ร้านอุมะ อุมะ (Uma Uma)
ที่ตั้ง: ซอยสุขุมวิท 23
เวลาเปิดปิด: จันทร์-เสาร์ เวลา 11.30-24.00 น.
อาทิตย์ เวลา 11.30-22.00 น.
"อุมะอุมะ" เป็นหนึ่งในร้านราเมนสไตล์ฮากาตะที่มีประวัติอันเก่าแก่ยาวนานมาตั้งแต่ปี 1953 จากช่วงก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่เป็นเพียงร้านรถเข็นธรรมดา สืบทอดกันมารุ่นสู่รุ่น จนกระทั่งปัจจุบันขยายกิจการถึง 4 สาขาในประเทศญี่ปุ่น และอีก 2 สาขาในต่างประเทศอย่างสิงคโปร์ และประเทศไทย
ราเมนสไตล์ฮากาตะเป็นราเมนที่ทำจากน้ำซุปกระดูกหมู ผ่านการเคี่ยวเป็นเวลานานกว่า 18 ชั่วโมง จึงทำให้น้ำซุปที่ได้มีความเข้มข้น กลมกล่อม ชามแรกที่ลองวันนี้เป็นสูตรต้นตำรับ มีให้เลือก 2 ขนาดคือ Regular (190 บาท) และ Small (140 บาท) เพิ่มไข่ต้มพิเศษต่างหาก (30 บาท)
ความแข็งของเส้นจะมีให้เลือก 3 ระดับคือธรรมดา แข็ง และแข็งมาก
เมนูต่อมา "ทสึเคะเมน" (250 บาท) วิธีทานคือนำเส้นไปจุ่มลงในซุปกระดูกหมูอันเข้มข้น แต่ที่นี่จะแตกต่างจากร้านอื่นหน่อยตรงที่น้ำซุปเค้าจะไม่เข้มข้นมากนัก และมีส่วนผสมของปลาแห้งค่อนข้างเยอะ (ส่วนตัวไม่ค่อยชอบกลิ่นปลาแห้งเท่าไหร่)
และอีกหนึ่งเมนูราเมนแนะนำของทางร้าน "มาเสะโซบะ" (250 บาท)
เป็นราเมนแบบแห้ง ต้องคลุกเคล้าให้เข้ากันก่อนทาน
มาที่อาหารทานเล่นกันบ้าง มองไปจะเห็นแทบทุกโต๊ะสั่งเหมือนกันหมด นั่นก็คือ "เกี๊ยวซ่า" นั่นเอง เกี๊ยวซ่าที่นี่เค้าจะเป็นแบบพอดีคำหรือเรียกว่าอิโตะคูชิเกี๊ยวซ่า มีให้เลือกทั้งแบบธรรมดา (95 บาท) แบบชีส (130 บาท) และเมนไทชีส (180 บาท)
เมนไทชีส เกี๊ยวซ่า
"ซีซ่าร์สลัด" (200 บาท)
ไข่ม้วนไส้ไข่ปลาคอต (180 บาท)
จิ้มมายองเนส
"ปีกไก่ทอด" (160 บาท) มีให้เลือกทั้งรสซอสและรสเกลือ
ส่วนเมนูที่ประทับใจสุดวันนี้ขอยกให้เมนูหม้อไฟหรือ "ฮากาตะ มทซึนาเบะ" (เล็ก 330 บาท/ใหญ่ 550 บาท) มีซุปให้เลือก 3 แบบคือรสเกลือ โชยุ และมิโซะขาว
และสำหรับมื้อเย็นจะมีพวกเมนู Yakitori หรือาหารเสียบไม้ย่างเพิ่มเข้ามาอีกกว่าสิบรายการ
ปิดท้ายมื้อนี้ด้วยของหวานอย่างไอศกรีมชาเขียวถั่วแดงมาร์ชเมลโล (180 บาท)
สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณทางร้านอุมะ อุมะที่ให้เกียรติเชิญมาในวันนี้ และขอบคุณทุกคนที่ติดตามกันมาจนจบค่ะ
วันนี้ลาไปก่อนพบกันใหม่ได้ที่
FB:
https://www.facebook.com/lonelynite
ขอบคุณมากค่ะ

[SR] Uma Uma สุดยอดราเมนอันเก่าแก่ ต้นตำรับแท้สไตล์ฮากาตะ
ร้านอุมะ อุมะ (Uma Uma)
ที่ตั้ง: ซอยสุขุมวิท 23
เวลาเปิดปิด: จันทร์-เสาร์ เวลา 11.30-24.00 น.
อาทิตย์ เวลา 11.30-22.00 น.
"อุมะอุมะ" เป็นหนึ่งในร้านราเมนสไตล์ฮากาตะที่มีประวัติอันเก่าแก่ยาวนานมาตั้งแต่ปี 1953 จากช่วงก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่เป็นเพียงร้านรถเข็นธรรมดา สืบทอดกันมารุ่นสู่รุ่น จนกระทั่งปัจจุบันขยายกิจการถึง 4 สาขาในประเทศญี่ปุ่น และอีก 2 สาขาในต่างประเทศอย่างสิงคโปร์ และประเทศไทย
ราเมนสไตล์ฮากาตะเป็นราเมนที่ทำจากน้ำซุปกระดูกหมู ผ่านการเคี่ยวเป็นเวลานานกว่า 18 ชั่วโมง จึงทำให้น้ำซุปที่ได้มีความเข้มข้น กลมกล่อม ชามแรกที่ลองวันนี้เป็นสูตรต้นตำรับ มีให้เลือก 2 ขนาดคือ Regular (190 บาท) และ Small (140 บาท) เพิ่มไข่ต้มพิเศษต่างหาก (30 บาท)
ความแข็งของเส้นจะมีให้เลือก 3 ระดับคือธรรมดา แข็ง และแข็งมาก
เมนูต่อมา "ทสึเคะเมน" (250 บาท) วิธีทานคือนำเส้นไปจุ่มลงในซุปกระดูกหมูอันเข้มข้น แต่ที่นี่จะแตกต่างจากร้านอื่นหน่อยตรงที่น้ำซุปเค้าจะไม่เข้มข้นมากนัก และมีส่วนผสมของปลาแห้งค่อนข้างเยอะ (ส่วนตัวไม่ค่อยชอบกลิ่นปลาแห้งเท่าไหร่)
และอีกหนึ่งเมนูราเมนแนะนำของทางร้าน "มาเสะโซบะ" (250 บาท)
เป็นราเมนแบบแห้ง ต้องคลุกเคล้าให้เข้ากันก่อนทาน
มาที่อาหารทานเล่นกันบ้าง มองไปจะเห็นแทบทุกโต๊ะสั่งเหมือนกันหมด นั่นก็คือ "เกี๊ยวซ่า" นั่นเอง เกี๊ยวซ่าที่นี่เค้าจะเป็นแบบพอดีคำหรือเรียกว่าอิโตะคูชิเกี๊ยวซ่า มีให้เลือกทั้งแบบธรรมดา (95 บาท) แบบชีส (130 บาท) และเมนไทชีส (180 บาท)
เมนไทชีส เกี๊ยวซ่า
"ซีซ่าร์สลัด" (200 บาท)
ไข่ม้วนไส้ไข่ปลาคอต (180 บาท)
จิ้มมายองเนส
"ปีกไก่ทอด" (160 บาท) มีให้เลือกทั้งรสซอสและรสเกลือ
ส่วนเมนูที่ประทับใจสุดวันนี้ขอยกให้เมนูหม้อไฟหรือ "ฮากาตะ มทซึนาเบะ" (เล็ก 330 บาท/ใหญ่ 550 บาท) มีซุปให้เลือก 3 แบบคือรสเกลือ โชยุ และมิโซะขาว
และสำหรับมื้อเย็นจะมีพวกเมนู Yakitori หรือาหารเสียบไม้ย่างเพิ่มเข้ามาอีกกว่าสิบรายการ
ปิดท้ายมื้อนี้ด้วยของหวานอย่างไอศกรีมชาเขียวถั่วแดงมาร์ชเมลโล (180 บาท)
สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณทางร้านอุมะ อุมะที่ให้เกียรติเชิญมาในวันนี้ และขอบคุณทุกคนที่ติดตามกันมาจนจบค่ะ
วันนี้ลาไปก่อนพบกันใหม่ได้ที่
FB: https://www.facebook.com/lonelynite
ขอบคุณมากค่ะ