สำรับคนที่ติดตาม กระทู้2 ลิ้งค์อยู่ด้านล่าง ลิงค์คลิปวิดิโอนะคะ
ขอเกริ่นก่อนนะคะ นี่เป็นกระทู้แรกของเราค่ะ มีล็อกอินนานแล้ว แต่ตอนนั้นสมัครไว้เพราะตามหาเจ้าของแมวหลงบ้าน
ตามอ่านพันทิพตลอดค่ะ แต่ไม่ค่อยได้แสดงความเห็นอะไร
พอดีว่าเราเห็นมีกระทู้นึงที่ดังในเฟสบุ๊คอยู่ตอนนี้ เรื่องที่พาสาวไปเดทที่ KFC น่ะ
เราก็เลยนึกถึงเรื่องของตัวเองขึ้นมา เพราะว่าเดทครั้งแรกของเราเกิดขึ้นที่ KFC ค่ะ เมื่อเกือบๆจะ 9 ปี ที่แล้วค่ะ
ก็เลยอยากจะมาแบ่งปันเรื่องราวความรักให้เพื่อนในพันทิพได้ฟังกันบ้าง
อาจจะเล่าไม่เก่ง หรือพิมพ์ตกหล่นยังไงขออภัยด้วยนะคะ
เรา ตอนนั้น อายุ เพิ่งจะ 16 ปีเลยล่ะ เรียนอยู่ม.5
ส่วนคุณสามีในตอนนี้ ซึ่งเป็นแฟนในตอนนั้น อยู่ปี4ค่ะ อายุ 22 ห่างกัน 6 ปีค่ะ
... เราเจอกันครั้งแรก ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง แถวๆบ้านเราทั้งคู่ค่ะ ซึ่งเราต่างก็ไปกับครอบครัวของตัวเองค่ะ
ต่างที่ว่าวันนั้นเป็นวันเกิดของ จขกท.ค่ะ ก็เลยชวนเพื่อนๆไปด้วย 4-5 คน
..ในตอนแรกที่ไปนั่งที่ร้านอาหาร ก็ปาร์ตี้สังสรรค์กันตามประสา แล้วจู่ๆ พี่เขาก็เดินเข้ามาในร้านค่ะ
เรามองตั้งแต่หัวจรดเท้าเลย พลางนึกในใจผู้ชายคนนี้น่ารักจัง (แก่แดดตามประสาเด็กเริ่มเป็นสาว)
แต่ก็ไม่ได้อะไร แค่แอบมอง เพราะคุณพ่อ คุณแม่ ก็นั่งอยู่ที่โต๊ะด้วย เลยทำได้แค่แอบมองค่ะ
ระหว่างนั่งกินข้าวกันไป รู้อะไรไหมคะคุณ พี่เค้าก็มีเหล่ตามามองเรา แล้วคงด้วยจังหวะนั้นที่เราก็แอบมองพี่เค้าอยู่พอดี พี่เค้าเลยอมยิ้มเบาๆให้
เขินไปอีก...
...ที่ร้านอาหารแห่งนี้ เป็นร้านแนวครอบครัว เพื่อนฝูงรุ่นวัยกลางคนค่ะ คุณพ่อชอบพามาทานข้าวที่นี่ เพราะบรรยากาศเป็นกันเอง
และที่นี่ยังมีการเรียกลูกค้าตามโต๊ะขึ้นไปร่วมร้องเพลง ได้โต๊ะละ 2 เพลงค่ะ วนผลัดกันไปตามโต๊ะ ปกติ เรากับพ่อชอบร้องเพลงอยู่แล้ว
ก็จะขึ้นไปร้องผลัดกันคนละเพลง แต่วันนี้เป็นวันเกิดเราค่ะ พ่อเลยให้เราขึ้น ตอนนั้นเราเขิน เลยชวนเพื่อนชื่อ ต. ขึ้นไปร้องเพลงด้วยกัน
สมัยนั้นเพลง หมีแพนด้ากำลังฮิตเลยค่ะ ก็เลยขึ้นไปร้องพร้อมกับเต้นไปด้วย บ๊องตามประเด็กสาวอายุ 16 2คน ส่วนเพื่อนบนโต๊ะก็มีถ่ายคลิปเล่นในมือถือ
เพลงต่อมา หนุ่มบาวสาวปานค่ะ เรากับ ต. ร้องสลับกันเป็น พี่แอ๊ค กับพี่ปาน สนุกสนาน บอกเลยว่าตอนนั้นสนุกจนลืมเรื่องเขินพี่เค้าไปสะแล้ว
จังหวะที่เรากับเพื่อนกำลังร้องเพลงกันอยู่ พี่เค้าก็หยิบกล้องถ่ายรูปขึ้นมาถ่ายเรา กับเพื่อนค่ะ
ในใจคิดว่าเค้าต้องเป็นช่างภาพแน่ๆ เพราะกล้องในมือดูโปร แล้วลุคพี่เค้าก็แนวๆ เซอร์ๆ ให้กับการเป็นช่างภาพมากๆ เราคิดว่าพี่เค้าเท่ห์
เราก็เลยสะกิดเพื่อน และเรียกให้เพื่อนหันไปแอ็คถ่ายรูป เล่นกล้องสักนิดหน่อย จริงๆเขิน จะเล่นกล้องคนเดียวก็ยังไงอยู่ เลยเรียกเพื่อซะเลย แหะๆ
..มารู้ทีหลังค่ะ หลังจากที่เป็นแฟนกันแล้ว ว่าที่พี่เค้าถ่ายน่ะ คือ วิดิโอ โหยเก็บโมเม้นตอนเราหลุดๆเปิ่นไว้ๆ อายจัง
พอลงมาจากเวทีค่ะ เราก็หลบตาไม่กล้ามองพี่เค้าก็เพราะเราเขิน นั่งทานข้าวไป เวลาก็เริ่มดึก เดี๋ยวพ่อเราจะต้องไปส่งเพื่อนๆตามบ้านอีก
เราก็เลยมีแผน ทำยังไงจะได้ติดต่อพี่เค้า เพราะต่อให้เค้าแอบมีใจให้ ก็คงไม่กล้าเข้าหาค่ะ เพราะพ่อแม่ เราอยู่ที่โต๊ะด้วย
เราเลยบอกเพื่อน ต. ที่ขึ้นไปร้องเพลงกับเราว่า "แกๆ พี่เค้าน่าจะเป็นช่างภาพ เราอยากได้รูปที่เค้าถ่ายว่ะ แกไปขอเมลล์ให้หน่อยได้ป่ะ?"
...บอกเลยค่ะ แผนสูงตอนนั้น เพื่อนก็กล้าค่ะ ไปขอค่ะ เราคิดว่า ถ้าได้เมลล์มา เราคงได้คุย Msn กัน ยุคนั้น ยังดังๆอยู่ค่ะ
พอเพื่อนเราเข้าไปขอ กลับไม่ได้อีเมลล์ค่ะ
" แก พี่เค้าไม่มีเมลล์ว่ะ มีแต่เบอร์" หลังจากนั้นเพื่อนก็มีแซวๆกันค่ะ ว่าพี่ผู้ชายเค้าอ่อย ว่าพี่เค้าแรดบ้าง ตามภาษาที่เพื่อนคุยกัน ก็หัวเราะคิกคัก
ตอนนั้นไม่ได้สนใจมองเลย ว่าคุณพ่อเก็บรายละเอียดยิบ ฮ่าฮ่า ที่ไหนได้ เพื่อนไม่รู้ ว่าเราอะแอบอ่อยพี่เค้าตั้งแต่พี่เค้านั่งตรงข้าม และแอบยิ้มให้บ่อย อิอิ
ถึงตอนนี้ อย่าว่าเราเลยนะคะ เพราะตอนนั้น มันอารมณ์ปิ๊งตั้งแต่แรกเจอจริงๆอ่ะค่ะ
พอเราจะกลับบ้าน พี่เค้ามีโบกมือ บ๊าย บายให้ด้วย ตอนนั้นคิดในใจ เอ๊ะเค้า บ๊าย บาย ทุกคน หรือ ให้เราคนเดียวนะ
...กล้บไปฝันหวานและแอบนึกถึงเค้าอยู่ 6 วันค่ะ ก็ตัดสินใจโทรไปหาพี่เค้า โดยประโยคแรก คือ
เรา: " ฮัลโหล!! จำหนูได้ป่ะค่ะ ชื่อ.. ที่เจอกันที่.. คือ หนูอยากจะขอให้พี่ส่งรูปที่พี่ถ่ายวันนั้นให้หน่อยได้ไหมคะ??"
พี่เค้า : " ครับ ได้ครับ ให้พี่ฝากไว้ที่ร้านอาหารไหม เผื่อวันไหนน้องไปกินข้าว ก็ไปรับที่นั่น หรือจะนัดเจอกันดี"
แล่ววๆๆๆๆๆๆๆ ใจเต้นแรงมาก นัดเจอหรออ ตายๆๆ ถ้าพ่อแม่รู้ ถ้าเพื่อนรู้ โดนด่าแน่ๆ
(เพื่อนในกลุ่มเรียบร้อยกันมากค่ะ ไม่มีใครมีแฟน และจนถึงตอนนี้พวกนางก็ยังโสด)
เรา: "เอ่ออ!! งั้นฝากไว้ที่ร้านอาหารก็ได้ค่ะ เอาไว้วันไหนไปกินข้าวกับพ่อ ค่อยไปเอาเนอะ"
พี่เค้า: "สุขสันต์วันเกิดย้อนหลังนะครับ! ไม่เห็นแบ่งเค้กให้พี่บ้างเลย"
เรา : 😳 เอ่อ ขอบคุณนะคะ แล้วก็ขอโทษ ก็หนูไม่รู้จักพี่อ่ะค่ะ
หลังจากนั้น เราก็ยังไม่วางค่ะ ยังคุยกัน และผลัดกันถาม ไปมา ว่าทำอะไรอยู่ อยู่ที่ไหน บ้านอยู่แถวไหน ชอบไปกินข้าวร้านนั้นหรอ
เรามีอะไรที่ใกล้ๆเคียงกันมากค่ะ คือ พี่เค้าเป็นนักครอสบรีดปลาหมอสีอยู่ที่ตลาดขายสัตว์เลี้ยงใหญ่ๆ ย่านฝั่งธนค่ะ
ตอนนั้นพี่เค้าค่อนข้างมีชื่อเสียงทางด้านนี้ มีลงหนังสืออยู่บ่อยๆค่ะ
ส่วนเรา ตอนนั้นก็เพาะหนูแฮมสเตอร์(ฟาร์ม) ขายส่งอยู่ในตลาดเดียวกันกับพี่เค้าพอดีเลยค่ะ ก็เลยมีเรื่องที่คุยกันได้ยาวๆ
หลังจากวันนั้น ทำให้เรารู้ว่า เราตกหลุมรักผู้ชายคนนี้เข้าแล้วล่ะ คุยอะไรก็คลิกกันไปทุกเรื่อง
พี่เค้าชมเราร้องเพลงเก่ง เค้าบอกว่าพี่เล่นดนตรีได้ วันหลังมาร้องเพลงกัน
แล้วเค้าก็ชวนเราไปงานประกวดปลาหมอสี ที่พ่อพี่เค้าเป็นกรรมการใหญ่ด้วยค่ะ เราก็โอเค เพราะยังไง เราต้องไปตลาดนั้นทุกเสาร์ อาทิตย์อยู่แล้ว
..3วันผ่านไป เรายังคงคุยกันทุกวันเหมือนเดิมค่ะโดยที่เราอุบเงียบไม่บอกใครเลยแม้แต่เพื่อน คือกลัวเพื่อนด่า ว่าทำไมแก่แดด 55
แต่วันนี้พิเศษกว่าวันไหนๆค่ะ ระหว่างที่เราคุยกันนั้น (รู้ตัวตั้งแต่วันแรกที่คุยแล้วล่ะว่าโดนจีบ) วันนี้พี่เค้าชมเราเยอะเป็นพิเศษค่ะ
แล้วพี่เค้าก็ขอเราเป็นแฟนเค้าค่ะ หลังจากที่คุยกันแค่ 3วันเท่านั้น
เราตอบตกลงแบบไม่ลังเล 555 มาถึงตอนนี้ยังคิดอยู่ว่า ทำไมไม่เล่นตัวซะหน่อย
.. คือ.. บอกตามตรงค่ะ ความรู้สึกตอนนั้นดีใจมาก ช็อคนิดๆ ไม่คิดว่าจะเร็วขนาดนี้ แต่ตอบไปแล้วด้วย
คือด้วยความที่ยังเด็กมากค่ะ ไม่คิดอะไรจริงๆ ชอบก็คือชอบ แสดงออกจริงๆว่าชอบ ไม่มีการจริตเลยค่ะ ฮ่าา
ใครไม่เคยมีโมเม้นต์ ปิ๊งแรกพบ คงไม่เข้าใจเรานะคะ แต่สำหรับเรา 3 วันนั้น มันมีค่าสำหรับเรา าก จนถึงวันนี้
และมันทำให้เราคิดว่า เราเลือกคนไม่ผิดจริงๆค่ะ
กลับมาต่อ นะคะ
พี่เค้า : งั้นตอนนี้เราเป็นแฟนกันแล้วนะครับ
เรา : ค่ะ😊
หลังจากเราเป็นแฟนกันแล้ว ก็คุยกันตลอดทุกวันค่ะ เพื่อนก็ยังไม่รู้ พ่อแม่ก็ยังไม่รู้ ไม่กล้าบอก เพราะคิดว่ามันเร็วเกิน มาบอกก็ตอนคบกันได้เดือนกว่าๆแล้ว
วันที่ 4 หลังจากเมื่อคืนที่เราตกลงเป็นแฟนกับพี่เค้า เราก็ไปเจอพี่เค้าที่งานประกวดปลาค่ะ ไปส่งหนูแฮมสเตอร์ด้วยค่ะ
ความรู้สึกตอนนั้นเขินมากจริงๆ ทำตัวไม่ถูกเลยค่ะ มันอายไปหมด ยิ้มไม่หุบ ตอนนี้ที่พิมพ์อยู่ก็ยิ้มค่ะ
หลังจากนั้น เราก็นัดเจอกันทุกวันเสาร์อาทิตย์ค่ะ แต่คงเป็นแค่ช่วงเสาร์-อาทิตย์ ที่เราไปส่งหนูแฮมสเตอร์เท่านั้น และอยู่นานไม่ได้ค่ะ
เดี๋ยวคุณพ่อคุณแม่สงสัยค่ะ ช่วงเวลาตอนนั้นได้เจอกันแค่แปปเดียว ก็ดีใจสุดๆไปเลยค่ะ
..มาถึงเดทแรก ก็นัดกันค่ะ ที่ห้างแห่งนึง ก็มีเวลาไม่เยอะค่ะ เพราะเราต้องกลับบ้านก่อน6โมงเย็น
เรานัดกันไปเจอที่ KFC ค่ะ ที่ๆเรามีเวลาได้นั่งมองหน้ากัน ทานข้าวด้วยกันครั้งแรก
ตอนแรกเราก็ใช้ส้อมมีด แบบสวยๆ แต่กินไก่อ่ะ มันไม่ถนัด อย่ามัวแต่ห่วงสวยเลย เลยแสดงตัวตนที่แท้จริงออกมา
มือเลยค่าา เป็นตัวของตัวเองแต่แรกนี่แหละดีที่สุด โชคดีที่เราสาวกไก่กันทั้งคู่ หนำไปเลยมื้อนั้น
บางคนอาจจะคิดว่า เด็กรึเปล่า ไปเดทที่ KFC สำหรับเราเดทที่ไหนไม่สำคัญ ขอแค่เราทั้งคู่ มีความสุข ได้ใช้เวลากับคนที่รักอย่างคุ้มค่า
มีรอยยิ้ม และเสียงหัวเราะให้กันและกัน ข้าวแกงข้างทางก็มีความสุขได้แล้วค่ะ

เอาไว้มีโอกาส จะมาเล่าเรื่องราว อุปสรรค ระหว่างคบกัน เกือบ9 ปี กว่าจะได้แต่งงาน และอยู่เคียงข้างกันยังไงแบบไม่ให้ทะเลาะกัน
วิธีเอาชนะใจพ่อตาแสนดุ และจะมารีวิว งานแต่งงานที่จัดเองทั้งหมด นะคะ
และนี่คือ ลิงค์ พรีเซ้นท์ งานแต่งของเราสองคนค่า
http://youtu.be/9DLiuzetlhk
ลิงค์กระทู้2 ค่ะ
http://pantip.com/topic/34758049
ปล.เราแก้ไขหัวข้อไม่เป็น สะกดผิดค่ะ
ขอบคุณค่ะ
เดทแรกกับแฟนที่ KFC เมื่อ เกือบๆ 9 ปีที่แล้ว ตอนนี้แต่งงานกันแล้วค่ะ
ขอเกริ่นก่อนนะคะ นี่เป็นกระทู้แรกของเราค่ะ มีล็อกอินนานแล้ว แต่ตอนนั้นสมัครไว้เพราะตามหาเจ้าของแมวหลงบ้าน
ตามอ่านพันทิพตลอดค่ะ แต่ไม่ค่อยได้แสดงความเห็นอะไร
พอดีว่าเราเห็นมีกระทู้นึงที่ดังในเฟสบุ๊คอยู่ตอนนี้ เรื่องที่พาสาวไปเดทที่ KFC น่ะ
เราก็เลยนึกถึงเรื่องของตัวเองขึ้นมา เพราะว่าเดทครั้งแรกของเราเกิดขึ้นที่ KFC ค่ะ เมื่อเกือบๆจะ 9 ปี ที่แล้วค่ะ
ก็เลยอยากจะมาแบ่งปันเรื่องราวความรักให้เพื่อนในพันทิพได้ฟังกันบ้าง
อาจจะเล่าไม่เก่ง หรือพิมพ์ตกหล่นยังไงขออภัยด้วยนะคะ
เรา ตอนนั้น อายุ เพิ่งจะ 16 ปีเลยล่ะ เรียนอยู่ม.5
ส่วนคุณสามีในตอนนี้ ซึ่งเป็นแฟนในตอนนั้น อยู่ปี4ค่ะ อายุ 22 ห่างกัน 6 ปีค่ะ
... เราเจอกันครั้งแรก ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง แถวๆบ้านเราทั้งคู่ค่ะ ซึ่งเราต่างก็ไปกับครอบครัวของตัวเองค่ะ
ต่างที่ว่าวันนั้นเป็นวันเกิดของ จขกท.ค่ะ ก็เลยชวนเพื่อนๆไปด้วย 4-5 คน
..ในตอนแรกที่ไปนั่งที่ร้านอาหาร ก็ปาร์ตี้สังสรรค์กันตามประสา แล้วจู่ๆ พี่เขาก็เดินเข้ามาในร้านค่ะ
เรามองตั้งแต่หัวจรดเท้าเลย พลางนึกในใจผู้ชายคนนี้น่ารักจัง (แก่แดดตามประสาเด็กเริ่มเป็นสาว)
แต่ก็ไม่ได้อะไร แค่แอบมอง เพราะคุณพ่อ คุณแม่ ก็นั่งอยู่ที่โต๊ะด้วย เลยทำได้แค่แอบมองค่ะ
ระหว่างนั่งกินข้าวกันไป รู้อะไรไหมคะคุณ พี่เค้าก็มีเหล่ตามามองเรา แล้วคงด้วยจังหวะนั้นที่เราก็แอบมองพี่เค้าอยู่พอดี พี่เค้าเลยอมยิ้มเบาๆให้
เขินไปอีก...
...ที่ร้านอาหารแห่งนี้ เป็นร้านแนวครอบครัว เพื่อนฝูงรุ่นวัยกลางคนค่ะ คุณพ่อชอบพามาทานข้าวที่นี่ เพราะบรรยากาศเป็นกันเอง
และที่นี่ยังมีการเรียกลูกค้าตามโต๊ะขึ้นไปร่วมร้องเพลง ได้โต๊ะละ 2 เพลงค่ะ วนผลัดกันไปตามโต๊ะ ปกติ เรากับพ่อชอบร้องเพลงอยู่แล้ว
ก็จะขึ้นไปร้องผลัดกันคนละเพลง แต่วันนี้เป็นวันเกิดเราค่ะ พ่อเลยให้เราขึ้น ตอนนั้นเราเขิน เลยชวนเพื่อนชื่อ ต. ขึ้นไปร้องเพลงด้วยกัน
สมัยนั้นเพลง หมีแพนด้ากำลังฮิตเลยค่ะ ก็เลยขึ้นไปร้องพร้อมกับเต้นไปด้วย บ๊องตามประเด็กสาวอายุ 16 2คน ส่วนเพื่อนบนโต๊ะก็มีถ่ายคลิปเล่นในมือถือ
เพลงต่อมา หนุ่มบาวสาวปานค่ะ เรากับ ต. ร้องสลับกันเป็น พี่แอ๊ค กับพี่ปาน สนุกสนาน บอกเลยว่าตอนนั้นสนุกจนลืมเรื่องเขินพี่เค้าไปสะแล้ว
จังหวะที่เรากับเพื่อนกำลังร้องเพลงกันอยู่ พี่เค้าก็หยิบกล้องถ่ายรูปขึ้นมาถ่ายเรา กับเพื่อนค่ะ
ในใจคิดว่าเค้าต้องเป็นช่างภาพแน่ๆ เพราะกล้องในมือดูโปร แล้วลุคพี่เค้าก็แนวๆ เซอร์ๆ ให้กับการเป็นช่างภาพมากๆ เราคิดว่าพี่เค้าเท่ห์
เราก็เลยสะกิดเพื่อน และเรียกให้เพื่อนหันไปแอ็คถ่ายรูป เล่นกล้องสักนิดหน่อย จริงๆเขิน จะเล่นกล้องคนเดียวก็ยังไงอยู่ เลยเรียกเพื่อซะเลย แหะๆ
..มารู้ทีหลังค่ะ หลังจากที่เป็นแฟนกันแล้ว ว่าที่พี่เค้าถ่ายน่ะ คือ วิดิโอ โหยเก็บโมเม้นตอนเราหลุดๆเปิ่นไว้ๆ อายจัง
พอลงมาจากเวทีค่ะ เราก็หลบตาไม่กล้ามองพี่เค้าก็เพราะเราเขิน นั่งทานข้าวไป เวลาก็เริ่มดึก เดี๋ยวพ่อเราจะต้องไปส่งเพื่อนๆตามบ้านอีก
เราก็เลยมีแผน ทำยังไงจะได้ติดต่อพี่เค้า เพราะต่อให้เค้าแอบมีใจให้ ก็คงไม่กล้าเข้าหาค่ะ เพราะพ่อแม่ เราอยู่ที่โต๊ะด้วย
เราเลยบอกเพื่อน ต. ที่ขึ้นไปร้องเพลงกับเราว่า "แกๆ พี่เค้าน่าจะเป็นช่างภาพ เราอยากได้รูปที่เค้าถ่ายว่ะ แกไปขอเมลล์ให้หน่อยได้ป่ะ?"
...บอกเลยค่ะ แผนสูงตอนนั้น เพื่อนก็กล้าค่ะ ไปขอค่ะ เราคิดว่า ถ้าได้เมลล์มา เราคงได้คุย Msn กัน ยุคนั้น ยังดังๆอยู่ค่ะ
พอเพื่อนเราเข้าไปขอ กลับไม่ได้อีเมลล์ค่ะ
" แก พี่เค้าไม่มีเมลล์ว่ะ มีแต่เบอร์" หลังจากนั้นเพื่อนก็มีแซวๆกันค่ะ ว่าพี่ผู้ชายเค้าอ่อย ว่าพี่เค้าแรดบ้าง ตามภาษาที่เพื่อนคุยกัน ก็หัวเราะคิกคัก
ตอนนั้นไม่ได้สนใจมองเลย ว่าคุณพ่อเก็บรายละเอียดยิบ ฮ่าฮ่า ที่ไหนได้ เพื่อนไม่รู้ ว่าเราอะแอบอ่อยพี่เค้าตั้งแต่พี่เค้านั่งตรงข้าม และแอบยิ้มให้บ่อย อิอิ
ถึงตอนนี้ อย่าว่าเราเลยนะคะ เพราะตอนนั้น มันอารมณ์ปิ๊งตั้งแต่แรกเจอจริงๆอ่ะค่ะ
พอเราจะกลับบ้าน พี่เค้ามีโบกมือ บ๊าย บายให้ด้วย ตอนนั้นคิดในใจ เอ๊ะเค้า บ๊าย บาย ทุกคน หรือ ให้เราคนเดียวนะ
...กล้บไปฝันหวานและแอบนึกถึงเค้าอยู่ 6 วันค่ะ ก็ตัดสินใจโทรไปหาพี่เค้า โดยประโยคแรก คือ
เรา: " ฮัลโหล!! จำหนูได้ป่ะค่ะ ชื่อ.. ที่เจอกันที่.. คือ หนูอยากจะขอให้พี่ส่งรูปที่พี่ถ่ายวันนั้นให้หน่อยได้ไหมคะ??"
พี่เค้า : " ครับ ได้ครับ ให้พี่ฝากไว้ที่ร้านอาหารไหม เผื่อวันไหนน้องไปกินข้าว ก็ไปรับที่นั่น หรือจะนัดเจอกันดี"
แล่ววๆๆๆๆๆๆๆ ใจเต้นแรงมาก นัดเจอหรออ ตายๆๆ ถ้าพ่อแม่รู้ ถ้าเพื่อนรู้ โดนด่าแน่ๆ
(เพื่อนในกลุ่มเรียบร้อยกันมากค่ะ ไม่มีใครมีแฟน และจนถึงตอนนี้พวกนางก็ยังโสด)
เรา: "เอ่ออ!! งั้นฝากไว้ที่ร้านอาหารก็ได้ค่ะ เอาไว้วันไหนไปกินข้าวกับพ่อ ค่อยไปเอาเนอะ"
พี่เค้า: "สุขสันต์วันเกิดย้อนหลังนะครับ! ไม่เห็นแบ่งเค้กให้พี่บ้างเลย"
เรา : 😳 เอ่อ ขอบคุณนะคะ แล้วก็ขอโทษ ก็หนูไม่รู้จักพี่อ่ะค่ะ
หลังจากนั้น เราก็ยังไม่วางค่ะ ยังคุยกัน และผลัดกันถาม ไปมา ว่าทำอะไรอยู่ อยู่ที่ไหน บ้านอยู่แถวไหน ชอบไปกินข้าวร้านนั้นหรอ
เรามีอะไรที่ใกล้ๆเคียงกันมากค่ะ คือ พี่เค้าเป็นนักครอสบรีดปลาหมอสีอยู่ที่ตลาดขายสัตว์เลี้ยงใหญ่ๆ ย่านฝั่งธนค่ะ
ตอนนั้นพี่เค้าค่อนข้างมีชื่อเสียงทางด้านนี้ มีลงหนังสืออยู่บ่อยๆค่ะ
ส่วนเรา ตอนนั้นก็เพาะหนูแฮมสเตอร์(ฟาร์ม) ขายส่งอยู่ในตลาดเดียวกันกับพี่เค้าพอดีเลยค่ะ ก็เลยมีเรื่องที่คุยกันได้ยาวๆ
หลังจากวันนั้น ทำให้เรารู้ว่า เราตกหลุมรักผู้ชายคนนี้เข้าแล้วล่ะ คุยอะไรก็คลิกกันไปทุกเรื่อง
พี่เค้าชมเราร้องเพลงเก่ง เค้าบอกว่าพี่เล่นดนตรีได้ วันหลังมาร้องเพลงกัน
แล้วเค้าก็ชวนเราไปงานประกวดปลาหมอสี ที่พ่อพี่เค้าเป็นกรรมการใหญ่ด้วยค่ะ เราก็โอเค เพราะยังไง เราต้องไปตลาดนั้นทุกเสาร์ อาทิตย์อยู่แล้ว
..3วันผ่านไป เรายังคงคุยกันทุกวันเหมือนเดิมค่ะโดยที่เราอุบเงียบไม่บอกใครเลยแม้แต่เพื่อน คือกลัวเพื่อนด่า ว่าทำไมแก่แดด 55
แต่วันนี้พิเศษกว่าวันไหนๆค่ะ ระหว่างที่เราคุยกันนั้น (รู้ตัวตั้งแต่วันแรกที่คุยแล้วล่ะว่าโดนจีบ) วันนี้พี่เค้าชมเราเยอะเป็นพิเศษค่ะ
แล้วพี่เค้าก็ขอเราเป็นแฟนเค้าค่ะ หลังจากที่คุยกันแค่ 3วันเท่านั้น
เราตอบตกลงแบบไม่ลังเล 555 มาถึงตอนนี้ยังคิดอยู่ว่า ทำไมไม่เล่นตัวซะหน่อย
.. คือ.. บอกตามตรงค่ะ ความรู้สึกตอนนั้นดีใจมาก ช็อคนิดๆ ไม่คิดว่าจะเร็วขนาดนี้ แต่ตอบไปแล้วด้วย
คือด้วยความที่ยังเด็กมากค่ะ ไม่คิดอะไรจริงๆ ชอบก็คือชอบ แสดงออกจริงๆว่าชอบ ไม่มีการจริตเลยค่ะ ฮ่าา
ใครไม่เคยมีโมเม้นต์ ปิ๊งแรกพบ คงไม่เข้าใจเรานะคะ แต่สำหรับเรา 3 วันนั้น มันมีค่าสำหรับเรา าก จนถึงวันนี้
และมันทำให้เราคิดว่า เราเลือกคนไม่ผิดจริงๆค่ะ
กลับมาต่อ นะคะ
พี่เค้า : งั้นตอนนี้เราเป็นแฟนกันแล้วนะครับ
เรา : ค่ะ😊
หลังจากเราเป็นแฟนกันแล้ว ก็คุยกันตลอดทุกวันค่ะ เพื่อนก็ยังไม่รู้ พ่อแม่ก็ยังไม่รู้ ไม่กล้าบอก เพราะคิดว่ามันเร็วเกิน มาบอกก็ตอนคบกันได้เดือนกว่าๆแล้ว
วันที่ 4 หลังจากเมื่อคืนที่เราตกลงเป็นแฟนกับพี่เค้า เราก็ไปเจอพี่เค้าที่งานประกวดปลาค่ะ ไปส่งหนูแฮมสเตอร์ด้วยค่ะ
ความรู้สึกตอนนั้นเขินมากจริงๆ ทำตัวไม่ถูกเลยค่ะ มันอายไปหมด ยิ้มไม่หุบ ตอนนี้ที่พิมพ์อยู่ก็ยิ้มค่ะ
หลังจากนั้น เราก็นัดเจอกันทุกวันเสาร์อาทิตย์ค่ะ แต่คงเป็นแค่ช่วงเสาร์-อาทิตย์ ที่เราไปส่งหนูแฮมสเตอร์เท่านั้น และอยู่นานไม่ได้ค่ะ
เดี๋ยวคุณพ่อคุณแม่สงสัยค่ะ ช่วงเวลาตอนนั้นได้เจอกันแค่แปปเดียว ก็ดีใจสุดๆไปเลยค่ะ
..มาถึงเดทแรก ก็นัดกันค่ะ ที่ห้างแห่งนึง ก็มีเวลาไม่เยอะค่ะ เพราะเราต้องกลับบ้านก่อน6โมงเย็น
เรานัดกันไปเจอที่ KFC ค่ะ ที่ๆเรามีเวลาได้นั่งมองหน้ากัน ทานข้าวด้วยกันครั้งแรก
ตอนแรกเราก็ใช้ส้อมมีด แบบสวยๆ แต่กินไก่อ่ะ มันไม่ถนัด อย่ามัวแต่ห่วงสวยเลย เลยแสดงตัวตนที่แท้จริงออกมา
มือเลยค่าา เป็นตัวของตัวเองแต่แรกนี่แหละดีที่สุด โชคดีที่เราสาวกไก่กันทั้งคู่ หนำไปเลยมื้อนั้น
บางคนอาจจะคิดว่า เด็กรึเปล่า ไปเดทที่ KFC สำหรับเราเดทที่ไหนไม่สำคัญ ขอแค่เราทั้งคู่ มีความสุข ได้ใช้เวลากับคนที่รักอย่างคุ้มค่า
มีรอยยิ้ม และเสียงหัวเราะให้กันและกัน ข้าวแกงข้างทางก็มีความสุขได้แล้วค่ะ
เอาไว้มีโอกาส จะมาเล่าเรื่องราว อุปสรรค ระหว่างคบกัน เกือบ9 ปี กว่าจะได้แต่งงาน และอยู่เคียงข้างกันยังไงแบบไม่ให้ทะเลาะกัน
วิธีเอาชนะใจพ่อตาแสนดุ และจะมารีวิว งานแต่งงานที่จัดเองทั้งหมด นะคะ
และนี่คือ ลิงค์ พรีเซ้นท์ งานแต่งของเราสองคนค่า
http://youtu.be/9DLiuzetlhk
ลิงค์กระทู้2 ค่ะ http://pantip.com/topic/34758049
ปล.เราแก้ไขหัวข้อไม่เป็น สะกดผิดค่ะ
ขอบคุณค่ะ