อุจเฉททิฏฐิ คือ ความเห็นว่าเมื่อตายแล้วจะสูญสิ้นไปทั้งหมด ไม่มีการเวียนว่ายตายเกิดในภพอื่นอีก เป็นมิจฉาทิฏฐิ
“เอาความสูญ” นั้นไปเทียบกับนิพพาน แล้วเข้าใจว่านิพพานคือความสูญสิ้นแบบไม่มีอะไรเหลือ บางคนเลยแอบหวังว่าจะ “เข้าสู่ความสูญ”
แต่ตามพระไตรปิฎก นิพพานไม่ใช่ความสูญแบบทิ้งทุกอย่างไปเฉย ๆ นิพพาน คือ การดับของตัณหา อุปาทาน และอวิชชา การดับของไฟราคะ โทสะ โมหะ ของจิตให้ดับสนิทต่างหาก
คนที่ยึดอุจเฉททิฏฐิจึงเสี่ยงที่จะเข้าใจนิพพานผิดเป็น “ความสูญ” ซึ่งต่างจากนิพพานในความหมายของพระพุทธเจ้ามาก
พระพุทธเจ้าจึงจัดว่าเป็นมิจฉาทิฏฐิเพราะความเห็นแบบตัดขาด สูญสิ้นไปทั้งหมดนี้ขัดกับความจริงของเหตุและผลระดับลึก และเป็นอุปสรรคต่อการเจริญทั้งทางโลกและทางธรรมของจิตใจอย่างมาก
อุจเฉททิฏฐิ คือ ความเห็นว่าเมื่อตายแล้วจะสูญสิ้นไปทั้งหมด
“เอาความสูญ” นั้นไปเทียบกับนิพพาน แล้วเข้าใจว่านิพพานคือความสูญสิ้นแบบไม่มีอะไรเหลือ บางคนเลยแอบหวังว่าจะ “เข้าสู่ความสูญ”
แต่ตามพระไตรปิฎก นิพพานไม่ใช่ความสูญแบบทิ้งทุกอย่างไปเฉย ๆ นิพพาน คือ การดับของตัณหา อุปาทาน และอวิชชา การดับของไฟราคะ โทสะ โมหะ ของจิตให้ดับสนิทต่างหาก
คนที่ยึดอุจเฉททิฏฐิจึงเสี่ยงที่จะเข้าใจนิพพานผิดเป็น “ความสูญ” ซึ่งต่างจากนิพพานในความหมายของพระพุทธเจ้ามาก
พระพุทธเจ้าจึงจัดว่าเป็นมิจฉาทิฏฐิเพราะความเห็นแบบตัดขาด สูญสิ้นไปทั้งหมดนี้ขัดกับความจริงของเหตุและผลระดับลึก และเป็นอุปสรรคต่อการเจริญทั้งทางโลกและทางธรรมของจิตใจอย่างมาก