พิจารณาเอาเอง

เรื่องที่ผมจะถ่ายทอดนี้ เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับตัวผมเอง และอยากบันทึกไว้เพื่อให้ใครสักคนที่ได้อ่าน ได้รับรู้ว่าเรื่องนี้เคยเกิดขึ้น ไม่ได้หวังว่าจะให้ใครเชื่อถือแต่อย่างใด แต่หวังไว้ว่าหากวันหนึ่งลูกสาวของผมโตขึ้น และหากตัวเองไม่ได้อยู่กับเค้าแล้ว ได้มาอ่านและรู้แนวทางที่จะช่วยตัวเองได้บ้าง

เรื่องเริ่มจากวันหนึ่งในสมัยสงครามโลกครั้งที่  2 ผมเป็นหน่วยจารกรรมของทหารหน่วยหนึ่ง มีภาระกิจต้องเข้าพื้นที่ด้วยการโดดร่ม เมื่อผมขึ้นเครื่องไปแล้วโดดร่มลงมาเมื่อถึงที่หมาย ปรากฏว่าร่มไม่กาง ขณะนั้นผมรู้ว่าตัวเองไม่รอดแน่ ขณะที่ร่างกายตกลงอย่างรวดเร็วสติผมก็ดับวูบลงไป

มารู้สึกตัวตื่นขึ้นมาอีกครั้งบนตักแม่ผม  ผมรู้สึกงงมากเกิดอะไรขึ้น ผมถามแม่ว่าที่นี่ที่ไหน แม่บอกว่าบ้านของเราไงลูก ผมยังทำหน้างง แม่พูดต่อว่า นี่แม่เองแม่ของหนูไงลูก ผมถามว่า ผมเป็นใคร แม่ตอบว่า หนูก็...ชื่อเล่นผม...ลูกของแม่ไง
สรุป....ผมเกิดใหม่แล้วขณะนั้นเป็นเด็กชายอายุ 5 ขวบ และที่สำคัญเหมือนตัวผมเองเปิดสวิทช์รับรู้ในวันนั้น เรื่องต่างๆตั้งแต่เกิดจนวันก่อนหน้านั้นผมจำไม่ได้เลย สิ่งที่จำได้คือโดดร่มแล้วร่มไม่กางแล้วกลายเป็นเด็ก 5 ขวบได้ยังไงก็ไม่รู้ ผมก็รับสภาพและใช้ชีวิตเป็นเด็ก 5 ขวบต่อมา จนเลิกสนใจว่า ตัวเองเคยเป็นใครมาก่อน
แต่ต่อมาก็มีบางอย่างมาสะกิดเตือนให้รับรู้อีกว่าเรื่องมันจริง คือเมื่อผมอายุ 7 ขวบ เริ่มเข้าเรียนประถม 1 ที่โรงเรียนอำนวยวงศ์แถวเจริญนคร พอตอนเย็นกลับมาบ้าน ผมก็ทำกิจกรรมทั่วไปแบบเด็กๆ จนเข้านอน
และเมื่อเข้านอนผมรู้สึกได้ว่า ประตูห้องนอนเปิดออกมาได้เอง บ้านผมตอนนั้นมีกัน 4 คน พ่อ แม่ ผม และน้องชาย ขณะนั้นทุกคนนอนอยู่บนเตียง มีผมคนเดียวที่ตื่นอยู่ ปรากฏว่ามีผู้หญิงคนหนึ่ง สวยมากใส่ชุดไทยห่มสไบเดินเข้ามา เธอหันมามองผม ตาดุมาก ผมรู้สึกได้เลยว่าเธอไม่ใช่คน ผมหันไปปลุกพ่อกับแม่ แต่น่าแปลกทั้งที่ผมใช้วิธีทุบบนตัวพ่อกับแม่อย่างแรง ปรากฏว่าไม่มีใครตื่นเลย หันกลับมามองผู้หญิงคนนั้น เธอผมยาวสวยแต่ตาดูไม่เป็นมิตรเลย เธอมองผมแล้วเดินเลาะขอบเตียงไปจนถึงโต๊ะทำงานของพ่อ แล้วหายไป ผมกลัวจนทำอะไรไม่ถูก พอเช้าพ่อแม่ตื่น ผมรีบเล่าให้แม่ฟังว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง แม่หัวเราะแล้วบอกกินมากฝันเลอะเทอะสิแก ผมเลยไม่รู้จะทำยังไงก็อาบน้ำแต่งตัวไปเรียนตามปกติ ที่โรงเรียนตอนพักเที่ยงผมก็ออกไปเล่นกับเพื่อนตามปกติ และอย่างหนึ่งที่โปรดมากคือเล่นกระดานลื่น โดยยืนและสไลด์ลงมา ซึ่งปกติก็เล่นกันแบบนี้ แต่วันนั้นไม่ปกติตรงที่
ขณะที่ผมจะเลื่อนสไลด์ลงมา ผมเห็นผู้หญิงสวยคนเมื่อคืนโผล่พรวดขึ้นมาตรงหน้า ด้วยความตกใจผมจึงเสียหลัก
และล้มกลิ้งลงมาและสลบไป ฟื้นมาอีกทีรุ้สึกระบมไปทั้งตัว ปรากฏว่าแขนตรงเหนือข้อมือหักทั้งสองข้าง และไหล่หักกระดูกหัวไหล่หลุดจากเบ้า
    เมื่อกลับถึงบ้านแม่ตกใจมากรีบพาไปหาหมอ แต่ผมดิ้นมากหมอเลยไม่ได้ใส่เผือกให้ แต่ให้ยามากิน
พอมาถึงบ้านแม่ผมก็ถามว่าไปทำอะไรมาถึงเจ็บขนาดนี้ ผมก็เล่าให้แม่ฟัง แม่ฟังแล้วก็ค่อนข้างตกใจ คราวนี้เหมือนจะเริ่มเชื่อผมแล้วว่าเมื่อคืนผมเห็นจริงๆ แกเลยไปปรึกษาเพื่อนบ้าน ซึ่งเพื่อนบ้านก็อาสาพาไปหาเจ้าพ่อเข้าทรงแถวเจริญนครนั้นเอง พอไปถึงสำนักทรงก็มีเรื่องประหลาดอีก ขณะที่ไปถึงเจ้าพ่อคงกำลังลงทรงอยู่มั้ง
ผมเห็นคนหลายคนนั่งไหว้อยู่และหญิงร่างทรงซึงค่อนข้างอ้วน กำลังนั่งเต้นกระเด้งขึ้นลงอยู่บนแคร่ไม้ พอเห็นเท่านั้น ผมก็ชี้ไปที่เธอและพูดขึ้นว่าหยุดเต้นนะเดี๋ยวเก้าอี้หัก ไม่ทันขาดคำดีแคร่ไม้อันนั้นก็หักโครมลง
ผมเองหัวเราะขำแทบตาย พูดว่าบอกแล้วไม่เชื่อ เจ้าพ่อหรือหญิงร่างทรงเองก็ไม่ทราบชี้หน้าผม บอกใครพาไอ้เด็กคนนี้เข้ามาพามันออกไป มันแรง ..... สรุปเจ้าพ่อก็ช่วยไม่ได้ แม่พาผมกลับบ้านอย่างกลุ้มใจ แต่ก็มีเพื่อนบ้านอีกคนที่รู้เรื่อง และแนะนำให้ไปวัดรวกตรงสุดถนนเจริญนคร แม่ก็เลยพาไปหาพระที่วัดรวก ท่านก็ถามผมว่าเรื่องเป็นยังไง ผมก็เล่าให้ฟัง ท่านถามว่าตอนนี้เจ็บตรงไหนบ้าง ผมก็บอกว่าเจ็บแขนทั้งสองข้าง โดยไม่รุ้ว่าไหล่ก็หลุดจากเบ้า หลวงพ่อก็ให้พระหลายองค์มาช่วยกันสวด โดยสวดไปและใช้มีดสับลงบนไม้ไผ่ไป แต่โยงสายสิญมาที่ตัวผม และให้แม่เอาน้ำมันมนต์มาทาบริเวณที่เจ็บให้ น่าแปลกหลังจากพระสวดเสร็จนานเอาเรื่องเลย ผมไม่เจ็บเหมือนตอนก่อนมาอีกแล้ว และพระท่านได้ทำสิ่งที่ไม่ได้บอกผมกับแม่ให้ด้วย ซึ่งในอนาคตมันมีผลกับชีวิตผมด้วย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่