ภวังค์ร้าย…เรือนรัก [บทนำ]

กระทู้สนทนา
“บ้านหลังใหม่ เมื่อความทรงจำครั้งนั้นพาให้เขาต้องฝันร้ายในทุกๆคืน เป็นปริศนาที่เขาต้องตามหา ฆาตรกรที่แท้จริง”

ตอนที่ 1
“ผมชื่อภูมินทร์ เป็นเจ้าของบ้านคนใหม่ของเรือนนี้”
ผมได้ตอบกลับ คุณป้าคนหนึ่งที่มาถาม ทั้งๆที่วันนี้ก็เป็นวันแรกที่ผมเพิ่งย้ายเข้าในบ้านเรือนนี้
“นีพ่อหนุ่ม แน่ใจแล้วหรอ ที่จะมาอยู่บ้านนี่น่ะ ไม่เคยได้ยินข่าวลือที่เกิดในบ้านนี้หรอ”
ป้าคนนั้นถามผมด้วยสีหน้าที่ไม่สู้ดีนัก
“บ้านเรือนนี้?? เกิดอะไรขึ้นกับบ้านหลังนี้??หรอครับ”
ใช่ ผมมาอยู่บ้านหลังนี้ เพื่อตามหาความจริงบางอย่าง
“บ้านหลังนี้ เคยเกิดเรื่องไม่ดีมาก่อน ซึ่งถ้าพ่อหนุ่มอยู่ไปเรื่อย ๆ เดี๋ยวก็จะรู้เอง และสุดท้าย อาจจะทนอยู่ไม่ได้ ก็ได้นะ”
คุณป้าคนนั้นพูดจบก็รีบเดินจากไป ส่วนผมที่ได้ฟังอย่างนั้น ผมยิ่งกระหายปริศนาครั้งนี้ และต้องรู้ให้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น ถึงแม้ในใจลึกๆก็แอบหวั่นๆ  เพราะข่าวลือที่ว่านั้นมันเกี่ยวข้องกับฆาตกรรมของแฟนเก่าของผม เพราะตั้งแต่ที่ผมได้ทุนไปเรียนต่อที่ต่างจังหวัด 6 ปีที่ผ่านมา ผมก็ไม่เคยได้ข่าวคราวหรือการติดต่อจากเธออีกเลย "อินตรา"

และตอนนี้ผมก็ได้อยู่หน้าบ้าน ซึ่งเป็นเรือนไทยเก่า ๆ มีลักษณะเป็นหลังคาทรงสูง เป็นบ้านสองชั้น พื้นที่กว้างขวาง และมีใต้ถุนบ้าน มองจากข้างนอก ถือว่าเป็นบ้านที่สวยมากหลังนึงเลย แต่เพราะไม่ได้ทำความสะอาด เลยทำให้ดูโทรมๆ มีกระถางต้นไม้เก่า ๆ อยู่รอบ ๆ และ อุปกรณ์เครื่องตู้ต่างๆ ซึ่งผมได้ซื้อต่อมาจากที่เขาได้ประกาศขายไว้

และที่สำคัญบ้านหลังนี้เคยเป็นที่พักอาศัยของแฟนเก่าผม อินตรา และข่าวสุดท้ายที่ผมได้ยินคือ เธอฆ่าตัวตายในบ้านหลังนี้ ซึ่งไม่มีใครได้รู้ต้นเหตุของโศกนาฏกรรมครั้งนี้เลย และผมก็ไม่เชื่อว่าเธอจะฆ่าตัวตาย ยกเว้นว่าจะมีการฆาตกรรมแอบแฝงเกิดขึ้น

“พี่ภู เมื่อไหร่จะขึ้นไปชั้นสองครับ มัวแต่ดูรอบบ้านอยู่ได้ ผมอยากจะไปดูห้องใหม่แล้ว”
เสียงน้องชายวัย 9 ขวบ เจ้าฤทธิ์ หรือ ภูธฤทธิ์ ชื่อเต็มๆของมัน
“อี๋ ทำไมบ้านมันโทรมแบบนี้ละคะ อย่างกับบ้านผีสิงเลยอ่ะพี่ภู”
ตามมาด้วยน้องสาววัยสิบสี่ ภูพิ้งค์ หรือ พิ้งค์ ที่ตอนนี้กำลังเรียนอยู่ ม .ต้น
“นี่เข้าบ้านใหม่ อย่าทำเสียบรรยากาศแบบนี้สิ แต่ก็โทษที พอดีพี่สำรวจบ้านเพลินไปหน่อย งั้นก็เก็บข้าวของทั้งหมดขึ้นชั้นสอง แล้วเดี๋ยวเราก็มาทำความสะอาดบ้านด้วยกันนะ เพราะพรุ่งนี้ พวกเราก็เปิดเทอมวันแรกแล้วด้วย”
ผมเป็นพี่ชายคนโต ครอบครัวของเราตอนนี้ก็เหลือแค่ 3 คน โชคดีที่ตอนนี้ผมก็เรียนจบแล้ว เป็นเภสัชกรประจำอยู่ที่โรงพยาบาลชุมชนใกล้บ้านนี่แหละ และต้องส่งน้องอีก 2 คนเรียนหนังสือด้วย จึงต้องทำงานพิเศษอยู่บ่อยๆ โชคดีที่ผมพอมีเงินเก็บและที่ดินของคุณพ่อที่เหลือให้อยู่บ้าง จึงไม่ถือว่าขัดสนมากนักสำหรับการเงินของเรา

ทันที่ที่พวกเราเข้ามาในบ้าน ก็รู้สึกได้ถึงความเย็นสบาย และ ความร่มรื่น เพราะเรือนนี้ มีต้นไม้ล้อมหน้าล้อมหลังอยู่มาก
เหมาะสำหรับการพักผ่อนจริงๆ แต่ที่น่าแปลกใจคือ บ้านหลังนี้ก็สวย แต่ทำไมถึงมีคนมาอาศัยแล้วแต่ขายต่อเป็นแถบๆกันทั้งนั้น แต่ก็ถือว่าโชคดีของผม ที่นอกจากจะได้บ้านแล้ว ยังเป็นที่ที่ผมจะหาเบาะแสอะไรต่างๆได้อีก
“พี่ภู น้องขออยู่ห้องนี้นะ”
ผมมองไปตามห้องที่เจ้าฤทธิ์ชี้ ก็จำได้ ว่าห้องนี้เคยเป็นห้องของอินตรา เพราะเมื่อ 6 ปีที่แล้ว ผมเคยมาที่นี่มาก่อน !!
“ไม่ได้ ๆ ห้องนี้ พี่จองแล้วนะ แกก็อยู่ห้องตรงข้ามห้องพี่แล้วกัน ยัยพิ้งค์”
ผมรีบแสดงความเป็นเจ้าของก่อนเลย
“แล้วผมล่ะครับ นอนห้องไหน” เจ้าฤทธิ์ถาม
“นอนกับพี่นี่แหละ แกเป็นเด็กผู้ชาย” ผมตอบ
แล้วเด็กทั้งสองก็ต่างเข้าห้องของตัวเอง ส่วนผมก็จัดข้าวของเครื่องใช้ ตามตู้ต่างๆ ในบ้าน
น่าแปลกใจที่บ้านหลังนี้ไม่มีร่องรอยหรือหลักฐานอะไรหลงเหลือเลย มันไม่น่าเป็นไปได้ที่คน คนหนึ่งซึ่งเป็นคนเข้มแข็งที่ผมเคยรู้จัก จะจบชีวิตด้วยตัวเองแบบนี้

คืนนั้น หลังจากที่พวกเราได้ทำความสะอาดบ้านอย่างเหน็ดเหนื่อยทั้งวัน ทุกคนก็อ่อนเพลียและรีบเข้านอนแต่หัวค่ำ รวมทั้งผมด้วย แต่ปริศนาที่ยังคงค้างคาในใจของผมก็ไม่ค่อยหายไปแม้แต่นาทีเดียว จนตอนนี้ก็เที่ยงคืนกว่าแล้ว ผมก็ยังนอนไม่หลับ เพราะจุดประสงค์ที่ผมมาที่นี่ ไม่ใช่แค่การพักอาศัยเท่านั้น แต่เพื่อตามหาความจริงเกี่ยวกับอินตราต่างหาก
“ก๊อก ๆ ๆ” เสียงเคาะประตู แต่ไม่ใช่เสียงที่เคาะห้องของผม ผมลุกขึ้นมา พร้อมแคลงใจว่า บ้านเรามีอยู่สามคน แล้วผมกับน้องชายก็นอนห้องเดียวกัน ส่วนยัยพิ้งค์ก็นอนคนเดียว แล้วใครเป็นคนเคาะประตูห้องยัยพิ้งค์ได้
ผมจึงเดินไปเปิดประตู แต่ไม่พบแม้แต่เงาของใครเลย มันน่าแปลกใจ เพราะห้องก็อยู่ตรงกันข้ามนี่เอง และตอนนี้ก็เที่ยงคืนกว่าแล้วด้วย หรือว่าผมอาจจะหูฝาดไปเองก็ได้ ผมจึงกลับเข้าห้องปิดประตู แล้วกำลังจะก้าวขึ้นเตียงนอน
“ก๊อก ก๊อก ก๊อก
แอ๊ด….” ครานี้ ได้ยินเสียงคนเคาะประตูและเปิดประตูตามมาด้วย ผมมั่นใจว่าต้องมีคนอยู่ข้างนอกแน่ รีบปลุกเจ้าฤทธิ์ที่หลับอยู่
“ฤทธิ์ ตื่น ๆ พี่ได้ยินเสียงคนเคาะประตูข้างนอก”
“อะไรพี่ พี่ก็ไปดูสิ ผมจะนอนนนนน…” เจ้าฤทธิ์งัวเงียแล้วเอาผ้าห่มมาคลุมโปง
ผมที่ใจไม่ดี กลัวว่าจะมีเรื่องอะไร จึงตัดสินใจออกไปดูข้างนอก ปรากฏว่า ประตูห้องของยัยพิ้งค์ก็ไม่ได้เปิดไว้อย่างที่ได้ยิน
จึงตัดสินใจที่จะปลุกยัยพิ้งค์
“พิ้งค์ ๆ  ๆ เปิดประตูให้พี่หน่อย” ผมเคาะประตูเรียกน้องสาวที่อยู่ในห้องนอนของเธอ แต่ก็ไม่ได้ยินเสียงตอบรับกลับมา
“พิ้งค์ ๆ ถ้าไม่ตื่น พี่จะเปิดเข้าไปแล้วนะ” ผมเปิดประตูห้องเข้าไปแล้วปรากฏว่าไม่เห็นยัยพิ้งค์เลยในห้อง
!!!!!
“เฮ้ย ยัยพิ้งค์ แกอยู่ไหน” ผมรีบออกไปหาหน้าบ้าน ใต้ถุนบ้าน นอกบ้านแต่ก็ไม่มีวี่แววเลย
ผมใจไม่ดี จึงกลับจะเอามือถือในห้องเพื่อโทรหาตำรวจ ขอความช่วยเหลือ แต่คราวนี้ผมกลับเห็นยัยพิ้งค์นอนอยู่ในห้องตามเดิม

มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย มาวันแรก ผมก็โดนรับน้องหนักขนาดนี้เลยหรือ ผมที่กำลังสับสนอยู่จึงตัดสินใจที่จะปลุกน้องสาวตัวเองให้มานอนในห้องด้วยกัน  3 คน
“ยัยพิ้งค์ ตื่น ๆ”
“โอ๊ย พี่ปลุกทำไม คนจะหลับจะนอน” อาการเดียวกันกับเจ้าฤทธิ์เลย
“มานอนห้องพี่เถอะ เร็ว”.
ยัยพิ้งค์ลุกขึ้นแล้วลากร่างมานอนในห้องผมจนได้ มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมเมื่อกี้เราถึงไม่เห็นพิ้งค์ หรือว่าเราตามัวไปเอง ผมที่กำลังทำความเข้าใจตัวเองเองอยู่ในห้องเดียวกันกับน้องทั้งสอง
ซักพักก็ได้ยินเสียง เคาะประตูในห้องตรงข้าม เหมือนเดิม “ก๊อก ก๊อก ก๊อก”
คราวนี้ผมไม่ได้ยินผิดพลาดแน่ ผมจึงรีบกระโจนออกไป แล้วเปิดประตูเข้าห้อง แต่เมื่อได้ก้าวเข้าไปเท่านั้น ผมกลับรู้สึกถึงมนต์สะกดอะไรบางอย่าง ที่ชวนให้ผมต้องหลับในห้องนั้น คืนนี้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่