ออกตัวก่อนว่าวิธีที่ผมใช้ไม่ได้อิงหลักวิชาการใดๆ
แค่ทดลองใช้กับตัวเองแล้วได้ผลเลยนำมาเล่าสู่กันฟังฮะ
1.ตั้งไมล์เป็น0ไม่ต้องลบไม่ต้องเริ่มใหม่ทุกครั้ง ให้บันทึกต่อเนื่องไปเรื่อยๆทุกๆวัน
เช่น กำหนดไว้ว่าเริ่มต้นจากวันละ5กม.ดูก่อน ให้ข้อสังเกตุว่า ถ้าปั่นจบครบ5กม.ก่อนครึ่งชม. ครั้งต่อไปเราควรเพิ่มระยะทางเพิ่มเข้าไปเป็น6อะไรแบบนี้ ซึ่งการทำแบบนี้เราจะได้avที่ลดลงจริง แต่เราจะได้ระยะทางที่เพิ่มขึ้น และถ้าการปั่นของเรามีพัฒนาการ avมันจะขึ้นมาเองเรื่อยๆ..ไม่ต้องรีบได้แค่ไหนเอาแค่นั้น และมันเป็นความสุขอย่างหนึ่ง ถ้าเราได้เห็นพัฒนาการของตัวเอง ที่การปั่นถนนจริงวัดได้ยาก เพราะตัวแปรเยอะเกินไป
2.ปั่นเกียร์หนักสลับเบา
การปั่นเกียร์หนักสลับเบา ช่วยให้ร่างกายได้มีช่วงพัก จากการใช้เกียร์เบา รอบขาไม่ต้องไปสนใจไม่ต้องไปดู
เอาแค่พยายามควงรอบขาให้สม่ำเสมอทั้งสองเกียร์แค่นั้น
ข้อดีคือ การปั่นหนักจะช่วยเสริมกำลังกล้ามขา การปั่นเบาจะเป็นการพัก และการมีช่วงเปลี่ยสลับไปมามันก็ไม่ทำให้การปั่นน่าเบื่อด้วย
3.นับตัวเลขในใจตามช่วงจังหวะการหายใจ แทนระยะทาง
ถ้าเราต้องปั่นหนักสลับเบา เราก็ต้องเอาอะไรซักอย่างมากำหนดช่วงของมัน ในที่นี้ผมเลือกการหายใจฮะ
เช่น หายใจเข้าและออก1ครั้งให้นับเป็น1 ควรหายใจทางจมูกเท่านั้น กำหนดลมหายใจเข้าและออกเหมือนการนั่งสมาธิอย่างหนึ่ง นับในใจแบบนี้เรื่อยๆจนถึง50 แล้วค่อยเปลี่ยนสลับเกียร์ ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆจนถึงที่เป้าหมายที่กำหนด
ข้อดีคือ การนับตัวเลขตามจังหวะการหายใจ ช่วยให้ร่างกายไม่ฝืนจนเกินไป ดีกว่าจะมานั่งจับระยะทางซึ่งกว่าจะถึงระยะที่กำหนดแต่ละช่วงเปลี่ยนเกียร์แทบขาดใจ ร่างกายมันจะบอกเราเองถ้าร่างกายเริ่มฝืน เราก็จะหายใจเร็วขึ้น และมันก็ทำให้เราเปลี่ยนช่วงเกียร์ได้ไวขึ้น หลักแนวคิดมันก็แค่นั้น
4.หลับตาบ้างก็ได้...
เหมือนการทำสมาธิ เอาจิตไปจับที่ตรงนั้นตรงนี้บ้าง เช่นที่มือ ที่ขา ที่ก้น ที่ไหล่อะไรแบบนั้น
สรุปการปั่นเทรนเนอร์มันค่อนข้างน่าเบื่อ
แต่ในความน่าเบื่อมันก็มีข้อดีของมัน ที่ปั่นบนถนนจริงเราไม่สามารถทำได้ ซื่งการเอาแต่จ้องหน้าไมล์มันทั้งน่าเบื่อและทรมาน
ถ้าทำตาม4ข้อตามที่บอก มันจะช่วยให้เราถึงเป้าหมายที่กำหนดไม่รู้ตัว ปั่นเสร็จไปอาบน้ำให้สดชื่น แล้วค่อยกลับมากดไมล์ดู av ทั้งความเร็ว/รอบขา
ถ้าคุณได้เห็นพัฒนาการของตัวเองไปเรื่อยๆทุกๆวันบางวันอาจจะความเร็วบ้าง รอบขาบ้าง ระยะทางบ้าง คุณก็จะรู้สึกดีกับเทรนเนอร์ไปเอง
ลองดูฮะ...
วิธีปั่นเทรนเนอร์แบบจิกดุมไม่ให้น่าเบื่อ...
แค่ทดลองใช้กับตัวเองแล้วได้ผลเลยนำมาเล่าสู่กันฟังฮะ
1.ตั้งไมล์เป็น0ไม่ต้องลบไม่ต้องเริ่มใหม่ทุกครั้ง ให้บันทึกต่อเนื่องไปเรื่อยๆทุกๆวัน
เช่น กำหนดไว้ว่าเริ่มต้นจากวันละ5กม.ดูก่อน ให้ข้อสังเกตุว่า ถ้าปั่นจบครบ5กม.ก่อนครึ่งชม. ครั้งต่อไปเราควรเพิ่มระยะทางเพิ่มเข้าไปเป็น6อะไรแบบนี้ ซึ่งการทำแบบนี้เราจะได้avที่ลดลงจริง แต่เราจะได้ระยะทางที่เพิ่มขึ้น และถ้าการปั่นของเรามีพัฒนาการ avมันจะขึ้นมาเองเรื่อยๆ..ไม่ต้องรีบได้แค่ไหนเอาแค่นั้น และมันเป็นความสุขอย่างหนึ่ง ถ้าเราได้เห็นพัฒนาการของตัวเอง ที่การปั่นถนนจริงวัดได้ยาก เพราะตัวแปรเยอะเกินไป
2.ปั่นเกียร์หนักสลับเบา
การปั่นเกียร์หนักสลับเบา ช่วยให้ร่างกายได้มีช่วงพัก จากการใช้เกียร์เบา รอบขาไม่ต้องไปสนใจไม่ต้องไปดู
เอาแค่พยายามควงรอบขาให้สม่ำเสมอทั้งสองเกียร์แค่นั้น
ข้อดีคือ การปั่นหนักจะช่วยเสริมกำลังกล้ามขา การปั่นเบาจะเป็นการพัก และการมีช่วงเปลี่ยสลับไปมามันก็ไม่ทำให้การปั่นน่าเบื่อด้วย
3.นับตัวเลขในใจตามช่วงจังหวะการหายใจ แทนระยะทาง
ถ้าเราต้องปั่นหนักสลับเบา เราก็ต้องเอาอะไรซักอย่างมากำหนดช่วงของมัน ในที่นี้ผมเลือกการหายใจฮะ
เช่น หายใจเข้าและออก1ครั้งให้นับเป็น1 ควรหายใจทางจมูกเท่านั้น กำหนดลมหายใจเข้าและออกเหมือนการนั่งสมาธิอย่างหนึ่ง นับในใจแบบนี้เรื่อยๆจนถึง50 แล้วค่อยเปลี่ยนสลับเกียร์ ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆจนถึงที่เป้าหมายที่กำหนด
ข้อดีคือ การนับตัวเลขตามจังหวะการหายใจ ช่วยให้ร่างกายไม่ฝืนจนเกินไป ดีกว่าจะมานั่งจับระยะทางซึ่งกว่าจะถึงระยะที่กำหนดแต่ละช่วงเปลี่ยนเกียร์แทบขาดใจ ร่างกายมันจะบอกเราเองถ้าร่างกายเริ่มฝืน เราก็จะหายใจเร็วขึ้น และมันก็ทำให้เราเปลี่ยนช่วงเกียร์ได้ไวขึ้น หลักแนวคิดมันก็แค่นั้น
4.หลับตาบ้างก็ได้...
เหมือนการทำสมาธิ เอาจิตไปจับที่ตรงนั้นตรงนี้บ้าง เช่นที่มือ ที่ขา ที่ก้น ที่ไหล่อะไรแบบนั้น
สรุปการปั่นเทรนเนอร์มันค่อนข้างน่าเบื่อ
แต่ในความน่าเบื่อมันก็มีข้อดีของมัน ที่ปั่นบนถนนจริงเราไม่สามารถทำได้ ซื่งการเอาแต่จ้องหน้าไมล์มันทั้งน่าเบื่อและทรมาน
ถ้าทำตาม4ข้อตามที่บอก มันจะช่วยให้เราถึงเป้าหมายที่กำหนดไม่รู้ตัว ปั่นเสร็จไปอาบน้ำให้สดชื่น แล้วค่อยกลับมากดไมล์ดู av ทั้งความเร็ว/รอบขา
ถ้าคุณได้เห็นพัฒนาการของตัวเองไปเรื่อยๆทุกๆวันบางวันอาจจะความเร็วบ้าง รอบขาบ้าง ระยะทางบ้าง คุณก็จะรู้สึกดีกับเทรนเนอร์ไปเอง
ลองดูฮะ...