ถูกกล่าวหา ว่าร่วมกันฉ่อโกง

เรื่องเกิดเมื่อประมานเดือน ก.ค. 58
คือวันนึงน้องชายผมมันจะซื้อบ้านเงินสดในราคา 3ล้านกว่าบาท
โดย จะขอชื่อผมเป็นเจ้าบ้านให้หน่อยเนื่องจากมันติดเครติด
ผมเลยถามว่าทำไมไม่ใช้ชื่อเมียล่ะ มันบอกกลัวเลิกกันแล้ว
ไม่ได้อะไร มันบอกว่าช่วยหน่อยเมื่อลูกมันอายุคบมันจะมาโอนทันที ผมก็เลยเซนให้นะ แล้วให้มันไปจัดการเอาเอง
โดยผมเซนใบมอบอำนาจให้มันไปเนื่องจากผมไม่ค่อยมีเวลา
ต้องทำงาน หลังจากนั้นไม่นาน มันก็ได้เอาฉโนดมาให้ผม นั่นแปลว่ามีการซื้อขายจริง เป็นชื่อหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ผมก็โล่งใจขึ้นมาหน่อย คิดว่าเออ มันไม่ได้เอาเอกสารเราไปกู้หนี้ยืมสินใคร
(แต่ผมก็แจ้งความกันไว้แล้วล่ะครับกันพลาด) กลัวมันจะเอาเอกสารผมไปกู้
แต่แล้วเรื่องที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ประมานช่วงต้นเดือน ต.ค58
มีหมายเรียกมาถึงผม โดยระบุว่า นาง ก. มาแจ้งข้อหาว่า
น้องชายผม เมียมัน แล้วก็ผม ร่วมกันฉ่อโกง นาง ก. เป็นจำนวนเงิน 2.4 ล บาท
ผมตกใจมาก ไม่เคยเจออะไรแบบนี้ ตอนนั้นสติแตกรู้สึกกลัว
กลัวจะติดคุก จึงโทรไปด่าน้องชายว่า ไปโกงเงินใครเขามา มันมีหมายเรียกกูเนี่ย มันก็ยอมรับนะ ว่ามันแอบมีผู้หญิงคนนึง
ซึ่งก็รู้จักกันมาหลายปี(ก็คือ นาง ก. )มีความสัมพันที่ลึกซึ้ง ซึ่งเมียมันก็ไม่รู้ คือทาง นาง ก. ก็ตามใจมันทุกอย่างอยากได้อะไรก็ให้ จนกระทั่ง นาง ก. ให้เงิน 2.4 ล บาท มาปลูกบ้านโดยมีเงินน้องผม ช่วยด้วย ก็เบ็ดเสร็จ ก็ตกประมาน 3 ล.กว่า รวมที่มันต่อเติมด้วย คือทาง นาง ก. ก็ได้เซนเช็คให้ โดยออกให้ในนามของหมู่บ้านนั้น (ซึ่งผมก็พึ่งจะรู้จากปากมันนี่แหละ) หลังจากนั้นผมกับน้องชายและเมียมันก็ได้ไปตามหมายเรียก
โดยได้เจรจากัน ว่า นาง ก. ต้องการเงินคืน 2.4 ล. บาทคืน (แต่เขาไม่มีหลักฐานอะไรเลยว่าน้องชายผมเอาเงินมาจริง)
เพราะเช็คก็ออกไปในนามของชื่อหมู่บ้านซึ่งไม่มีชื่อน้องชายผมเลย 
แต่ด้วยความที่ผมกลัวที่จะต้องขึ้นศาล กลัวที่ว่าน้องชายผมมันจะผิดจริง ผมเลยบอกว่า ก็คืนบ้านเขาไปสิ มันยอกว่าแล้วเงินของมันล่ะ นาง ก. บอกว่าจะให้ ล้าน นึง ซึ่งน้องชายผมก็ไม่ยอม
เพราะบ้านหลีงนั้นก็ใช้เงินมัน ไปล้านกว่า ผมจึงตัดปัญหาที่ว่า
ผมจะใช้หนี้ให้ โดยทำสัญญา 1 ฉบับ ว่า มีเวลา 3 เดือน ในการขายบ้าน แล้วนำเงิน 2.4 ล บาท มาใช้หนี้ นาง ก. โดยกำหนดตั้งแต่ 25 ต.ค 58 ถึง 25 ม.ค. 59 ซึ่งในระหว่างนั้นผมกับน้องชายก็นำบ้านเข้าธนาคาร แต่ธนาคารอนุมัติมาไมถึง เนื่องจากผม ผ่อนบ้านหลังเก่ายังไม่หมด จากนั้นน้องชายก็หาคนมาซื้อบ้านก็ยังไม่ผ่านอีก จนกระทั้ง ครบกำหนด คือวันที่ 25 มค. 59 ผมก็ได้ได้เดินทางไปที่ สน. เพื่อที่จะเจรจากับ นาง ก. แต่ประกด เขาไม่มาในวันนั้น โดยอ้างว่าไม่อยากเจอหน้าน้องชายผม
ผมจึงขึ้นไปหา พนง.สอบสวน เขาก็บอกว่า สัญญาหมดพรุ้งนี้เขาไม่สามารถ ทำอะไรได้ ให้ผมไปคุยกันเอง พอผมโทรหา นาง ก.
เขาก็ไม่รับก็เลยไม่รุ้ว่าเขาจะเอายังไง
พนง.สอบสวนบอกให้ผมมาประทับลายนิ้วมือรับทราบข้อกล่าวหาในวันรุ่งขึ้น
คำถาม คือ 
- ผมต้องไปประทับลายนิ้วมือด้วยหรอ
แล้วไม่ไปผมจะผิดมั้ย ในเมื่อวันคบ สัญญาผมก็ไปตามที่นัดแล้ว
แต่นาง ก. ไม่ยอมมาพบ
- แล้วสรุป น้องผมมันฉ่อโกงจริงหรือป่าว
- แล้วอย่างนี้ถือว่า คดีความหลุดหรือยัง ในเมื่อมันเลยสัญญามาแล้ว
หรือมันไม่เคยมีคดีความเลย
คือผมสงสัยว่า เขาไม่มีหลักฐานเอาผิดน้องชายผม เขาเลยขู่ผมแทน เพราะชื่อในฉโนดคือชื่อผม ผมไม่อยากเดินตามหมากใครอ่ะครับ ผิดก็ต้องว่าไปตามผิด แต่ผมก็ไม่อยากจะขึ้นศาลจริง
พอมีใคร สรุปเรื่องนี้ได้บ้างครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่