ก็จบกันไปแล้วสำหรับการเลือกตั้งทั่วไป ปี 2566
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า การเลือกตั้งครั้งนี้หักปากกาเซียน การคาดคะเนต่างๆไปอย่างระเนระนาด
ถึงแม้โพลส่วนใหญ่จะคำนวนให้ฝั่งเสรีนิยมประชาธิปไตย ชนะการเลือกตั้ง ซึ่งก็ถือว่าแม่นยำอยู่พอควร
แต่ก็มีหลายสิ่งที่ต่างกันไป ลองมาสรุปและพูดคุยถึงประเด็นดังกล่าวกันดีกว่า
1.เพื่อไทยแพ้เลือกตั้ง
จากประวัติศาสตร์การเลือกตั้งประเทศไทย 20 กว่าปี นับตั้งแต่ทักษิณ ชินวัตร ชนะการเลือกตั้งเมื่อปี 2544 ในนามพรรคไทยรักไทย เรื่อยมาจนถึง เลือกตั้งปี 2562 ในนามพรรคเพื่อไทย (ถือว่าเป็นพรรคข่ายเดียวกันนะ) ไม่เคยแพ้เลือกตั้งเป็นอันดับที่ 1 เลยสักหน จนกระทั่งการเลือกตั้งในปี 2566 ที่พรรคก้าวไกล เป็นพรรคแรกที่สามารถแซงมาเป็นที่ 1 ด้วยคะแนนเสียงนำพรรคเพื่อไทยได้ ด้วยคะแนนล่าสุด 152 ต่อ 141 คะแนน นับเป็นประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของการเมืองไทย เพราะเป็นที่รู้กันว่า ไม่มีใครสามารถล้มพรรคเพื่อไทยได้ จนต้องเกิดรัฐประหารถึง 2 รอบด้วยกัน และคดียุบพรรคอีกหลายหน
2.พรรคก้าวไกลสามารถปักธงที่ภาคใต้ได้
เป็นสิ่งหนึ่งที่เหนือความคาดหมายของคนไทย เนื่องจาก ภาคใต้ นั่นนับว่าเป็นฐานที่มั่นที่แข็งแกร่งของฝ่ายอนุรักษ์นิยม ยากที่จะเจาะได้
แม้ในช่วงจุดพีคของรัฐบาลทักษิณ ในปี 2548 ที่สามารถชนะการเลือกตั้งด้วยคะแนน 377/500 นับได้ว่าสูงมากๆ สามารถจัดตั้งรัฐบาลเดียวที่มีเสถียรภาพ
จนสามารถกล่าวอย่างติดตลกได้เลยว่า ต่อให้ สส พรรคไทยรักไทยหนีไปพักร้อนสัก 100 คน ก็ยังสามารถโหวตกฎหมายต่างๆผ่านได้อย่างสบาย
แต่สิ่งหนึ่งที่ทักษิณไม่สามารถทำได้คือ เจาะภาคใต้ โดยครั้งนั้นเป็นของประชาธิปัตย์ไปแทบทั้งหมด
3.ส้มแลนสไลด์ทั้งกรุงเทพ
ก็เป็นหนึ่งสิ่งที่ค่อนข้างเหนือความคาดหมาย ก็ต้องยอมรับตามตรงว่ากระแสของพรรคก้าวไกลมาแรงจริงๆ ทั้งจากสื่อต่างๆและกระแส แต่ก็อาจจะยังเป็นรองพรรคเพื่อไทยอยู่บ้าง จนมีคำกล่าวว่าเพื่อไทยเป็นพี่ใหญ่ และก้าวไกลเป็นคนรองของฝั่งประชาธิปไตย แต่การที่แลนสไลด์ 32 เขต(นับคะแนนจากปัจจุบัน) ก็ถือได้ว่าน่าสนใจไม่น้อย
4.พรรคลุง คะแนนร่วง
ในครั้งที่แล้วเมื่อเลือกตั้งปี 2562 พรรคพลังประชารัฐของทั้ง 2 ลุง ได้คะแนนเสียงทั้งสิ้น 116 ที่นั่ง เป็นอันดับสองรองจากเพื่อไทย แต่สามารถที่จะจัดตั้งรัฐบาลได้ จากการรวบรวมเสียงต่างๆในสภา ครั้งนี้ ทั้ง 2 ลุงแยกจากกัน ไปตั้งพรรค ที่มีคาแรคเตอร์คล้ายคลึงกัน ผลปรากฎว่าได้ไปกันคนละ 40/36 คะแนน ซึ่งถือว่าน้อยกว่าคราวที่แล้วอยู่พอสมควร
5.พรรคประชาธิปัตย์สูญพันธ์
พรรคประชาธิปัตย์ นับได้ว่าเป็นพรรคการเมืองใหญ่ ที่มีความเก่าแก่ อยู่คู่กับประเทศไทยมานาน และเป็นหนึ่งในตัวแปรสำคัญในการตั้ง หรือ ล้มรัฐบาลในหลายๆ ปีที่ผ่านมา ครั้งนี้ พรรคประชาธิปัตย์ได้ที่นั่งทั้งสิ้น 25 เสียง ซึ่งนับได้ว่าน้อยลงกว่าคราวที่แล้วเท่าตัวนึง ซึ่งเมื่อปี 2562 ได้ที่นั่งไปทั้งสิ้น 53
และในสมัยเลือกตั้งของยิ่งลักษณ์ปี 2554 ได้ที่นั่งไป 159 สื่อให้เห็นว่าพรรคดังกล่าวมีอัตราการถดถอยในระดับเท่าตัว ในทุกๆการเลือกตั้ง และพรรคประชาธิปัตย์ยังไม่ได้รับเลือกจากคนกรุงเทพเลยแม้แต่ที่เดียว
6.ภูมิใจไทยโตขึ้น
เป็นสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจ ต้องยอมรับจริงๆว่าในกระแสของโพล และสื่อ พรรคภูมิใจไม่สามารถเบียดกระแสของก้าวไกล เพื่อไทย และรวมไทยสร้างชาติได้เลย แต่เมื่อผลการเลือกตั้งออกมาแล้ว ก็สามารถพูดได้ว่าพรรคมีการเติบโตขึ้น จากในปี 2554 และ ปี 2562 ได้รับคะแนนเสียงที่ 34 และ 51 ตามลำดับ แต่ในครั้งนี้ ได้รับคะแนนเสียงที่ 70 คะแนน ซึ่งกล่าวได้ว่าเป็นการเติบโตที่น่าสนใจ และไม่ควรมองข้ามเลย ในอนาคตนี่อาจจะเป็นพรรคการเมืองใหญ่ของประเทศก็ได้ ส่วนจะเป็นไปได้ไหม ต้องติดตามดู
7.พรรคเล็กหายไป
ด้วยกฎการเลือกตั้งรอบนี้ ทำให้คะแนนเสียงกระจุกอยู่ที่พรรคใหญ่มาก พรรคขนาดเล็กที่อาจจะมาสร้างสีสรรค์ให้กับการเมืองไทยได้หายไปเยอะ
คิดเห็นอย่างไรกันบ้าง มาวิจารณ์กันได้
ผิดถูกก็ขออภัย และจะรีบแก้ไขให้
ส่วนการจัดตั้งรัฐบาลจะเป็นอย่างไร ก็ต้องมาติดตามกันต่อไป
มาพูดถึงสิ่งที่น่าสนใจในการเลือกตั้งครั้งนี้กันดีกว่า
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า การเลือกตั้งครั้งนี้หักปากกาเซียน การคาดคะเนต่างๆไปอย่างระเนระนาด
ถึงแม้โพลส่วนใหญ่จะคำนวนให้ฝั่งเสรีนิยมประชาธิปไตย ชนะการเลือกตั้ง ซึ่งก็ถือว่าแม่นยำอยู่พอควร
แต่ก็มีหลายสิ่งที่ต่างกันไป ลองมาสรุปและพูดคุยถึงประเด็นดังกล่าวกันดีกว่า
1.เพื่อไทยแพ้เลือกตั้ง
จากประวัติศาสตร์การเลือกตั้งประเทศไทย 20 กว่าปี นับตั้งแต่ทักษิณ ชินวัตร ชนะการเลือกตั้งเมื่อปี 2544 ในนามพรรคไทยรักไทย เรื่อยมาจนถึง เลือกตั้งปี 2562 ในนามพรรคเพื่อไทย (ถือว่าเป็นพรรคข่ายเดียวกันนะ) ไม่เคยแพ้เลือกตั้งเป็นอันดับที่ 1 เลยสักหน จนกระทั่งการเลือกตั้งในปี 2566 ที่พรรคก้าวไกล เป็นพรรคแรกที่สามารถแซงมาเป็นที่ 1 ด้วยคะแนนเสียงนำพรรคเพื่อไทยได้ ด้วยคะแนนล่าสุด 152 ต่อ 141 คะแนน นับเป็นประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของการเมืองไทย เพราะเป็นที่รู้กันว่า ไม่มีใครสามารถล้มพรรคเพื่อไทยได้ จนต้องเกิดรัฐประหารถึง 2 รอบด้วยกัน และคดียุบพรรคอีกหลายหน
2.พรรคก้าวไกลสามารถปักธงที่ภาคใต้ได้
เป็นสิ่งหนึ่งที่เหนือความคาดหมายของคนไทย เนื่องจาก ภาคใต้ นั่นนับว่าเป็นฐานที่มั่นที่แข็งแกร่งของฝ่ายอนุรักษ์นิยม ยากที่จะเจาะได้
แม้ในช่วงจุดพีคของรัฐบาลทักษิณ ในปี 2548 ที่สามารถชนะการเลือกตั้งด้วยคะแนน 377/500 นับได้ว่าสูงมากๆ สามารถจัดตั้งรัฐบาลเดียวที่มีเสถียรภาพ
จนสามารถกล่าวอย่างติดตลกได้เลยว่า ต่อให้ สส พรรคไทยรักไทยหนีไปพักร้อนสัก 100 คน ก็ยังสามารถโหวตกฎหมายต่างๆผ่านได้อย่างสบาย
แต่สิ่งหนึ่งที่ทักษิณไม่สามารถทำได้คือ เจาะภาคใต้ โดยครั้งนั้นเป็นของประชาธิปัตย์ไปแทบทั้งหมด
3.ส้มแลนสไลด์ทั้งกรุงเทพ
ก็เป็นหนึ่งสิ่งที่ค่อนข้างเหนือความคาดหมาย ก็ต้องยอมรับตามตรงว่ากระแสของพรรคก้าวไกลมาแรงจริงๆ ทั้งจากสื่อต่างๆและกระแส แต่ก็อาจจะยังเป็นรองพรรคเพื่อไทยอยู่บ้าง จนมีคำกล่าวว่าเพื่อไทยเป็นพี่ใหญ่ และก้าวไกลเป็นคนรองของฝั่งประชาธิปไตย แต่การที่แลนสไลด์ 32 เขต(นับคะแนนจากปัจจุบัน) ก็ถือได้ว่าน่าสนใจไม่น้อย
4.พรรคลุง คะแนนร่วง
ในครั้งที่แล้วเมื่อเลือกตั้งปี 2562 พรรคพลังประชารัฐของทั้ง 2 ลุง ได้คะแนนเสียงทั้งสิ้น 116 ที่นั่ง เป็นอันดับสองรองจากเพื่อไทย แต่สามารถที่จะจัดตั้งรัฐบาลได้ จากการรวบรวมเสียงต่างๆในสภา ครั้งนี้ ทั้ง 2 ลุงแยกจากกัน ไปตั้งพรรค ที่มีคาแรคเตอร์คล้ายคลึงกัน ผลปรากฎว่าได้ไปกันคนละ 40/36 คะแนน ซึ่งถือว่าน้อยกว่าคราวที่แล้วอยู่พอสมควร
5.พรรคประชาธิปัตย์สูญพันธ์
พรรคประชาธิปัตย์ นับได้ว่าเป็นพรรคการเมืองใหญ่ ที่มีความเก่าแก่ อยู่คู่กับประเทศไทยมานาน และเป็นหนึ่งในตัวแปรสำคัญในการตั้ง หรือ ล้มรัฐบาลในหลายๆ ปีที่ผ่านมา ครั้งนี้ พรรคประชาธิปัตย์ได้ที่นั่งทั้งสิ้น 25 เสียง ซึ่งนับได้ว่าน้อยลงกว่าคราวที่แล้วเท่าตัวนึง ซึ่งเมื่อปี 2562 ได้ที่นั่งไปทั้งสิ้น 53
และในสมัยเลือกตั้งของยิ่งลักษณ์ปี 2554 ได้ที่นั่งไป 159 สื่อให้เห็นว่าพรรคดังกล่าวมีอัตราการถดถอยในระดับเท่าตัว ในทุกๆการเลือกตั้ง และพรรคประชาธิปัตย์ยังไม่ได้รับเลือกจากคนกรุงเทพเลยแม้แต่ที่เดียว
6.ภูมิใจไทยโตขึ้น
เป็นสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจ ต้องยอมรับจริงๆว่าในกระแสของโพล และสื่อ พรรคภูมิใจไม่สามารถเบียดกระแสของก้าวไกล เพื่อไทย และรวมไทยสร้างชาติได้เลย แต่เมื่อผลการเลือกตั้งออกมาแล้ว ก็สามารถพูดได้ว่าพรรคมีการเติบโตขึ้น จากในปี 2554 และ ปี 2562 ได้รับคะแนนเสียงที่ 34 และ 51 ตามลำดับ แต่ในครั้งนี้ ได้รับคะแนนเสียงที่ 70 คะแนน ซึ่งกล่าวได้ว่าเป็นการเติบโตที่น่าสนใจ และไม่ควรมองข้ามเลย ในอนาคตนี่อาจจะเป็นพรรคการเมืองใหญ่ของประเทศก็ได้ ส่วนจะเป็นไปได้ไหม ต้องติดตามดู
7.พรรคเล็กหายไป
ด้วยกฎการเลือกตั้งรอบนี้ ทำให้คะแนนเสียงกระจุกอยู่ที่พรรคใหญ่มาก พรรคขนาดเล็กที่อาจจะมาสร้างสีสรรค์ให้กับการเมืองไทยได้หายไปเยอะ
คิดเห็นอย่างไรกันบ้าง มาวิจารณ์กันได้
ผิดถูกก็ขออภัย และจะรีบแก้ไขให้
ส่วนการจัดตั้งรัฐบาลจะเป็นอย่างไร ก็ต้องมาติดตามกันต่อไป