ก่อนอื่นขอขอบคุณทุกความเห็นในกระทู้แรกของผมนะครับ
อ่านทุกความเห็น แต่ไม่ได้ตอบทั้งหมด เพราะคิดไม่ถึงว่า เนื้อหาที่ยังไม่ได้พูดถึงศาสนา เพียงแค่มีคำว่า “วัดพระธรรมกาย” จะกลายมาเป็นกระทู้แนะนำได้จริง ๆ (ตอบไม่ไหว เรียกแขกมากมายเหลือเกิน 555)
ตอนเห็นคอมเม้นต์แรกปรากฏขึ้นมา ผมตื่นเต้นนะ จริง ๆ
จนมาถึงตอนนี้ผมตกใจ รู้สึกว่าตัวเองได้กลายเป็นสาเหตุให้หลายท่านมาตะลุมบอนกันยังไงไม่รู้สิ (แม้จะเตรียมใจไว้แล้ว แต่เกินจากที่คาดไปมากครับ)
ห้องศาสนา ไหงมีบรรยากาศคล้ายห้องราชดำเนินไปได้ 555
10 กว่าปีที่ผ่านมา ผมสิงอยู่ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย จึงแทบไม่ได้เข้ามาห้องนี้ ล็อคอินใครเป็นใคร ไม่เคยรู้อะไรเลย
จึงประเมินสถานการณ์ผิดไป ไม่นึกว่ามันจะดุเด็ดเผ็ดมันได้ขนาดนี้ จนกระทั่งเมื่อวาน
ครับ...ผมเริ่มไม่มีความสุข (แต่สนุกที่ได้พิมพ์ตอบทุกคนนะครับ)
ปกติมีเวลาว่างได้อ่านหนังสือ ก็อดอ่าน เอาเวลามาคุยกับท่านที่คอมเม้นต์
นอน 4 ทุ่มเศษ ๆ กลายมาเป็นเกือบเที่ยงคืน
นั่งสมาธิยังเคยนิ่ง ๆ บ้าง ก็มาฟุ้งซ่านซะงั้น
ที่เคยตื่นมาสดชื่น กระปรี้กระเปร่า ก็มากะปลกกะเปลี้ยเพลียแรงชอบกล
ที่เจ็บใจคือบรรดาเพื่อน ๆ น้อง ๆ ที่ผลัดกันแวะเวียนมาให้กำลังใจ ด้วยการหัวเราะใส่ตอนที่ผมมึน ๆ กับแขกในกระทู้ตัวเอง (เจองูกับเจอแขกให้ตีแขกก่อน ท่าจะจริง 555)
เป็นผองเพื่อนที่อำมหิตซาดิสม์ สุด ๆ ที่อาศัยความทุกข์ของผมไปเป็นอาหารของพวกมัน
จึงคิดว่าพอดีกว่า เอาความสุขของเรากลับคืนมาเถอะ
คือผมไม่ได้ตั้งใจจะมาคอยตามตอบเรื่องคลิป คำสอนภาคโปรด-ภาคปราบ เครื่องประดับในสวรรค์ หรือเอาพระไตรปิฎกมาอ้างกันหรอกครับ
ผมไม่เก่งขนาดนั้น (ท่านที่ต้องการคำอธิบายพวกนั้นก็ผ่านกระทู้ผมไปนะครับ)
ผมก็แค่อยากจะคุยกับคนอื่นแบบเพื่อน เพราะความเป็นเพื่อนมันทำให้เรายอมรับกัน และไม่รู้สึกอินังขังขอบอะไร ถ้าเพื่อนเรามันจะมีอะไรที่ต่างไปจากเราบ้าง
แต่ผมดีใจมากครับ ที่เห็นทุกท่านกระตือรือร้นสนใจในพระพุทธศาสนา มีคนแบบนี้มาก ๆ ก็น่าจะดี
เข้าเรื่องที่อยากแลกเปลี่ยนดีกว่าครับ
ตอนเด็ก ๆ ผมไม่เคยสงสัยว่าทำไมถึงต้องเป็นพุทธ แต่เมื่อโตมาผมตั้งคำถาม และพอใจกับคำตอบของตัวเองที่ว่า “เพราะผมได้ประโยชน์จากพระพุทธศาสนาจริง ๆ”
ผมรู้สึกได้ว่าชีวิตเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี มีความสุขกับตัวเองและครอบครัวมากขึ้น ไม่เป็นปัญหาและมีพิษมีภัยกับใคร
คำสอนของพระพุทธเจ้าทั้งดี ทั้งฟรี มีให้หยิบใช้ เวลาอ่านไปเจอตรงที่ผมสนใจ ผมขบคิด พิจารณา
ไม่ถึงขนาดว่าจะให้รู้แจ้งอะไรหรอกครับ ก็แค่คิดว่า จะหาประโยชน์จากตรงนั้นอย่างไร บางอย่างหลวงพ่อหลวงพี่บอกให้ บางอย่างผมก็เทียบเคียงเอาเท่าที่ปัญญาเราจะมี
จากนั้นก็สรุปมาเป็นวิธีปฏิบัติให้กับตัวเอง (คนอื่นอย่างไรผมไม่รู้)
ยกตัวอย่างสักนิดนะครับ เอาที่ผมชอบ เพราะมันตรงกับปัญหาของผม (แลกเปลี่ยนกันนะครับ)
พระพุทธเจ้าตรัสว่า “ชนะคนโกรธด้วยความไม่โกรธ” ผมชอบ อยากให้ตัวเองเป็นคนอารมณ์ดี โกรธยาก ๆ ได้บ้าง (ไอ้คนโกรธคนแรกที่ต้องเอาชนะก่อนก็ผมนี่ละครับ)
ผมก็คิดว่า ความไม่โกรธสร้างขึ้นมาได้อย่างไร สมัยหนุ่ม ๆ ผมเป็นคนใจร้อนครับ
เริ่มต้นจากแผ่เมตตา ผมก็หาวิธีว่าต้องทำอย่างไร
ตอนแรกฝึกคิดก่อนว่าทุกคนเป็นเพื่อนเกิด แก่ เจ็บ ตาย แล้วทำใจให้มีความปรารถนาดีต่อทุกคน เหมือนเป็นญาติกัน
ผมก็ลองทำ แผ่มันทุกวันก่อนนอน (ลองทำทั้งวันอารมณ์มันไม่ได้ครับ)
ผลที่ได้ ผมว่าใจเย็นขึ้นนะ แต่ก็ได้เป็นบางคราว
ยิ่งช่วงมีงานเร่ง ๆ หนัก ๆ ใครทำอะไรไม่ถูกใจ ก็ยังมีหงุดหงิดใส่เขาอยู่ (หลายครั้งที่นึกเสียใจในภายหลัง แค่เพราะเขาอยู่ในฐานะที่ต้องฟังผม ก็ใช่ว่าผมจะมีสิทธิ์หงุดหงิดแบบไร้เหตุผลได้)
ก็รู้นะครับว่าต้องควบคุมใจ แต่บางทีมันห้ามไม่ได้จริง ๆ
สมแล้วที่เขาว่า ความโกรธมันเหมือนระเบิด ที่ทำลายตัวเองก่อน แล้วจึงไปทำลายสิ่งรอบตัว
เวลาผมอารมณ์ไม่ดี ผีก็สังเกตเห็นครับ 555 น้องที่เคยคุยเล่นก็เงียบกริบ ใครเผ่นชิ่งไปก่อนได้ก็รีบหายหัวไปเลย
ทำไปทำมาก็มาลงตรงที่ต้องนั่งสมาธิฝึกใจทุกวัน นั่งให้นาน จนใจคุ้นกับความสงบ (ดูมันก็เบสิก ผมโง่ ก็คิดนานหน่อย)
จากนั้นเวลาเห็นประโยคว่า “ชนะคนโกรธด้วยความไม่โกรธ” ผมเห็นภาพการนั่งสมาธิลอยมาครับ (แผ่เมตตาก็ยังทำอยู่)
สมองผมมันชอบคิดแบบนี้
จากนั้นก็ขยันนั่งไป
บางอย่างพระองค์สอนตรงตัวเลย ผมก็สบาย เช่น (เอาเท่าที่จำได้นะครับ ไม่ใช่คำเป๊ะ ๆ ในพระไตรปิฎก...ขอเพลย์เซฟไว้ก่อน 555 เดี๋ยวโดนสแกนทีละคำอีก...ผมกลัว)
การได้เกิดในตระกูลดี มีฐานะ รูปร่างหน้าตาดี เป็นเศรษฐี ไปจนถึงการได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า สำเร็จได้ด้วยบุญทั้งนั้น
ของชอบผมทั้งนั้นเลยครับ หวานคอแร้ง
ก็เอาเลยครับว่าบุญต้องทำอย่างไร จะสำเร็จเมื่อไหร่ไม่รู้ ทำบุญไปก่อน (หมายถึงหาทาง หาโอกาสลงมือทำจริง ๆ นะครับ)
ท่านบอกทำบุญได้ 3 ทาง คือ
ทำทาน...ให้ครับ ยิ่งให้ในสงฆ์ได้ยิ่งดี ดีกว่าการสงเคราะห์โลก แต่คนลำบากในโลกเราก็ต้องช่วยเหลือนะครับ
รักษาศีล...จะ 5 หรือ 8 ก็เอา ตามสะดวก
ภาวนา ก็นั่งสมาธิครับ
จากนั้นก็ลุยเลยครับ ทำมันทุกวัน (ลืมบ้าง แต่น้อยมาก)
ทำทาน ตอนเช้าถ้าไม่ได้ใส่บาตรก็หยอดกระปุกเอา ไปวัดเมื่อไหร่ก็ค่อยไปทำรวดเดียว
ผมหยอดได้วันละร้อยครับ (ยิ่งไม่ดื่มเหล้า สูบบุหรี่ เที่ยวกลางคืนนี่ เงินเหลือทำสบาย)
อย่างแม่ผมอยู่ด้วยเงินบำนาญของพ่อ ก็ยังหยอดวันละ 20 บาทได้ทุกวัน
รักษาศีล ศีล 5 หมูมากครับ (เพิ่งมาพูดได้ตอนหลัง ๆ นี่แหละ) สมัยอยู่มหาวิทยาลัยทำไม่ค่อยครบ ได้เพื่อนดีครับ 555
นั่งสมาธิ อย่างน้อยก็วันละ 1 ชั่วโมง ทำเรื่อยไป
ขนาดแม่ผม 70 กว่า เข่าไม่ดี ยังนั่ง (เก้าอี้) ได้วันละเป็นชั่วโมงเหมือนกัน ขืนผมทำไม่ได้แม่ล้อตายเลย อายครับ 555
พอทำนาน ๆ มันก็ติดเป็นนิสัย (กว่าจะได้ก็นานนะครับ) จากยากก็มาง่าย ตอนนี้เป็นธรรมชาติไปแล้วครับ
ไม่ได้จะอวดว่าตัวดีนะครับ (ยังห่างไกล) แค่แลกเปลี่ยนว่าผมศึกษาธรรมะเพื่อประโยชน์ตัวอย่างนี้
ผมถึงชอบพุทธศาสนา เพราะมีประโยชน์ให้ผมคว้าฟรี ๆ เยอะเลย
มาคุยในห้องศาสนา ผมก็อยากแลกเปลี่ยนนะครับ ว่าแต่ละท่านศึกษาเรียนรู้และทำกันอย่างไร
สมัยผมเด็ก ๆ ปู่ย่าตายายเขาทำบุญกันจริงจังนะครับ สวดมนต์กันนี่เป็นชั่วโมง ๆ ผิดกับคนสมัยนี้ที่ดูจะห่างกันไปหน่อย
ผมชอบที่พระพุทธเจ้าตรัสทำนองว่า คนจะดีจะเลว ไม่ได้อยู่ที่ชาติกำเนิด ฐานะ หรือว่าอะไร แต่อยู่ที่การกระทำว่าดีหรือเลวต่างหาก
ทำให้ศาสนานี้ “เป็นศาสนาของการลงมือปฏิบัติครับ”
ยิ่งพระองค์บอกว่า “คนไหนรู้คำสอนแล้ว แต่ไม่ปฏิบัติตาม ก็ไม่ได้ประโยชน์
เหมือนคนรับจ้างเลี้ยงวัว ก็ได้แต่เลี้ยงวัวไป แต่ไม่ได้ประโยชน์จากน้ำนมวัวที่ตัวเลี้ยง” ภาพก็ยิ่งชัดเข้าไปอีก
เคยนึกสนุกว่าน่าไปอำคนรู้จักเล่นสักที แต่ยังไม่มีโอกาส ทำนองว่า...
A : เฮ้ย น้อง เอ็งเชื่อที่พระพุทธเจ้าสอนมั้ยวะ
B : เชื่อครับพี่ (ใครตอบแบบนี้ก็เข้าทาง)
จากนั้นก็ไล่เลยครับ เคยตื่นมาใส่บาตรมั้ย ? ไปทำบุญวัดใกล้บ้านบ่อยหรือเปล่า ? อะไรทำนองนี้
ศีล 5 ล่ะ ครบไหม ? (ไม่ต้องถึง 8 ละครับ แค่ 5 ผมก็ว่าเหลือรอดมาไม่กี่คน)
นั่งสมาธิบ้างหรือเปล่า ตรงนี้ถามเบา ๆ ครับ เดี๋ยวมันเจ็บ
สมมุติว่าไม่เคยทำ หรือนาน ๆ ทำที ก็ทำหน้าว่าเห็นใจ กุมมือมันไว้ และบอกไปเบา ๆ ว่า
เฮ้ย น้อง พี่จะบอกอะไรให้ ตั้งใจฟังนะ มองปากพี่นี่...
เอ็งรู้ตัวไหม ว่า...
“เอ็ง-คือ-โค-บาล”
ขอให้สนุกสนานกับการทำความดีครับ
--------------------------------------------------
Link ของกระทู้ถัดไปครับ
http://pantip.com/topic/34830403
Link ของกระทู้แรกครับ
http://pantip.com/topic/34802422
ขอบคุณที่ทำให้กระทู้ผมได้เป็นกระทู้แนะนำนะครับ 555 ไม่น่าเลย ฮือ ๆ
อ่านทุกความเห็น แต่ไม่ได้ตอบทั้งหมด เพราะคิดไม่ถึงว่า เนื้อหาที่ยังไม่ได้พูดถึงศาสนา เพียงแค่มีคำว่า “วัดพระธรรมกาย” จะกลายมาเป็นกระทู้แนะนำได้จริง ๆ (ตอบไม่ไหว เรียกแขกมากมายเหลือเกิน 555)
ตอนเห็นคอมเม้นต์แรกปรากฏขึ้นมา ผมตื่นเต้นนะ จริง ๆ
จนมาถึงตอนนี้ผมตกใจ รู้สึกว่าตัวเองได้กลายเป็นสาเหตุให้หลายท่านมาตะลุมบอนกันยังไงไม่รู้สิ (แม้จะเตรียมใจไว้แล้ว แต่เกินจากที่คาดไปมากครับ)
ห้องศาสนา ไหงมีบรรยากาศคล้ายห้องราชดำเนินไปได้ 555
10 กว่าปีที่ผ่านมา ผมสิงอยู่ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย จึงแทบไม่ได้เข้ามาห้องนี้ ล็อคอินใครเป็นใคร ไม่เคยรู้อะไรเลย
จึงประเมินสถานการณ์ผิดไป ไม่นึกว่ามันจะดุเด็ดเผ็ดมันได้ขนาดนี้ จนกระทั่งเมื่อวาน
ครับ...ผมเริ่มไม่มีความสุข (แต่สนุกที่ได้พิมพ์ตอบทุกคนนะครับ)
ปกติมีเวลาว่างได้อ่านหนังสือ ก็อดอ่าน เอาเวลามาคุยกับท่านที่คอมเม้นต์
นอน 4 ทุ่มเศษ ๆ กลายมาเป็นเกือบเที่ยงคืน
นั่งสมาธิยังเคยนิ่ง ๆ บ้าง ก็มาฟุ้งซ่านซะงั้น
ที่เคยตื่นมาสดชื่น กระปรี้กระเปร่า ก็มากะปลกกะเปลี้ยเพลียแรงชอบกล
ที่เจ็บใจคือบรรดาเพื่อน ๆ น้อง ๆ ที่ผลัดกันแวะเวียนมาให้กำลังใจ ด้วยการหัวเราะใส่ตอนที่ผมมึน ๆ กับแขกในกระทู้ตัวเอง (เจองูกับเจอแขกให้ตีแขกก่อน ท่าจะจริง 555)
เป็นผองเพื่อนที่อำมหิตซาดิสม์ สุด ๆ ที่อาศัยความทุกข์ของผมไปเป็นอาหารของพวกมัน
จึงคิดว่าพอดีกว่า เอาความสุขของเรากลับคืนมาเถอะ
คือผมไม่ได้ตั้งใจจะมาคอยตามตอบเรื่องคลิป คำสอนภาคโปรด-ภาคปราบ เครื่องประดับในสวรรค์ หรือเอาพระไตรปิฎกมาอ้างกันหรอกครับ
ผมไม่เก่งขนาดนั้น (ท่านที่ต้องการคำอธิบายพวกนั้นก็ผ่านกระทู้ผมไปนะครับ)
ผมก็แค่อยากจะคุยกับคนอื่นแบบเพื่อน เพราะความเป็นเพื่อนมันทำให้เรายอมรับกัน และไม่รู้สึกอินังขังขอบอะไร ถ้าเพื่อนเรามันจะมีอะไรที่ต่างไปจากเราบ้าง
แต่ผมดีใจมากครับ ที่เห็นทุกท่านกระตือรือร้นสนใจในพระพุทธศาสนา มีคนแบบนี้มาก ๆ ก็น่าจะดี
เข้าเรื่องที่อยากแลกเปลี่ยนดีกว่าครับ
ตอนเด็ก ๆ ผมไม่เคยสงสัยว่าทำไมถึงต้องเป็นพุทธ แต่เมื่อโตมาผมตั้งคำถาม และพอใจกับคำตอบของตัวเองที่ว่า “เพราะผมได้ประโยชน์จากพระพุทธศาสนาจริง ๆ”
ผมรู้สึกได้ว่าชีวิตเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี มีความสุขกับตัวเองและครอบครัวมากขึ้น ไม่เป็นปัญหาและมีพิษมีภัยกับใคร
คำสอนของพระพุทธเจ้าทั้งดี ทั้งฟรี มีให้หยิบใช้ เวลาอ่านไปเจอตรงที่ผมสนใจ ผมขบคิด พิจารณา
ไม่ถึงขนาดว่าจะให้รู้แจ้งอะไรหรอกครับ ก็แค่คิดว่า จะหาประโยชน์จากตรงนั้นอย่างไร บางอย่างหลวงพ่อหลวงพี่บอกให้ บางอย่างผมก็เทียบเคียงเอาเท่าที่ปัญญาเราจะมี
จากนั้นก็สรุปมาเป็นวิธีปฏิบัติให้กับตัวเอง (คนอื่นอย่างไรผมไม่รู้)
ยกตัวอย่างสักนิดนะครับ เอาที่ผมชอบ เพราะมันตรงกับปัญหาของผม (แลกเปลี่ยนกันนะครับ)
พระพุทธเจ้าตรัสว่า “ชนะคนโกรธด้วยความไม่โกรธ” ผมชอบ อยากให้ตัวเองเป็นคนอารมณ์ดี โกรธยาก ๆ ได้บ้าง (ไอ้คนโกรธคนแรกที่ต้องเอาชนะก่อนก็ผมนี่ละครับ)
ผมก็คิดว่า ความไม่โกรธสร้างขึ้นมาได้อย่างไร สมัยหนุ่ม ๆ ผมเป็นคนใจร้อนครับ
เริ่มต้นจากแผ่เมตตา ผมก็หาวิธีว่าต้องทำอย่างไร
ตอนแรกฝึกคิดก่อนว่าทุกคนเป็นเพื่อนเกิด แก่ เจ็บ ตาย แล้วทำใจให้มีความปรารถนาดีต่อทุกคน เหมือนเป็นญาติกัน
ผมก็ลองทำ แผ่มันทุกวันก่อนนอน (ลองทำทั้งวันอารมณ์มันไม่ได้ครับ)
ผลที่ได้ ผมว่าใจเย็นขึ้นนะ แต่ก็ได้เป็นบางคราว
ยิ่งช่วงมีงานเร่ง ๆ หนัก ๆ ใครทำอะไรไม่ถูกใจ ก็ยังมีหงุดหงิดใส่เขาอยู่ (หลายครั้งที่นึกเสียใจในภายหลัง แค่เพราะเขาอยู่ในฐานะที่ต้องฟังผม ก็ใช่ว่าผมจะมีสิทธิ์หงุดหงิดแบบไร้เหตุผลได้)
ก็รู้นะครับว่าต้องควบคุมใจ แต่บางทีมันห้ามไม่ได้จริง ๆ
สมแล้วที่เขาว่า ความโกรธมันเหมือนระเบิด ที่ทำลายตัวเองก่อน แล้วจึงไปทำลายสิ่งรอบตัว
เวลาผมอารมณ์ไม่ดี ผีก็สังเกตเห็นครับ 555 น้องที่เคยคุยเล่นก็เงียบกริบ ใครเผ่นชิ่งไปก่อนได้ก็รีบหายหัวไปเลย
ทำไปทำมาก็มาลงตรงที่ต้องนั่งสมาธิฝึกใจทุกวัน นั่งให้นาน จนใจคุ้นกับความสงบ (ดูมันก็เบสิก ผมโง่ ก็คิดนานหน่อย)
จากนั้นเวลาเห็นประโยคว่า “ชนะคนโกรธด้วยความไม่โกรธ” ผมเห็นภาพการนั่งสมาธิลอยมาครับ (แผ่เมตตาก็ยังทำอยู่)
สมองผมมันชอบคิดแบบนี้
จากนั้นก็ขยันนั่งไป
บางอย่างพระองค์สอนตรงตัวเลย ผมก็สบาย เช่น (เอาเท่าที่จำได้นะครับ ไม่ใช่คำเป๊ะ ๆ ในพระไตรปิฎก...ขอเพลย์เซฟไว้ก่อน 555 เดี๋ยวโดนสแกนทีละคำอีก...ผมกลัว)
การได้เกิดในตระกูลดี มีฐานะ รูปร่างหน้าตาดี เป็นเศรษฐี ไปจนถึงการได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า สำเร็จได้ด้วยบุญทั้งนั้น
ของชอบผมทั้งนั้นเลยครับ หวานคอแร้ง
ก็เอาเลยครับว่าบุญต้องทำอย่างไร จะสำเร็จเมื่อไหร่ไม่รู้ ทำบุญไปก่อน (หมายถึงหาทาง หาโอกาสลงมือทำจริง ๆ นะครับ)
ท่านบอกทำบุญได้ 3 ทาง คือ
ทำทาน...ให้ครับ ยิ่งให้ในสงฆ์ได้ยิ่งดี ดีกว่าการสงเคราะห์โลก แต่คนลำบากในโลกเราก็ต้องช่วยเหลือนะครับ
รักษาศีล...จะ 5 หรือ 8 ก็เอา ตามสะดวก
ภาวนา ก็นั่งสมาธิครับ
จากนั้นก็ลุยเลยครับ ทำมันทุกวัน (ลืมบ้าง แต่น้อยมาก)
ทำทาน ตอนเช้าถ้าไม่ได้ใส่บาตรก็หยอดกระปุกเอา ไปวัดเมื่อไหร่ก็ค่อยไปทำรวดเดียว
ผมหยอดได้วันละร้อยครับ (ยิ่งไม่ดื่มเหล้า สูบบุหรี่ เที่ยวกลางคืนนี่ เงินเหลือทำสบาย)
อย่างแม่ผมอยู่ด้วยเงินบำนาญของพ่อ ก็ยังหยอดวันละ 20 บาทได้ทุกวัน
รักษาศีล ศีล 5 หมูมากครับ (เพิ่งมาพูดได้ตอนหลัง ๆ นี่แหละ) สมัยอยู่มหาวิทยาลัยทำไม่ค่อยครบ ได้เพื่อนดีครับ 555
นั่งสมาธิ อย่างน้อยก็วันละ 1 ชั่วโมง ทำเรื่อยไป
ขนาดแม่ผม 70 กว่า เข่าไม่ดี ยังนั่ง (เก้าอี้) ได้วันละเป็นชั่วโมงเหมือนกัน ขืนผมทำไม่ได้แม่ล้อตายเลย อายครับ 555
พอทำนาน ๆ มันก็ติดเป็นนิสัย (กว่าจะได้ก็นานนะครับ) จากยากก็มาง่าย ตอนนี้เป็นธรรมชาติไปแล้วครับ
ไม่ได้จะอวดว่าตัวดีนะครับ (ยังห่างไกล) แค่แลกเปลี่ยนว่าผมศึกษาธรรมะเพื่อประโยชน์ตัวอย่างนี้
ผมถึงชอบพุทธศาสนา เพราะมีประโยชน์ให้ผมคว้าฟรี ๆ เยอะเลย
มาคุยในห้องศาสนา ผมก็อยากแลกเปลี่ยนนะครับ ว่าแต่ละท่านศึกษาเรียนรู้และทำกันอย่างไร
สมัยผมเด็ก ๆ ปู่ย่าตายายเขาทำบุญกันจริงจังนะครับ สวดมนต์กันนี่เป็นชั่วโมง ๆ ผิดกับคนสมัยนี้ที่ดูจะห่างกันไปหน่อย
ผมชอบที่พระพุทธเจ้าตรัสทำนองว่า คนจะดีจะเลว ไม่ได้อยู่ที่ชาติกำเนิด ฐานะ หรือว่าอะไร แต่อยู่ที่การกระทำว่าดีหรือเลวต่างหาก
ทำให้ศาสนานี้ “เป็นศาสนาของการลงมือปฏิบัติครับ”
ยิ่งพระองค์บอกว่า “คนไหนรู้คำสอนแล้ว แต่ไม่ปฏิบัติตาม ก็ไม่ได้ประโยชน์
เหมือนคนรับจ้างเลี้ยงวัว ก็ได้แต่เลี้ยงวัวไป แต่ไม่ได้ประโยชน์จากน้ำนมวัวที่ตัวเลี้ยง” ภาพก็ยิ่งชัดเข้าไปอีก
เคยนึกสนุกว่าน่าไปอำคนรู้จักเล่นสักที แต่ยังไม่มีโอกาส ทำนองว่า...
A : เฮ้ย น้อง เอ็งเชื่อที่พระพุทธเจ้าสอนมั้ยวะ
B : เชื่อครับพี่ (ใครตอบแบบนี้ก็เข้าทาง)
จากนั้นก็ไล่เลยครับ เคยตื่นมาใส่บาตรมั้ย ? ไปทำบุญวัดใกล้บ้านบ่อยหรือเปล่า ? อะไรทำนองนี้
ศีล 5 ล่ะ ครบไหม ? (ไม่ต้องถึง 8 ละครับ แค่ 5 ผมก็ว่าเหลือรอดมาไม่กี่คน)
นั่งสมาธิบ้างหรือเปล่า ตรงนี้ถามเบา ๆ ครับ เดี๋ยวมันเจ็บ
สมมุติว่าไม่เคยทำ หรือนาน ๆ ทำที ก็ทำหน้าว่าเห็นใจ กุมมือมันไว้ และบอกไปเบา ๆ ว่า
เฮ้ย น้อง พี่จะบอกอะไรให้ ตั้งใจฟังนะ มองปากพี่นี่...
เอ็งรู้ตัวไหม ว่า...
“เอ็ง-คือ-โค-บาล”
ขอให้สนุกสนานกับการทำความดีครับ
--------------------------------------------------
Link ของกระทู้ถัดไปครับ
http://pantip.com/topic/34830403
Link ของกระทู้แรกครับ
http://pantip.com/topic/34802422