ผมลองมองย้อนกลับไปเมื่อตอนยังเรียนมหาลัย ซึ่งก็เมื่อประมาณเกือบ 6 ปีก่อน
เวลาคุยกับผู้ใหญ่ (ผู้ใหญ่มากๆ วัยแม่ หรือ 45ปี+)
สิ่งที่จะได้รับกลับมาก็จะเป็นว่า เราควรหางานทำที่ดีๆ บริษัทมั่นคง หรือบริษัทข้ามชาติที่คนร็จักเยอะๆ เงินเดือนดีๆ
แต่กลับไม่ได้รับฟังประสบการณ์โดยตรงที่จะช่วยต่อการทำงานของเราเท่าไหร่
หลังจากที่ได้มาเริ่มทำงานเอง ผมก็ได้ค้นพบอะไรหลายๆอย่าง (ภายใน 6 ปีที่ผ่านมา ผมทำงานมา 3 บริษัท)
ผมมีมุมมองที่ต่างในเรื่องนึง คือผมคิดว่าตอนที่เรายังไม่แก่ (อายุต่ำกว่า 30ปี) ยังเป็นช่วงที่เราสามารถทดลองทำอะไรได้อยู่ เพราะฉะนั้นผมเลยไม่ได้กลัวที่จะเปลี่ยนงาน เนื่องจากคิดว่าพอเราแก่ขึ้น การเปลี่ยนงานบ่อย ยิ่งทำให้ตัวเราดูไม่ดี (แต่หลายท่านอาจจะเห็นต่าง)
หลังจากที่อยู่มาถึง 3 บริษัท ผมจึงสามารถสรุปสิ่งที่ได้เรียนรู้ดังนี้ครับ เผื่อจะมีประโยชน์บ้างกับน้องๆที่กำลังจะเข้าสู่การเป็นแรงงาน
1). การไม่รู้ไม่ใช่สิ่งที่ผิด ถ้าคุณกล้าถามคำถามที่ถูก
จากงานแรกที่ผมได้ทำ ผมได้ทำงานกับนายหลายคนมาก เนื่องจากงานค่อนข้างยุ่ง และมี turnover ในบริษัทสูง แต่มีนายคนนึงที่ผมได้ทำด้วยค่อนข้างนาน และเค้าเป็นคนอารมณ์ร้อน แต่จริงๆ ก็ค่อนข้างเก่งในระดับนึง
เค้าทำให้ก่อนที่ผมจะถามอะไร ผมต้องไตร่ตรองก่อน เพราะอาจจะไม่ได้โอกาสถามได้หลายครั้ง แต่พอผมถาม หัวหน้าก็ยินดีที่จะบอก ถ้ามันจะทำให้งานที่เราทำออกมาได้ดีขึ้น
แต่ถ้าสมมุติ เราถามในทุกขั้นตอน โดยที่ไม่ได้ไตร่ตรองรายละเอียดดูเองบ้าง ก็อาจจะทำให้เราเป็นคนที่เหมือนไม่ชอบที่จะเรียนรู้
2). การเงียบในที่ประชุม แปลว่าเราไม่สนใจ
อันนี้เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นในหลายๆที่ ตั้งแต่มหาลัยจนถึงบริษัท หลายคนไม่เชื่อในการยกมือถาม เพราะกลัวจะดูเหมือนไม่ตั้งใจฟัง หรือไม่มีความรู้
แต่จริงๆแล้วการที่เราเงียบ กลับทำให้คนนำประชุม รู้สึกได้ว่าเราไม่ได้สนใจในสิ่งที่เขาพูด
3). เจ้านายเป็นมากกว่าคนสั่งงาน
การเรียนรู้ที่จะทำงาน "ร่วม" กับเจ้านาย ทั้งในด้านความคิด และแรงงาน เป็นเรื่องที่ดี และเราต้องกล้าที่จะตั้งข้อสงสัย เวลาที่เรามี Solution ที่ดีกว่า และลองเสนอดู การทำแบบนี้เจ้านายถึงจะเห็นว่า เราก็สามารถเป็นได้มากกว่าคำว่า "ลูกน้อง"
4). ให้ความเคารพกับคนในทุกตำแหน่ง
ผมสังเกตุว่ามีบางที ที่บริษัทรับคนที่อาจจะเป็นคล้ายๆ ลูกคุณหนูเข้ามา และอาจจะไม่ได้มีความเคารพ ต่อคนที่ตำแหน่งต่ำกว่า เค้าเป็นต้น
สำหรับผม ผมคิดว่าการที่เราให้ความเคารพ และปฏิบัติต่อทุกๆคนเท่าๆกัน ก็จะทำให้การทำงานราบลื่นมากขึ้น เพราะคุณไม่รู้ว่าในอนาคต คุณอาจจะต้องขอความช่วยเหลือจากคนเหล่านั้นก็ได้
5). อย่าอายที่จะพูดภาษาอังกฤษ
ในกรณีที่มีคนต่างชาติในที่ทำงาน ไม่ต้องอายที่จะพูดกับเค้า เป็นการฝึกที่ดี และมันจะสร้างประโยชน์ต่อเราในการทำงานเยอะมากๆ ถ้าเกิดเราพูดภาษาอังกฤษได้ดี
6). ลองเป็นอาสาสมัครดูบ้าง
ในการทำงานบริษัท อาจจะมีบางครั้งที่เราต้องทำงานที่นอกเหนือขอบเขต เราอาจจะต้องเสียเวลาในอาทิตย์ๆนึง เค้าประชุมซัก 2-4 ชม เพื่อทำเพื่อบริษัทส่วนร่วม เช่น การช่วยจัดกิจกรรมในบริษัท
ลองทำดู และคุณจะได้เรียนรู้ และพบปะกับผู้คนที่คุณไม่เคยทำงานด้วย และได้ทำอะไรที่ไม่จำเจดูบ้าง
7). คิดบวก
ข้อนี้สำคัญที่สุด ไม่มีคนที่คิดลบได้รับความก้าวหน้าในองค์กร พยายามคิดบวกเข้าไว้ ต่ออุปสรรคและกองงานที่ถาโถมเข้ามาหาคุณ แล้วชีวิตคุณจะดีเอง
สำหรับผม ผมคิดว่าจากประสบการณ์ทำงานที่ยังค่อนข้างจำกัดของผม พอจะมีคำแนะนำให้น้องๆประมาณนี้ครับ
อยากขอให้พี่ๆใน Pantip ช่วยแบ่งปันสิ่งดีๆ และข้อคิดจากการทำงานกันด้วยนะครับ
มาร่วมแบ่งปันประสบการณ์ชีวิตการทำงานกันครับ
เวลาคุยกับผู้ใหญ่ (ผู้ใหญ่มากๆ วัยแม่ หรือ 45ปี+)
สิ่งที่จะได้รับกลับมาก็จะเป็นว่า เราควรหางานทำที่ดีๆ บริษัทมั่นคง หรือบริษัทข้ามชาติที่คนร็จักเยอะๆ เงินเดือนดีๆ
แต่กลับไม่ได้รับฟังประสบการณ์โดยตรงที่จะช่วยต่อการทำงานของเราเท่าไหร่
หลังจากที่ได้มาเริ่มทำงานเอง ผมก็ได้ค้นพบอะไรหลายๆอย่าง (ภายใน 6 ปีที่ผ่านมา ผมทำงานมา 3 บริษัท)
ผมมีมุมมองที่ต่างในเรื่องนึง คือผมคิดว่าตอนที่เรายังไม่แก่ (อายุต่ำกว่า 30ปี) ยังเป็นช่วงที่เราสามารถทดลองทำอะไรได้อยู่ เพราะฉะนั้นผมเลยไม่ได้กลัวที่จะเปลี่ยนงาน เนื่องจากคิดว่าพอเราแก่ขึ้น การเปลี่ยนงานบ่อย ยิ่งทำให้ตัวเราดูไม่ดี (แต่หลายท่านอาจจะเห็นต่าง)
หลังจากที่อยู่มาถึง 3 บริษัท ผมจึงสามารถสรุปสิ่งที่ได้เรียนรู้ดังนี้ครับ เผื่อจะมีประโยชน์บ้างกับน้องๆที่กำลังจะเข้าสู่การเป็นแรงงาน
1). การไม่รู้ไม่ใช่สิ่งที่ผิด ถ้าคุณกล้าถามคำถามที่ถูก
จากงานแรกที่ผมได้ทำ ผมได้ทำงานกับนายหลายคนมาก เนื่องจากงานค่อนข้างยุ่ง และมี turnover ในบริษัทสูง แต่มีนายคนนึงที่ผมได้ทำด้วยค่อนข้างนาน และเค้าเป็นคนอารมณ์ร้อน แต่จริงๆ ก็ค่อนข้างเก่งในระดับนึง
เค้าทำให้ก่อนที่ผมจะถามอะไร ผมต้องไตร่ตรองก่อน เพราะอาจจะไม่ได้โอกาสถามได้หลายครั้ง แต่พอผมถาม หัวหน้าก็ยินดีที่จะบอก ถ้ามันจะทำให้งานที่เราทำออกมาได้ดีขึ้น
แต่ถ้าสมมุติ เราถามในทุกขั้นตอน โดยที่ไม่ได้ไตร่ตรองรายละเอียดดูเองบ้าง ก็อาจจะทำให้เราเป็นคนที่เหมือนไม่ชอบที่จะเรียนรู้
2). การเงียบในที่ประชุม แปลว่าเราไม่สนใจ
อันนี้เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นในหลายๆที่ ตั้งแต่มหาลัยจนถึงบริษัท หลายคนไม่เชื่อในการยกมือถาม เพราะกลัวจะดูเหมือนไม่ตั้งใจฟัง หรือไม่มีความรู้
แต่จริงๆแล้วการที่เราเงียบ กลับทำให้คนนำประชุม รู้สึกได้ว่าเราไม่ได้สนใจในสิ่งที่เขาพูด
3). เจ้านายเป็นมากกว่าคนสั่งงาน
การเรียนรู้ที่จะทำงาน "ร่วม" กับเจ้านาย ทั้งในด้านความคิด และแรงงาน เป็นเรื่องที่ดี และเราต้องกล้าที่จะตั้งข้อสงสัย เวลาที่เรามี Solution ที่ดีกว่า และลองเสนอดู การทำแบบนี้เจ้านายถึงจะเห็นว่า เราก็สามารถเป็นได้มากกว่าคำว่า "ลูกน้อง"
4). ให้ความเคารพกับคนในทุกตำแหน่ง
ผมสังเกตุว่ามีบางที ที่บริษัทรับคนที่อาจจะเป็นคล้ายๆ ลูกคุณหนูเข้ามา และอาจจะไม่ได้มีความเคารพ ต่อคนที่ตำแหน่งต่ำกว่า เค้าเป็นต้น
สำหรับผม ผมคิดว่าการที่เราให้ความเคารพ และปฏิบัติต่อทุกๆคนเท่าๆกัน ก็จะทำให้การทำงานราบลื่นมากขึ้น เพราะคุณไม่รู้ว่าในอนาคต คุณอาจจะต้องขอความช่วยเหลือจากคนเหล่านั้นก็ได้
5). อย่าอายที่จะพูดภาษาอังกฤษ
ในกรณีที่มีคนต่างชาติในที่ทำงาน ไม่ต้องอายที่จะพูดกับเค้า เป็นการฝึกที่ดี และมันจะสร้างประโยชน์ต่อเราในการทำงานเยอะมากๆ ถ้าเกิดเราพูดภาษาอังกฤษได้ดี
6). ลองเป็นอาสาสมัครดูบ้าง
ในการทำงานบริษัท อาจจะมีบางครั้งที่เราต้องทำงานที่นอกเหนือขอบเขต เราอาจจะต้องเสียเวลาในอาทิตย์ๆนึง เค้าประชุมซัก 2-4 ชม เพื่อทำเพื่อบริษัทส่วนร่วม เช่น การช่วยจัดกิจกรรมในบริษัท
ลองทำดู และคุณจะได้เรียนรู้ และพบปะกับผู้คนที่คุณไม่เคยทำงานด้วย และได้ทำอะไรที่ไม่จำเจดูบ้าง
7). คิดบวก
ข้อนี้สำคัญที่สุด ไม่มีคนที่คิดลบได้รับความก้าวหน้าในองค์กร พยายามคิดบวกเข้าไว้ ต่ออุปสรรคและกองงานที่ถาโถมเข้ามาหาคุณ แล้วชีวิตคุณจะดีเอง
สำหรับผม ผมคิดว่าจากประสบการณ์ทำงานที่ยังค่อนข้างจำกัดของผม พอจะมีคำแนะนำให้น้องๆประมาณนี้ครับ
อยากขอให้พี่ๆใน Pantip ช่วยแบ่งปันสิ่งดีๆ และข้อคิดจากการทำงานกันด้วยนะครับ