ถูกกล่าวหาว่าร่วมกันฉ่อโกงครับ

สวัสดีครับ ผมชื่อ ชล นะครับ
เรื่องที่ผมจะปรึกษาคือ
ผมถูกตั้งข้อกล่าวหาว่าร่วมกันฉ่อโกงครับ
  เรื่องเกิดขึ้นเมื่อประมาณเดือน กค. 58 ครับ
โดยน้องชายของผม มาขอใช้ชื่อผมเพื่อที่จะซื้อบ้านครับ (ซื้อเงินสดนะครับ) โดยอ้างว่า
เมื่อลูกสาวของเขาโตพอที่จะโอนบ้านให้ได้เขาจะมาโอนครับ (น้องชายผมติดเครดิตครับ) ไม่กล้าใช้ชื่อตัวเองครับกลัวธนาคารตามยึด
  แต่...ผมกับน้องชายก็ไม่ค่อยได้เจอกันครับ
นานนๆ ทีจะได้เจอกันที (นานมาก)
แต่ก็พอได้ข่าวบ้าง จากลูกชายผมครับ
ว่าเขากำลังจะเปิดโรงงานเล็กๆเป็นของตัวเอง
ผมเลยไม่ถามเรื่องเงินเขาเลย
แต่...ในใจก็สงสัยนะครับแต่ก็ไม่ได้คิดอะไร
ผมจึงเซนเอกสารพร้อมใบมอบอำนาจให้เขาครับ เนื่องจากว่า ผมทำงานไม่ค่อยมีเวลาเดินเรื่องเท่าไหร
แต่...ผมก็ได้แจ้งความไว้ครับเพราะกลัวว่าเขาจะนำเอกสารผมไปกู้หนี้ยืมสินใครครับ
เลยแจ้งไว้ว่า ใช้สำหรับซื้อขายบ้านครับ
...ปรากฏว่า เขาไปซื้อบ้านจริงครับ ที่หมู่บ้านแห่งหนึ่ง (เงินสดซะด้วย)
เขานำโฉนดมาให้ผมดูครับ ผมโล่งอกมากๆเลย มันได้มีการซื้อขายจริง !
....แต่แล้ว เรื่องที่ผมกลัวก็เกิดขึ้นครับ
ช่วงต้นเดือน ตค. 58 มีหมายเรียกมาครับ
ในหมายระบุว่า ผม น้องชาย และภรรยาน้องชาย
ร่วมกันฉ่อโกง โดยมี นาง ก. เป็นผู้แจ้งข้อกล่าวหา
คือ.. ตอนนั้น ยอมรับว่า ผมตกใจมากๆ
ไม่เคยเจอเรื่องแบบนี้ ไม่เคยคิดครับ สติแตก
คิดว่าน้องชายมันไปโกงเงินใครมาแน่ๆ
เลยโทรหาน้องชายครับ ถามจนได้ความว่า
น้องชายผมสนิทกับผู้หญิงคนนึง มาได้สักระยะ โดยที่ภรรยาของตนไม่ทราบ (จริงมั้ยผมไม่ทราบครับ) จนมีสัมพันที่ลึกซึ่งกัน
จนได้นำเงินของทางฝ่ายหญิงส่วนนึง บวกกับของตัวเองส่วนนึง มารวมกัน เผื่อซื้อบ้านครับ
โดยที่ฝ่ายหญิง เซนเช็คให้ โดยออกเป็นชื่อหมู่บ้านที่ไปซื้อครับ (น้องชายบอกเขาให้ด้วยความเสน่หาครับ) #เขาไม่มีหลักฐาน
  แต่ด้วยความที่ผมไม่ค่อยไว้ใจน้องชายอยู่แล้ว ผมเลยไม่ค่อยเชื่อคำพูดเขาเท่าไหร
ผมกลัวครับ ยอมรับเลย
กลัวจะติดคุก
แต่ผมก็ไปตามหมายเรียกนะครับ
ไปถึงทาง พนง.สอบสวนก็บอกให้คืนโฉนดเขาไปครับเรื่องจะได้จบ
แต่...น้องชายไม่ยอมครับ เขาก็ต้องการเงินส่วนของเขาคืน จนตกลงกันไม่รู้เรื่องครับ
ผมเลย จึงจบลงด้วยการทำสัญญาครับ
โดยสัญญาระบุไว้ว่า
ภายใน 3 เดือน คือวันที่ 30 ตค. 58 ถึง 30 มค. 59
ผมและน้องชาย จะต้องนำเงินจากการขายบ้านมาให้นาง ก. ตามจำนวนที่ได้ระบุไว้ในสัญญา ผม น้องชาย และภรรยาน้อง จึงเซนรับครับ โดยมีพยานของ นาง ก. สองคน เซนเป็นพยานให้ครับ
ซึ่งในระหว่าง 3 เดือน ทางผมก็ได้ นำบ้านไปจำนอง ไม่ผ่านครับ เนื่องจากผมติดผ่อนบ้านหลังเก่าอยู่ ส่วนน้องชายก็หาคนมาซื้อบ้านโดยผ่านธนาคารก็ไม่ผ่านอีก
จนหมดเวลาในสัญญาครับ
พอหมดสัญญา ผมไม่สามารถหาเงินมาให้ นาง ก. ได้ครับ ผมจึงไปที่ สน. ที่รับแจ้งความครับ เพื่อที่จะเจรจากับ นาง ก. แต่ปรากฏนาง ก. ไม่มาพบครับ อ้างว่าไม่อยากเจอน้องชายผม ผมก็พยามติดต่อเขาครับแต่ติดต่อไม่ได้
ทางตำวจเจ้าของคดีบอกว่า
ให้ผมมากับน้องชายวันรุ่งขึ้นครับ
มาประทับลายนิ้วมือ เพื่อรับข้อกล่าวหาครับ
แต่ผมไม่ทราบว่า ข้อหาอะไร
เขาเพียงบอกว่าถ้าไม่มาจะออกหมายจับ
ซึ่งผมก็ไม่ได้ไปครับเนื่องจากลางานไม่ได้
และเมื่อล่าสุด ทางตำรวจโทรมาว่า
กำหนดหมดสัญญา ไม่ใช่วันที่ 30 มค. แต่เป็นวันที่ 10 มค. ผมเลยงงมาก ทางตำรวจแจ้งมาว่าพิมพ์ผิด มันมีพิมผิดกันแบบนี้ด้วยหรอครับ
แล้วผมควรทำอย่างไรดีครับ

คำถามครับ เรื่องทั้งหมดผมผิดมั้ยครับ
ผมควรทำอย่างไรดี
ผมอยากเอาชื่อออกจากโฉนดครับ
หรือ ใครมีคำแนะนำอะไรมั้ยครับ
ก็คงจะไม่อีกกี่วันคงจะมีหมายหมาย
ผมจะต้องเซนอะไร มั้ยครับ หรือจะไม่เซนได้มั้ย
ตอนนี้ ผมทุกข์ใจมากครับ ผมก็คนทำงาน
ไม่คิดว่าจะเจอเรื่องแบบนี้เลย

เรื่องของผมอาจจะยาวนิดนึงนะครับ
แต่ขอขอบพระคุณ ที่อ่านจนจบครับ
ขอบคุณมากๆครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่