ขอเท้าความก่อนนะคะเรารู้จักกับผู้ชายเกาหลีคนนี้เมื่อ 2 ปีที่แล้วเพราะเค้าเพิ่งมาอยู่ไทยใหม่ๆมาเปิดบริษัท เราเลยสมัครเป็นพนักงานในช่วงเวลาที่ทำงานกับหัวหน้าเกาหลี เรามีแฟนอยู่แล้วเป็นคนไทยค่ะด้วยสายงานที่ใกล้เคียงกับสิ่งที่หัวหน้าเราต้องการเรา เลยแนะนำให้เค้ารู้จักกับแฟนเราเพื่อสร้างคอนเนคชั่นกัน แล้วก็เคยพาเราไปเลี้ยงข้าวพร้อมแฟนเราด้วย แต่เนื่องจากเป็นบริษัทใหม่อะไรๆก็ยังไม่เข้าที่เราทำงานได้พักนึงก็เลยลาออกค่ะ
2 ปีต่อมาเค้าโทรมาหาเราบอกว่า อยากเรียนภาษาไทยให้เราไปสอนหน่อยเป็นแบบ Private Lesson เพราะประสบการณ์ทำงานของเราเคยสอนภาษาไทยให้ต่างชาติและเค้าก็ไม่ฟิกเรื่องเวลา สอนหลังเลิกงานได้ เราจึงตกลงสอนเพราะอยากหารายได้พิเศษและเราก็โสดก้เพิ่งเลิกกับแฟนได้ 2 เดือนแล้วเลยไม่ต้องขออนุญาตใคร
ทีนี้พอกลับมาเจอกันอีกครั้งกับหัวหน้าเกาหลี สถานะเราคือไม่ใช่ลูกน้องเค้าแต่เราเป็นคุณครู ส่วนเค้าเป็นนักเรียน เวลาสอนเค้าชอบถามเรื่องส่วนตัวเรา เช่น ยังคบกับ....อยู่ไหม มีแฟนใหม่รึยัง เราก็บอกไปตรงๆว่าเราโสดและไม่อยากมีใคร แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นคือเค้ามีครอบครัวแล้วนะคะ ทุกครั้งที่เราไปสอนเค้า เค้าจะถามเสมอว่า เมื่อคืนนอนกี่โมง ตื่นกี่โมง ก่อนมาสอนกินข้าวรึยัง กลับบ้านทำอะไร เราก็ตอบแบบไม่คิดอะไรเพราะว่ามันก็เป็นส่วนนึงในการสอน เพราะเค้าคงเอาไว้ใช้พูดกับผู้หญิงไทยมั้ง และช่วงสอนแรกๆเค้าค่อนข้างจะถึงเนื้อถึงตัวจนเราต้องบอกว่าวัฒนธรรมไทย ถ้าไม่ใช่แฟนคุณจะมาจับมือถือแขนไม่ได้เพราะผู้หญิงเค้าอาจจะเข้าใจผิดคิดว่าคุณชอบเค้า หลังจากนั้นเค้าก็เข้าใจวัฒนธรรมไทยมากขึ้นและไม่เคยแตะเนื้อต้องตัวอีก
แต่ตอนนี้เราก็เริ่มอึดอัดกับคำพูดหลายๆของเค้า เช่น เมื่อวานก่อนเราไม่ได้ไปสอน พอวันนี้ไปสอนเค้าก็ถามว่าเมื่อวานทำอะไร ไปเที่ยวกับใคร ไปกี่คน ถึงบ้านกี่โมง จนเรารู้สึกว่าเริ่มเยอะไปแล้ว เราเจอกันแทบทุกวันก็เริ่มสนิทกันมากขึ้นบางทีเราก็รู้สึกหวั่นไหวกับคำพูดเค้า เพราะว่าเราคงใกล้ชิดกันเกินไป ที่เค้าถามเรื่องส่วนตัวเราเยอะขนาดนี้คือคิดอะไรกับเรารึเปล่า บางทีก็รู้สึกว่าไม่อยากสอนเค้าแล้วเพราะกลัวว่าถ้ายิ่งเจอหน้า ยิ่งสนิทกันเราจะลำบากใจ เพราะเราก็ไม่ได้อยากยุ่งกับคนที่มีครอบครัวแล้ว เราเคยเกริ่นกับเค้าว่าจะเลิกสอนเพราะเดือนหน้าเราต้องอ่านหนังสือสอบ ไม่มีเวลามาสอนเค้า เค้าก็บอกว่าเธอเป็นผู้หญิงฉลาดนะ เธอแบ่งเวลาสอนฉันได้อยู่แล้วแค่วันละชั่วโมง และฉันก็ยังพูดไทยไม่เก่งเลย ฉันแพลนจะเรียนกับเธอเป็นปีนะไม่ใช่เป็นเดือน
เราเลยไม่รู้จะหาเหตุผลอะไรมาอ้างอีก บางทีเค้าก็ชวนเราไปดูหนังแต่เราก็ปฏิเสธไป เราบอกว่าเราแพลนจะไปเที่ยวต่างประเทศเดือนนี้เค้าก็ตามเราไปและไปเจอกันที่นู่นเพื่อพาเราไปเลี้ยงข้าวอะไรยังงี้ ตอนนี้เราเลยไม่รู้จะวางตัวยังไง เราควรบอกเค้าไปตรงๆไหนว่าอย่ามาเล่นกับความรุ้สึกของฉัน ถ้าเราพูดไปแบบนั้นเค้าจะหาว่าเราชอบเค้าไหม แต่เราเคยคุยกับเค้าตรงๆนะว่าอย่าคุยเรื่องส่วนตัว เพราะเค้าเป็นพวกชอบติ ชอบว่าเรามีรองเท้าแตะคู่เดียวหรอ มีเสื้อผ้าสีอื่นใหม่ ฉันว่าหุ่นเธอไม่สมส่วนนะ แถมให้เราไปออกกำลังกายอีก จนเราต้องคุยกับเค้าว่ามันเป็นเรื่องส่วนตัวของฉัน ตอนนี้อึดอัดมากไม่รู้จะทำไงดี
กำลังโดนคนเกาหลีเล่นกับความรู้สึกเรา จะทำยังไงดี
2 ปีต่อมาเค้าโทรมาหาเราบอกว่า อยากเรียนภาษาไทยให้เราไปสอนหน่อยเป็นแบบ Private Lesson เพราะประสบการณ์ทำงานของเราเคยสอนภาษาไทยให้ต่างชาติและเค้าก็ไม่ฟิกเรื่องเวลา สอนหลังเลิกงานได้ เราจึงตกลงสอนเพราะอยากหารายได้พิเศษและเราก็โสดก้เพิ่งเลิกกับแฟนได้ 2 เดือนแล้วเลยไม่ต้องขออนุญาตใคร
ทีนี้พอกลับมาเจอกันอีกครั้งกับหัวหน้าเกาหลี สถานะเราคือไม่ใช่ลูกน้องเค้าแต่เราเป็นคุณครู ส่วนเค้าเป็นนักเรียน เวลาสอนเค้าชอบถามเรื่องส่วนตัวเรา เช่น ยังคบกับ....อยู่ไหม มีแฟนใหม่รึยัง เราก็บอกไปตรงๆว่าเราโสดและไม่อยากมีใคร แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นคือเค้ามีครอบครัวแล้วนะคะ ทุกครั้งที่เราไปสอนเค้า เค้าจะถามเสมอว่า เมื่อคืนนอนกี่โมง ตื่นกี่โมง ก่อนมาสอนกินข้าวรึยัง กลับบ้านทำอะไร เราก็ตอบแบบไม่คิดอะไรเพราะว่ามันก็เป็นส่วนนึงในการสอน เพราะเค้าคงเอาไว้ใช้พูดกับผู้หญิงไทยมั้ง และช่วงสอนแรกๆเค้าค่อนข้างจะถึงเนื้อถึงตัวจนเราต้องบอกว่าวัฒนธรรมไทย ถ้าไม่ใช่แฟนคุณจะมาจับมือถือแขนไม่ได้เพราะผู้หญิงเค้าอาจจะเข้าใจผิดคิดว่าคุณชอบเค้า หลังจากนั้นเค้าก็เข้าใจวัฒนธรรมไทยมากขึ้นและไม่เคยแตะเนื้อต้องตัวอีก
แต่ตอนนี้เราก็เริ่มอึดอัดกับคำพูดหลายๆของเค้า เช่น เมื่อวานก่อนเราไม่ได้ไปสอน พอวันนี้ไปสอนเค้าก็ถามว่าเมื่อวานทำอะไร ไปเที่ยวกับใคร ไปกี่คน ถึงบ้านกี่โมง จนเรารู้สึกว่าเริ่มเยอะไปแล้ว เราเจอกันแทบทุกวันก็เริ่มสนิทกันมากขึ้นบางทีเราก็รู้สึกหวั่นไหวกับคำพูดเค้า เพราะว่าเราคงใกล้ชิดกันเกินไป ที่เค้าถามเรื่องส่วนตัวเราเยอะขนาดนี้คือคิดอะไรกับเรารึเปล่า บางทีก็รู้สึกว่าไม่อยากสอนเค้าแล้วเพราะกลัวว่าถ้ายิ่งเจอหน้า ยิ่งสนิทกันเราจะลำบากใจ เพราะเราก็ไม่ได้อยากยุ่งกับคนที่มีครอบครัวแล้ว เราเคยเกริ่นกับเค้าว่าจะเลิกสอนเพราะเดือนหน้าเราต้องอ่านหนังสือสอบ ไม่มีเวลามาสอนเค้า เค้าก็บอกว่าเธอเป็นผู้หญิงฉลาดนะ เธอแบ่งเวลาสอนฉันได้อยู่แล้วแค่วันละชั่วโมง และฉันก็ยังพูดไทยไม่เก่งเลย ฉันแพลนจะเรียนกับเธอเป็นปีนะไม่ใช่เป็นเดือน
เราเลยไม่รู้จะหาเหตุผลอะไรมาอ้างอีก บางทีเค้าก็ชวนเราไปดูหนังแต่เราก็ปฏิเสธไป เราบอกว่าเราแพลนจะไปเที่ยวต่างประเทศเดือนนี้เค้าก็ตามเราไปและไปเจอกันที่นู่นเพื่อพาเราไปเลี้ยงข้าวอะไรยังงี้ ตอนนี้เราเลยไม่รู้จะวางตัวยังไง เราควรบอกเค้าไปตรงๆไหนว่าอย่ามาเล่นกับความรุ้สึกของฉัน ถ้าเราพูดไปแบบนั้นเค้าจะหาว่าเราชอบเค้าไหม แต่เราเคยคุยกับเค้าตรงๆนะว่าอย่าคุยเรื่องส่วนตัว เพราะเค้าเป็นพวกชอบติ ชอบว่าเรามีรองเท้าแตะคู่เดียวหรอ มีเสื้อผ้าสีอื่นใหม่ ฉันว่าหุ่นเธอไม่สมส่วนนะ แถมให้เราไปออกกำลังกายอีก จนเราต้องคุยกับเค้าว่ามันเป็นเรื่องส่วนตัวของฉัน ตอนนี้อึดอัดมากไม่รู้จะทำไงดี