ด้วยแนวความคิดที่ว่า เสียงข้างมาก เป็นหลักยึด ของประชาธิปไตย  
วันนี้มานำเสนอมุมมองหนึ่งที่ ท่านอาจจะมองข้าม ตรรกะประชาธิปไตย บางอย่าง

มีคน ให้ต้องโหวตเลือก  อยู่ 7 คน  และมีคนมาลงคะแนนเสียง100 คน
คนชนะได้คะแนนเสียงสนับสนุนสูงสุด 30 เสียง   นอกนั้นก็ คะแนนลดหลั่นกันลงไป
หากมองผิวเผิน คนที่มีคะแนนเสียงสูงสุด ก็น่าจะชนะ  เป็นไปตามระบอบประชาธิปไตย
แต่หากมอง ภาพรวมแล้ว มีเสียงที่ไม่ได้เลือก  นายคนนี้อยู่ ถึง 70 เสียงทีเดียว ซึ่งนับว่า มากพอสมควร
ด้วยกติกานี้ จะให้คนถึง 70 คน ยอมรับ เสียง 30 คนจึงเป็นไปได้ยาก  

ฉนั้น บางประเทศที่เป็น ประชาธิปไตย จึง จำกัด พรรคการเมืองไว้เพียงสองพรรคเท่านั้น เพื่อกันข้อครหาดังกล่าว
เมื่อมีสองพรรค สองทางเลือก คน 100 คน ไม่ว่าจะชนะกันด้วยคะแนนเสียง 51 ต่อ 49 ก็คือเสียงส่วนใหญ่ชนะ
แต่ถ้าคนเขาไม่ เอาทั้งสองทางเลือก คนที่กาไม่เลือกใคร ถึง 60 คน ก็จะเป็นฝ่ายชนะ และเลือกตั้งถือเป็นโมฆะ

กติกา ท่านมีขัย ยึดหลักการนี้  คือ มองว่า คะแนนเสียง ส่วนใหญ่ที่ไม่เลือก พรรคชนะ มีมากกว่า เสียงที่ชนะเสียอีกเมื่อรวมเอามาจากทุกพรรค
แต่แทนที่จะเขียน กติกา ให้มีแค่สองพรรคเท่านั้น กลับแก้ให้ยุ่งยิ่งกว่าลิงแก้แห

เพราะ กติกาใหม่ที่กลัวข้อครหาเสียงข้างมากแพ้เสียงข้างน้อย  เลือกตั้งให้ตายยังงัย ก็จะไม่มีพรรคใดได้คะแนนสูงสุด
นั้นหมายความว่า จะเกิดรัฐบาลผสม ทุกครั้งที่มีการเลือกตั้ง และรัฐบาลจะไร้ซึ่งเอกภาพ ไร้ซึ่งอำนาจต่อรอง
ถ้านึกภาพไม่ออกให้นึกถึง พรรค พรรคหนึ่งที่จะตั้งรัฐบาลทีไร ต้องดึงงูเห่ามาจัดตั้งรัฐบาล แล้วมันก็ไม่ได้อะไรเป็นชั้นเป็นอัน เพราะมัวแต่ขัดกันไปมา
อย่างที่เห็นๆในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา

จึงของถาม เพื่อนๆที่ออกมาเรียกร้องการปฏิรูป ว่า นี่คือการปฏิรูปที่ท่านต้องการจริงๆหรือครับ