Marvel's Agent Carter S02E04/5 *Spolier Alert The Women of Agent Carter

กระทู้สนทนา
สวัสดีค่ะ เพิ่งจะได้ดู Agent Carter ตอนที่ 4 และ 5 เมื่อวานนี้เอง เราสังเกตเห็นธีมที่น่าสนใจมากของช่วงนี้ซึ่งก็คือ "พลังหญิง" ของตัวละครสามตัวคือ เพ็กกี้ วิทนีย์ และโรส ค่ะ


แน่นอนอยู่แล้วว่าซีรียส์ Agent Carter มักถูกกล่าวถึงในแง่บวกจากกลุ่ม Feminist เพราะมีตัวเอกเป็นผู้หญิงและเนื้อเรื่องอยู่ช่วงหลังสงครามช่วงต้นๆ ซึ่งบทบาทของผู้หญิงยังถือว่ามีไม่มากนัก มีความไม่เท่าเทียมทางเพศสูง บทบาทของเพศหญิงถูกกำหนดไว้แล้วว่าต้องเป็นแม่ เป็นภรรยา มีหน้าที่ที่จะต้องดูแลผู้ชายในบ้าน ต้องดูสวยเพรียบพร้อมตลอดจนเรียกได้ว่าคุณค่าของพวกเธออยู่ที่รูปลักษณ์ล้วนๆ

แต่เนื่องจากเป็นยุคหลังสงคราม ผู้หญิงส่วนหนึ่งได้เข้าสู่ตลาดแรงงานเนื่องจากแรงงานชายถูกเกณฑ์ไปรับใช้ชาติในยุโรปและเอเชียช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ทำให้ผู้หญิงมีบทบาทด้านเศรษฐกิจมากขึ้น แต่สังคมก็ยังยอมรับให้พวกเธอทำได้เพียงแค่บางอาชีพ เช่น นางพยาบาล เลขานุการ ครู ซึ่งต่างเป็นอาชีพที่เข้ากับค่านิยมของความเป็นหญิง คือเป็นอาชีพที่ต้องดูแลผู้อื่น ต้องดูสวยงาม และไม่ควรมีสิทธิ์มีเสียงในการตัดสินใจอะไรไปมากกว่านี้

เราจะเห็นได้ชัดเลยว่าตัวละครหญิงเด่นๆของเรื่องต่างประสบพบเจอปัญหาเหล่านี้ทั้งที่มีความสามารถเกินหน้าเกินตาหนุ่มๆเสียอีก อย่างเพ็กกี้ก็โดนสบประมาทเพราะเป็นผู้หญิง ทั้งๆที่เป็นเจ้าหน้าที่ยุทธศาสตร์ที่ลงภาคสนามกับกัปตันอเมริกามาแล้ว มีผลงานและความสามารถเป็นที่ประจักษ์ วิทนีย์ ฟรอสต์ที่แท้จริงมีความสามารถทางวิศวกรรมและวิทยาศาสตร์แต่สุดท้ายต้องเลือกเดินสายความงามใช้ใบหน้าทำมาหากิน และโรส เจ้าหน้าที่ SSR แสนดีที่ได้รับมอบหมายให้เป็นเพียงคนรับโทรศัพท์และเป็นหน้าฉากให้ออฟฟิศ ทั้งที่เป็นเอเจนท์ที่ได้รับการฝึกมาเช่นเดียวกับเอเจนท์ชายคนอื่นๆ

แต่ครั้งนี้เราอยากจะพูดถึงพัฒนาการความคิดของแต่ละคนกว่าจะมาถึงตรงนี้ได้ค่ะ เพราะก่อนหน้าที่พวกเธอจะกลายมาเป็นหญิงแกร่งอย่างทุกวันนี้ พวกเธอก็ถูกสอนมาโดยตลอดว่าเป็นผู้หญิงต้องเรียบร้อย สงบปากสงบคำ เป้าหมายของชีวิตคือการแต่งงานกับผู้ชายดีๆซักคนและอยู่บ้านเลี้ยงลูก นี่คือที่สุดของชีวิตลูกผู้หญิงคนนึง

เพ็กกี้ คาร์เตอร์



ในตอนที่ 4 ชีวิตวัยเด็กของเธอสนุกอยู่กับการเล่นเป็นอัศวินช่วยเจ้าหญิงจากมังกรร้าย เป็นการเปรียบเทียบได้ดีว่าเธอไม่ได้มองว่าตัวเองเป็น Damsel in distress หรือสาวน้อยที่รอคอยให้เจ้าชายขี่ม้าขาวมาช่วย แต่เธอนี่แหละที่จะเป็นคนไปต่อสู้เพื่อช่วยเหลือคนอื่น


พฤติกรรมห้าวๆเช่นนี้ทำให้พี่ชายล้อเธอ และปล่อยให้แม่ของเธอเวียนเฮดในความไม่เป็นกุลสตรีเอามากๆ ดังนั้นแม้เพ็กกี้จะรู้ดีว่าตัวเองคือนักสู้ แต่เธอก็ยอมที่จะปฏิบัติตัวตามที่สังคมคาดหวังเพื่อแม่และครอบครัว หลังจากนั้นเพ็กกี้ได้ทำงานเป็นนักถอดรหัส ให้กับสหราชอาณาจักรในช่วงสงคราม และในระหว่างนั้นเธอก็ได้หมั้นหมายกับชายหนุ่มคนหนึ่ง


ในขณะที่ชีวิตของเธอกำลังดำเนินไปตามทางที่ผู้หญิงคนนึงควรทำ แต่งงาน มีครอบครัว เลี้ยงลูก ปรนนิบัติสามี เธอก็ได้รับข้อเสนอจากหัวหน้าเพื่อเข้าฝึกเป็นเอเจนท์ภาคสนามตามโครงการของเชอร์ชิลที่ร่วมมือกับอเมริกา พัฒนาเอเจนท์ที่สามารถแทรกซึมในสถานการณ์ต่างๆได้ ด้วยความเป็นผู้หญิงที่คนมักจะมองข้ามนี่แหละของเพ็กกี้และความสามารถในการถอดรหัสของเธอ เพ็กกี้จึงได้รับข้อเสนอนี้


ที่งานฉลองการหมั้นของเพ็กกี้และคู่หมั้น ไมเคิล พี่ชายของเธอได้พยายามโน้มน้าวให้เธอรับข้อเสนอ ตอนนั้นเองที่เขาเปิดเผยว่าเขาเป็นคนเสนอชื่อน้องสาวต่อโครงการนี้เอง เพราะเขามั่นใจว่าเพ็กกี้เป็นนักสู้ และเขารู้ว่านี่คือสิ่งที่เธอต้องการมาตลอด เพ็กกี้ปัดข้อเสนอนี้ไปอีกครั้ง


เพ็กกี้กำลังลองชุดแต่งงาน กริ่งหน้าบ้านดังขึ้น แม่ของเธอลงไปดูก็พบกับทหารในเครื่องแบบสองคนมารายงานอะไรบางอย่าง เพ็กกี้ในชุดแต่งงานเฝ้ามองอยู่ด้านบนก่อนที่จะเห็นแม่ของเธอเป็นลมไป เธอรู้ในทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น....ไมเคิลเสียชีวิตในหน้าที่ไปแล้ว


วินาทีนั้นเองที่เพ็กกี้คิดได้ ความตายของพี่ชายได้ฉุกความคิดของเธอ ในที่สุดเพ็กกี้ถอดแหวนหมั้นและเก็บกระเป๋าออกจากบ้านไปเงียบๆ ก่อนที่จะกลายมาเป็นเอเจนท์คาร์เตอร์ที่เรารู้จักกัน


วิทนีย์ ฟรอสต์



เธอโตมาในย่านชานเมืองของบร๊อกซ์ตัน โอกลาโฮม่า ในครอบครัวที่การเงินคงไม่สู้ดีนัก วิทนีย์ซึ่งชื่อเดิมคือ แอ๊กเนส ได้แสดงอัจฉริยภาพของเธอตั้งแต่ยังเด็ก ด้วยการซ่อมวิทยุที่บ้านด้วยตัวเธอเอง แต่กระนั้นแม่ของเธอก็ไม่เคยชื่นชม และบังคับให้เธอทำตัวดีๆกับผู้ชายที่กำลังคบหาด้วยทั้งที่แอ๊กเนสไม่ชอบเขาเลย


แอ๊กเนสเติบโตขึ้นและแสดงความสนใจทางวิทยาศาสตร์อย่างชัดเจน เธออ่านหนังสือเล่มแล้วเล่มเล่า และในที่สุดความสัมพันธ์ของแม่เธอและคนรักก็จบลง แม่ของเธอที่ขมขื่นจากความรักก็มาลงที่แอ๊กเนส ซึ่งวัยรุ่นเช่นเธอก็ต่อปากต่อคำ แม่ของเธอเยาะว่าไม่มีมหาวิทยาลัยไหนจะรับผู้หญิงอย่างแอ๊กเนสเข้าเรียนหรอก เธอต้องติดแหง่กอยู่ที่นี่เช่นกัน แอ๊กเนสบอกว่ายังไงเธอก็จะไปจากที่นี่ ไปให้ไกลจากแม่! แม่ของเธอลากเธอไปส่องกระจกพร้อมแค่น "พวกนั้นไม่สนใจสมองของแกหรอก หากแกฉลาดอย่างที่แกว่าจริง ก็จงแก้ไขที่ตรงนี้!" หมายความว่าผู้หญิงอย่างเธอ มีดีก็แค่ความสวยงามบนใบหน้าเท่านั้น


แอ๊กเนสที่โตขึ้น ได้แสดงความชื่นชอบในการดูภาพยนตร์ ขณะนั้นเองก็มีแมวมองมาทาบทามเธอ แอ๊กเนสที่สงบและเยือกเย็นขึ้น ตอบรับคอมเม้น "You know I bet you're real pretty when you smile." ด้วยการยิ้มรับเป็นครั้งแรก (ซึ่งจริงๆเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำนะคะคุณผู้ชาย ห้ามไปบอกสาวๆว่า ถ้าเธอยิ้มหน่อยคงสวยกว่านี้ เพราะมีโทนเหยียดเพศนะคะ สาวเจ้าแกแกจะหน้าบึ้งกลอกตาบนก็เรื่องของเธอ ไม่ต้องไปวิจารณ์อะไรนะ ไม่มีใครถาม) และนี่เองเป็นจุดเริ่มต้นของ "วิทนีย์ ฟรอสต์" ที่ใช้ความงามเปิดหนทางให้กับความสำเร็จ


โรส โรเบิร์ตส์



เรายังไม่รู้เบื้องลึกอะไรของเธอมาก นอกจากคาแรกเตอร์สนุกสนานสดใสของสาวร่างท้วมที่ดูไม่มีพิษไม่มีภัยอะไรของสาวคนนี้ ต่างจากตัวละครหลักข้างต้น เราอยากจะคุยเกี่ยวกับทัศนคติของผู้ชายแสนดีอย่างซูซ่า และคนดูอย่างเราๆที่มีต่อโรสนี่แหละค่ะ


ครั้งที่พวกเพ็กกี้จะบุกไปชิงระเบิดปรมาณูตัดหน้าวิทนีย์ ซูซ่ากล่าวว่าทีมคนไม่พอ และ SSR โดนซึมแล้วเลยไม่รู้จะไว้ใจใครได้ เพ็กกี้ได้เสนอชื่อของโรสขึ้นมาซึ่งตอนแรกซูซ่าแสดงความไม่เชื่อถือในตัวของเธอเลย (แม้จะปกปิดไว้ว่าห่วงว่าโรสจะเป็นอันตรายก็เถอะ) ในฐานะคนดู คงมีพวกเราจำนวนไม่น้อยที่คิดสบประมาทเธอในใจว่าสาวท้วมแสนน่ารักเช่นโรสจะไปสู้กับใครเขาอย่างไรได้ จนเพ็กกี้ต้องเตือนให้รู้ว่าโรสนั้นก็เป็นเอเจนท์ที่ผ่านการฝึกมาเช่นเดียวกับคนอื่นๆ จนซูซ่ามาเห็นสกิล martial art ของโรสนี่แหละจึงอึกอักยอมให้เข้าทีม


นอกจากนั้นโรสยังมีไหวพริบและปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ได้เป็นอย่างดี มีวาทะศิลป์ในการกล่อมให้คนอื่นทำในสิ่งที่ต้องการ ในขณะที่ซูซ่าและเพ็กกี้ไม่รู้ว่าต้องทำอะไรด้วยซ้ำ


นอกจากนั้นยังเชี่ยวชาญ Hand-to-hand combat สู้กับผู้ชายตัวโตๆได้สบาย

จบตอนนี้คงทำให้ใครๆหลงรักโรสมากขึ้นแน่นอน!

สุดท้ายนี้ ซีรียส์ Agent Carter ย้ำกับคนดูเสมอว่าอย่าสบประมาทสิ่งที่เห็นแค่ตาเปล่า อย่าได้ดูถูกคุณผู้หญิงที่แม้จะดูบอบบาง สวยงาม ปากแดง ผมเป็นลอน ว่าพวกหล่อนจะต้องอ่อนแอ ต้องการการปกป้องเสมอไป พวกเธออาจจะเข้มแข็งกว่าที่คุณคิด พวกเธอเหล่านี้ฉลาดพอที่จะก้าวไปข้างหน้าบนรองเท้าส้นสูงของพวกเธอเอง ไม่ว่าจะเป็นการชนตรงๆแบบเพ็กกี้ พิสูจน์ตัวเองให้เห็นชัดๆว่าเพ็กกี้ คาร์เตอร์เป็นคนที่ไม่ควรมาแหยมด้วย หรือจะใช้ความงามชักใยอยู่เบื้องหลังอย่างวิทนีย์ สร้างฉากหน้าให้ผู้ชายหลงกลและมองเธอเป็นแค่เครื่องประดับ แต่แท้จริงเธอเคลื่อนไหวอยู่หลังม่าน หรือโรส ผู้หญิงแสนดีที่เราไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะพิษสงเหลือร้ายขนาดนี้ แต่พวกเธอต่างก็ต้องก้าวข้ามคำครหาจากสังคมที่สั่งสอนพวกเธอมาให้เป็นกุลสตรี ให้เจียมเนื้อเจียมตัว แล้วลืมๆศักยภาพที่แท้จริงของตัวเองไป

ส่วนคุณนางพยาบาลแฟน(เก่า?)ของซูซ่า เรายังไม่เห็นเธอทำอะไรมากนักแต่คิดว่าคงมีบทบาทมากกว่านี้ ยังไม่ได้ดูตอนที่ 6 เลยค่ะ

สิ่งที่เราอยากเห็นจากเอเจนท์คาร์เตอร์ก็คงเป็นบทของสาวผิวสีนี่แหละ หนุ่มผิวสีเราได้เห็นแล้ว เพราะต่อให้มีพลังสตรีนิยมแค่ไหน เราก็ได้เห็นเพียงแต่สาวๆผิวขาวในท้องเรื่องเท่านั้น เราเข้าใจนะว่าตามประวัติศาสตร์ผู้หญิงผิวสีคงยังไม่มีบทบาทอะไรในสังคมอเมริกันช่วงนั้นไปนอกจากงานแม่บ้านและงานชั้นต่ำอื่นๆ แต่ถ้า Agent Carter ซีรียส์นี้เป็นมิตรกับ Feminist จริงก็น่าจะ address white women's privilege ด้วย (อันนี้เพ้อ ขอโทษทีนะคะ)

วันนี้ว่างจริงๆเลยปล่อยของซะเยอะเลย สวัสดีค่ะ >///<
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่