ก่อนอื่นขอบอกเลยว่าทริปนี้เราตั้งใจจะไป Count ดาวกันที่ดอยเสมอดาว วันและเวลาของทริปนี้คือ 30 ธ.ค. 58 - 3 ม.ค. 59 (จะ 3 อาทิตย์ละเพิ่งจะมานั่งทำกระทู้!) จริงๆ เห็นว่ามีหลายคนรีวิวดอยเสมอดาวเยอะมาก แต่ละคนรูปก็สวยๆ ทั้งนั้น แต่!!! เราก็อยากรีวิวบ้าง ถึงรูปจะไม่สวยก็เหอะ (ดูเอาไว้ประกอบเนื้อหานะคะ) ถือว่าแบ่งปันประสบการณ์กันเนอะ ^^!
เรื่องของเรื่องก็คือ จิตใจมันร้อนรุ่มอยากออกเที่ยว (ไม่ได้สำเหนียกเวลาว่างของตัวเองเลย) เห็นเขาว่ากันว่า ดอยเสมอดาว จังหวัดน่านนั้นสวยนัก เลยเปิดกระทู้พันทิปดูไปเรื่อยๆ โป๊ะเช๊ะ! สวยจริงอะไรจริง จะรอช้าทำไม ต่อสายหาสหายสายเที่ยวและสายแ_ก แล้วเริ่มปฏิบัติการจองรถและที่พักแบบด่วนๆ !!!
อันดับแรกที่หาก็คือ “ที่พัก” (มีใครหาที่พักก่อนรถไปบ้างไหมคะ? 5555) เรื่องที่พักเราไม่ค่อยห่วงเท่าไหร่ เพราะวางแผนไว้ว่าจะแบกเต๊นท์ขึ้นไปกางนอน Count ดาว ที่ดอยเสมอดาวในคืนสิ้นปี ทีนี้เลยต้องมาหาที่ซุกหัวนอนสำหรับคืนที่ 2 ในตัวเมืองน่าน เราเปิดดูรีวิวหลายกระทู้ เจอมาหลายที่ สุดท้ายไปลงตัวที่ “เฮือนน่านนิทรา” ขอบอกว่าคุณป้าเจ้าของเฮือนใจดีมาก เดี๋ยวจะมาเหลาให้ฟังสั้นๆ นะ ส่วนตอนนี้ไปอ่านเรื่องตอนหารถไปกันดีกว่า
อย่างที่บอกแหละค่ะว่า เรื่องที่พักเราลงตัวเรียบร้อยแล้ว ปัญหามันอยู่ที่ “รถไป” ช่วงสิ้นปีเจ้าไหนก็เต็มหมด เจ้าที่อยากนั่งไปก็ไม่คอนเฟิร์มว่าจะมีรถเสริมให้รึเปล่า ที่นี้ก็เลย

ละ! เอาไงดีวะ เริ่มมองไปถึงตั๋วรถไฟ ทำใจไว้แล้วว่าถ้าไม่ได้รถทัวร์คงต้องนั่งรถไฟไปลงเด่นชัยแล้วต่อรถแน่เลย แต่ก็ยังไม่หมดหวังซะทีเดียวนะ สุดท้ายลองโทรไปที่ บขส. พี่เจ้าหน้าที่ CC ก็บอกว่า “ยังมีรถเสริมรอบ 20:15 น. น้องจะเอาไหมคะ?” แหมมม... พี่ค่ะ เอาสิค่ะพี่ ให้ไวเลยค่ะ จองทีเดียวทั้งไป-กลับ และประโยคสุดท้ายที่ CC บอกมาว่า “จ่ายเงินก่อน 5 ทุ่มวันนี้นะคะ” หึหึ แสยะยิ้มมุมปากแบบเบาๆ พร้อมกับนึกในใจว่า ‘สบายมากค่ะพี่ จ่ายค่าตั๋วบัตรคอนฯ มาจนชินละ’
และแล้วการเดินทางก็มาถึง วันที่ 30 ธันวาคม 2558 เรากับเพื่อนเดินทางไปที่กรมการขนส่งทางบก นั่งรอ หาวรอ ยุงกัดรอ จนในที่สุดรถก็มาตรงเวลา ออกช้านิดหน่อยไม่ทำให้หงุดหงิดแต่อย่างใด ตื่นเต้นดีใจจะได้ลั้ลลาแว้วววววว !
เราออกเดินทางจากกรมการขนส่งทางบกตอนประมาณ สองทุ่มเลยสิบห้านาทีไปนิดหน่อย รู้สึกปลอดภัยดีนะคะ คุณลุงโชเฟอร์ขับเรื่อยๆ ไม่เร็วมาก ไม่ค่อยแซงใครพร่ำเพรื่อ พักรถหนึ่งครั้ง เอาคูปองมาแลกทานข้าวที่จุดพักรถ ล้างหน้าล้างตา แปรงฟันเข้าห้องน้ำแล้วเดินทางต่อ ถึงที่หมาย ณ เวียงสา จังหวัดน่านประมาณ 6 โมงกว่าๆ อากาศหนาวดีค่ะ แต่เราก็ยังชิลๆ ด้วยผ้าพันคอบางๆ หนึ่งผืน (ไม่ใช่อะไร ขี้เกียจหยิบเสื้อกันหนาวในกระเป๋า)
ลงที่เวียงสากันแล้วก็มองหารถ เวียงสา-นาน้อย-นาหมื่น กันเลยค่ะ เพราะว่าเราจะต้องต่อรถกระป๋องสายนี้ไปลงอ. นาน้อยเพื่อหารถขึ้นดอยเสมอดาวอีกที อย่างที่บอกว่ามาครั้งแรก ไม่รู้อะไรก็เลยได้แต่บอกลุงโชเฟอร์รถไปว่า “ลุงคะ หนูจะไปดอยเสมอดาวต้องลงรถที่ไหนคะ?” แล้วลุงก็ตอบมาว่า “ขึ้นรถเลย เดี๋ยวลุงจอดให้สบายใจได้” ทีนี้ก็ได้รถไปนาน้อยละ ดอยเสมอดาวใกล้เข้ามาอีกนิด แต่มันยังไม่จบเท่านี้ค่ะ รถกระป๋องคันนี้อบอุ่นมากนะคะขอบอก เพราะคนแน่นเอี้ยดดด! แถมคุณลุงยังขับรถแบบสโลว์ไลฟ์อีกด้วย แต่ก็ดีค่ะ นั่งมองข้างทาง สัมผัสอากาศเย็นเพลินๆ ปลอดภัยดี ถึงแม้บางทีจะต้องเอาใจช่วยให้เครื่องยนต์วิ่งขึ้นเนินได้บ้างก็ตาม

มาถึงอ. นาน้อยแล้วก็ต้องหารถขึ้นดอยค่ะ ตรงที่คุณลุงส่งให้ลงจะมีรถเหมาขึ้นดอย ระหว่างทางขอบอกว่าอากาศหนาวมากกก! ก่อนขึ้นพี่คนขับก็เรียกแล้วเรียกอีกว่านั่งในแคปกับพี่ก็ได้ ไอ้เราก็ไม่เป็นไรค่ะพี่ อยากสัมผัสอากาศเย็น ในใจคิดว่าถ้ากูผ่านดงฝุ่นที่สังขละมาได้ ที่นี่ก็สบายมาก แล้วยังไงคะ! โต้ลมจนหน้าชาน้ำมูกไหลกันไป ส่วนพี่คนขับรถก็ดีค่ะ พอถึงดอยแล้วก็บอกเราว่าต้องเดินไปติดต่อเจ้าหน้าที่ทางไหน เราก็เดินไปถามเจ้าหน้าที่อุทยานอีกทีหนึ่ง สรุปแล้วคือ เราเอาเต็นท์มากางเองจ่ายค่าธรรมเนียมคนละ 30 บาท
เห็นเนิ่นลิบๆ ตรงนั้นมั้ยคะ นั่นละค่ะ ใครมาถึงก็ต้องเดินไปตรงนั้นกันทุกคน ไม่เหนื่อยหรอกค่ะ แค่หอบ!
เดินค่ะ เดิน! เดิน! เดิน! ขึ้นไปหาที่กางเต็นท์ ตรงไหนว่างก็กางโลด เลือกเอาตามสะดวก เราค่อนข้างโชคดีอยู่อย่างหนึ่งที่ขึ้นมาถึงเช้าประมาณ 8 โมงนิดๆ ยังมีที่ว่างให้เลือกเยอะ ซึ่งระหว่างที่เดินดูที่กันอยู่ เห็นหลายๆ ครอบครัวเอาเต็นท์ใหญ่ๆ มากาง หอมผ้าผ่อน เตาปิ้งย่าง กระทะ ถังแก๊ส ครก สาก และเครื่องทำครัวแบบฟูลออพชั่น แล้วหันกลับมามองที่เต็นท์ของเรา เอิ่ม... เต็นท์เล็กๆ ไม่มีอะไรเลยจ้า 5555 -_-!
สำหรับใครที่ไม่ยากแบกเต็นท์มาให้หนัก ทางอุทยานแห่งชาติศรีน่านเขาก็มีบริการให้เช่าเต็นท์นะคะ เห็นว่ามีเครื่องนอนให้ด้วย ถ้าสนใจก็ลองโทรไปสอบถามกับทางอุทยานดูค่ะ
พอกางเต็นท์เสร็จปุ๊บ อย่างแรกที่ทำไม่ใช่เตรียมของไปอาบน้ำนะคะ เหนื่อยล้าจากการนั่งรถแค่ไหน โป๊ะเมคอัพเข้าไปค่ะ แล้วพุ่งตัวขึ้นไปถ่ายรูปกับผาหัวสิงห์ กับต้นไม้ กับป้าย กับวิว ถ่ายกันจนหนำใจก็ดำริได้ว่ามีผาชู้อีกหนึ่งที่ ไปสิค่ะ รออะไร ตอนแรกก็เดินค่ะ คิดว่าคงไม่ไกลเท่าไหร่ เจอะคนก็ถามอีกว่าไกลมากไหมคะ? พอเดินได้รึเปล่าคะ? เขาก็ชี้ๆ ว่าไปทางนั้น พยักหน้าเป็นเชิงว่าเดินได้ ไอ้เราเดินไปสักพักก็รู้สึกว่ามันไม่ใช่ละ เริ่มจะเดินไม่ไหว สุดท้ายต้องโบกรถคนไทยใจดีไปตามระเบียบ ไปจนถึงหน้าทางเข้าเราก็ขอลงด้วยความเกรงใจ คิดว่าอีกไม่ไกลคงถึง ที่ไหนได้ก็ยังไกลอยู่ดี ไกลไม่เท่าไหร่ แต่มันทั้งขึ้นเนินลงเนิน เอาเป็นว่าเหนื่อยกันจนไม่มีสติถ่ายรูปผาชู้ ไปถึงปุ๊บก็นั่งดูวิว อ่านประวัติ ชมสายเชือกธงชาติที่ยาวที่สุดในไทยแปบๆ ก็ขอโบกรถกลับละค่า -_-!
เนินที่เห็นนี้ตอนนั่งหรือเดินต้องระวังนิดนึงค่ะ เพราะถ้าไม่ระวังอาจลื่นไถลหน้าคะมำกันได้ (ลื่นมาแล้ว - -!) หรือใครไม่ระวังของที่ถือให้ดีมันก็จะร่วงแล้วกลิ้งขลุกๆ ลงไปข้างล่าง เหนื่อยใจจะลงไปเก็บ!
และนี้ก็คือ "ผาหัวสิงห์"
คราวนี้แหละคะ เดินมาเยอะเริ่มรับไม่ไหวกับสภาพตัวเอง เลยตกลงกับเพื่อนว่ารีบไปอาบน้ำกันก่อนดีกว่า เดี๋ยวเย็นๆ คนจะเยอะ แล้วจะหนาวมากกว่านี้ จุดพีคมันอยู่ตรงนี้ค่ะ เพื่อนเราเข้าไปอาบก่อน ออกมาด้วยความสดชื่นและปกติดี แต่พอถึงตาเราเดินเข้าไปอาบบ้าง ..........เซอร์พร้ายยยยยยยยส์...........น้ำไม่ไหลจ้า!!!! แว่วเสียงเจ้าหน้าที่บอกว่าน้ำหมด รอรถมาเติมแปบนึง ไอ้เราทำไงอ่ะ ถอดเสื้อผ้าแล้วอ่ะ บีบยาสระผมแล้วด้วย! รอสักพักน้ำก็มาค่ะ แต่มาเป็นสีน้ำตาล!!! ณ วินาทีนั้นเราตัดสินใจว่าจะไม่ออกเด็ดขาด เรารอจนน้ำมันใสพออาบได้ แล้วรีบสุดๆ ในชีวิต (กลัวมันหยุดไหลอีก) ในใจก็นึกขอโทษคนที่ต่อแถวรออาบน้ำไปด้วยที่เราอยู่ในห้องน้ำนาน ซึ่งจริงๆ แล้วเรื่องห้องน้ำบนเขาบนดอยจะเจอสถานการณ์แบบนี้บ้างเราว่ามันก็เป็นเรื่องธรรมดาค่ะ แต่ที่อยากจะบอกก็คือ ห้องน้ำที่ดอยเสมอดาวถือว่าโอเคเลยนะคะ ไม่ได้เลวร้ายจนเข้าไม่ได้ สะอาดพอสมควรเลยทีเดียว
ไม่มีรูปห้องน้ำ เอารูปลำน้ำมาให้ดูแทนเนาะ
อาบน้ำเสร็จแล้วก็หิวสิคะ ใครที่กะว่าจะมาหากินเอาดาบหน้าไม่ลำบากแน่นอนค่ะ เพราะข้างบนมีขายทุกอย่าง ตั้งแต่โอวัลติน กาแฟ ขนมปัง อาหารตามสั่ง หมูกระทะ ปลาเผา ฯลฯ เลือกฝากท้องกันได้ตามชอบ ส่วนใครที่หอบของสดแล้วกะว่าจะมาปิ้งกินบนดอยแต่ไม่อยากแบกเตา ทางอุทยานเขาก็มีเตาให้เช่านะคะ ลองติดต่อกับเจ้าหน้าที่ดูได้
หิวจริงอะไรจริงค่ะงานนี้!
มื้อเย็นเสร็จสิ้นก็นั่งเล่นนอนเล่นใต้ร่มไม้ เดินดูเต๊นท์นั่นนี่ไปเรื่อย จนกระทั่งฟ้ามืด ดวงดาวค่อยๆ โผล่มาทักทายมากขึ้น มากขึ้น จนเต็มผืนฟ้า ดาวเยอะจริงๆ ค่ะ เยอะแบบมากๆๆๆๆๆๆๆ มองไปทางไหนก็มีแต่ดาว ดาว และดาว คราวนี้ก็หยิบกล้องมาส่องค่ะ ยิงแฟลช ยิงชัตเตอร์รัวๆ ถ่ายไปเป็นร้อยรูป แต่โทษทีค่ะ มือใหม่ ถ่ายไปแล้วเหมือนฝุ่นเกาะเลนส์ ชัดบ้าง เบลอบ้าง ปรับ speed shutter ปรับ iso ปรับ f ถ่ายด้วยมือเปล่า ขาตั้งกล้องอะไร ไม่มี้! พยายามทำตามที่เพื่อนสอนมาก็ยังไม่ได้ จนสุดท้ายแบตหมดเลยเปลี่ยนมาปรับตัวแทน เดินลงไปซื้อมันปิ้ง ไข่ปิ้ง ขึ้นมานั่งกินเคล้าดวงดาว ท้าลมหนาวยามค่ำคืน สัก 5 ทุ่มนิดๆ เริ่มทนหนาวไม่ไหวบวกกับหนังตาจะปิดก็กลับเข้าเต็นท์ ยังคงพยายามถ่างตารอฟังเสียงนักท่องเที่ยวนับถอยหลัง แต่แล้วก็...........เงียบ..............รู้สึกตัวอีกทีตอนตีห้าเพราะเสียงนาฬิกาปลุกและเสียงเต๊นท์ข้างๆ คุยกันค่ะ T^T!!!
นี่เป็นรูปดาวที่คิดว่าดีที่สุดแล้วในบรรดาหลายรูปที่ถ่ายมา T^T! (ก็ไม่รู้ว่ามันดาวหรือว่าฝุ่น)
ตื่นมาตีห้ารีบไปล้างหน้าแปรงฟัน แล้วแบกกล้องขึ้นไปลานดูดาว โอ้โหหห! กำแพงคนค่ะ ทุกคนตื่นแต่เช้ามืดขึ้นมาจับจองพื้นที่ดูทะเลหมอก เราแทรกตัวเล็กๆ เดินเข้าไปพอให้ได้รูปบ้าง พอคนเริ่มเยอะเราก็ถอยทัพค่ะ เปลี่ยนลงไปอยู่ตรงจุดชมวิวที่ถัดจากลานดูดาวลงไปอีกนิด ตรงนั้นคนไม่ค่อยมี ถ่ายรูปได้สวยไม่ติดต้นไม้เท่าไหร่ ปักหลักอยู่ตรงนั้นสักพัก ได้รูปที่พอใจแล้วก็หิวค่ะ ไปสั่งไข่กระทะกับโอวัลตินกิน แล้วเดินไปเก็บเต๊นท์เตรียมลงจากดอยเสมอดาวเข้าเมืองน่าน
รูปนี้ถ่ายจากตรงลานดูดาว ด้วยการพยายามแทรกตัวเล็กๆ เข้าไปในกำแพงคน
รูปนี้ถ่ายจากจุดชมวิวที่ถัดลงมาจากลานดูดาว วันที่เราไปหมอกค่อนข้างน้อยค่ะ ได้ยินแว่วๆ จากเจ้าหน้าที่มาว่าวันนั้นลมค่อนข้างแรง หรืออะไรประมาณนี้ อ่อ! ส่วนใครที่คิดจะใช้โดรนติดกล้อง (เขาเรียกแบบนี้ป่ะคะ?) บินถ่ายวิวทางอุทยานน่าจะห้ามนะคะ เพราะมีคนใช้แล้วเจ้าหน้าที่ประกาศออกไมค์ให้เอาลงเดี๋ยวนั้นเลยค่ะ ต้องระวัง!
จบพาร์ทของบนดอยเสมอดาวแล้ว เรากำลังจะเดินทางเข้าตัวเมืองน่านกันค่ะทุกคน!
[CR] ดอยเสมอดาว @ น่าน ชมไป บ่นไป เที่ยวสไตล์บ้านๆ !!!
เรื่องของเรื่องก็คือ จิตใจมันร้อนรุ่มอยากออกเที่ยว (ไม่ได้สำเหนียกเวลาว่างของตัวเองเลย) เห็นเขาว่ากันว่า ดอยเสมอดาว จังหวัดน่านนั้นสวยนัก เลยเปิดกระทู้พันทิปดูไปเรื่อยๆ โป๊ะเช๊ะ! สวยจริงอะไรจริง จะรอช้าทำไม ต่อสายหาสหายสายเที่ยวและสายแ_ก แล้วเริ่มปฏิบัติการจองรถและที่พักแบบด่วนๆ !!!
อันดับแรกที่หาก็คือ “ที่พัก” (มีใครหาที่พักก่อนรถไปบ้างไหมคะ? 5555) เรื่องที่พักเราไม่ค่อยห่วงเท่าไหร่ เพราะวางแผนไว้ว่าจะแบกเต๊นท์ขึ้นไปกางนอน Count ดาว ที่ดอยเสมอดาวในคืนสิ้นปี ทีนี้เลยต้องมาหาที่ซุกหัวนอนสำหรับคืนที่ 2 ในตัวเมืองน่าน เราเปิดดูรีวิวหลายกระทู้ เจอมาหลายที่ สุดท้ายไปลงตัวที่ “เฮือนน่านนิทรา” ขอบอกว่าคุณป้าเจ้าของเฮือนใจดีมาก เดี๋ยวจะมาเหลาให้ฟังสั้นๆ นะ ส่วนตอนนี้ไปอ่านเรื่องตอนหารถไปกันดีกว่า
อย่างที่บอกแหละค่ะว่า เรื่องที่พักเราลงตัวเรียบร้อยแล้ว ปัญหามันอยู่ที่ “รถไป” ช่วงสิ้นปีเจ้าไหนก็เต็มหมด เจ้าที่อยากนั่งไปก็ไม่คอนเฟิร์มว่าจะมีรถเสริมให้รึเปล่า ที่นี้ก็เลย
และแล้วการเดินทางก็มาถึง วันที่ 30 ธันวาคม 2558 เรากับเพื่อนเดินทางไปที่กรมการขนส่งทางบก นั่งรอ หาวรอ ยุงกัดรอ จนในที่สุดรถก็มาตรงเวลา ออกช้านิดหน่อยไม่ทำให้หงุดหงิดแต่อย่างใด ตื่นเต้นดีใจจะได้ลั้ลลาแว้วววววว !
เราออกเดินทางจากกรมการขนส่งทางบกตอนประมาณ สองทุ่มเลยสิบห้านาทีไปนิดหน่อย รู้สึกปลอดภัยดีนะคะ คุณลุงโชเฟอร์ขับเรื่อยๆ ไม่เร็วมาก ไม่ค่อยแซงใครพร่ำเพรื่อ พักรถหนึ่งครั้ง เอาคูปองมาแลกทานข้าวที่จุดพักรถ ล้างหน้าล้างตา แปรงฟันเข้าห้องน้ำแล้วเดินทางต่อ ถึงที่หมาย ณ เวียงสา จังหวัดน่านประมาณ 6 โมงกว่าๆ อากาศหนาวดีค่ะ แต่เราก็ยังชิลๆ ด้วยผ้าพันคอบางๆ หนึ่งผืน (ไม่ใช่อะไร ขี้เกียจหยิบเสื้อกันหนาวในกระเป๋า)
ลงที่เวียงสากันแล้วก็มองหารถ เวียงสา-นาน้อย-นาหมื่น กันเลยค่ะ เพราะว่าเราจะต้องต่อรถกระป๋องสายนี้ไปลงอ. นาน้อยเพื่อหารถขึ้นดอยเสมอดาวอีกที อย่างที่บอกว่ามาครั้งแรก ไม่รู้อะไรก็เลยได้แต่บอกลุงโชเฟอร์รถไปว่า “ลุงคะ หนูจะไปดอยเสมอดาวต้องลงรถที่ไหนคะ?” แล้วลุงก็ตอบมาว่า “ขึ้นรถเลย เดี๋ยวลุงจอดให้สบายใจได้” ทีนี้ก็ได้รถไปนาน้อยละ ดอยเสมอดาวใกล้เข้ามาอีกนิด แต่มันยังไม่จบเท่านี้ค่ะ รถกระป๋องคันนี้อบอุ่นมากนะคะขอบอก เพราะคนแน่นเอี้ยดดด! แถมคุณลุงยังขับรถแบบสโลว์ไลฟ์อีกด้วย แต่ก็ดีค่ะ นั่งมองข้างทาง สัมผัสอากาศเย็นเพลินๆ ปลอดภัยดี ถึงแม้บางทีจะต้องเอาใจช่วยให้เครื่องยนต์วิ่งขึ้นเนินได้บ้างก็ตาม
มาถึงอ. นาน้อยแล้วก็ต้องหารถขึ้นดอยค่ะ ตรงที่คุณลุงส่งให้ลงจะมีรถเหมาขึ้นดอย ระหว่างทางขอบอกว่าอากาศหนาวมากกก! ก่อนขึ้นพี่คนขับก็เรียกแล้วเรียกอีกว่านั่งในแคปกับพี่ก็ได้ ไอ้เราก็ไม่เป็นไรค่ะพี่ อยากสัมผัสอากาศเย็น ในใจคิดว่าถ้ากูผ่านดงฝุ่นที่สังขละมาได้ ที่นี่ก็สบายมาก แล้วยังไงคะ! โต้ลมจนหน้าชาน้ำมูกไหลกันไป ส่วนพี่คนขับรถก็ดีค่ะ พอถึงดอยแล้วก็บอกเราว่าต้องเดินไปติดต่อเจ้าหน้าที่ทางไหน เราก็เดินไปถามเจ้าหน้าที่อุทยานอีกทีหนึ่ง สรุปแล้วคือ เราเอาเต็นท์มากางเองจ่ายค่าธรรมเนียมคนละ 30 บาท
เดินค่ะ เดิน! เดิน! เดิน! ขึ้นไปหาที่กางเต็นท์ ตรงไหนว่างก็กางโลด เลือกเอาตามสะดวก เราค่อนข้างโชคดีอยู่อย่างหนึ่งที่ขึ้นมาถึงเช้าประมาณ 8 โมงนิดๆ ยังมีที่ว่างให้เลือกเยอะ ซึ่งระหว่างที่เดินดูที่กันอยู่ เห็นหลายๆ ครอบครัวเอาเต็นท์ใหญ่ๆ มากาง หอมผ้าผ่อน เตาปิ้งย่าง กระทะ ถังแก๊ส ครก สาก และเครื่องทำครัวแบบฟูลออพชั่น แล้วหันกลับมามองที่เต็นท์ของเรา เอิ่ม... เต็นท์เล็กๆ ไม่มีอะไรเลยจ้า 5555 -_-!
สำหรับใครที่ไม่ยากแบกเต็นท์มาให้หนัก ทางอุทยานแห่งชาติศรีน่านเขาก็มีบริการให้เช่าเต็นท์นะคะ เห็นว่ามีเครื่องนอนให้ด้วย ถ้าสนใจก็ลองโทรไปสอบถามกับทางอุทยานดูค่ะ
พอกางเต็นท์เสร็จปุ๊บ อย่างแรกที่ทำไม่ใช่เตรียมของไปอาบน้ำนะคะ เหนื่อยล้าจากการนั่งรถแค่ไหน โป๊ะเมคอัพเข้าไปค่ะ แล้วพุ่งตัวขึ้นไปถ่ายรูปกับผาหัวสิงห์ กับต้นไม้ กับป้าย กับวิว ถ่ายกันจนหนำใจก็ดำริได้ว่ามีผาชู้อีกหนึ่งที่ ไปสิค่ะ รออะไร ตอนแรกก็เดินค่ะ คิดว่าคงไม่ไกลเท่าไหร่ เจอะคนก็ถามอีกว่าไกลมากไหมคะ? พอเดินได้รึเปล่าคะ? เขาก็ชี้ๆ ว่าไปทางนั้น พยักหน้าเป็นเชิงว่าเดินได้ ไอ้เราเดินไปสักพักก็รู้สึกว่ามันไม่ใช่ละ เริ่มจะเดินไม่ไหว สุดท้ายต้องโบกรถคนไทยใจดีไปตามระเบียบ ไปจนถึงหน้าทางเข้าเราก็ขอลงด้วยความเกรงใจ คิดว่าอีกไม่ไกลคงถึง ที่ไหนได้ก็ยังไกลอยู่ดี ไกลไม่เท่าไหร่ แต่มันทั้งขึ้นเนินลงเนิน เอาเป็นว่าเหนื่อยกันจนไม่มีสติถ่ายรูปผาชู้ ไปถึงปุ๊บก็นั่งดูวิว อ่านประวัติ ชมสายเชือกธงชาติที่ยาวที่สุดในไทยแปบๆ ก็ขอโบกรถกลับละค่า -_-!
คราวนี้แหละคะ เดินมาเยอะเริ่มรับไม่ไหวกับสภาพตัวเอง เลยตกลงกับเพื่อนว่ารีบไปอาบน้ำกันก่อนดีกว่า เดี๋ยวเย็นๆ คนจะเยอะ แล้วจะหนาวมากกว่านี้ จุดพีคมันอยู่ตรงนี้ค่ะ เพื่อนเราเข้าไปอาบก่อน ออกมาด้วยความสดชื่นและปกติดี แต่พอถึงตาเราเดินเข้าไปอาบบ้าง ..........เซอร์พร้ายยยยยยยยส์...........น้ำไม่ไหลจ้า!!!! แว่วเสียงเจ้าหน้าที่บอกว่าน้ำหมด รอรถมาเติมแปบนึง ไอ้เราทำไงอ่ะ ถอดเสื้อผ้าแล้วอ่ะ บีบยาสระผมแล้วด้วย! รอสักพักน้ำก็มาค่ะ แต่มาเป็นสีน้ำตาล!!! ณ วินาทีนั้นเราตัดสินใจว่าจะไม่ออกเด็ดขาด เรารอจนน้ำมันใสพออาบได้ แล้วรีบสุดๆ ในชีวิต (กลัวมันหยุดไหลอีก) ในใจก็นึกขอโทษคนที่ต่อแถวรออาบน้ำไปด้วยที่เราอยู่ในห้องน้ำนาน ซึ่งจริงๆ แล้วเรื่องห้องน้ำบนเขาบนดอยจะเจอสถานการณ์แบบนี้บ้างเราว่ามันก็เป็นเรื่องธรรมดาค่ะ แต่ที่อยากจะบอกก็คือ ห้องน้ำที่ดอยเสมอดาวถือว่าโอเคเลยนะคะ ไม่ได้เลวร้ายจนเข้าไม่ได้ สะอาดพอสมควรเลยทีเดียว
อาบน้ำเสร็จแล้วก็หิวสิคะ ใครที่กะว่าจะมาหากินเอาดาบหน้าไม่ลำบากแน่นอนค่ะ เพราะข้างบนมีขายทุกอย่าง ตั้งแต่โอวัลติน กาแฟ ขนมปัง อาหารตามสั่ง หมูกระทะ ปลาเผา ฯลฯ เลือกฝากท้องกันได้ตามชอบ ส่วนใครที่หอบของสดแล้วกะว่าจะมาปิ้งกินบนดอยแต่ไม่อยากแบกเตา ทางอุทยานเขาก็มีเตาให้เช่านะคะ ลองติดต่อกับเจ้าหน้าที่ดูได้
มื้อเย็นเสร็จสิ้นก็นั่งเล่นนอนเล่นใต้ร่มไม้ เดินดูเต๊นท์นั่นนี่ไปเรื่อย จนกระทั่งฟ้ามืด ดวงดาวค่อยๆ โผล่มาทักทายมากขึ้น มากขึ้น จนเต็มผืนฟ้า ดาวเยอะจริงๆ ค่ะ เยอะแบบมากๆๆๆๆๆๆๆ มองไปทางไหนก็มีแต่ดาว ดาว และดาว คราวนี้ก็หยิบกล้องมาส่องค่ะ ยิงแฟลช ยิงชัตเตอร์รัวๆ ถ่ายไปเป็นร้อยรูป แต่โทษทีค่ะ มือใหม่ ถ่ายไปแล้วเหมือนฝุ่นเกาะเลนส์ ชัดบ้าง เบลอบ้าง ปรับ speed shutter ปรับ iso ปรับ f ถ่ายด้วยมือเปล่า ขาตั้งกล้องอะไร ไม่มี้! พยายามทำตามที่เพื่อนสอนมาก็ยังไม่ได้ จนสุดท้ายแบตหมดเลยเปลี่ยนมาปรับตัวแทน เดินลงไปซื้อมันปิ้ง ไข่ปิ้ง ขึ้นมานั่งกินเคล้าดวงดาว ท้าลมหนาวยามค่ำคืน สัก 5 ทุ่มนิดๆ เริ่มทนหนาวไม่ไหวบวกกับหนังตาจะปิดก็กลับเข้าเต็นท์ ยังคงพยายามถ่างตารอฟังเสียงนักท่องเที่ยวนับถอยหลัง แต่แล้วก็...........เงียบ..............รู้สึกตัวอีกทีตอนตีห้าเพราะเสียงนาฬิกาปลุกและเสียงเต๊นท์ข้างๆ คุยกันค่ะ T^T!!!
ตื่นมาตีห้ารีบไปล้างหน้าแปรงฟัน แล้วแบกกล้องขึ้นไปลานดูดาว โอ้โหหห! กำแพงคนค่ะ ทุกคนตื่นแต่เช้ามืดขึ้นมาจับจองพื้นที่ดูทะเลหมอก เราแทรกตัวเล็กๆ เดินเข้าไปพอให้ได้รูปบ้าง พอคนเริ่มเยอะเราก็ถอยทัพค่ะ เปลี่ยนลงไปอยู่ตรงจุดชมวิวที่ถัดจากลานดูดาวลงไปอีกนิด ตรงนั้นคนไม่ค่อยมี ถ่ายรูปได้สวยไม่ติดต้นไม้เท่าไหร่ ปักหลักอยู่ตรงนั้นสักพัก ได้รูปที่พอใจแล้วก็หิวค่ะ ไปสั่งไข่กระทะกับโอวัลตินกิน แล้วเดินไปเก็บเต๊นท์เตรียมลงจากดอยเสมอดาวเข้าเมืองน่าน
จบพาร์ทของบนดอยเสมอดาวแล้ว เรากำลังจะเดินทางเข้าตัวเมืองน่านกันค่ะทุกคน!