กระทู้2 Earth&Mo จากกระทู้ เดทสมหวังของ KFC ค่ะ "ข้อคิดประครองรัก"

สวัสดีค่ะ เอิร์ธเอง จขกท.นี้ เดทแรกที่ kfc ตอนนี้แต่งงานแล้วค่ะ http://pantip.com/topic/34753813
ขอบคุณสมาชิกพันทิปทุกท่านนะคะ ที่ให้การต้อนรับเป็นอย่างดีค่ะ จนขึ้นเป็นกระทู้แนะนำ
ดีใจมากที่มีคนรอติดตามค่ะ ตอนนี้เรื่องราวของเราถูกแชร์ไปเยอะมากเลย แล้วคลิป พรีเซ้นงานแต่งในยูทูปของเรา ยอดวิว 40k แล้ว
ดีใจจังเลย มาต่อกันเลยนะคะ


.... หลังจากที่เป็นแฟนกันแล้ว เรามีพันธะสัญญาต่อกันค่ะ ว่า "ถ้าเราทะเลาะกัน ให้ห่างกันก่อน อารมณ์ดีค่อยกลับมาคุยกันใหม่ และ ถ้าไม่ได้อยากจะเลิกกันจริงๆ อย่าพูดคำว่าเลิกออกมาเด็ดขาด" เพราะแก้วที่มันร้าวไปแล้ว ถึงจะไม่แตก ก็ไม่มีวันเหมือนเดิมค่ะ
เราไม่เคยเลิกกันค่ะ ตลอดเวลาเกือบ 9ปีที่ผ่านมา ไม่เคยพูดคำว่าเลิกกันแม้แต่ครั้งเดียว อาจเป็นเพราะสัญญากันไว้แต่แรกมั้งคะ มีบ้างที่ทะเลาะกัน แต่ทุกครั้งพี่โมจะเป็นคนเงียบ เงียบอย่างเดียว ไม่มีเถียงเลย (บางทีเอิร์ธก็คิดว่า การเงียบแบบนี้เป็นการทะเลาะ ที่กวนทีนที่สุดเลย ฮึ่มม)
มีออกทางสีหน้าว่าไม่พอใจบ้าง แต่ไม่ก็ไม่พูด เราทั้งเหวี่ยง เราโมโห แต่เค้าไม่ตอบโต้ เราเลยหยุดไปเอง เพราะเค้าไม่ยอมเถียงด้วยอ่ะ
พอกลับมาคุยกัน ก็เปลี่ยนเรื่องคุยไปเลยค่ะ เหมือนไม่ได้ทะเลาะ ตลกดี

มาต่อค่ะ เราก็อินเลิฟเหมือนแฟนคู่อื่นทั่วๆไปค่ะ เราคงยังได้เจอกันอาทิตย์ละครั้งเช่นเดิม
คุยกันก็ตอนพักเที่ยง สมัยก่อนเค้าให้ปิดมือถือในห้องเรียนค่ะ คุยอีกทีก็กลับถึงบ้าน หลังทำการบ้านเสร็จ ก่อนเข้านอนค่ะ ชีวิตวนเวียนอยู่แค่นี้ ไม่ค่อยออกไปไหนค่ะ พ่อแม่ไม่ค่อยปล่อยเลย
จนเริ่มคบกันมาเรื่อยๆ ก็บอกเพื่อน บอกแม่ค่ะว่าเป็นแฟนกับพี่โมแล้ว ยกเว้นพ่อค่ะที่ไม่บอก เพราะพ่อดุ
ส่วนแม่ไม่ว่า เพราะอยู่ในสายตาผู้ใหญ่

..พี่โมเค้าเป็นคนรักษาภาพพจน์ และแคร์สายตาคนอื่นค่ะ ค่อนข้างให้เกียรติเอิร์ธค่ะ อย่างบางวันเค้าจะมารอหลังเลิกเรียนที่หน้าโรงเรียน และก็ไปเดินเล่นที่ห้างใกล้ๆ เวลานั่งแท็กซี่ไปด้วยกัน เราก็นั่งห่างๆกัน แท็กซี่เคยแซวว่า "สองพี่น้องจะไปไหนกันครับ" เพราะเราดูไม่เหมือนแฟน
เอิร์ธเคยยื่นมือไปจะจับมือพี่โม ยังโดนบ่นว่า "เอิร์ธเป็นผู้หญิงนะครับ และใส่ชุดนักเรียนอยู่ คนอื่นเค้าจะมองยังไง"
ทีแรกด้วยความเป็นเด็ก ก็มีแอบน้อยใจบ้าง ว่าเค้าไม่อยากจับมือเราเหรอ??
แต่เค้ารักษาภาพพจน์เราจริงๆค่ะ พอมาตอนนี้เห็นเด็กใส่ชุดนักเรียนเดินจูงมือกัน มันก็ดูไม่เหมาะสมจริงๆ(งดดราม่าค่ะ)

... เริ่มคบกันไปได้เกือบๆปี พี่โมก็ชวนให้มาเปิดร้านขายหนูแฮมสเตอร์ข้างๆร้านปลาของพี่เค้าค่ะ  มีล็อคว่างพอดี
เราก็ไปขออนุญาตคุณแม่ ว่าต่อไปนี้จะเปิดร้านหนูแฮมสเตอร์ข้างๆพี่โมนะคะ แม่ก็อนุญาตค่ะ
เราย้ายหนูจากฟาร์มที่บ้านบางส่วน มาขายหน้าร้าน โดยวันธรรมดา พี่โมจะเป็นคนดูแลหนูทั้งหมด เราเรียนหนังสือ ส่วนพี่โมกำลังจะจบปี4 จึงมีเวลาว่างช่วยดูแลได้ค่ะ นี่แหละ เป็นจุดที่ทำให้เราสนิทสนมกันมากขึ้น
เพราะเสาร์-อาทิตย์ ต้องเฝ้าร้านทั้งวันเลยค่ะ ช่วงนี้คุณพ่อก็รู้แล้วค่ะ ว่าเป็นแฟนกัน
แต่พ่อไม่ปลื้ม เพราะเรายังเด็กมาก ส่วนพี่โมโตกว่า 6ปี กลัวว่าจะมาหลอกลูกสาว
ช่วงใกล้ๆจะเอ็นท์เข้ามหาลัย ยิ่งแล้วใหญ่ ได้เจอกันแค่เสาร์-อาทิตย์จริงๆ หลังๆนี้โยนภาระให้พี่โมดูแลคนเดียวเลย
เพราะเราต้องไปเรียนพิเศษด้วย ยิ่งเจอกันน้อยลง
..คนรอบข้างก็จะเตือนตลอดว่า แน่ใจได้ยังไงว่าเค้ามีเราคนเดียว  เราตอบไม่ได้ค่ะ สิ่งที่มีให้ คือความเชื่อใจล้วนๆ เราไม่เคยขุดคุ้ยประวัติ หรือเรื่องส่วนตัว หรือแฟนเก่าอะไรของเค้าเลยค่ะ
ไม่อยากฟัง ฟังไปก็เจ็บปวด คิดเยอะ เปรียบเทียบเรากับแฟนเก่า มันไม่มีอะไรดี
เราก็คือเรา มันคนละคนกัน ส่วนพี่โมก็ไม่เคยถาม หรืออยากรู้เรื่องแฟนเก่าเหมือนกัน
ทำให้การคบกันทุกวันมีแต่เรื่องของ "เราสองคน" ล้วนๆ ไม่ต้องเปรียบเทียบกับใคร หรือคอยถามว่า
เคยมาที่นี่กับใคร? ไปมาเมื่อไหร่? เราไม่ประชดกันค่ะ จนถึงทุกวันนี้
(แต่ตอนหลังมารู้เรื่องก็มีแซว เรื่องแฟนเก่าแบบขำๆ)

...เวลาไปเจอเพื่อนพี่โม พี่ๆเค้าจะชอบแกล้งแซว แกล้งแหย่ ยุ ให้เราตีกัน
จนถึงตอนนี้แต่งงานแล้ว ยังแหย่อยู่เลย แต่ไม่เป็นผลหรอกค่ะ ก็มีเชื่อบ้าง ไม่เชื่อบ้าง แต่อะไรที่ผ่านไปแล้ว เราไม่ใส่ใจ
ปัจจุบันถ้าเขาเป็นคนดี แทคแคร์ เอาใจใส่ ไม่บกพร่องหน้าที่แฟน เราก็ไม่จำเป็นต้องทะเลาะ
เป็นคนรักกัน ต้องมองแต่สิ่งดีๆค่ะ อย่าตำหนิ ให้ใครอีกคนเกิดความน้อยใจ ให้คุย อธิบายกันอย่างมีเหตุผลดีกว่า
อย่าจ้องจับผิด ต้องเชื่อใจ และไว้ใจกัน ที่สำคัญ คือ ซื่อสัตย์ ค่ะ

.. ตลอดเวลาที่เราคบกัน เราทั้งคู่ไม่เคยทะเลาะกันเพราะเรื่องมือที่3 เลยค่ะ(เพราะจับไม่ได้รึเปล่า ฮ่าๆ)
เปล่าค่ะ   เราไม่เคยนอกใจกัน ปิดใจไม่รับคนอื่นเข้ามา มีคนมาจีบเรา เราก็บอกไปตรงๆเลยค่ะ ว่ามีแฟนแล้ว เวลาพี่โมจะไปไหน เราไม่เคยถามเซ้าซี้ ครั้งเดียวจบ ไปเที่ยวกับเพื่อน ก็ขอให้บอกว่าไปกับใครที่ไหน แต่ไม่เคยเช็ค ไม่เคยทำให้ผู้ชายคนนี้รำคาญใจเลยค่ะ ที่สำคัญ เราไม่ยุ่งกับมือถือของพี่เค้า เพราะถือเป็นของใช้ส่วนตัว แต่ปัจจุบันนี้ ยุบมาใช้เครื่องเดียวกันค่ะ ไม่รุ้จะใช้ 2 เครื่องทำไม ตัวติดกันตลอดเวลา ทำงานก็ทำด้วยกัน ไม่มีวันไหนที่ห่างกันเลย แค่คิดว่าคืนนี้ถ้านอนโดยไม่มีอีกคนข้างๆคงนอนไม่หลับแน่ๆ

.....พ่อบอกเสมอว่า อายุยังน้อย ทำไมต้องใจร้อนรีบเป็นแฟนกับใครด้วย คุณพ่อให้ดูไปเรื่อยๆค่ะ ให้เลือกเยอะๆ ส่วนเราไม่สนใจอะไรเลยค่ะ เงิน ฐานะ คือของนอกกาย แค่ชอบพี่โมตั้งแต่แรกเห็น ยอมรับเพราะหน้าตา และคาแร็คเตอร์ แหม่ พ่อของลูกก็ต้องหล่อๆหน่อยใช่มั้ยคะ อยู่ด้วยแล้วสบายใจ แบ่งปันเรื่องราวทุกอย่างได้ และอยู่ด้วยกันแบบความเข้าใจค่ะ

... คบกับพี่โมที่อายุ ห่างกัน 6ปี เอิร์ธโตขึ้นมากค่ะ มีความเป็นผู้ใหญ่มากกว่าเด็กรุ่นเดียวกัน
ส่วนพี่โมก็เหมือนลดอายุลงมาเป็นเด็กอีกหน่อย ปรับตัวเข้าหากันคนละครึ่งทาง เค้าเข้าใจทุกสิ่งที่เราเป็น
ความงี่เง่าวัยเด็กมันมีในตัวอยู่แล้ว เค้าไม่เคยบ่น  เอิร์ธเป็นคนขี้อ้อน ชอบเอาใจค่ะ พูดเพราะ
ตรงนี้มั้งที่ทำให้พี่เค้ายิ่งหลงรักเรา แต่ตอนนี้อาจพูดไม่เพราะเท่าเมื่อก่อนแล้ว เพราะสนิทกันเกิน จนบางทีก็เล่นกันเหมือนเพื่อนไปเลยค่ะ

... เราเข้าไปอยู่ในโลกของเค้า เค้าเข้ามาอยู่ในโลกของเรา เพื่อนพี่โมชอบมานั่งสังสรรค์ที่ร้านปลาหมอสีค่ะ
เราไปอยู่ในวงเหล้าพี่เค้าก็ตอนมหาลัยแล้ว ส่วนของเราเวลาต้องคุยกันกับพี่เค้าช่วงสอบ ก็ท่องหนังสือใส่สะเลย
นึกแล้วก็ขำ นั่งเล่าเรื่องที่จะสอบให้ฟังเป็นชม. ตานี่ก็นั่งฟังไปได้

...พี่โมดูแลเราดีมากค่ะ จำได้ว่ามีหลายครั้งที่ป่วย(ป่วยโรคระบบทางเดินอาหารบ่อยมากค่ะ เครียดเรียนก็เข้าโรงพยาบาล) เค้าจะแอบมานอนเฝ้าที่โรงพยาบาล คุณแม่รู้ แต่พ่อไม่รู้ (อีกแล้ว รู้ก็โดนด่าแหงมๆ ) มีครั้งนึง เอิร์ธเข้าโรงพยาบาล เกี่ยวกับโรคกระเพาะ ลำไส้นี่ล่ะ
พี่โมมาเยี่ยม พร้อมกับทำซุปกระดูกอ่อนหมูมาให้ เป็นครั้งแรกเลยที่ได้ชิมอาหารฝีมือพี่เค้า
ตอนนั้นดีใจ และรู้สึกว่าโชคดีจัง ที่มีแฟนดีขนาดนี้ 😚

(รูปนี้ตอนนหัดเป็นนางแบบ สมัยยังไม่หัดเขียนคิ้ว เมื่อ6ปีที่แล้วค่ะ)


...เมื่อก่อนพี่โม รับงานเป็นช่างภาพฟรีแลนซ์ ด้วยค่ะ เราไปเป็นนางแบบสมัครเล่นอยู่บ่อย เหมือนเป็นหุ่นให้เค้าลองถ่ายรูป ตั้งแต่เริ่มหัดถ่าย
พอเค้ารับงานถ่ายรูป ส่วนใหญ่จะเป็นงานรับปริญญา เราก็ไปช่วยพี่เค้าค่ะ เป็นเด็กถือของมั่ง ถือแฟลช ช่วยบัณฑิตคิดท่าโพส  
จนกระทั่ง เป็นคนแต่งรูปก่อนจะส่งไฟล์ให้บัณฑิต พี่โมแบ่งตังให้ด้วยนะ เป็นค่าขนม พาไปเลี้ยงข้าว มีความสุขสุดๆ ได้ทำกิจกรรมร่วมกัน
แต่ตอนนี้ไม่ได้ทำแล้วค่ะ ช่างภาพเกิดกันเยอะมาก ก็เลยทำงานมาเปิดร้านกึ่งร้านเหล้า กึ่งร้านอาหารเล็กๆอยู่ที่อยุธยา
อ่อ!! เราทั้งคู่ มาจาก กทม.นะคะ (ไว้จะมาเล่า ว่ามาเปิดร้านได้ยังไง เริ่มธุรกิจเล็กๆกันยังไง)
..อย่างกีฬาสีของเรา พี่โมก็มาเฝ้าซ้อมหลีดค่ะ ดูแลหาข้าว หาน้ำให้กิน เป็นช่างภาพด้วย และทำแบบนี้ตั้งแต่ ม.5 จน จบมหาลัยปี4 เลยค่ะ(พอดีเป็นหลีด คณะ) จนเหมือนเป็นช่างภาพประจำคณะหลีดของรุ่นเอิร์ธไปสะแล้ว

....พี่โมเข้ากับเพื่อนเอิร์ธได้ทุกคน ไม่เคยมีใครไม่ชอบ หรือยุให้เลิกกัน มีแต่แซว แย่งกัน ว่าคนนี้ของชั้น ฮ่าๆๆ ไม่ได้หล่อขนาดนั้น แต่นิสัยพี่โมน่ารักจริงๆ
ส่วนเอิร์ธก็เข้ากับเพื่อนพี่โมได้ทุกคน เวลาเขาไปเที่ยวไหน ก็จะเอาเอิร์ธไปด้วย
ซึ่งบางคนก็คงไม่อยากพาแฟนไปเจอกลุ่มเพื่อนๆ สงสัยกลัวจะโดนใส่ไฟ เผาจนเกรียม 😱
เอิร์ธไม่เคยงอแงรบกลับบ้าน จากเมื่อก่อนเป็นเด็กมาก อินโนเซ้นส์ รับฟังอะไรที่ผู้ชายคุยกันไม่ค่อยได้ (หยาบคาย ทะลึ่งตึงตัง) ฟังแล้วไม่ชอบ
แต่ตอนนี้รู้เรื่องหมดทุกอย่าง เรียกได้ว่า สายฮาร์ดคอร์เชียวล่ะ 😬 ซึมซับมาเยอะ เป็นแพมเพิร์สเชียว

...เวลาที่ใครคนนึงท้อ เราก็คอยให้กำลังใจ ไม่เคยทอดทิ้งกันจริงๆค่ะ จับมือกันแบบไม่เคยปล่อยเลย  ไม่ทิ้งให้ใครอีกคนรู้สึกว่าอยู่ตัวคนเดียว
ไม่ว่าชีวิตช่วงนึง จะรู้สึกแย่ท้อแท้แค่ไหน แต่แรงจูงใจที่สู้กันมาถึงทุกวันนี้ ก็คือ อนาคตของเราสองคนค่ะ

วันนี้พอแค่นี้ก่อนเนอะ รายละเอียดมันเยอะเหลือเกิน ตลอดเวลาเกือบ9ปี
ถ้าเล่าวกไปวนมา ตะกุกตะกัก ขอโทษด้วยนะคะ
แล้วเดี๋ยวจะมาเล่าว่าอุปสรรคนั้นของเราคืออะไร และเชื่อว่า หากบางคนเจอสถานการณ์แบบเอิร์ธ คงจะปล่อยมือจากกันไปนานแล้ว
รีวิวงานแต่งยังคงจะมีตามสัญญานะคะ ฝากติดตามด้วยค่ะ ขอบคุณค่ะ

อ้อ ลิ้งคลิปพรีเซ้นเผื่อใครที่ยังไม่ได้ดูค่ะ http://youtu.be/9DLiuzetlhk
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่