คำเตือน​จากคนนั้นกลายเป็น​เรื่อง​จริง​ที่ยากจะลืม​เลือน​เพิ่ง​รู้​ว่า​มัน​คือ​จุดเริ่มต้น​ของความหายนะ​ในชีวิต

กระทู้สนทนา
ช่วงอายุ 15 ปีได้ไปเที่ยวบ้านเพื่อนสนิทครอบครัวของเขาเป็นคนดูแลศาลเจ้าพ่อเสือและนั่งร้อยพวงมาลัยให้กับคนที่จะมากราบไหว้เราก็เข้าไปกราบไหว้นั่งเล่นที่ศาลนั้นแป๊บนึงและไปบ้านเพื่อนเดินเข้าซอยไปไม่ลึกเท่าไหร่แถวกรุงเทพฯและช่วงประมาณ 9:00 - 10:00 น ก็เดินออกจากบ้านก็จะไปศาลเจ้าพ่อเสือเดินมากับเพื่อนเห็นว่ามีเสือตัวใหญ่เดินอยู่ข้างทางและเข้าศาลไปแล้วเพื่อนที่เห็นเราหยุดเดินเลยถามว่าหยุดเดินทำไมก็บอกไปว่าเห็นเสือตัวใหญ่เดินข้างทางตอนนี้เข้าศาลไปแล้วพอเดินไปถึงศาลเจ้าพ่อเสือเพื่อนก็เลยให้ซื้อพวงมาลัยไหว้บอกกล่าวว่าจะขออยู่ช่วยดูแลวันหนึ่งเรื่องนี้ก็ผ่านไปไม่มีอะไรและพักค้างคืน​เช้ากลับบ้าน​อายุ 16 ปีได้มีโอกาสไปไหว้ศาลเจ้าพ่อเสือในวัดจำไม่ได้วัดชื่ออะไรลืมไปแล้วเดินเข้าไปหน้าศาลเจ้าพ่อเสือก้มลงกราบมือสั่นปากพยายาม​จะสวดคาถาทำยังไง​ก็สวดไม่ออกเปล่งเสียง​ไม่ได้สวดคาถาไม่ได้มือไม้สั่นตัวสั่นไปหมดพยายามแล้วแต่สวดไม่ได้จริงๆเลยก้มกราบและเดินไปที่ตู้บริจาคกระเบื้องและหยิบดินสอกับกระเบื้องมาเขียนชื่อตัวเองตอนนั้นสังเกตเห็นว่ามีผู้ชายคนหนึ่งมองตั้งแต่เดินเข้ามาผู้ชายคนนั้นมองตลอดก็เดินเล่นไปเรื่อยๆพอถึงเวลากลับผู้ชายคนนั้นวิ่งมาหาที่รถมาเตือนว่าทำอะไรให้ใจเย็นอย่าวู่วามไม่แน่ใจว่าผู้ชายคนนั้นเขาพูดถึงอายุด้วยไหมเพราะตอนนั้นสนใจเรื่องหน้าตาของคนที่มาเตือนคือหล่อมากหน้าตาดีมากๆค่ะเหมือนเขาจะรู้ว่าไม่ได้สนใจคำเตือนแต่เขาก็เตือนซ้ำอยู่ประมาณ 2 รอบหรือ 3 รอบให้ระวังกำลังดวงกำลังจะถึงฆาตเราฟังอยู่กับป้าที่พามาไหว้ป้าเขาบอกว่าคนนี้ที่มาเตือนเขาดูแม่นนะเขาเตือนมาก็ระวังด้วยแล้วขึ้นรถกลับบ้านเหตุการณ์วันนั้นก็ผ่านไปจนเรา
อายุ16ปีย่าง17ปีแต่เราทำงานที่นั่นถึงอายุ​19ปีได้เข้าไปทำโรงงานกล้วยไม้แถวกรุงเทพปัจจุบันยังมีสถานที่นี้อยู่ไม่อยากดีเทลอะไรมากแต่ตอนนี้ไม่ได้ทำแล้วค่ะเรื่องนี้ลังเลมากค่ะว่าจะส่งมาดีไหมใจนึงก็อยากจะส่งเรื่องราวให้ได้อ่านกันอีกใจนึงก็อยากจะให้เรื่องราวที่เคยเจอมันจบไปกับความทรงจำที่เลวร้ายไม่อยากรื้อฟื้นเก็บเรื่องนี้ไว้ประมาณ 11 ปีแล้วค่ะมาวันนี้ตัดสินใจแล้วว่าจะเล่าให้ทุกคนได้อ่านกันอายุ19ปีถัดจากวันเกิดมาได้ประมาณ​หนึ่ง​อาทิตย์​เราโดนมีดแทงที่ท้องหนึ่ง​แผลปล่อยหัวกระแทกพื้น​หนึ่ง​แผลรู้สึก​ว่า​โดน​จับ​แขนขา​แต่เจ็บข้อมือซ้ายคนจับคงไม่ใช่​คนเดียว​กัน​และน่าจะโดนมีดจี้ชิดที่คอทำให้ช่วงนั้นที่ทำงานเหงื่อไคลออกหรือ​อาบน้ำจะแสบมากร่างกาย​ช้ำเจ็บหน้าอกไม่รู้​ว่า​การทำcprใช้​เวลาใน​การ​ยื้อชีวิต​นานแค่ไหนและเราหยุด​หายใจไปหลายรอบแต่ครั้งสุดท้าย​ที่​จำได้คือเรารอดตาย​และสำลัก​เลือดแต่ไม่ได้​กระอัก​เลือด​ออก​มายิ่งกลืนยิ่ง​สำลัก​ในห้องกล้วยไม้นั้นมีแต่กลิ่นคาว​เลือดเราเดาว่าอาจจะ​มี​หมอในนั้นและช่วยเราให้รอดตายเพราะแผลที่ท้องมันถูกเย็บและติดพลาสเตอร์​ไว้แต่​เรามือบอนค่ะแกะมันออกเจ็บแค่ไหนก็แกะมันออกเพราะไฟห้องน้ำตอนนั้น​มัน​น่าจะเสีย​คิดไปด้วยว่าใครมันเอาพลาสเตอร์​อะไร​มาติดว่ะมึนหัว​มากตัวร้อนแต่​ฝืนอาบน้ำจนเสร็จ​เช้าวัน​รุ่งขึ้น​ตื่นไปทำงานต่อ​ใช่ค่ะเรา​ไป​ทำงาน​ได้ในสภาพ​ที่​เอิ่มใก้ลเคียง​กับ​ความตาย​อ่ะวันนั้น​น่าจะ​หัวเราะทั้งวันและมั้งเห็น​อะไร​ก็แบบอยากจะหัวเราะอ่ะไม่รู้​ว่า​เป็นเพราะอะไรถ้าจะ​บ้า55นั่งพิมพ์​และนึกถึง​ช่วง​นั้นก็คิดอยู่นะว่ากูรอดมาได้ไงว่ะโคตร​จะเก่งเลยแล้วนั่งหัวเราะอะไร​ได้​ทั้ง​วันว่ะประสาทกลับแล้วป่ะคือตอนนี้​นั่งคิดแบบ​นี้​ที่เราอยากบอกคือขอบคุณ​คนที่เตือนก่อนหน้าที่จะเกิดเรื่องเราผิดเองที่ไม่ได้สนใจคำเตือน​นั้นขอโทษ​ค่ะและขอบคุณ​นะ​คะ​คนที่ช่วยชีวิต​ขอบคุณ​ที่ทำcprให้ขอบคุณ​ที่เย็บแผลให้และ​ขอบคุณ​นะคะที่ช่วยมอบความอบอุ่น​ให้อ้อม​กอดนั้นอบอุ่น​มากค่ะ^^ส่วนคนที่ทำร้าย​กันความคิด​พิเรน​แบบนั้นเกือบ​พลั้ง​มือคิลเราให้ตายแล้วนะคุณ​คือเจ้ากรรมนายเวร​ในชาติก่อน​เหรอ​ทำไม​ถึง​ทำแบบนั้นกับเราล่ะคุณ​รู้​มั้ยว่า​ความใก้ลตายมันทรมาน​มากนะถ้าผ่านมาเห็นรู้ไว้เลยว่าฉันไม่ให้อภัย​อยู่​กลับ​ความรู้​สึก​นั้น​ไปตลอด​ชีวิต​ซะเถอะ​
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่