กทค. ลั่นถกราคาคลื่นใหม่ประมูลรอบสองย่าน '900'
กรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559
"เศรษฐพงค์"ยันประมูลคลื่น 900 รอบสอง กรณีมีผู้ทิ้งไลเซ่นส์ กทค. มีอำนาจกำหนดราคาเริ่มต้นเองตามกฎหมาย แต่จะพิจารณาให้เหมาะสมกับรายอื่น หากเอกชนคิดว่าเสียประโยชน์ฟ้องศาลได้ "ประวิทย์" เผยราคาคลื่นมีแต่จะถูกลง
พ.อ.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ รองกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ในฐานะประธานกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) กล่าวว่า การประมูลย่านความถี่ 900 เมกะเฮิรตซ์เป็นประโยชน์ของรัฐไปแล้วผู้ชนะการประมูลต้องดำเนินการตามเงื่อนไขการประมูลหากนำเงินมาชำระไม่ได้จะส่งผลก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐและต้องรับผิดชอบตามเงื่อนไขการประมูล
ทั้งนี้ มีผู้ชนะ 2 ราย คือบริษัททรูมูฟเอช ยูนิเวอร์แซล คอมมูนิเคชั่น จำกัด (ทียูซี) และบริษัท แจส โมบาย บรอดแบนด์ จำกัด กำหนดชำระเงินประมูลงวดแรก 8,040 ล้านบาท ภายใน 90 วัน หรือ 21 มี.ค.2559 พร้อมหนังสือรับรองทางการเงินจากสถาบันทางการเงิน (แบงก์ การันตี) "ผู้ที่ไม่ชำระค่าประมูลจะถูกลงโทษตามกฎหมายในทุกช่องทาง ทั้งทางสังคมและทางธุรกิจ ดังนั้นบริษัทที่ชนะการประมูลจะเกิดความเสียหายหนักในทุกด้าน"
ส่วนแนวทางที่ กสทช. จะกำหนดหลังจากนี้ หากผู้ชนะการประมูลไม่ชำระเงินดังกล่าว การเปิดประมูลใหม่จะนำราคาของผู้ชนะการประมูลสุดท้ายที่เสนอมาเป็นราคาเริ่มต้นการประมูลที่ 75,000 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการหารือกับบอร์ด กทค.
ขณะเดียวกัน หากเริ่มราคาการประมูลที่ราคาขั้นต่ำกว่า 75,000 ล้านบาท ผู้ชนะการประมูลที่ไม่ชำระจะต้องดำเนินการชำระส่วนต่างที่หายไป ซึ่งเป็นไปตามกฎหมายและเงื่อนไขการประมูลที่กำหนดไว้
ทั้งนี้ ตามกฎหมายแล้วการตั้งราคาและเงื่อนไขการประมูล พระราชบัญญัติคุ้มครองให้ กสทช. มีอำนาจตั้งราคา ซึ่งหากผู้ประกอบการรายใดเห็นว่าไม่ยุติธรรมต่อราคาเริ่มต้นการประมูลที่จะเกิดขึ้นฟ้องตัวกฎหมายได้ แต่ฟ้องร้องบุคคลไม่ได้ เนื่องจาก กสทช. ไม่ได้มีอำนาจบังคับผู้เข้าร่วมประมูลให้เข้าร่วมประมูล ซึ่ง ผู้เข้าร่วมประมูลเข้าประมูลแต่ละครั้ง ไม่ เชื่อมโยงกับการประมูลอื่น หากผู้ประกอบการรายใดคิดว่าเสียสิทธิที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม ก็ฟ้องร้องต่อศาลปกครองได้
นายประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา กรรมการ กสทช. ด้านคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม ระบุว่า สำนักงานกสทช.อยู่ระหว่างจัดทำร่างเพื่อให้บอร์ดกทค.ลงมติเห็นชอบเพื่อจัดทำราคาเริ่มต้นการประมูล 4จีที่ 75,000 ล้านบาท ซึ่งบอร์ดแต่ละคนยังไม่ได้มีมติข้อสรุป
อย่างไรก็ตาม นายประวิทย์ เสนอความเห็นเรื่องราคาเริ่มต้นการประมูลโดยคิดจากราคาความต้องการของตลาด ซึ่งจะมาจากความต้องการของผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ (โอเปอร์เรเตอร์) ทั้ง 4 รายที่ได้เสนอหยุดเคาะราคาที่ 70,000 ล้านบาท บนสมมุติฐานว่าแจสไม่จ่ายค่าใบอนุญาต เหลือเพียงทียูซี อาจพิจารณานำราคาต่ำที่สุดในการเสนอรอบดังกล่าวคือราคาที่บริษัทดีแทคไตรเน็ตจำกัดเสนอราคาสุดท้าย คือ 70,180 ล้านบาทมาเป็นตัวตั้ง เพราะถือว่าทุกรายได้ผ่านการเสนอราคาขั้นต่ำนี้แล้ว
"ยอมรับว่าราคาใบอนุญาตหากเอาราคาสุดท้ายที่เสนอกัน มาเป็นราคาเริ่มต้นการประมูลใหม่จะสุ่มเสี่ยงมากต่อราคาที่โอเปอเรเตอร์ไม่ต้องการ และทำให้เกิดความไม่ต้องการคลื่นดังกล่าวได้ เพราะแม้จะระบุว่ารัฐต้องไม่เสียหาย แต่ราคาสุดท้ายที่เสนอ ต้องพิจารณาเรื่องสภาพการแข่งขัน ความต้องการคลื่นความถี่ที่เปลี่ยนแปลงไป"
อย่างไรก็ตาม การไม่ชำระค่าประมูล 4จีจะส่งผลกระทบทางทางตรงและทางอ้อม หาก กสทช. ต้องจัดการประมูลใหม่และทำให้การประมูลใหม่นั้นได้มูลค่าคลื่นความถี่ที่ต่ำกว่าการประมูลครั้งแรก สิ่งที่กสทช. ต้องดำเนินการคือการฟ้องร้องต่อโอเปอเรเตอร์นั้น เพื่อชำระส่วนต่างที่รัฐสูญเสียไป รวมถึงค่าจัดการประมูลเช่นกัน ซึ่งหากต้องจัดการประมูลและเกิดความล่าช้าจะยิ่งทำให้มูลค่าคลื่นความถี่ย่าน 900 ตกไป
ขณะที่การนำคลื่นความถี่ย่าน 900 ไปเปิดประมูลในปีเดียวกับการประมูลคลื่นความถี่ย่าน 1800 และ 2600 เมกะเฮิรตซ์ยิ่งส่งผลให้ราคาคลื่นความถี่ย่าน 900 เมกะเฮิรตซ์ตก อย่างแน่นอน
"เราจะต้องยิ่งประมูลให้เร็วขึ้น ซึ่งหากประมูลล่าช้าจะทำให้เราไม่สามารถฟ้องร้องค่าเสียหายทางการประมูลได้และทำให้ราคาคลื่น 900 ยิ่งราคาตกไป เพราะความต้องการทางการตลาดมีคลื่นความถี่ย่านอื่นๆ ที่ กสทช. จะเปิดประมูล ทำให้มีคลื่นความถี่ให้เลือกมากกว่า"
แหล่งข่าว
หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 (หน้า 8)
'กทค.' ลั่นถกราคาคลื่นใหม่ประมูลรอบสองย่าน '900' รับลำบากใจบีบค่ายมือถือประมูลราคาแพงลิ่ว
กทค. ลั่นถกราคาคลื่นใหม่ประมูลรอบสองย่าน '900'
กรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559
"เศรษฐพงค์"ยันประมูลคลื่น 900 รอบสอง กรณีมีผู้ทิ้งไลเซ่นส์ กทค. มีอำนาจกำหนดราคาเริ่มต้นเองตามกฎหมาย แต่จะพิจารณาให้เหมาะสมกับรายอื่น หากเอกชนคิดว่าเสียประโยชน์ฟ้องศาลได้ "ประวิทย์" เผยราคาคลื่นมีแต่จะถูกลง
พ.อ.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ รองกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ในฐานะประธานกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) กล่าวว่า การประมูลย่านความถี่ 900 เมกะเฮิรตซ์เป็นประโยชน์ของรัฐไปแล้วผู้ชนะการประมูลต้องดำเนินการตามเงื่อนไขการประมูลหากนำเงินมาชำระไม่ได้จะส่งผลก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐและต้องรับผิดชอบตามเงื่อนไขการประมูล
ทั้งนี้ มีผู้ชนะ 2 ราย คือบริษัททรูมูฟเอช ยูนิเวอร์แซล คอมมูนิเคชั่น จำกัด (ทียูซี) และบริษัท แจส โมบาย บรอดแบนด์ จำกัด กำหนดชำระเงินประมูลงวดแรก 8,040 ล้านบาท ภายใน 90 วัน หรือ 21 มี.ค.2559 พร้อมหนังสือรับรองทางการเงินจากสถาบันทางการเงิน (แบงก์ การันตี) "ผู้ที่ไม่ชำระค่าประมูลจะถูกลงโทษตามกฎหมายในทุกช่องทาง ทั้งทางสังคมและทางธุรกิจ ดังนั้นบริษัทที่ชนะการประมูลจะเกิดความเสียหายหนักในทุกด้าน"
ส่วนแนวทางที่ กสทช. จะกำหนดหลังจากนี้ หากผู้ชนะการประมูลไม่ชำระเงินดังกล่าว การเปิดประมูลใหม่จะนำราคาของผู้ชนะการประมูลสุดท้ายที่เสนอมาเป็นราคาเริ่มต้นการประมูลที่ 75,000 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการหารือกับบอร์ด กทค.
ขณะเดียวกัน หากเริ่มราคาการประมูลที่ราคาขั้นต่ำกว่า 75,000 ล้านบาท ผู้ชนะการประมูลที่ไม่ชำระจะต้องดำเนินการชำระส่วนต่างที่หายไป ซึ่งเป็นไปตามกฎหมายและเงื่อนไขการประมูลที่กำหนดไว้
ทั้งนี้ ตามกฎหมายแล้วการตั้งราคาและเงื่อนไขการประมูล พระราชบัญญัติคุ้มครองให้ กสทช. มีอำนาจตั้งราคา ซึ่งหากผู้ประกอบการรายใดเห็นว่าไม่ยุติธรรมต่อราคาเริ่มต้นการประมูลที่จะเกิดขึ้นฟ้องตัวกฎหมายได้ แต่ฟ้องร้องบุคคลไม่ได้ เนื่องจาก กสทช. ไม่ได้มีอำนาจบังคับผู้เข้าร่วมประมูลให้เข้าร่วมประมูล ซึ่ง ผู้เข้าร่วมประมูลเข้าประมูลแต่ละครั้ง ไม่ เชื่อมโยงกับการประมูลอื่น หากผู้ประกอบการรายใดคิดว่าเสียสิทธิที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม ก็ฟ้องร้องต่อศาลปกครองได้
นายประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา กรรมการ กสทช. ด้านคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม ระบุว่า สำนักงานกสทช.อยู่ระหว่างจัดทำร่างเพื่อให้บอร์ดกทค.ลงมติเห็นชอบเพื่อจัดทำราคาเริ่มต้นการประมูล 4จีที่ 75,000 ล้านบาท ซึ่งบอร์ดแต่ละคนยังไม่ได้มีมติข้อสรุป
อย่างไรก็ตาม นายประวิทย์ เสนอความเห็นเรื่องราคาเริ่มต้นการประมูลโดยคิดจากราคาความต้องการของตลาด ซึ่งจะมาจากความต้องการของผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ (โอเปอร์เรเตอร์) ทั้ง 4 รายที่ได้เสนอหยุดเคาะราคาที่ 70,000 ล้านบาท บนสมมุติฐานว่าแจสไม่จ่ายค่าใบอนุญาต เหลือเพียงทียูซี อาจพิจารณานำราคาต่ำที่สุดในการเสนอรอบดังกล่าวคือราคาที่บริษัทดีแทคไตรเน็ตจำกัดเสนอราคาสุดท้าย คือ 70,180 ล้านบาทมาเป็นตัวตั้ง เพราะถือว่าทุกรายได้ผ่านการเสนอราคาขั้นต่ำนี้แล้ว
"ยอมรับว่าราคาใบอนุญาตหากเอาราคาสุดท้ายที่เสนอกัน มาเป็นราคาเริ่มต้นการประมูลใหม่จะสุ่มเสี่ยงมากต่อราคาที่โอเปอเรเตอร์ไม่ต้องการ และทำให้เกิดความไม่ต้องการคลื่นดังกล่าวได้ เพราะแม้จะระบุว่ารัฐต้องไม่เสียหาย แต่ราคาสุดท้ายที่เสนอ ต้องพิจารณาเรื่องสภาพการแข่งขัน ความต้องการคลื่นความถี่ที่เปลี่ยนแปลงไป"
อย่างไรก็ตาม การไม่ชำระค่าประมูล 4จีจะส่งผลกระทบทางทางตรงและทางอ้อม หาก กสทช. ต้องจัดการประมูลใหม่และทำให้การประมูลใหม่นั้นได้มูลค่าคลื่นความถี่ที่ต่ำกว่าการประมูลครั้งแรก สิ่งที่กสทช. ต้องดำเนินการคือการฟ้องร้องต่อโอเปอเรเตอร์นั้น เพื่อชำระส่วนต่างที่รัฐสูญเสียไป รวมถึงค่าจัดการประมูลเช่นกัน ซึ่งหากต้องจัดการประมูลและเกิดความล่าช้าจะยิ่งทำให้มูลค่าคลื่นความถี่ย่าน 900 ตกไป
ขณะที่การนำคลื่นความถี่ย่าน 900 ไปเปิดประมูลในปีเดียวกับการประมูลคลื่นความถี่ย่าน 1800 และ 2600 เมกะเฮิรตซ์ยิ่งส่งผลให้ราคาคลื่นความถี่ย่าน 900 เมกะเฮิรตซ์ตก อย่างแน่นอน
"เราจะต้องยิ่งประมูลให้เร็วขึ้น ซึ่งหากประมูลล่าช้าจะทำให้เราไม่สามารถฟ้องร้องค่าเสียหายทางการประมูลได้และทำให้ราคาคลื่น 900 ยิ่งราคาตกไป เพราะความต้องการทางการตลาดมีคลื่นความถี่ย่านอื่นๆ ที่ กสทช. จะเปิดประมูล ทำให้มีคลื่นความถี่ให้เลือกมากกว่า"
แหล่งข่าว
หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 (หน้า 8)