คำสอนของพระพุทธเจ้าที่เกี่ยวกับ “การทำให้ร่ำรวย” หรือการสร้างฐานะ มักถูกยกมาอ้างใน อาทิยะสูตร (อังคุตตรนิกาย จตุกกนิบาต) ว่ามี “ธรรม 4 ประการ” ที่จะทำให้คฤหัสถ์เจริญมั่งคั่ง ได้แก่
1. อุฏฐานสัมปทา
ขยันหมั่นเพียร ประกอบการงานโดยสุจริต รู้จักหาช่องทางและทุ่มเทแรงกายแรงใจ
2. อารักขสัมปทา รู้จักรักษาทรัพย์ที่หามาได้ ไม่ให้สูญเสียไปโดยง่าย เช่น รู้จักเก็บออม ป้องกันภัยจากขโมย ไฟ น้ำ หรือการใช้จ่ายเกินตัว
3. กัลยาณมิตตตา
คบหากัลยาณมิตร มิตรแท้ ผู้มีความประพฤติดี ไม่ชักนำให้เสียหาย แต่ส่งเสริมให้เจริญขึ้น
4. สมชีวิตา เลี้ยงชีพแต่พอดี ใช้จ่ายสมดุลกับรายได้ ไม่ฟุ่มเฟือยเกินไป ไม่ตระหนี่จนเกินไป
พระองค์ยังสอนเสริมว่า เมื่อร่ำรวยแล้วก็ควรรู้จัก ใช้ทรัพย์ให้เป็นประโยชน์ เช่น ใช้เลี้ยงดูครอบครัว บำรุงญาติสงเคราะห์มิตร ทำบุญทาน และป้องกันเหคำสอนของพระพุทธเจ้าที่เกี่ยวกับ “การทำให้ร่ำรวย” หรือการสร้างฐานะ มักถูกยกมาอ้างใน อาทิยะสูตร (อังคุตตรนิกาย จตุกกนิบาต) ว่ามี “ธรรม 4 ประการ” ที่จะทำให้คฤหัสถ์เจริญมั่งคั่ง ได้แก่
แรงกายแรงใจ
พระองค์ยังสอนเสริมว่า เมื่อร่ำรวยแล้วก็ควรรู้จัก ใช้ทรัพย์ให้เป็นประโยชน์ เช่น ใช้เลี้ยงดูครอบครัว บำรุงญาติสงเคราะห์มิตร ทำบุญทาน และป้องกันเหตุเภทภัยด้วย
พระพุทธเจ้าก็ทรงแสดงไว้เหมือนกัน เรียกว่า บุญกิริยาวัตถุ 4 หรือ “ทางแห่งการทำบุญให้มั่งคั่งด้วยบุญ” คือ การทำให้ ร่ำรวยบุญ ไม่ใช่แค่ร่ำรวยทรัพย์ ซึ่งมีดังนี้
1. ทานมัย
การทำบุญด้วย “ทาน” คือ การให้ การเสียสละ ช่วยเหลือ แบ่งปัน เช่น การให้สิ่งของ ข้าวปลาอาหาร ความรู้ กำลังแรงกาย
2. ศีลมัย
การทำบุญด้วย “ศีล” คือ การรักษาศีล ความประพฤติชอบ ไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่น เช่น ศีล 5 ศีล 8 หรืออย่างน้อยการดำรงชีวิตโดยไม่ผิดทำนองคลองธรรม
3. ภาวนามัย
การทำบุญด้วย “ภาวนา” คือ การเจริญสมาธิ เจริญปัญญา ทำใจให้สงบ ฝึกจิตให้ผ่องใส
4. อปจายนมัย
การทำบุญด้วย “อปจายนะ” คือ ความเคารพ การนอบน้อม การอ่อนน้อมต่อผู้ควรเคารพ เช่น พ่อแม่ ครูบาอาจารย์ พระสงฆ์ หรือแม้แต่ต่อธรรมวินัย
รวยตามบุญตามกรรม
1. อุฏฐานสัมปทา
ขยันหมั่นเพียร ประกอบการงานโดยสุจริต รู้จักหาช่องทางและทุ่มเทแรงกายแรงใจ
2. อารักขสัมปทา รู้จักรักษาทรัพย์ที่หามาได้ ไม่ให้สูญเสียไปโดยง่าย เช่น รู้จักเก็บออม ป้องกันภัยจากขโมย ไฟ น้ำ หรือการใช้จ่ายเกินตัว
3. กัลยาณมิตตตา
คบหากัลยาณมิตร มิตรแท้ ผู้มีความประพฤติดี ไม่ชักนำให้เสียหาย แต่ส่งเสริมให้เจริญขึ้น
4. สมชีวิตา เลี้ยงชีพแต่พอดี ใช้จ่ายสมดุลกับรายได้ ไม่ฟุ่มเฟือยเกินไป ไม่ตระหนี่จนเกินไป
พระองค์ยังสอนเสริมว่า เมื่อร่ำรวยแล้วก็ควรรู้จัก ใช้ทรัพย์ให้เป็นประโยชน์ เช่น ใช้เลี้ยงดูครอบครัว บำรุงญาติสงเคราะห์มิตร ทำบุญทาน และป้องกันเหคำสอนของพระพุทธเจ้าที่เกี่ยวกับ “การทำให้ร่ำรวย” หรือการสร้างฐานะ มักถูกยกมาอ้างใน อาทิยะสูตร (อังคุตตรนิกาย จตุกกนิบาต) ว่ามี “ธรรม 4 ประการ” ที่จะทำให้คฤหัสถ์เจริญมั่งคั่ง ได้แก่
แรงกายแรงใจ
พระองค์ยังสอนเสริมว่า เมื่อร่ำรวยแล้วก็ควรรู้จัก ใช้ทรัพย์ให้เป็นประโยชน์ เช่น ใช้เลี้ยงดูครอบครัว บำรุงญาติสงเคราะห์มิตร ทำบุญทาน และป้องกันเหตุเภทภัยด้วย
พระพุทธเจ้าก็ทรงแสดงไว้เหมือนกัน เรียกว่า บุญกิริยาวัตถุ 4 หรือ “ทางแห่งการทำบุญให้มั่งคั่งด้วยบุญ” คือ การทำให้ ร่ำรวยบุญ ไม่ใช่แค่ร่ำรวยทรัพย์ ซึ่งมีดังนี้
1. ทานมัย
การทำบุญด้วย “ทาน” คือ การให้ การเสียสละ ช่วยเหลือ แบ่งปัน เช่น การให้สิ่งของ ข้าวปลาอาหาร ความรู้ กำลังแรงกาย
2. ศีลมัย
การทำบุญด้วย “ศีล” คือ การรักษาศีล ความประพฤติชอบ ไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่น เช่น ศีล 5 ศีล 8 หรืออย่างน้อยการดำรงชีวิตโดยไม่ผิดทำนองคลองธรรม
3. ภาวนามัย
การทำบุญด้วย “ภาวนา” คือ การเจริญสมาธิ เจริญปัญญา ทำใจให้สงบ ฝึกจิตให้ผ่องใส
4. อปจายนมัย
การทำบุญด้วย “อปจายนะ” คือ ความเคารพ การนอบน้อม การอ่อนน้อมต่อผู้ควรเคารพ เช่น พ่อแม่ ครูบาอาจารย์ พระสงฆ์ หรือแม้แต่ต่อธรรมวินัย