเราอาจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบได้ ดังเช่นในกรณีเรา คำว่า ในสัญญาเขียนว่า ข้าพเจ้าaaa ให้ นายxxxยืม ไม่ได้แปลว่าระหว่างเจ้าหนี้และลูกหนี้มีการมอบเงินแล้วใดๆและหรือหนี้นั้นได้เกิดขึ้นแล้วโดยสมบูรณ์
3.จากข้อ2 ดังนั้น ต้องทำใบเสร็จรับเงินให้ลูกหนี้ลงนามรับเงินไปแล้วด้วยทุกครั้งค่ะ และให้ลงนามในบัตรประชาชนเจ้าตัวแนบด้วยจะดีมาก เป็นการป้องกันการโต้แย้งว่าเป็นลายเซ็นต์ปลอม
3.1กรณีโอนเงินให้ลูกหนี้ ต้องเก็บใบโอนไว้ให้ดี
3.2หากมีการให้เงินเป็นครั้งๆ ต้องจดรายละเอียดการให้ไว้ด้วย ว่าให้ไปวันไหนที่ไหนทำอะไรมีพยานหรือไม่ จะมีประโยชน์ในชั้นศาลหากสืบพยาน กรณีคู่กรณีสู้คดีว่าไม่มีมูลเหตุแห่งหนี้
4.ควรจะหาหลักฐานลายเซ็นต์ที่เป็นทางการของลูกหนี้เอาไว้ประกอบ เช่นลายเซ็นต์ที่ทำงาน ลายเซ็นต์ที่เค้าเคยลงนามไว้ในสลิปโอนเงินธนาคาร ฯลฯ (ออกแนวนอย แต่ทำไว้เถิดโยมๆ)
5.ต้องมีพยานลงนามในสัญญารับทราบ เพราะจะสามารถนำสืบพยานได้
6.สัญญาควรทำเป็นสองฉบับ(ตัวจริง)และเก็บไว้เองค่ะ ให้สำเนาเจ้าตัวไป เพราะเวลาไปฟ้องร้องหากฉบับจริงหายหรือชำรุด ไม่สามารถนำสำเนาไปฟ้องร้องใดๆได้ เรามีเคยมีกรณีเพื่อนเราเองค่ะที่สัญญาเงินกู้สูญหายไปพร้อมกับบ้านไฟไหม้ และแน่นอนหนีก็ปลิวไปด้วยสินะ
7.ให้หาข้อมูลแวดล้อมของลูกหนี้ไว้ให้พร้อม เช่น ที่ทำงานของลูกหนี้และภรรยา/สามีอยู่ที่ไหน ภูมิลำเนา เจ้าตัวมีทรัพย์สินอะไรที่พอจะมาใช้หนี้ได้มั้ย เพราะหากคดีสิ้นสุดแล้ว จะมีประโยชน์ตอนไปชี้ทรัพย์สินของลูกหนี้ที่กรมบังคับคดี
8.ให้เช็คกับทนายหรือผู้มีความรู้ให้ดี หากลูกหนี้ต้องการจะเอาทรัพย์สินอะไรมาค้ำประกัน ทรัพย์สินบางอย่างเช่นกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ทางกฏหมายไม่สามารถไปบังคับหนี้ได้ใดๆ หรือรถต้องมีการยึกครองเล่มฟ้าหรือกุญแจรถเอาไว้เพื่อป้องกันการนำไปขาย หรือสินสมรสหากมีภรรยา/สามี ต้องตรวจดูว่ามีการจดทะเบียนหรือไม่ การจดทะเบียนหากก่อนการทำสัญญาไม่สามารถไปบังคับกับภรรยาได้กึ่งหนึ่ง
9.อย่านำข้อมูลที่ว่า การที่ผู้ขอกู้ทำงานที่ดีมั่นคง บริษัทใหญ่โตมาเป็นเป็นหลักประกันการให้กู้หรือค้ำประกัน เพราะไม่มีหลักประกันเลยว่าเจ้าตัวจะอยู่ใช้หนี้จนครบ ดังกรณีนี้ที่ลูกหนี้หนีไปตปท.
9.1กลับไปข้อ7ค่ะ
ตอนนี้คดีความของเราอยู่ที่ชั้นศาล และเราไม่คิดว่านายถูกต้องจะมีทรัพย์สินอะไรให้ไปบังคับคดีค่ะ สำหรับผู้ที่สนใจสามารถIBได้ค่ะสำหรับคดีความ
ส่วนผู้ค้ำประกันทั้ง3คนในส่วนหนี้1.5ล้านนั้น เท่าที่คุยเบื้องต้น ไม่มีใครสามารถติดต่อเจ้าตัวได้เลย มีติดต่อได้ครั้งเดียวคือเจ้าตัวไลน์กลับมาบอกทำนองว่าตอนนี้กำลังลำบาก โดนส่งกลับมาเมืองไทยแล้วและทำงานแบบลับๆในรีสอร์ทแห่งนึง ไม่มีเงินใช้หนี้ให้เห็นใจด้วย ซึ่งก็โกหกตามเคยเพราะสามวันถัดมานายนี่ยังพาลูกเมียไปเที่ยวนั่นนี่ที่โน่นอยู่เลยค่ะ และเสียงลือเสียงเล่าอ้างไปค้นพบมาอีกว่า นายถูกต้องก็ยังอยู่ดีมีเงินใช้สบาย ออกโตโยต้าพรีอุสตัวท็อป ซื้อกล้องNikon Apple watch ฯลฯ
สุดท้ายนี้ รบกวนปรึกษาพี่ๆน้องๆแนะนำด้วยว่าเราและผู้ค้ำทั้งโขลงควรจะไปตามหนี้ยังไงดี เพราะไม่มีใครรู้ที่อยู่หรือข้อมูลว่าตานี่อยู่ส่วนไหนของเมกาเลยค่ะ ถึงขนาดไปฟ้องหนี้เจ้าตัวก็ยังไม่มาขึ้นศาล และดูแล้วน่าจะทำนองดลฤดีแน่นอนค่ะ
ปล.เรามีหลักฐานทุกชิ้นค่ะ สัญญาทวงเงินให้คนค้ำชำระหนี้เอย สัญญาเงินกู้ตัวจริงก็มีค่ะ
แก้เนื้อความค่ะ พิมพ์ผิด1ประโยค
ลูกหนี้หนีหนี้เราและผู้ค้ำประกันไปอยู่อเมริกา แชร์ประสบการณ์สำหรับผู้จะทำสัญญาเงินกู้เบื้องต้นค่ะ
กระทู้นี้ขอแชร์ประสปการณ์เพื่อเป็นอุทธาหรณ์การทำสัญญาเงินกู้และเพื่อเป็นการเตือนใจหากใครต้องหารให้คนสนิทยืมเงินแม้แต่แฟน คุณอาจะจะไม่ได้เงินคืนใดๆ และต้องชอกช้ำระกำใจกับคนแย่ๆและหนี้สูญนะคะ
เราเป็นแฟนกับนาย(สมมุติแน่นวล)ถูกต้องมา4ปีค่ะ นิสัยนายถูกต้องเนี่ยเป็นหนุ่มสังคมจ๋าจ๊ะ ใช้เงินสุรุ่ยสุร่ายเงินเก็บไม่มี แต่ซื้อเสื้อตัวละ3500Superdry iphone5s กินข้าวหรูๆ ไปเที่ยวต่างประเทศปีละครั้ง หน้าใหญ่ใจโต ชอบเล่นfb igมากกกก อวดนั่นนี่แม้กระทั่งรองเท้าและแผ่นเช็ดหน้าแจกฟรีได้มาจากเมกา เราเองรับรู้นิสัยนี้มาตลอดค่ะ แต่เราเห็นว่าเค้ายังมีเงินใช้ เราก็ไม่ได้ว่าอะไรมาตลอด เพราะคนที่ทำงานนิสัยส่วนมากขี้อวดพรีเทนด์ว่าชีวิตดี๊ดีกันอยู่แล้ว ประกอบกับนายนี่พื้นเพมากจากครอบครัวปากกัดตีนถีบแต่ได้เรียนรร.ดีดังแถวนครปฐม เราพยายามเข้าใจว่านายนี่อาจจะแพ้น้อยหน้าเพื่อนไม่ได้ไรงี้ค่ะ
คบกันไปได้3ปี เค้าเริ่มมาขอยืมเงินเราโน่นนี่นั่น เน้นว่ายืมนะคะขอยืม เค้าอ้างว่าเพราะต้องเอาเงินไปช่วยพ่อเค้าที่เป็นนักการเมืองท้องถิ่นใหญ่ที่ขอนแก่น(จริงเท็จกูก็ไม่รู้เคยสอบถามไปยังอบต.พื้นที่ก็ไม่มีใครรู้จักเมิ้ง) โดนเขี่ยออกจากสารบบตั้งแต่รัดถะบานxxxโรยราลงไปค่ะ เราว่าไม่น่าจะใช่เลยไปสืบว่าทำไมตานี่มีเงินเดือนแล้วยังยืมโน่นนี่ มันจะเดือดร้อนอะไรนักหนา ปรากฏว่า เค้าไปกู้สามัญที่ทำงาน(มีให้กู้หลายก้อนค่ะ) แล้วเค้าเงินเดือนแค่13,xxx แต่โดนหักหนี้ประมาณ3ก้อน (กู้ฉุกเฉิน กู้สามัญ กู้น้ำท่วม กู้ฯลฯ)โดนหักไป9000บาทต่อเดือนเหลือแค่เดือนละ4000-5000บาทใช้จ่ายตั้งแต่ก่อนเราคบกันอีก
เราก็อึ้งค่ะ ไอ้ที่มันมีเงินใช้จ่ายสุรุยสุร่ายเนี่ยเป็นเพราะมันเอาเงินกู้ทั้งหลายทั้งแหล่รวมกันประมาณ1ล้านบาทเนี่ยมาหมุนใช้ชีวิตสโลว์ไลฟ์ไฮโซววสินะ แล้วให้หักเงินเดือนไปงี้ (ตัวเองเงินเดือนแค่13xxxไงคะ) พอเค้าเริ่มไปกู้หนี้ก้อนที่2-3เงินก็เริ่มโดนหักเลยคงไม่พอใช้เค้าเลยมายืมเราค่าน้ำมันบ้างค่าข้าวบ้างค่าโทรศัพท์บ้าง แล้วที่ร้ายกว่านั้นคือ เค้าไม่มีทางหมุนเงินอะไรเลยอ่ะ เค้าติดblacklistขนาดธนาคารสีเขียวหักเงินจากบัญชีนางเพื่อชดค่าบัตรเครดิตไปแบบไม่บอก ดีแตกก็ต้องใช้แบบเติมเงินเพราะค้างเบอร์เก่าไว้ วันดีคืนดีก็มีใบแจ้งหนี้ทวงค่ารถมอเตอร์ไซค์(ที่ไหนไม่รู้)มาที่บ้านบอกว่าค้างไว้3เดือนแล้ว วันดีคืนดีกว่าอีกก็มีผู้หญิงทีไหนไม่รู้ น่าจะกิ๊กมั้ง โทรมาทวงเงินเราค่าโน้ตบุ๊คที่นายถูกต้องไปใช้บัตรนางรูดซื้อไว้แล้วหนีหายไปเลย โอ้ย วีรกรรมเรื่องเงินมีอีกบานเบอะค่ะ
จนกระทั่งปี2554 นายถูกต้องมีเหตุไปขึ้นโรงขึ้นศาล เค้าก็มาขอกู้เงินเราค่ะจำนวนจะแสนบาทได้ เนื่องจากเป็นคดีอาญาเค้าเลยไม่สามารถสับหนี้สับขาได้เหมือนหนี้ก้อนอื่น หนี้ที่เค้ากู้เราเนี่ย(ใช้คำว่ายืม)ก่อนหน้าประมาณอีก70000กว่าบาท ค่าติดแก๊สรถค่าแลกเงินไปเที่ยวอเมริกา(มีถ่ายรูปลงเฟสด้วยนะคะ เงินดอลล่าห์เป็นฟ่อนๆ แต่ไม่เห็นจะบอกว่ายืมชาวบ้านไปเที่ยว) สิริรวมแล้วประมาณ140,000บาท เราเห็นว่ามันจำเป็นจริงๆและเราก็เริ่มจะไม่ไหวกะการใช้เงินตานี่แล้ว เราเลยให้นายถูกต้องทำสัญญาเงินกู้ขึ้นมาค่ะ
นายนี่ก็ไปทำมาจริงๆค่ะ โดยการไปหาสัญญาเงินกู้ตามอินเตอร์เน็ตมา หน้าตาแบบนี้ เออดูดีเนาะ
Cr.Internet
นางยอมเอารถคันเดียวในชีวิตของนางค้ำประกันเงินกู้ค่ะ (ซึ่งกู้สามัญมาซื้อก่อนหน้านั้นล้านกว่าบาทนั่นล่ะค่ะ ไม่ได้ให้พ่อไปเล่นการเมืองแต่อย่างใด เพื่อนที่ค้ำประกันบอกมา) เราตกลงให้นางโดยการโอนเงินและเราไม่ชะล่าใจเก็บใบโอนไว้ด้วยค่ะ
หลังจากนั้นมา ก่อนหน้าที่จะเลิกกันไปไม่นานเท่าไหร่ นางยังมาขอให้เราผ่อนip5sให้อีกค่ะ เพราะบัตรนางไม่มีซักใบแล้ว เรานี่คิดหนักมากว่ามันผ่อนหนี้เดือนละ9000ที่ทำงาน ติดเราอีก140k หนี้นั่นนี่นอกระบบอีก จะขอผ่อนไอโฟนอีกเรอะ สุดท้ายทนรบเร้าไม่ไหว ก็เลยต้องยอมรูดบัตรไปค่ะ กว่าจะตามหนี้ได้นี่นานมากกจนเลิกกันไปเลยยังผ่อนไม่หมดอีก จ่ายบ้างไม่จ่ายบ้าง ห้วย แต่ระหว่างนั้นนางก็ยังโพสท์fb igมือถือเครื่องใหม่หรูเริ่ดนะคะ
ปรากฏว่าปีที่แล้ว นายถูกต้องแต่งงานเพราะแฟนพี่แกดันท้องค่ะ จากการไปสอดส่องหาข้อมูล พี่แกก็หน้าใหญ่จัดงานแต่งหะรูหะราพอฐานะแถมด้วยสินสอดให้สาวอีกตะหาก เราบังเอิญเดินเจอนางที่ทำงานเลยไปทวงอีกว่าเมื่อไหร่นายถูกต้องจะใช้หนี้เราบ้าง ก็มีเงินไปแต่งงานแล้วนี่ ไปกู้ฉูกเฉินกู้อะไรมาคืนก็ได้ ปรากฏว่านางบอกว่ากู้ไม่ได้แล้ว เต็มหมดแล้ว ไอ้เราก็นึกว่าที่บริษัทยังไม่เปิดให้กู้ อ่ะปล่อยไป กำลังลำบากอีกสินะ
แต่...เราบังเอิญไปสืบทราบอีกว่านายเนี่ย ไปให้เพื่อนที่ทำงานอีกคนค้ำประกันเพื่อกู้เงินเพิ่มเติมอีกสองก้อนทำนองกู้ฉุกเฉิน เพื่อเอามาจัดงานแต่งงานและให้สินสอดสาวค่ะ สรุปว่านางไม่จ่าย เพราะกู้เงินไปแต่งงานแล้วแต่บอกเราว่ากู้ไม่ได้นี่เอง ห้วย
ผ่านไปสองเดือนเราไม่เจอเค้าอีกเลย มาทราบอีกทีว่าเค้าลาออก ห้ะ ลาออกเรอะ เป็นไปได้ไงเนี่ย เพราะบริษัทเราเนี่ยถือว่าการงานมั่นคงและเข้ายากพอควรค่ะ ผู้ชายที่สังคมจ๋าแบบนั้น(จีบสาวติดเพราะแบบนี้ด้วย ไม่ได้หล่อเลยค่ะ) ไม่น่าจะยอมลาออกง่ายๆยิ่งเค้ามีลูกอ่อนเนาะ เราก็ไปสืบอีก (ทุรนทุรายเพราะหนี้หายแน่นอนแร้น) เค้าไปบอกคนอื่นว่าเค้าได้งานใหม่ตำแหน่งระดับผจก.ที่ต่างจังหวัดของบริษัทคู่แข่ง ซึ่งมีแต่คนงงว่ามันจะไปได้งานได้ยังไงอายุก็น้อยทำงานก็ไม่ได้ดี โดดงานก็บ่อยแบบนั้น โดนwarningก็หลายทีแล้ว ไอ้บริษัทคู่แข่งมันหลับตารับไปรึไงฟระ แถมก่อนจะออกนายถูกต้องไปขอยืมเงินกองกลางของทีมเค้า20,000บาทโดยไม่บอกใครว่าจะลาออกด้วย (นางเอาทุกเม็ดเนาะ)
เราก็เต้นๆๆ ไปสืบข้อมูล (เหนื่อยค่ะ) นายถูกต้องกู้นั่นนี่ สิริรวมแล้วน่าจะ5กองได้ ยอดหนี้ประมาณ 1.5-1.6ล้านบาท นายถูกต้องไม่เคยจ่ายหนี้เลยตั้งแต่ลาออกไปให้ผู้ค้ำประกัน3คนใช้หนี้แทน ระยะเวลาน่าจะ30ปี ผู้ค้ำประกันมีตั้งแต่หัวหน้างานเก่า(ทำกันได้) ไปจนถึงยามที่ทำงาน ฯลฯ
เมื่อเรื่องดำเนินมาถึงขั้นนี้ คงตามหนี้กันแบบดีๆไม่ได้อีกแร้น เราเลยกลับไปดูสัญญาเงินกู้ที่เค้าเอารถมาค้ำเอาไว้ และส่งให้ทนายดูเพื่อฟ้องร้อง แต่ปรากฏว่าสัญญานั้นแทบจะไม่validเลยในชั้นศาลเพราะ :
1.สัญญาที่ทำไว้นั้น เราลืมให้พยานเซ็นต์ในช่องพยาน
2.ไม่มีการรับมอบหนังสือคู่มือเล่มทะเบียนรถ(เล่มฟ้า) และหรือกุญแจรถจากผู้กู้ ในทางกฏหมายนั้นถือว่าการจำนองหนี้ไม่สมบูรณ์ (ประมาณนี้ค่ะ)
3.ไม่มีหลักฐานว่าเจ้าตัวได้รับเงินแล้ว (สัญญาไม่ได้บ่งบอกว่าเป็นใบเสร็จรับเงินและไม่ได้ทำใบเสร็จรับเงิน)
4.ลายมือในสัญญานั้น เป็นทั้งเราและเค้าช่วยกันเขียนค่ะ เรากรอกในส่วนของรายละเอียดหนี้ ส่วนเค้ากรอกรายละเอียดส่วนบุคคลเค้าเอง
5.ลายเซ็นต์ลงนามของเจ้าตัวนั้นเซ็นต์แบบส่งๆมาก และเป็นลายเซ็นต์ที่เค้าไม่ค่อยใช้นัก เจ้าตัวอาจจะสู้ว่าเป็นลายเซ็นต์ปลอมได้
อย่างไรก็ดี เราเสี่ยงส่งฟ้องไปค่ะ เพราะไม่รู้จะทำไงแล้วจริงๆ
ด้วยความไม่สมบูรณ์ของสัญญานี้ ลูกหนี้(จำเลย)ได้ส่งทนายมาซักค้านต่อศาลว่า สัญญานี้โมฆะเพราะ ”เป็นการให้โดยสิเหน่หา” และ “ไม่มีมูลเหตุแห่งหนี้” เพราะฉะนั้นจำเลยไม่มีเหตุใดๆให้จ่ายหนี้คืน เรื่องคดีเราไม่ขอเราเล่าต่อ เพราะมันโหดมันส์ฮายาวยืดมาก ใช้เวลา1ปีเศษโดยที่เจ้าตัวไม่เคยมาขึ้นศาลเลย อ้างว่าไม่สบายบ้าง ติดต่อไม่ได้บ้าง อยู่อมเริกาบ้าง กำลังลำบากบ้างฯลฯ ผ่านทนายจำเลยเท่านั้น
ดังนั้นเราขอแนะนำเบื้องต้นค่ะแบบคนไม่ใช่ทนาย สำหรับคนที่จะทำสัญญาเงินกู้และหรือให้กู้
ขอให้ระวังข้อผิดพลาดเล็กๆน้อยจะได้ปิดประตูตีแมวกันไปหากต้องไปฟ้องร้องกันจริงๆดังนี้ค่ะ
1.การทำสัญญาใดๆห้ามก๊อบสัญญามาจากอินเตอร์เน็ตแม้มันจะดูดีมีสกุลประการใด ไม่ชัวร์ ควรปรึกษาทนายความถึงความถูกต้องของสัญญา และvalidity
2.ภาษากฏหมายไม่ได้อ่านเข้าใจแบบสามัญธรรมดา ดังนั้นอย่าอ่านเองและเข้าใจเองว่าถูกต้อง
มันมีการตีความและบ่งชี้ของถ้อยคำค่ะ ดังนั้น การทำสัญญาด้วยภาษาธรรมดา ดังเช่นสัญญาก๊อป มักมีช่องว่างให้ภาษากฏหมายตีความไปได้ทางอื่น และเราอาจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบได้ ดังเช่นในกรณีเรา คำว่า ในสัญญาเขียนว่า ข้าพเจ้าaaa ให้ นายxxxยืม ไม่ได้แปลว่าระหว่างเจ้าหนี้และลูกหนี้มีการมอบเงินแล้วใดๆและหรือหนี้นั้นได้เกิดขึ้นแล้วโดยสมบูรณ์
3.จากข้อ2 ดังนั้น ต้องทำใบเสร็จรับเงินให้ลูกหนี้ลงนามรับเงินไปแล้วด้วยทุกครั้งค่ะ และให้ลงนามในบัตรประชาชนเจ้าตัวแนบด้วยจะดีมาก เป็นการป้องกันการโต้แย้งว่าเป็นลายเซ็นต์ปลอม
3.1กรณีโอนเงินให้ลูกหนี้ ต้องเก็บใบโอนไว้ให้ดี
3.2หากมีการให้เงินเป็นครั้งๆ ต้องจดรายละเอียดการให้ไว้ด้วย ว่าให้ไปวันไหนที่ไหนทำอะไรมีพยานหรือไม่ จะมีประโยชน์ในชั้นศาลหากสืบพยาน กรณีคู่กรณีสู้คดีว่าไม่มีมูลเหตุแห่งหนี้
4.ควรจะหาหลักฐานลายเซ็นต์ที่เป็นทางการของลูกหนี้เอาไว้ประกอบ เช่นลายเซ็นต์ที่ทำงาน ลายเซ็นต์ที่เค้าเคยลงนามไว้ในสลิปโอนเงินธนาคาร ฯลฯ (ออกแนวนอย แต่ทำไว้เถิดโยมๆ)
5.ต้องมีพยานลงนามในสัญญารับทราบ เพราะจะสามารถนำสืบพยานได้
6.สัญญาควรทำเป็นสองฉบับ(ตัวจริง)และเก็บไว้เองค่ะ ให้สำเนาเจ้าตัวไป เพราะเวลาไปฟ้องร้องหากฉบับจริงหายหรือชำรุด ไม่สามารถนำสำเนาไปฟ้องร้องใดๆได้ เรามีเคยมีกรณีเพื่อนเราเองค่ะที่สัญญาเงินกู้สูญหายไปพร้อมกับบ้านไฟไหม้ และแน่นอนหนีก็ปลิวไปด้วยสินะ
7.ให้หาข้อมูลแวดล้อมของลูกหนี้ไว้ให้พร้อม เช่น ที่ทำงานของลูกหนี้และภรรยา/สามีอยู่ที่ไหน ภูมิลำเนา เจ้าตัวมีทรัพย์สินอะไรที่พอจะมาใช้หนี้ได้มั้ย เพราะหากคดีสิ้นสุดแล้ว จะมีประโยชน์ตอนไปชี้ทรัพย์สินของลูกหนี้ที่กรมบังคับคดี
8.ให้เช็คกับทนายหรือผู้มีความรู้ให้ดี หากลูกหนี้ต้องการจะเอาทรัพย์สินอะไรมาค้ำประกัน ทรัพย์สินบางอย่างเช่นกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ทางกฏหมายไม่สามารถไปบังคับหนี้ได้ใดๆ หรือรถต้องมีการยึกครองเล่มฟ้าหรือกุญแจรถเอาไว้เพื่อป้องกันการนำไปขาย หรือสินสมรสหากมีภรรยา/สามี ต้องตรวจดูว่ามีการจดทะเบียนหรือไม่ การจดทะเบียนหากก่อนการทำสัญญาไม่สามารถไปบังคับกับภรรยาได้กึ่งหนึ่ง
9.อย่านำข้อมูลที่ว่า การที่ผู้ขอกู้ทำงานที่ดีมั่นคง บริษัทใหญ่โตมาเป็นเป็นหลักประกันการให้กู้หรือค้ำประกัน เพราะไม่มีหลักประกันเลยว่าเจ้าตัวจะอยู่ใช้หนี้จนครบ ดังกรณีนี้ที่ลูกหนี้หนีไปตปท.
9.1กลับไปข้อ7ค่ะ
ตอนนี้คดีความของเราอยู่ที่ชั้นศาล และเราไม่คิดว่านายถูกต้องจะมีทรัพย์สินอะไรให้ไปบังคับคดีค่ะ สำหรับผู้ที่สนใจสามารถIBได้ค่ะสำหรับคดีความ
ส่วนผู้ค้ำประกันทั้ง3คนในส่วนหนี้1.5ล้านนั้น เท่าที่คุยเบื้องต้น ไม่มีใครสามารถติดต่อเจ้าตัวได้เลย มีติดต่อได้ครั้งเดียวคือเจ้าตัวไลน์กลับมาบอกทำนองว่าตอนนี้กำลังลำบาก โดนส่งกลับมาเมืองไทยแล้วและทำงานแบบลับๆในรีสอร์ทแห่งนึง ไม่มีเงินใช้หนี้ให้เห็นใจด้วย ซึ่งก็โกหกตามเคยเพราะสามวันถัดมานายนี่ยังพาลูกเมียไปเที่ยวนั่นนี่ที่โน่นอยู่เลยค่ะ และเสียงลือเสียงเล่าอ้างไปค้นพบมาอีกว่า นายถูกต้องก็ยังอยู่ดีมีเงินใช้สบาย ออกโตโยต้าพรีอุสตัวท็อป ซื้อกล้องNikon Apple watch ฯลฯ
สุดท้ายนี้ รบกวนปรึกษาพี่ๆน้องๆแนะนำด้วยว่าเราและผู้ค้ำทั้งโขลงควรจะไปตามหนี้ยังไงดี เพราะไม่มีใครรู้ที่อยู่หรือข้อมูลว่าตานี่อยู่ส่วนไหนของเมกาเลยค่ะ ถึงขนาดไปฟ้องหนี้เจ้าตัวก็ยังไม่มาขึ้นศาล และดูแล้วน่าจะทำนองดลฤดีแน่นอนค่ะ
ปล.เรามีหลักฐานทุกชิ้นค่ะ สัญญาทวงเงินให้คนค้ำชำระหนี้เอย สัญญาเงินกู้ตัวจริงก็มีค่ะ
แก้เนื้อความค่ะ พิมพ์ผิด1ประโยค