จากกระทู้ที่เค้าตั้ง โดยได้ Crop ความเห็นที่ผมได้แสดงความเห็นเอาไว้ให้สมาชิกคนหนึ่ง
ดับผัสสะ ดับขันธ์คืออะไร
ความรู้ของพระพุทธศาสนา ไม่ใช่เรื่องที่จะสามารถพูดเอาเองได้ หรือตั้งชื่อสภาวะธรรมเอาตามอำเถอใจได้ เพราะเราไม่ใช่ผู้คิดค้นคนแรก
ผู้คิดค้นคนแรก ซึ่งในที่นี้ก็คือ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงตรัสรู้ความจริงของธรรมชาติ แล้วมาบอกสอนพวกเรา โดยที่
พระองค์ได้ทรงวางหลักเกณฑ์ตามปรากฏการณ์ทางธรรมชาติของสรรพสิ่งเอาไว้ และทรงตั้งชื่อสิ่งนั้นๆ เสร็จสรรพ ไม่ว่า
จะเป็นปฏิจจสมุปบาท ,อิทัปปัจจยตา ,นิพพาน ,ขันธ์ 5 ,อริยสัจ เป็นต้น
หมายความว่า ทรงเป็นผู้ตั้งชื่อสภาวะธรรมเหล่านั้นเอาไว้เสร็จแล้ว เราผู้มีหน้าเรียน ก็ต้องเรียนศัพท์เหล่านั้นด้วย
ถ้าจะนำไปเผยแผ่ต่อ ก็ต้องพูดให้มันตรงกันกับที่พระศาสดาทรงบัญญัติตั้งชื่อ และบัญญัติกฏเกณฑ์นั้นๆ เอาไว้
ยกตัวอย่างเช่น
E=mc² เป็นสมการอันโด่งดังของ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ ที่แสดงถึง ความสมมูลระหว่างมวลกับพลังงาน
เราเมื่อกำลังเรียนอยู่ แล้วอยากนำมาเผยแพร่ต่อ เราจะไม่เขียนสมการที่ท่านทำเอาไว้ดีแล้วออกมามั่วๆ และไม่ตั้งชื่อใหม่มั่วๆ
อย่างเช่น
ET=@#%$^$^C2
แบบข้างบนนี้ ใครมาฟังเข้า แล้วนำไปแก้สมการหาความจริงกันต่อ เขาก็จะใช้เวลาตลอดทั้งชาติของเค้านั่นแหละ
หาความจริงจากสมการมั่วๆ อันนี้ไม่ได้ เพราะว่าผู้เผยแพร่นั้น มั่วทั้งหลัก มั่วทั้งศัพท์ แต่กลับแอ๊คชั่นว่า ตนรู้นั่น ตนรู้นี่
ทำสมาธิได้เท่านั้น ได้เท่านี้ เก่งยังงั้น เก่งยังงี้ คนอื่นไม่รู้แบบนั้น ไม่รู้แบบนี้
คราวนี้ ถ้าคนรู้ถูกมาบ้าง แล้วกลับเงียบ สุดท้ายแล้ว ก็ไม่มีใครรู้ความจริงซักที ว่าอะไรเป็นอะไร และไม่นาน
สิ่งที่พระองค์วางกฏเกณฑ์ และตั้งชื่อเอาไว้ทั้งหลายนั้น ก็จะมีอันเสื่อม และลืมเลือนไปจากความทรงจำของผู้คน
เอาล่ะครับ เกริ่นมาพอประมาณนะครับ มาเข้าประเด็นกันดีกว่าครับ ในความเห็นถัดไป เพื่อความเป็นสัด เป็นส่วน
ยังงัยก็ขอสรุปความเห็นเอาไว้ซะทีนึงก่อนว่า พระพุทธศาสนา ก็เป็นองค์ความรู้ที่ไม่สามารถ "มั่ว" ได้ นั่นเอง
เพราะพระพุทธเจ้าของเรา ท่านเป็นผู้ตรัสรู้ อุปมาเหมือนนักวิทนาศาสตร์นั่นแหละ ทรงอธิบายปรากฏการณ์
ตั้งกฏเกณฑ์โครงสร้าง เช่นปฏิจจสมุปบาท ,อิทัปปัจจยตา และทรงตั้งชื่อรายละเอียดปรากฏการณ์เหล่านั้น
เอาไว้พร้อมเลย เรียกว่า ถ้าเราเรียนปริยัติของท่าน เราก็จะรู้ในสิ่งที่ท่านตรัสรู้และนำมาสอนได้ พร้อมทั้ง
เรียกชื่อสภาวะเหล่านั้น ได้อย่างถูกต้อง นั่นเองครับ.
เรื่องนี้ เป็นเรื่องของ นายแมวยั่วสวาท.
ดับผัสสะ ดับขันธ์คืออะไร
ความรู้ของพระพุทธศาสนา ไม่ใช่เรื่องที่จะสามารถพูดเอาเองได้ หรือตั้งชื่อสภาวะธรรมเอาตามอำเถอใจได้ เพราะเราไม่ใช่ผู้คิดค้นคนแรก
ผู้คิดค้นคนแรก ซึ่งในที่นี้ก็คือ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงตรัสรู้ความจริงของธรรมชาติ แล้วมาบอกสอนพวกเรา โดยที่
พระองค์ได้ทรงวางหลักเกณฑ์ตามปรากฏการณ์ทางธรรมชาติของสรรพสิ่งเอาไว้ และทรงตั้งชื่อสิ่งนั้นๆ เสร็จสรรพ ไม่ว่า
จะเป็นปฏิจจสมุปบาท ,อิทัปปัจจยตา ,นิพพาน ,ขันธ์ 5 ,อริยสัจ เป็นต้น
หมายความว่า ทรงเป็นผู้ตั้งชื่อสภาวะธรรมเหล่านั้นเอาไว้เสร็จแล้ว เราผู้มีหน้าเรียน ก็ต้องเรียนศัพท์เหล่านั้นด้วย
ถ้าจะนำไปเผยแผ่ต่อ ก็ต้องพูดให้มันตรงกันกับที่พระศาสดาทรงบัญญัติตั้งชื่อ และบัญญัติกฏเกณฑ์นั้นๆ เอาไว้
ยกตัวอย่างเช่น E=mc² เป็นสมการอันโด่งดังของ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ ที่แสดงถึง ความสมมูลระหว่างมวลกับพลังงาน
เราเมื่อกำลังเรียนอยู่ แล้วอยากนำมาเผยแพร่ต่อ เราจะไม่เขียนสมการที่ท่านทำเอาไว้ดีแล้วออกมามั่วๆ และไม่ตั้งชื่อใหม่มั่วๆ
อย่างเช่น ET=@#%$^$^C2
แบบข้างบนนี้ ใครมาฟังเข้า แล้วนำไปแก้สมการหาความจริงกันต่อ เขาก็จะใช้เวลาตลอดทั้งชาติของเค้านั่นแหละ
หาความจริงจากสมการมั่วๆ อันนี้ไม่ได้ เพราะว่าผู้เผยแพร่นั้น มั่วทั้งหลัก มั่วทั้งศัพท์ แต่กลับแอ๊คชั่นว่า ตนรู้นั่น ตนรู้นี่
ทำสมาธิได้เท่านั้น ได้เท่านี้ เก่งยังงั้น เก่งยังงี้ คนอื่นไม่รู้แบบนั้น ไม่รู้แบบนี้
คราวนี้ ถ้าคนรู้ถูกมาบ้าง แล้วกลับเงียบ สุดท้ายแล้ว ก็ไม่มีใครรู้ความจริงซักที ว่าอะไรเป็นอะไร และไม่นาน
สิ่งที่พระองค์วางกฏเกณฑ์ และตั้งชื่อเอาไว้ทั้งหลายนั้น ก็จะมีอันเสื่อม และลืมเลือนไปจากความทรงจำของผู้คน
เอาล่ะครับ เกริ่นมาพอประมาณนะครับ มาเข้าประเด็นกันดีกว่าครับ ในความเห็นถัดไป เพื่อความเป็นสัด เป็นส่วน
ยังงัยก็ขอสรุปความเห็นเอาไว้ซะทีนึงก่อนว่า พระพุทธศาสนา ก็เป็นองค์ความรู้ที่ไม่สามารถ "มั่ว" ได้ นั่นเอง
เพราะพระพุทธเจ้าของเรา ท่านเป็นผู้ตรัสรู้ อุปมาเหมือนนักวิทนาศาสตร์นั่นแหละ ทรงอธิบายปรากฏการณ์
ตั้งกฏเกณฑ์โครงสร้าง เช่นปฏิจจสมุปบาท ,อิทัปปัจจยตา และทรงตั้งชื่อรายละเอียดปรากฏการณ์เหล่านั้น
เอาไว้พร้อมเลย เรียกว่า ถ้าเราเรียนปริยัติของท่าน เราก็จะรู้ในสิ่งที่ท่านตรัสรู้และนำมาสอนได้ พร้อมทั้ง
เรียกชื่อสภาวะเหล่านั้น ได้อย่างถูกต้อง นั่นเองครับ.